เขาขนาดเกิดความคิดกบฏขึ้นแล้วด้วยซ้ำ คนอื่นยิ่งพูดว่าตระกูลเสิ่นดี เขาก็ยิ่งอยากจะทำลายตระกูลเสิ่นหลายปีนี้เขาคอยสะกดตระกูลเสิ่นเอาไว้ตลอด แต่ตระกูลเสิ่นในช่วงเวลาสำคัญก็มักจะเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี เขาเองก็ทำได้แค่ค่อยๆ ไปเป็นขั้นเป็นตอน จัดคนบางส่วนให้ไปแต่งงานดองญาติกับตระกูลเสิ่น คนเหล่านั้นก็ล้วนถูกเขาส่งคนไปล้างสมองก่อนทั้งสิ้น หลังจากกลายเป็นคนตระกูลเสิ่นนานวันเข้าก็คิดจะฉีกความสามัคคีของตระกูลเสิ่นออกจากกันตอนนี้เองก็เริ่มเห็นผลแล้วตอนนี้ถ้าเขายังดึงฟู่จาวหนิงมาอยู่ข้างกายได้อีก เช่นนั้นฟู่จาวหนิงก็น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง"ให้คนไปตรวจสอบอย่างละเอียด ตรวจสอบความสัมพันธ์ของฟู่จาวหนิงกับเสิ่นเสวียนอย่างละเอียด จากนั้นก็๖รวจสอบว่านางกับอ๋องเจวี้ยนมีความรู้สึกอย่างไรต่อกัน"ถ้ารู้ว่าความสัมพันธ์สามีภรรยาของอ๋องเจวี้ยนเป็นอย่างไร เขาจึงสามารถวางแผ่นขั้นต่อไปได้"ขอรับ""ฝ่าบาท แล้วเรื่องงานอภิเษกขององค์หญิงใหญ่ล่ะ?" ขุนนางบางส่วนถามเรื่องนี้ขึ้นมาอีกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอายุสิบแปดปีแล้วแม่นางที่อายุสิบแปด ก็ไม่ควรจะต้องมาอยู่ในวังหลังอีกจริงๆ จะถูกคนอื่นเอาไปพูดกันต่างๆ
ซือถูไป๋ตกตะลึงไปแล้วแต่เขาก็เข้าใจขึ้นมาได้ทันทีฟู่จาวหนิงน่าจะเจอกับหมอเจี่ยแล้ว และเห็นเอ็นมังกรหยกแล้วด้วยไม่รู้ว่านางใช้วิธีการไหน จึงทำให้หมอเจี่ยมอบเอ็นมังกรหยกให้นางแต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาตอนนี้ก็เสียโอกาสที่จะเอาวัตถุดิบยานี้ให้ฟู่จาวหนิงไปแล้วเหมือนจะช้าไปก้าวหนึ่งหรือนี่จะเป็นวาสนาที่มักจะคลาดกันอยู่ตลอดของพวกเขา? ซือถูไป๋รู้สึกขมขื่นในใจ"นี่ เจ้าเด็กน้อย ข้าได้ยินว่าตาแก่หน้าด้านของบ้านเจ้าจะเบีบให้เจ้าเป็นราชบุตรเขยหรือ เจ้ายังไม่รีบไปทำคะแนนต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอีก?"ผู้อาวุโสจี้มองสภาพซือถูไป๋ แล้วก็อดกระทุ้งขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้ดูเหมือนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก่อนหน้านี้ก็ให้ความสำคัญกับเขาอยู่นะ ยังดูมีโอกาสอยู่ในสมองซือถูไป๋ปรากฏใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ไม่นานก็ถูกใบหน้าฟู่จาวหนิงเข้ามาทับแทนที่ เขาปวดใจเหลือเกินถ้าหากเจอกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก่อน บางทีอาจจะอยู่ในใจเขาไปแล้วแต่ความรักบนโลกมนุษย์ทำไมถึงไม่อยู่ในการควบคุมแบบนี้กัน? หลายวันนี้เขาหาฟู่จาวหนิงไม่เจอ รู้สึกแต่ว่าโลกใบนี้มันว่างเปล่าเสียเหลือเกิน"ผู้อาวุโสจี้" เขาขวางผู้อาวุโสจี้
"เรื่องลุงคนโตของเจ้า ข้าจะจับตาไว้ให้ เจ้าเองก็ยุ่งมากพอแล้ว ฟังลุงเถอะ ออกจากต้าชื่อไปก่อนดีกว่า"เซียวหลันยวนเดินเข้ามา กุมมือฟู่จาวหนิงไว้"หนิงหนิง พวกเราไปสมาคมหมอใหญ่เถอะ"เดิมทีฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าไม่ต้องไปไวนัก แต่ว่าตอนนี้เสิ่นเสวียนวิเคราะห์ให้นางออกไปแล้ว นางก็ทำได้แค่ต้องเชื่อฟัง"เช่นนั้นพวกเขา..."ฟู่จาวหนิงมองไปทางด้านที่พวกฟู่จิ้นเชินอยู่เซียวหลันยวนพูดต่อมาให้ "พวกเขารออีกสามวันได้ หลังจากร่างกายดีขึ้นค่อยออกเดินทาง ข้าทิ้งองครักษ์เงามังกรไว้แล้ว ถึงตอนนั้นจะส่งพวกเขากลับเมืองหลวงแคว้นเจาเอง"แม้ว่าเขาจะเชื่อว่าการวางยาครั้งนั้นไม่เกี่ยวขอ้งกับเสิ่นเชี่ยว แต่ก็ยังไม่อยากร่วมเดินทางกับพวกเขานั่นเป็นพ่อตาแม่ยายเลยนะ ถ้าตลอดทางเอาแต่มาใช้สายตาที่ยากจะอธิบายจ้องมองเขา เขาจะใกล้ชิดกับจาวหนิงอย่างไรกัน?แล้วเขาเองก็ไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงคอยดูแลพวกเขาไปตลอดทางด้วยพวกเขาเองก็ไม่เคยเลี้ยงดูนางมาเลยสักวัน ตอนนี้ถือดีอย่างไรให้นางมาคอยดูแลตลอดทาง? เขาเป็นห่วงว่านางเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว"การจัดวางของหลันยวนใช้ได้" เสิ่นเสวียนเองก็เอ่ยขึ้น "ตากับยายของเจ้าก็มาเมืองหลวงจั
"ท่านพ่อ พี่หญิงฟู่บอกว่า เสิ่นเสวียนคือลุงของนาง" เหอเซียนอันจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นกับผิงเหอกงผิงเหอกงใจเต้นขึ้นมา"ไม่ใช่แค่เรียกกันเพราะสนิทหรอกหรือ?""ไม่ใช่ นางบอกกับข้าอย่างตั้งใจเลย เสิ่นเสวียนคือลุงของนาง"เหอเซี่ยนอันพูด หยิบหนังสือเล่มหนึ่งในมือออกมา กลยุทธ์ทางการทหาร ก่อนที่ฟู่จาวหนิงจะออกไปยังพูดคำพูดมาส่วนหนึ่ง ถ้าแต่ก่อนคนอื่นมาพูดอะไรเขาก็ฟังไม่เข้าหูทั้งนั้น แต่ไม่รู้ทำไมสิ่งที่ฟู่จาวหนิงบอกกับเขา เขาฟังเข้าไปจนหมด"นางทำไมถึงมาพูดกับเจ้าเรื่องนี้กัน?" ผิงเหอกงดวงตามีความสงสัยเหอเซี่ยนอันเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง ร้องเฮอะขึ้นมา "ท่านอย่าคิดมากเลย ก็แค่ข้าไปถามนางเองเท่านั้น ตอนนั้นข้าพูดกับนาง ว่าแม่ข้าเป็นองค์หญิงใหญ่ พี่สาวขององค์จักรพรรดิ ถ้านางอยากจะอยู่ในต้าชื่อข้าช่วยนางได้ แล้วจะเปิดโรงหมอที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงจักรพรรดิให้ หลังจากนี้กระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังจะกลายเป็นภูเขาที่พึ่งพาสำหรับนาง จะไม่มีใครมาหาเรื่องให้นางต้องลำบากใจ"ผิงเหอกง:แม่ของเจ้าคงได้ขอบคุณเจ้าแน่!เจ้าเด็กโง่คนนี้ องค์จักรพรรดิยังแสดงความเคารพต่อแม่ของเขาที่เป็นพี่สาวคนโตอย่างผิวเผินเท่านั้น เ
รองผู้บัญชาการหลินกับนายท่านหลิวพอเจอหน้ากันก็พูดเรื่องนี้ แต่ว่าพวกเขาสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนก็มองออกถึงความหมายของอีกฝ่ายทันที"ข้าไม่สนใจตัวตนฐานะนาง สรปคือ นางช่วยเหลือลูกชายพวกเราไว้ ก็ต้องยอมรับบุญคุณของนาง""ยิ่งไปกว่านั้นก็ดูด้วยว่าตระกูลเสิ่นต้องการอะไรบ้าง ถึงเวลาก็เข้าไปช่วยเหลือแล้วกัน""ข้าบอกกับพวกพี่เขยน้องสะใภ้เหล่านั้นแล้ว ว่าให้คอยแอบช่วยเหลือบ้านตระกูลเสิ่นด้วย""อืม ข้าทางนี้ก็เตรียมตัวด้วยเหมือนกัน หมอเทวดาฟู่จะออกจากต้าชื่อ แตว่าในเมื่อเรียกเสิ่นเสวียนว่าลุง พวกเราก็ต้องช่วย"ตอนที่องค์จักรพรรดิส่งคนออกตามหาเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิง คนเหล่านี้ล้วนลอบลงมือ จึงโยนระเบิดควันมาหลายลูก เรียกความสนใจพวกทหารทางการออกไปได้พอดี ยืดเวลาปิดประตูเมืองไปได้หน่อย ดังนั้นจึงทำให้ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนออกจากเมืองไปได้ทันทหารทางการที่องค์จักรพรรดิส่งมาค้นเมืองหลวงจักรพรรดิอยู่จนแทบจะทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่พบตัวอ๋องเจวี้ยน กระทั่งหมอเทวดาฟู่ที่เพิ่งจะถูกเปิดโปงตัวตนฐานะว่าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ยังหาไม่พบสองวันต่อมาถึงมีข่าวยืนยัน แจ้งว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ย
ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจู่ๆ ก็จะถามเช่นนี้"ใช่ไหม?"เซียวหลันยวนเห็นนางไม่ตอบ จึงถามมาอีกครั้ง"ใช่สิ"ฟู่จาวหนิงมองเขาเหมือนจะใส่ใจกับคำตอบนี้มาก จึงพยักหน้าให้อย่างจริงใจนางยังไม่เคยเห็นหน้าตาของเซียวหลันยวนตอนที่สมบูรณ์เลย แต่ตอนนี้เหลืออยู่แค่แผลเป็นพิษเล็กๆ เท่านั้น หลักๆ คือมองออกแล้วเขามีคิ้วเข้ม สั่นจมูกโด่งราวมีด ริมฝีปากสวยงาม ใบหน้าเรียบเนียนคมชัด ดวงตาลึกซึ้ง ราวกับฟ้าราตรีประดับด้วยแสงดาวใบหน้าเซียวหลันยวนนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ยิ่งไปกว่นั้นยังเป็นแบบที่นางชอบด้วยรูปตาจมูกริมฝีปากของเขา และยังคางที่ทั้งแข็งแกร่งอ่อนโยนนั่นก็ตรงกับเสปกของนางพอดี เป็นแบบที่นางชอบมากที่สุดฟู่จาวหนิงกระทั่งรู้สึกว่า ตนเองตอนแรกแม้จะไปขอแต่งงานกับเขาเพราะตัวตนฐานะ แต่ต่อมาก็ยืนหยัดได้เพราะหน้าตาของเขาจริงๆไม่เช่นนั้นพวกเขาที่ยังมีความสัมพันธ์แบบคู่แค้นเช่นนี้ นางคงจะหาวิธีการปลีกตัวออกจากเขานานแล้วถึงจะถูก"ท่านเป็นแบบที่ข้าชอบมากที่สุด"เซียวหลันยวนมองนางนิ่ง แสงดาวในดวงตาราวกับทำให้ใจของคนอุ่นวาบขึ้นมาฟู่จาวหนิงแทบจะจมลงไปในดวงตาของเขาแต่นางชะงักไปครู่หนึ่ง ทำตัว
เซียวหลันยวนรู้สึกจำใจเหลือเกินวันคืนเหล่านั้นในเมืองหลวงจักรพรรดิ วันไหนบ้างที่นางไม่ยุ่งจนเท้าแทบไม่แตะพื้น? ในสถานการณ์เช่นนั้นเขาจะไปทรมานนางอีกได้อย่างไร?หลังจากออกจากเมืองหลวง เขาก็พบปัญหานี้อีก พวกเขาต้องอยู่บนเส้นทางตลอดต่อให้ไปถึงเมืองจี้ ก็ญังต้องพักในโรงเตี๊ยมครั้งแรกของเขากับจาวหนิง ต้องไม่ใช่แบบนี้"ท่านอาจารย์บอกว่า ที่เมืองจี้มีสาขาของพันธมิตรโอสถใต้หล้า ถึงตอนนั้นพกวเราไปพักที่พันธมิตรโอสถได้"ฟู่จาวหนิงมองเขา ในดวงตาเผยประกายยิ้ม"นั่นก็ยังเป็นสถานที่ของคนอื่น ไม่สะดวกเอาเสียเลย แล้วยังไม่ยุติธรรมกับเจ้าด้วย"เซียวหลันยวนอยากให้ครั้งแรกของพวกเขาอยู่ที่บ้านตนเอง อยู่บนเตียงไม้ที่กว้างหน่อย บนผ้าห่มสีแดง มีเทียนแดงมงคลไม่มีคนมารบกวน สามารถหวานชื่นกันได้อย่างสุดอารมณ์นิสัยประหลาดนี้ของเขา ฟู่จาวหนิงก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว"เช่นนั้นท่านก็ทนเอาหน่อยแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงผละออกจากตัวเขานั่งขึ้นมา หยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดมือเซียวหลันยวนเข้ามาหา จูบลงไปที่ต้นคอของนางระหว่างทั้งสองคนพอไม่มีเรื่องที่เสิ่นเชี่ยววางยาในครั้งนั้น ความสัมพันธ์ก็ใกล้ชิดกันมากขึ้นพอควร ก่อนหน
"ศิษย์พี่รองของเจ้าไม่ติดใจหรอก" ผู้อาวุโสจี้โบกไม้โบกมือไม่ใส่ใจต่งฮ่วนจือหัวเราะขึ้นมา คารวะให้กับฟู่จาวหนิง ดูแล้วก็ไม่ได้ติดใจอะไรจริงๆ"ศิษย์น้องหญิง ได้ยินคำเล่าลือมาตลอด เพิ่งได้มาพบหน้ากัน ท่านอาจารย์ปีที่แล้วเขียนจดหมายหาพวกเรา บนจดหมายมีแต่คำชมตัวเจ้า วันนี้พอได้เห็น ก็รู้สึกว่าท่านอาจารย์ไม่ได้พูดเกินจริงเลย""คารวะศิษย์พี่รอง ข้าเองก็ยังรู้จักวัตถุดิบยาไม่เยอะเท่าไรนัก ช่วงนี้คงต้องศึกษาจากศิษย์พี่รองให้มาก ถึงตอนนั้นศิษย์พี่รองอย่าได้รำคาญตัวข้าเลย"ฟู่จาวหนิงไม่พูดถึงวิชาแพทย์ของนาง วิชาแพทย์ของนางถือว่าไม่เลวนักแต่ถ้าพูดถึงวัตถุดิบยา นางยังไม่รู้จักอีกมากจริงๆถึงอย่างไรตอนนี้ก็มีวัตถุดิบยามากมายที่ในยุคสมัยนั้นของนางไม่มีทางได้พบเห็น"เจ้าถามเขาเอาก็พอ"ผู้อาวุโสจี้ยื่นมือมาตบไหล่ต่งฮ่วนจือ"ใช่ ศิษย์น้องหญิงมาถามข้าได้ตลอดเลยนะ ข้าจะตอบให้ทุกอย่างที่ข้ารู้""เอาล่ะเอาล่ะ พวกเขาเดินทางมาเหนื่อยแล้ว ให้พวกเขาไปพักผ่อนกันก่อน"ต่งฮ่วนจือมองไปทางเซียวหลันยวนที่ตามอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิงมาตลอดเซียวหลันยวนสวมหน้ากากอยู่"อ๋องเจวี้ยน?"หืม?ฟู่จาวหนิงมองต่งฮ่
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ