"ในนาเองก็มีปลิงอยู่ คนที่ทำในตลอดทั้งปีหลายคนไม่ได้เคยโดนปลิงดูเลือดแค่ครั้งเดียวเสียหน่ยอ""ปลิง? ข้าเองก็เคยเจอมาเหมือนกัน""อืม แล้วก็ คนที่ลงน้ำไปหาหอยเอ่ยจับปลาเอย คนทีว่ายน้ำ เคยเจอมาแล้วทั้งนั้น พวกแมลงที่คอยกัดติดอยู่กับตัวคนไม่ปล่อยน่ะ ดึงออกยากมาก""เรื่องนี้ข้าเคยได้ยิน"พอพูดถึงปลิงที่เจอได้บ่อยๆ พูดถึงแมลงที่เคยได้ยินบ่อยๆ อารมณ์ของเหอเซี่ยนอันก็เหมือนจะสงบลงมากแล้วพวกนี้มันปกติมากตอนเขายังเด็กขึ้นเขาลงเล่นน้ำ ก็เคยถูกปลิงกัดมาแล้ว กัดอยู่บนขาตั้งหลายตัว ดูดเลือดของเขาตัวตัวอ้วนพี แล้วยังจะมุดเข้าไปด้านในอีก"พวกนี้เจ้าที่เป็นชายชาตรีก็กลัวแล้วหรือ?"ของพวกนี้เขาไม่กลัวหรอกฟู่จาวหนิงระหว่างทางก็คิดๆ เมื่อวานนางรู้สึกว่าเรื่องนี้พูดถ้าพูดออกมาจะกลายเป็นเงาในใจเหอเซี่ยนอันไป เช่นนั้นก็เล่าออกมาให้ดูธรรมดาหน่อยแล้วกัน อาจจะขจัดความกลัวไปได้ส่วนหนึ่งแล้วก็ตามคาด พอได้ยินนางพูดถึงสัตว์ปกติอย่างปลิง เหอเซี่ยนอันก็สงบลงมามากพอควร"เจ้านี่ข้าไม่กลัว! ตบทิ้งไปก็พอแล้ว อย่างมากก็เสียเลือดไปหน่อยหนึ่ง""ใช่ไหมล่ะ" ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "ดังนั้นขาของเจ้าเองก็เหมือนกัน ก็
"ความลับอะไรหรือ? ฟังแล้วจะมีภัยหรือเปล่า?"ฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็ไม่ค่อยสนใจนัก แต่พอเห็นสีหน้า "ความลับนี้มันสุดยอดมากเลยนะ" ของเหอเซี่ยนอัน นางก็เลยถามตามน้ำขึ้นมา"ไม่หรอก!""เช่นนั้นก็บอกมาให้ฟังหน่อย"ถึงอย่างไรนางก็ต้องรอให้เวลายาประคบร้อนได้ที่ก่อนจึงจะเอายาออกแล้วพันแผล"พวกเราตอนนั้นไปในภูเขานั่น เพราะได้ยินว่าในนั้นมีแท่นบูชาแปลกประหลาดอยู่แห่งหนึ่ง" เหอเซี่ยนอันกดเสียงต่อจวนผิงเหอกงมีแขกมา ผิงเหอกงจึงไปต้อนรับที่โถงด้านหน้าคุณหนูรองเหอเมื่อวานนี้นอนไม่หลับ จึงรู้สึกทนต่อไม่ไหว เอนหลังพิงเก้าอี้ข้างหน้าสัปหงกไปแล้ว"แท่นบูชา?""ใช่ ท่านเคยได้ยินลัทธิเทพทำลายล้างหรือเปล่า?" เหอเซี่ยนอันยิ่งทำให้ดูลึกลับขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงใจเย็นวาบ"ลัทธิเทพทำลายล้าง?"นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินชื่อลัทธิเทพทำลายล้างจากปากเด็กอย่างเหอเซี่ยนอันแล้วยังบอกว่าความลับนี้จะไม่มีภัยถึงตัวอีก? นี่พูดถึงลัทธิเทพทำลายล้างออกมาแล้วนะ!"ลัทธิเทพทำลายล้างนั่นล่ะ ถ้าท่านไม่เคยได้ยินมาก่อน เช่นนั้นก็ความรู้ตื้นเขินมาก แต่ว่าเห็นแก่ที่ท่านรักษาขาให้ข้า ข้าจะบอกท่านก็แล้วกัน...""ไม่ต้อง ข้าเ
"พวกเขาคือสาวกลัทธิเทพทำลายล้างหรือ?""พวกเขาไม่ใช่ พวกเราแค่ไปที่นั่นจับจิ้งหรีด บอกว่าจิ้งหรีดที่จับจากที่นั่นล้วนดุร้ายเป็นพิเศษ! ตอนที่พวกเขาไปจับจิ้งหรีดไปเจอกับพวกสาวกเทพทำลายล้างเปิดแท่นบูชาพอดี ได้ยินพวกเขาบอกว่าคนพวกนั้นคือลัทธิเทพทำลายล้าง พวกเขาตกอกตกใจ รีบวิ่งฉี่เล็ดหนีออกมา บอกว่าจะไม่ไปจับจิ้งหรีดที่นั่นอีกแล้ว"ฟู่จาวหนิงสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมานางเห็นว่าเหอเซี่ยนอันไม่เหมือนโกหกเลยแม้แต่น้อย"แล้วพวกเจ้าก็เลยไปกันจริงๆ หรือ?""คิดจะไปน่ะ แต่หาสถานที่ยังไม่ทันเจอ ข้าก็ล้มลงมานี่อย่างไร? จากนั้นพวกเขาจู่ๆ ก็หวาดกลัว ถอยหนีไปกันหมด"เหอเซี่ยนอันพูดถึงจุดนี้ก็ถอนหายใจ "หลังจากกลับมาข้าก็ป่วย หลังจากป่วยขาก็เดินไม่ได้แล้ว งานใหญ่ของพวกเราจึงเป็นหมันไป ช่วงนี้พวกพี่น้องของข้าก็ไม่มาหาข้าเลย ก่อนหน้านี้พวกเขายังบอกว่า รอให้ขาข้าหายไม่ไหวแล้ว พวกเขาไปกันเองก่อน นี่มันไม่ยุติธรรมเลย นี่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปกันแล้วหรือยัง...""อันเอ๋อร์!"ผิงเหอกงจู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาฟู่จาวหนิงเห็นสีหน้าเขา ก็รู้สึกว่าน่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว"ตกใจหมด!" เหอเซี่ยนอันถลึงตาใส่บิดา"เจ้า เจ้ารีบพ
เหอเซี่ยนอันถ้าไม่ใช่เพราะขาเจ็บ เขาคงเดินบนเส้นทางพวกเด็กเจ้าสำราญในเมืองหลวงจักรพรรดิไปไกลแล้วก่อนหน้านี้เขาไม่เคยกลัวพ่อของเขา ด่าหนึ่งคำเถียงสิบคำอะไรแบบนั้นเลยไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินมาแต่ไหนแต่ไรแต่ว่าตอนนี้พอถูกพ่อตวาดเสียงดังเช่นนี้ เขาก็สั่นเทิ้มขึ้นมาทั้งตัว"ข้าไม่รู้ ข้าบอกกับพวกเขาว่าอย่าเพิ่งไปกันเลย..."วันนั้นพวกเขาแอบดอดเข้ามาหาเขา เพื่อมาบอกเขาว่า พวกเขาจะเข้าไปดูในภูเขานั่นอีกครั้งเหอเซี่ยนอันตอนนั้นก็โพล่งออกมาคำหนึ่ง ว่าอย่าเพิ่งไป รอให้ขาดีขึ้นก่อนแล้วพวกเราค่อยไปด้วยกัน"พวกเขาบอกว่ารอข้าไม่ไหว บอกว่าขาของข้าจะไม่มีทางดีขึ้นมา ได้ยินพ่อแม่ของพวกเขาคุยกัน บอกว่าขาของข้าไม่มีหมอคนไหนรักษาได้ ชาตินี้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว ให้พวกเขาไม่ต้องมาเล่นกับข้าอีก"เหอเซี่ยนอันพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย "หลังจากข้าได้ยินข้าก็โกรธมาก และเสียใจมาก ข้าไล่พวกเขาออกไป ข้าให้พวกเขาไสหัวไปให้หมด บอกว่าข้าไม่สนใจหรอกที่พวกเขามาหาข้า ไม่สนใจว่าพี่น้องอย่างพวกเขา โฮ! ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรสาปแช่งพวกเขา จนทำให้พวกเขาตายกันหมด?""เจ้าลูกชั่ว!"ผิงเหอกงทนไม่ไหวขึ้นมา โบกมือจะตีไปทางเข
ผิงเหอกงเองก็รีบตะโกนขึ้นมา "เตรียมม้า! เร็ว!"เพียงครู่เดียว ม้าเร็วก็พุ่งทะยาน พุ่งตรงไปยังบ้านตระกูลหลิวเสนาบดีสรรพากรผิงเหอกงชี้ทาง แต่เขาก็ตามความเร็วฟู่จาวหนิงไม่ทัน ทำได้แค่ตามติดอยู่ด้านหลังก่อนออกมาเขาให้คุณหนูรองเหอเรียกคนไปอีกบ้านหนึ่ง แจ้งไปยังบ้านของรองผู้บัญชาการหลินนายท่านหลิวเสนาบดีสรรพากรถือเป็นขุนนางใหม่ที่เพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นมาปีนี้ ก่อนหน้าเขา เสนาบดีสรรพากรคนก่อนถูกเขาปลดออกไปเดิมทีตระกูลหลิวกำลังรุ่งเรืองอยู่ คิดไม่ถึงว่าคุณชายน้อยหลิวจะมาเกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้ทั้งจวนหลิวล้วนปกคลุมด้วยความโศกเศร้าเหล่าคนใช้เริ่มตระเตรียมโคมไฟผ้าขาวกันเงียบๆ ภายใต้การจัดวางของผู้ดูแลแล้วฮูหยินอาวุโสหลิวไม่ชอบความอึกทึก ช่วงเทศกาลอวยพรสารทฤดูนี้จึงเลี่ยงออกจากเมืองหลวง ไปพักผ่อนที่บ้านสวนภายนอกนางรักเอ็นดูหลานคนนี้มากที่สุด ดังนั้นตอนนี้บ้านตระกูลหลิวจึงคิดจะรอฮูหยินอาวุโสหลิวรีบกลับมาจากด้านนอก เพื่อมาดูหน้าหลานเป็นครั้งสุดท้ายคุณชายน้อยหลิวเกาไหลตอนนี้นอนอยู่บนเตียง หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษอันที่จริง คนทั้งหมดล้วนคิดมองว่าเขาตายไปแล้ว แม้ว่าหมอจะส่ายหัวถอนหายใจ บอกว
"เจ้ามาหาเรื่องที่นี่ใช่ไหม!"คนเฝ้าประตูของจวนหลิวพอได้ยินคำพูดฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีทันทีรู้ทั้งรู้ว่าคุณชายบ้านพวกเขาแทบจะไม่มีลมหายใจอยู่แล้ว นี่ยังมาบอกว่าตนเองเป็นหมออีกขนาดหมอยังถอนใจส่ายหัวให้พวกเราเตรียมพิธีหลังจากนี้ และเดินออกไปแล้ว"คุณชาย..."ตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังลอดมารางๆ จากด้านในนายท่านหลิวคนนี้เพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา ยังไม่ทันได้ย้ายบ้านใหม่ บ้านตระกุลหลิวค่อนข้างเล็ก พอลมพัดมาจากทางนั้น จึงนำการเคลื่อนไหวรางๆ ส่งมาด้วยฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสี ไม่หยุดเท้า บุกเข้าไปด้านในทันที"นี่!"คนเฝ้าประตูคิดจะห้าม แต่สืออีกับสือซานก็ดึงเขาเอาไว้"ผิงเหอกงจะมาถึงเดี๋ยวนี้แล้ว!"พูดจบพวกเขาเองก็รีบสาวเท้าตามฟู่จาวหนิงเข้าไปพระชายาของพวกเขาจะช่วยคน พวกเขาต้องคอยคุ้มกันแน่นอน ช่วยเปิดทางให้พวกคนใช้ที่จะเข้ามาขวางฟู่จาวหนิง ล้วนถูกสืออีสือซานผลักออกไป ฟู่จาวหนิงพุ่งตามเสียงเข้าไปผิงเหอกงตอนนี้เพิ่งควบม้ามาถึง หายใจหอบหนัก เขาไล่ตามมาจนแทบหายใจหายคอไม่ทันคิดไม่ถึงว่าทักษะขี่ม้าของหมอเทวดาฟู่จะร้ายกาจขนาดนี้!"อย่า อย่าขวางนาง! หมอ หมอเ
นายท่านหลิวมองผิงเหอกงที่เหงื่อแตกเต็มหัว รู้สึกว่าสมองตนเองใช้การไม่ไหวแล้ว"นางคือหมอเทวดาฟู่ ลูกชายท่านยังมีลมหายใจอยู่ไหม? ให้หมอเทวดาฟู่ลองรักษาดู บางทีอาจจะช่วยเขากลับมาได้!"ผิงเหอกงในที่สุดก็พูดเป็นประโยคได้ ตอนนี้จึงเพิ่งได้พักหายใจหายคอ"ท่านมาแทงมีดกรีดลงที่ใจข้าอีกครั้งใช่ไหม!"นายท่านหลิวปิดหน้าร้องไห้ "เกาหลินลูกข้าตัวเย็นไปแล้ว จะมีลมหายใจอีกได้อย่างไร..."ผิงเหอกงตกตะลึง มองฟู่จาวหนิงทันทีและชั่วพริบตานี้ ฟู่จาวหนิงก็จัดการเลิกเสื้อคุณชายน้อยหลิวออกและฝังเข็มไปนับสิบเข็มแล้วเรียบร้อยการเคลื่อนไหวนี้มัน...รวดเร็วเหลือเกิน!ฟู่จาวหนิงไม่เงยหน้า ท่าทางการลงเข็มก็ไม่หยุดแต่เสียงนั้นมั่นคงมาก"ยังไม่ตาย ข้ากำลังช่วยอย่างสุดกำลัง""ยัง ยังไม่ตาย?"นายท่านหลิวได้ยินประโยคนี้อย่างชัดเจน รีบร้อนปีนตัวขึ้นมา ใช้แขนเสื้อออกแรงเช็ดตา จ้องเขม็งที่ฟู่จาวหนิง"ยังไม่ตาย พวกเข้าถอยออกไปก่อน ที่นี้ห้ามเหลือคนแม้แต่คนเดียว ข้อต้องใช้วิชาลับเฉพาะเพื่อช่วยชีวิต"ฟู่จาวหนิงยังคงไม่เงยหน้าขึ้น หลังจากแทงเข็มลงไปแล้วนางต้องใช้การทุบหน้าอกเพื่อช่วยชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องฉี
ฟู่จาวหนิงไม่สนว่านายท่านหลิวตอนนี้จะคิดอะไรก่อนที่นางจะมาให้เสี่ยวชิ่นกลับไปส่งคำพูดแล้วเรื่องของเด็กพวกนี้ เป็นไปได้มากว่าเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้าง ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นการเคลื่อนไหวของลัทธิเทพทำลายล้างครั้งนี้จึงไม่เล็กเลย เป็นไปได้มากว่าเด็กเหล่านี้ไปเห็นอะไรเข้าดังนั้น จะต้องแจ้งให้เสิ่นเสวียนรู้ ให้พวกเขาเตรียมตัวป้องกันเซียวหลันยวนเองก็ต้องรู้ด้วยเสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนพอได้ยินคำพูดของเสี่ยวชิ่น ก็สบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนออกคำสั่งไปทันที ให้เตรียมการป้องกัน และรีบไปตรวจสอบให้ชัดเจนลัทธิเทพทำลายล้างมีความแค้นกับพวกเขาพวกเขาคิดจะร่วมแรงกันขุดรากถอนโคน"ท่านอ๋อง ท่านจะไปไหนหรือ? พระชายาให้ท่านพักผ่อนดีดี" ชิงอีพอเห็นเซียวหลันยวนเปลี่ยนเสื้อผ้า และยังสวมหน้ากากเข้าไปอีก ใจจึงสั่นกึกขึ้นมา"ข้าไม่ได้ไปจัดการเอง แต่ตอนนี้จำเป็นต้องอยู่ข้างกายจาวหนิง"เซียวหลันยวนเป็นห่วงฟู่จาวหนิงในเมื่อเด็กพวกนั้นเป็นไปได้ว่าถูกคนของลัทธิเทพทำลายล้างสังหาร เช่นนั้นคนของลัทธิเทพทำลายล้างก็อาจจะจับจ้องครอบครัวเหล่านี้อยุ่ คอยสังเกตเด็กพวกนี้ว่าตายไปแล้วหรือยังฟู่จ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ