"ท่านหมอ ท่าน ท่านไม่ต้องสนใจพวกเขา ข้าเชื่อใจท่าน" คุณหนูชุดกระโปรงเขียวมองฟู่จาวหนิง "ข้ารู้สึกดีขึ้นมาแล้วจริงๆ"นางรู้สึกว่าที่ฟู่จาวหนิงกดจุดชีพจรบนมือนางไว้เช่นนี้ ตนเองก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว"ท่านหมอ ข้าจะไม่เป็นไรใช่ไหม?"นางกระทั่งรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นไรแล้วจริงๆ แค่กินแล้วท้องเสียเท่านั้นชายหนุ่มร้านขนมปิ่งตอนนี้ก็ไม่ทำการค้าแล้ว รีบวิ่งตรงเข้ามา จ้องตาแป๋วไปที่ฟู่จาวหนิง "ท่านหมอ แม่นางคนนี้ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ใช่ไหม? ขนมปิ่งของข้าสะอาดจริงๆ มันไม่มีปัญหาจริงๆ นะ!"เขาแทบจะร้องไห้อยู่แล้วคุณหนูชุดกระโปรงเขียวเองก็กัดริมฝีปาก "ข้าไม่โทษเจ้า""จริงหรือ? ขอบคุณคุณหนู ขอบคุณคุณหนูมาก!" เจ้าของร้านขนมปิ่งรีบโค้งตัวให้นางทันทีแต่พอเขาหันกลับไปมองแผงร้านของตนเอง เดิมทีเขายังพอขายได้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีเลยสักคน จินตนาการได้เลยว่าถัดจากนี้เขาไม่ต้องคิดจะขายขนมปิ่งอีกแล้ว"ไม่ได้สิ ท่านหมอ ท่านหมอต้องช่วยข้านะ ดูทีว่าคุณหนูคนนี้เป็นอะไร ไม่เช่นนั้นต่อให้นางไม่ติดใจอะไรกับข้า แต่ข้าจะพูดแต่ปากมันก็ไม่ได้เหมือนกัน"ชายหนุ่มแผงขนมปิ่งเอาแต่คำนับฟู่จาวหนิงไม่หยุด"อย่าเอะอะ อย่า
คุณหนูเจียงสีหน้าเองก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดนางเองก้ได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้"ท่านหมอ"ฟู่จาวหนิงรีบโบกมือ "ไม่ใช่ไม่ใช่ อย่าไปฟังคนปากเหม็นพวกนั้น เจ้าป่วยน่ะ โรคทางเดินอาหาร"นางมองไปยังคนหนุ่มเหล่านั้น ตะคอกใส่ไปหลายคำ "ไปๆๆ! แต่ละคนก็ปากเปราะอย่างกับตัวอะไรดี!"นางชี้ไปทางชายหนุ่มที่พูดเรื่อยเปื่อยขึ้นมาคนแรกสุด "เจ้าน่ะ ปกติดื่มแต่น้ำดิบ แล้วยังไม่ค่อยใส่ใจสุขอนามัยอีกด้วย ตอนนี้ในท้องเจ้ามีพยาธิอยู่เต็มไปหมดแล้ว!""แล้วก็เจ้า ดวงตามีแต่เส้นเลือด ใต้ตาคล้ำเขียว ผิวหนังออกเหลือง ตับของเจ้าย่ำแย่แล้ว!""นั่นใครน่ะ ไม่ต้องหลบ คนที่แบกตะกร้านั่นน่ะ เจ้าเมื่อครู่ที่ยกเท้าเดินเหิน หัวเข่ามีเสียงกรอบแกรบ โรคไขข้อเก่ากำเริบสินะ?"ฟู่จาวหนิงชี้กวาด พูดออกมาจนคนเหล่านั้นถลึงตาดต มีคนที่ตกตะลึงและมีคนที่โกรธเคือง"อืม พอพูดถึงโรคไขข้ออักเสบ อีกสองวันจะมีฝนฤดูใบไม้ร่วงแล้ว หลังจากฝนตกอากาศก็จะเย็นจัดลงมา พรุ่งนี้ข้าจะมาขายยาซางหานที่นี่ พวกเจ้าถ้าหากต้องการ ก็รีบมาให้ไวหน่อย ขายแค่ยี่สิบห่อเท่านั้น"เพราะว่านางขาดตัวยาอยู่"แล้วก็ลูกกลอนไล่พยาธิ พรุ่งนี้จะมาขายก่อนสิบเม็ด คนที่อยากได้ก
พอเห็นคนที่เข้ามา คุณหนูเจียงสีหน้าก็เปลี่ยนไป ป้าหลิวเองก็เข้ามาขวางด้านหน้าคุณหนูเจียงด้วยสัญชาตญาณฟู่จาวหนิงกลับรู้จักคนผู้นี้ชายหนุ่มชุดหรูหูใหญ่อวบอ้วนคนนี้ชื่อว่าหลินเซี่ยงเวย หลินเซี่ยงเวยคือคนที่แอบชอบฟู่เจียวเจียว ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินจึงฟังคำยุยงของฟู่เจียวเจียวให้มากลั่นแกล้งฟู่จาวหนิงบิดาของหลินเซี่ยงเวยเปิดโรงเตี๊ยมไว้หลายแห่งกับโรงจำนำอีกแห่งหนึ่ง ในครอบครัวจึงถือว่ามีกิจการอยู่บ้าง พอเทียบกับคนเหล่านั้นของตระกูลฟู่ คุณค่าฐานะก็สูงกว่าพอควรเลยทีเดียวแต่ฟู่เจียวเจียวก็ยกตนขึ้นสูงเสียเหลือเกิน เอาแค่คอยใช้ประโยชน์หลินเซี่ยงเวยมาโดยตลอด ไม่คิดจะแต่งงานกับเขาเลย"เจียงอวี่เซียง เจ้านี่ก็หนีเก่งเสียจริง ก่อนหน้านี้ข้าอยู่บนโรงเตี๊ยมเรียกเจ้า แต่เจ้ากลับวิ่งหนีหรือ?"ลำบากให้เขาต้องไล่ตามมาทั้งถนนอีก!เจียงอวี่เซียงมองเขา สีหน้าไม่ดีเอามากๆ "คุณชายหลิน ข้าไม่ได้ยินท่านเรียกข้าเลย จะว่าไป ต่อให้ท่านเรียกข้าข้าต้องฟังท่านด้วยหรือ?""เฮอะ! เจ้าก็กล้าเสียเหลือเกิน คิดว่ามีพ่อเป้นมือปราบเล็ก ก็จะมาเถียงข้าได้หรือ? ได้ยินแม่เลี้ยงเจ้าบอกว่า พ่อของเจ้าจะให้เจ้ามาจั
เจียงอวี่เซียงปกติมีปฏิกิริยารวดเร็วฉับไว ถึงอย่างไรนางก็มีมือปราบเป็นบิดา ตั้งแต่เล็กก็เสี้ยมสอนวิทยายุทธ์ง่ายๆ ให้แก่นางแต่ตอนนี้นางป่วยอยู่ เมื่อครู่พออาเจียนเสร็จก็อ่อนแรงมาก ตั้งตัวกลับมาไม่ทัน ดังนั้นฝ่ามือนี้ของหลินเซี่ยงเวยนางจึงหลบไม่พ้น"คิดจะทำอะไร?"แขนข้างหนึ่งของฟู่จาวหนิงคว้าข้อมือหลินเซี่ยงเวยไว้ ส่วนมืออีกข้างก็กดลงไปบนจุดชีพจรที่แขนของเขาหลินเซี่ยงเวยรู้สึกว่าแขนทั้งท่อนของตนเองชาไปในทันที จะยกอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น"ผู้เฒ่าอย่างเจ้า ทำอะไรกับข้ากัน?"หลินเซี่ยงเวยเปลี่ยนมืออีกข้างพัดลงมาทันที ฟู่จาวหนิงก็ทำให้แขนอีกข้างของเขาชาไปด้วยเช่นกันตอนนี้แขนสองข้างของเขาห้อยลงอย่างหมดเรี่ยวแรง พอคู่กับร่างอวบอ้วนของเขา ดูแล้วก็น่าขันเสียเหลือเกินป้าหลิวเองก็ยังหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ฟู่จาวหนิงดึงเจียงอวี่เซียงถอยออกมา นางยังใช้ขาเกี่ยวแผงร้านของตนเองถอยออกมาด้วย ดึงให้ห่างจากหลินเซี่ยงเวยหน่อยถึงอย่างไรตอนนี้หลินเซี่ยงเวยก็ถูกอาเจียนเลอะไปทั้งตัวแล้ว"ผู้เฒ่าอย่างข้าก็แค่กดจุดชีพจรเจ้าลงไปเท่านั้น ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะมีบุญคุณความแค้นอะไรกันมา แต่คุณหนูคนนี้ตอ
เจียงอวี่เซียงพอเห็นบิดานางเริ่มคุมปากไม่อยู่อีกแล้ว จึงร้องเรียกหยุดเขาไว้"เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องพวกนั้นแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวเขา ยังมีพ่ออยู่" มือปราบเจียงยังหันไปขอบคุณอย่างเป็นทางการกับฟู่จาวหนิงด้วย"ท่านหมอหนิงใช่หรือไม่? บุญคุณของท่านข้าสกุลเจียงจดจำไว้ในใจแล้ว"มือปราบเจียงยังร้องเรียกพวกพี่น้องด้านนอกเหล่านั้น "เหล่าพี่น้องเอ๋ยเข้ามารู้จักเสียหน่อย ท่านผู้นี้คือท่านหมอหนิง มีบุญคุณกับเซียงเอ๋อร์ของข้า ดลังจากนี้ท่านหมอหนิงก็เป็นคนของบ้านข้าแล้ว เหล่าพี่น้องที่ลาดตระเวณบนถนนเส้นนี้ก็ช่วยดูแลหน่อยนะ""ขอรับ! หัวหน้า ท่านวางใจเลย หลังจากนี้พวกเราจะคอยคุ้มกันท่านหมอหนิงเอง"มือปราบเหล่านั้นล้วนตอบรับคิกคักกันขึ้นมา ขณะเดียวกันยังทยอยไปพูดกับร้านรวงข้างๆ ด้วยว่า "ห้ามรังแกท่านหมอหนิงนะ"สำหรับคนที่มีอำนาจแล้ว มือปราบเป็นเพียงแค่คนตัวเล็กจ้อยแต่สำหรับร้านรวงต่างๆ แล้ว มือปราบก็เท่ากับตำรวจดีดีนี่เอง พวกเขาล้วนเคารพยำเกรงกันฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดว่าออกมาวางแผงแค่นี้ตนเองจะเจอกับที่พึ่งเล็กๆ เหล่านี้ ยิ้มตาหยีเขียนใบสั่งยาให้กับเจียงอวี่เซียง"ท่านหมอหนิง ท่านช่วยข้าจัดยาเลยเถิด
"ไป ไปเชิญท่านหมอชราคนนั้นมาหน่อย"ตอนอ๋องเจวี้ยนพูดประโยคนี้ เน้นคำว่า "เชิญ" หนักแน่นเป็นพิเศษชิงอีมองหมอชราคนนั้น รู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ถ้าจะพูดว่าพิเศษ ก็น่าจะเป็นอายุอานามขนาดนี้ เป็นหมอก็หาเงินได้ตั้งมากมาย แต่กลับมาตั้งแผงร้านที่นี่หรือ?"ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้" ชิงอีก็รีบเดินไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงโบมือลากับพ่อลูกมือปราบเจียง จากนั้นก็เห็นชิงอีเดินตรงเข้ามาหานางนางมองไปทางรถม้านั่นด้วยสัญชาตญาณนิ่งไว้ อย่าลนลาน"พี่ชายสุดหล่อคนนี้ มีตรงไหนไม่สบายหรือ? มาๆๆ แม้ว่าข้าจะรักษาโรคที่ยากและซับซ้อนโดยเฉพาะ แต่เพื่อเลี้ยงชีพ จะโรคธรรมดาข้าก็ไม่ปฏิเสธ"ชิงอีหน้าดำขึ้นมาจู่ๆ เขาก็คิดถึงคำพูดที่ฟู่จาวหนิงพูดกับเขาในวันแรกที่พบกับตนเองท่านอ๋องจะเชิญคนผู้นี้มา คงไม่ใช่ว่าอาการกำเริบจนต้องรีบหาหมอ แล้วคิดจะลองให้หมอตามแผงมาลองดูว่ารักษาอาการเขาได้หรือไม่หรอกกระมัง?เช่นนั้นเขาก็ลองทดสอบวิชาแพทย์ของหมอชราคนนี้แทนท่านอ๋องก่อนแล้วกันพอคิดถึงจุดนี้ ชิงอีก็หน้าขรึม ยื่นมือออกมา "เช่นนั้นท่านก็ดูให้ข้าหน่อยเถิด"อ๋องเจวี้ยนบนรถม้าพอเห็นท่าทีของชิงอี ก็เอามือกุมหน้าผาก
ประชาชนเหล่านี้เรื่องอื่นล้วนไม่รู้ ถึงอย่างไรสิ่งที่รู้ก็คือเขาไม่เห็นจวนรัฐทายาทเซียวอยู่ในสายตาเลยดังนั้น ประชาชนรอบๆ จึงรีบคุกเข่าลงอย่างลนลานฟู่จาวหนิงมองท่าทีเช่นนี้ของพวกเขา ก็พูดอะไรไม่ออกเล็กๆ"ยังไม่ขึ้นรถหรือ?"เซียวหลันยวนเอ่ยปาก นางจึงรีบปีนขึ้นไปบนรถม้าหลังจากปล่อยม่านรถลงมา เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "ท่าทางการขึ้นรถของท่านผู้เฒ่าดูคล่องแคล่วเสียเหลือเกิน"ฟู่จาวหนิง "ข้าเป็นหมอนะ ให้ความสำคัญกับการบำรุง ร่างกายสุขภาพแข็งแรง""เช่นนั้นหรือ?" เซียวหลันยวนกลั้นหัวเราะ "ท่านหมอสกุลใดหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็ชักงักไปเดิมทีที่บอกกับคนอื่นว่านางสกุลหนิ่งก็เพราะขี้เกียจจะมานั่งแต่งชื่อสกิล ดังนั้นชื่อปลอมของนางเลยตัดสินใจกลับชื่อของตัวเองเสีย กลับมาเป็นหนิงจาวฟู่ซะ แต่ว่าพอมาอยู่กับเซียวหลันยวน นางก็รู้สึกว่าตนเองประมาทเกินไปเสียแล้ว"หนิง"ไหนๆ ก็ปลอมออกมาแล้ว นางเองจะแก้ไขอีกรอบก็กระไรอยู่ในดวงตาเซียวหลันยวนมีรอยยิ้มขึ้นอีกคั้งหนิงหรือ ขี้เกียจขนาดนี้เชียว"ท่านหมอหนิงเมื่อครู่เห็นแผลเป็นของข้าแล้วใช่หรือไม่? รู้สึกอย่างไรบ้าง?"ก็ไม่อะไร น่าเกลียดเสียไม่มีฟู่จา
เซียวหลันยวนไม่ได้พาฟู่จาวหนิงไปที่โถงใหญ่ด้านหน้า แต่พานางมายังห้องอุ่น ด้านนอกมีต้นแปะก๊วยสูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ช่วงนี้ใบแปะก๊วยดกหนา มีเพียงด้านเดียวที่มีสีเขียวแซมเหลืองถึงตอนนั้นถ้าหากทั้งต้นเปลี่ยนเป็นสีเหลือง พอขับเด่นกับห้องอุ่นที่เป็นกระเบื้องแดงละเขียว ก็ไม่รู้ว่าจะงดงามขนาดไหนแต่ว่าเวลานี้ฟู่จาวหนิงก็ไม่มีกะจิตกะใจมาชื่นชมความงามนางมองเซียวหลันยวนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หลังจากนั่งลงก็ให้นางตรวจอาการแบบไม่รีบไม่ร้อน และก็ถามนางว่าทำไมจึงต้องไปตั้งแผง"แน่นอนว่าเพื่อเลี้ยงชีพน่ะสิ ยังจะมีเรื่องอะไรได้อีก?""ท่านหมอหนิงแค่ไปรับป้ายอนุญาตหมอมาชิ้นหนึ่งจากโรงหมอเมตตาก็พอนี่ แค่ถือป้ายอนุญาตหมอก็สามารถไปเป็นหมอในโรงหมอต่างๆ ได้แล้ว ในแคว้นเจา ตัวตนฐานะของหมอก็สูงส่ง ท่านหมอหนิงไม่รู้หรอกหรือ?"โรงหมอเมตตา?ป้ายอนุญาตหมอ?นางไม่รู้เลยจริงๆ!หรือว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่ทุกคนควรรู้?"โรงหมอเมตตาทุกปีจะมีการทดสอบวิชาแพทย์ ทุกปีจะมีสามด่าน หลังจากสอบผ่านผลลัพธ์ก็จะแบ่งเป็นสามระดับ แบ่งเป็นป้ายตราสีม่วงแดงเขียว ระดับของป้ายอนุญาตหมอสามชนิดนี้ล้วนส
คิดไม่ถึงว่าตรงนี้ยังมีเรื่องของนางอยู่ด้วย?"ข้าน้อยพบว่า สินค้ามากมายของนายท่านเจี๋ยเป็นของที่ฮูหยินอู๋คนนั้นให้มา ยิ่งไปกว่านั้น นายท่านเจี๋ยก็ยังฟังคำพูดฮูหยินอู๋มากด้วย ฮูหยินเฉิงคิดว่านายท่านเจี๋ยชอบนางมากจริงๆ แต่อันที่จริงคนที่นายท่านเจี๋ยชอบคือฮูหยินอู๋"เซียวหลันยวนขมวดคิ้วพูดไปพูดมาก็ยังวกอยู่กับความรักของคนสามคนนั้น? สับสนยุ่งเหยิงไปหมดแต่เซียวหลันยวนเองก็รู้ว่าคนผู้นี้พอพูดถึงฮูหยินอู๋แล้ว เรือ่งก็น่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาจึงระงับความรำคาญแล้วฟังต่อไป"นายท่านเจี๋ยมาที่เมืองจื่อซวี เป็นคำสั่งของฮูหยินอู๋ และที่นายท่านเจี่ยเลือกฮูหยินเฉิง ก็เป็นเจตนาของฮูหยินอู๋ด้วย นายท่านเจี่ยให้ข้าไปคัดคน ให้พวกเขาขึ้นยอดเขาโยวชิงหาตัวพระชายามารักษาโรค น้ำเสียงที่บอกกับข้ามาตอนนั้น ก็เหมือนจะเป็นเจตนาของฮูหยินอู๋ด้วย"ฟังถึงจุดนี้ เซียวหลันยวนก็หน้าขรึมลง"ดังนั้น นี่เป็นคำสั่งของตระกูลอู๋รึ?""เรียนท่านอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ข้าน้อยก็ไม่กล้ายืนยัน พูดได้แค่ว่าข้าน้อยได้ยินมาคือแบบนี้ ไม่กล้าปิดบังท่านอ๋อง เพื่อไม่ให้ท่านอ๋องตรวจสอบผิดทิศทาง""ให้เงินประชาชนพวกนั้นไปเท่าไร?""
พอได้ยินว่าหวดแส้ห้าสิบที แล้วยังสาดน้ำเกลืออีก คนติดตามคนนั้นก็พับยวบลงไป"อ๋องเจวี้ยนโปรดไว้ชีวิต ไว้ชีวิตด้วย!""ตี" เซียวหลันยวนไม่มีปราณี พอเห็นว่าไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนอย่างไรก็คิดจะตีลงมาฟาดแสห้าสิบที ชีวิตคงไม่เหลือแน่ๆ"ข้าบอกข้าบอกแล้ว!" คนติดตามตกใจจนน้ำหูน้ำตาไหลชิงอีเห็นเขาก็ร้องหึในลำคอ"ขี้ขลาดแบบนี้ ยังกล้าคิดจะวางแผนทำร้ายพระชายาเราอีก?"ยังคิดว่าจะแข็งกร้าวหน่อย ที่แท้ก็แค่นี้เอง?"ข้าน้อยแต่ก่อนเคยอยู่ที่เมืองหลวงจริงขอรับ เป็นญาติบ้านฝ่ายหญิงฮูหยินรองแห่งจวนตระกูลซ่งในเมืองหลวง"จวนตระกูลซ่ง ตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยายังเป็นท่านหญิง จวนตระกูลซ่งทุกวันก็เต็มไปด้วยรถม้าสัญจรไปมา เป็นตระกูลที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูซ่งอวิ๋นเหยาคิดจะทำร้ายฟู่จาวหนิง นางกับตระกูลซ่งถูกเซียวหลันยวนถอนรากถอนโคน ตอนนี้ในเมืองหลวงไม่มีจวนตระกูลซ่งอยู่อีกแล้วเซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้คิดว่าที่นี่จะมีคนที่เกี่ยวข้องไปถึงจวนตระกูลซ่งอยู่ด้วย"หลังจากจวนตระกูลซ่งเกิดเรื่อง ครอบครัวของเราเองก็ล้วนหดหัวใช้ชีวิตกัน พวกเพื่อนๆที่เคยเรียกกันเป็นพี่น้องของข้าก็ทอดทิ้งข้าไม่สนใจข้า ร้านรวงที่เกี่ยวข้องกับจว
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดอะไรอยู่กันแน่ ทั้งที่พวกนางก่อนหน้านี้ทะเลาะกันใหญ่โตขนาดนั้นแท้ๆ และรู้ว่าหล่อนต้องไม่ชอบนางแน่ แต่ก็ยังวิ่งแจ้นมาโผล่ตรงหน้าเรียกร้องความสนใจอยู่เรื่อยในเมื่อกระทั่งเซียวหลันยวนก็ยังปล่อยวางแล้ว เช่นนั้นก็ควรจะอยู่ห่างจากนางหน่อยถึงจะถูก"นี่ท่าน...""หลบไปเถอะ"ฟู่จาวหนิงผลักนางออกไปข้างๆ เดินผ่านข้างตัวนางไป"ฟู่จาวหนิง!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดจะยื่นมือไปดึงนาง แต่เสี่ยวเยว่ก็เข้ามาขวางแทนฟู่จาวหนิงแล้ว "องค์หญิงใหญ่โปรดสำรวมด้วย"อย่าเอาแต่พัวพันกับคุณหนูของพวกเขาให้ตายสิ แค่เพื่ออ๋องเจวี้ยนคนเดียว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพัวพันคุณหนูของพวกนางนานเกินไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำได้แค่มองฟู่จาวหนิงเดินจากไปนางกัดฟัน เต็มไปด้วยความจนใจและผิดหวังเซียวหลันยวนลงเขาไป เพียงไม่นานก็ตรวจสอบจนเจอคนที่ยุยงคนเหล่านั้นให้ขึ้นไปหาฟู่จาวหนิงบนยอดเขาโยวชิงแม้จะไม่ใช่ฮูหยินเฉิง แต่ก็เกี่ยวข้องกับฮูหยินเฉิงอยู่ระดับหนึ่งหลังจากเจ้าอุทยานเฉินตายไป มีพ่อค้ามั่งคั่งคนหนึ่งนำขบวนพ่อค้าผ่านเมืองจื่อซวี ตนเองก็คิดไม่ถึงว่า จะสามารถทำกำไรอย่างมา
"แต่ที่ข้าเห็นในการทำนายดารา ถ้าหากข้ายังอยู่กับอ๋องเจวี้ยน สุด้ายข้าก็ถูกท่านฆ่าตายอยู่ดี! ท่านรู้ไหมว่าทำไมท่านถึงมาฆ่าข้า? เพราะท่านกับอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้วยกันตลอด หลังจากนี้ก็จะเจอความยากลำบากครั้งใหญ่ด้วยกัน เรื่องเหล่านั้นจะกดดันตัวท่าน ทำให้ท่านพังทลาย ตอนนั้นท่านก็บิดเบี้ยวไปหมดแล้ว เอาแต่จะเกาะเขาไว้ไม่ยอมปล่อย หญิงสาวทั้งหมดที่เข้าใกล้อ๋องเจวี้ยน ท่านล้วนเกลียดชัง ล้วนคิดจะฆ่าทิ้งให้หมด!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลัวฟู่จาวหนิงไม่ฟัง ดังนั้นจึงพูดออกมาอย่างรวดเร็วและร้อนรนนางยื่นมือจะจับแขนฟู่จาวหนิง แต่ก็ถูกฟู่จาวหนิงเบี่ยงออก"จริงนะ แม้ข้าจะถูกเจ้าฆ่าตายไปแล้ว แต่สุดท้ายสภาพเจ้าแบบนั้นก็น่ากลัวมาก! เจ้าเปลี่ยนไปหมด เหมือนนางปีศาจไม่มีผิด ไม่ใช่หมอเทวดาที่ผู้คนยกย่องอีกแล้ว ไหนๆ ก็รู้จักกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็ล้วนเป็นหญิงสาว ท่านเองก็ยังเคยรักษาโรคของข้ามาแล้ว ข้าไม่อยากเห็นท่านกลายเป็นแบบนั้นในตอนท้ายเลยจริงๆ!""ถึงตอนนั้น อ๋องเจวี้ยนก็จะรังเกียจท่าน ไม่ดีกับท่านอีกแล้ว สุดท้ายพวกท่านก็จะเกลียดชังกัน ข้าไม่เห็นว่าตอนสุดท้ายพวกท่านเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายท่านก็สู้เขาไม่ได
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม