แชร์

บทที่ 12

ผู้เขียน: จุ้ยหลิงซู
ผู้ดูแลตะลึงงันไปแล้ว

คืนพิธีแต่งงานใหญ่ ฟ้าก็มืดแล้ว แต่เจ้าสาวกลับจะกลับบ้านหรือ?

"พระชายา เรื่องนี้ไม่เหมาะสม ถ้าท่านอยากจะกลับไป สามวันจากนี้คือวันที่จะได้กลับ"

"รอไม่ได้"

ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกใจเต้นอย่างรุนแรง และไม่มีเวลามาอธิบายกับเขาให้มากความ หันหน้าไปทางหงจั๋วกับเฝิ่นซิง "คอกม้าอยู่ทางไหน?"

สองสาวใช้แม้จะไม่เข้าใจว่านางกำลังจะทำอะไร แต่พอได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของนาง จึงชี้ทิศทางไปด้วยสัญชาตญาณ

"อยู่ทางนั้น"

ฟู่จาวหนิงยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งตรงไปทางนั้นทันที

"พระชายา พระชายา"

เฝิ่นซิงกับหงจั๋วตกใจ รีบร้อนยกขาวิ่งตามนางไป

ผู้ดูแลพอได้สติกลับมา ก็รีบร้อนสั่งการกับทหาร "พวกเจ้าไปรายงานท่านอ๋อง"

ตัวเขาเองก็ไล่ตามฟู่จาวหนิงออกไป

นี่จะทำอะไรกัน?

ฟู่จาวหนิงวิ่งเร็วมาก แต่จวนอ๋องเองก็ใหญ่เสียเหลือเกิน จนนางวิ่งมาถึงคอกม้า ฟ้าก็ดำขึ้นไปอีก คนใช้ที่ดูแลคอกม้าก็ถูกนางทำให้ตกใจสะดุ้งโหยง

"เจ้า"

"ขอยืมม้าหนึ่งตัว!"

หัวใจที่เต้นของฟู่จาวหนิงตอนนี้ยิ่งแรงขึ้นไปอีก และไม่สนใจเขา สายตากวาดไปยังม้าสีแดงตัวหนึ่งในนั้น พุ่งตัวเข้าไป ปลดเชือกจูงออก

คนใช้หน้าเปลี่ยนสี ตกตะลึงร้องขึ้นมา

"อย่าแตะต้องม้าตัวนั้น! นั่นเป็นม้าคะนองที่ยังไม่เชื่องนะ!"

ถ้าไม่ระวังจะโดนเตะตายเอา!

ม้าตัวนี้หลังจากพากลับมาก็ยังไม่ทันทำให้เชื่อง ในจวนจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มัน ก่อนหน้านี้เขาเอาหญ้าเขาไปให้ก็เกือบไม่รอด

แต่เขาก็ร้องเรียกช้าไป ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจของฟู่จาวหนิงก็เต้นอย่างรุนแรง ในหัวสมองนางขาวโพลน แต่จิตใต้สำนึกก็เหมือนมีเสียงหนึ่งกำลังเรียกให้นางรีบกลับไป จงรีบกลับไป

ม้าสีแดงแผดเสียงร้อง

พอได้ยินเสียงนี้ คนใช้ที่ก่อนหน้านี้รู้สึกไม่ค่อยดีกับมันตกตะลึงจนหมุนตัวไปเรียกคน

"ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว!"

เขาคนเดียวคุมม้าคะนองตัวนี้ไม่อยู่ ต้องให้ทหารที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งเหล่านั้นจึงจะไหว

อ๋องเจวี้ยนได้ยินรายงานของทหารแล้ว พอบอกว่าฟู่จาวหนิงจะกลับบ้านตระกูลฟู่เวลานี้ ก็มีคนใช้วิชาตัวเบาบินเข้ามาทันที เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน "นายท่าน พระชายาจะใช้ม้าคะนองตัวนั้น!"

"นางบ้าไปแล้ว!"

อ๋องเจวี้ยนลุกพรวดขึ้นมา ร่างไหววูบ ตัวก็เผ่นผลิวออกไปราวภาพมายา

ม้าคะนองตัวนั้นกว่าจะหามาได้ เขาวางแผนว่าม้าตัวนี้ตอนนี้ยังคะนองยังหยิ่งทะนงอยู่ แต่ด้วยสายเลือดที่บริสุทธิ์มาก ขอแค่ทำให้เชื่องได้ จะกลายเป็นม้าศึกที่ทั้งเฉลียวฉลาดและแข็งแกร่งตัวหนึ่ง ทว่าตอนนี้มันยังไม่เชื่องนะ!

นิสัยป่าเถื่อนของม้ายังไม่ถูกขจัด การโจมตีจึงแข็งแกร่งมาก

ฟู่จาวหนิงเกรงว่าจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้ว

คอกม้าทางนั้น ฟู่จาวหนิงตอนที่เข้าใกล้ม้าตัวนี้ก็พบว่าม้าตัวนี้มีความป่าเถื่อนเต็มที่ แต่นางก็ไม่มีเวลาไปเลือกม้าตัวอื่นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ก็มีเพียงม้าตัวนี้เท่านั้นที่ต้องตานาง และบางทีอาจจะมีแค่ม้าตัวนี้ถึงจะสามารถวิ่งได้เร็วพอ!

ม้ายังไม่ได้ใส่อาน ฟู่จาวหนิงพอพุ่งเข้าไปก็ยื่นมือไปลูบคอม้า

ตอนที่ม้าเริ่มเคลื่อนไหวนางก็คล่องแคล่วว่องไวพลิกตัวขึ้นไปบนหลังม้าแล้ว จากนั้นก็ลูบไปบนคอม้าอีกครั้ง หมอบตัวลงมา

"ว่าง่ายหน่อยนะ เชื่อฟังด้วย ข้าต้องให้เจ้าช่วย"

ม้าพ่นลมออก กีบเท้าหน้าชูขึ้น พุ่งออกไปจากคอกม้า

"ฮี้!"

"เด็กดี ไป!"

ตอนที่คนใช้เพิ่งเรียกคน ม้าคะนองก็พาฟู่จาวหนิงทะยานผ่านหน้าพวกเขาออกไป ก่อลมขึ้นมาวูบหนึ่ง พัดจนพวกเขาลืมตากันไม่ขึ้น

"หยุดก่อน!"

เสียงทหารเองก็ยังสั่นพร่า

ตอนที่อ๋องเจวี้ยนทะยานตัวเข้ามาก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว มองเห็นแผ่นหลังฟู่จาวหนิงอยู่ไวไว

ภายใต้ความโพล้เพล้ ลมหนาวเหน็บ นางขี่อยู่บนม้าสีแดง ผมดำปลิวสยายราวเมฆ ชุดมงคลโบกสะบัด สายลมพัดกระโปรงของนาง ขับเด่นเอวที่เล็กคอดนั่นออกมา

นางควบม้าทะยานออกไปแล้ว

"พระชายา!"

ชิงอีเองก็รีบกวดเข้ามา พอเห็นฉากนี้ ก็ตกตะลึงจนสีหน้าเปลี่ยน

"นายท่าน พระชายาขี่ม้าเป็นด้วย!"

"ม้าตัวนั้นยังไม่ได้สวมอานเลย!"

ฟู่จาวหนิงก็ขี่ม้าเช่นนี้ แต่ก็ยังเร็วเช่นนี้ ดูจากแผ่นหลัง นางก็ยังนั่งอย่างมั่นคงด้วย อธิบายได้ว่าทักษะขี่ม้าของนางยอดเยี่ยมเกินคน

ฟู่จาวหนิงคนนี้ ใช่คนที่พวกเขาเคยได้ยินมาก่อนหน้าจริงหรือ?

"เตรียมรถม้า"

อ๋องเจวี้ยนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ตอนนี้ฟู่จาวหนิงถือเป็นพระชายาของเขาแล้ว วันนี้มีพิธีแต่งงานใหญ่ ถ้านางไปเป็นอะไรด้านนอก เขาคงดิ้นจากความสัมพันธ์นี้ไม่พ้น

ยิ่งไปกว่านั้นพรุ่งนี้นางต้องไปเขาจันทร์ลับฟ้าด้วย วันนี้ก็รับปากเบื้องหน้าองค์จักรพรรดิไปแล้ว ถ้าหากเกิดเรื่องจนพรุ่งนี้ไปไม่ได้ ฮองเฮาคงเอาโทษล้อเล่นต่อจักรพรรดิคาดลงไปบนหัวนางแน่

เขาจำใจต้องไล่ตามไป

ฟู่จาวหนิงขี่ม้าราวกับสายลมสายหนึ่งแล่นผ่านถนนยาว คนบนถนนล้วนไม่ทันเห็นว่าเป็นใคร คนก็หายไปแล้ว

อาศัยจากความทรงจำ ในที่สุดนางก็มาถึงบ้านตระกูลฟู่

ได้ยินว่าตระกูลฟู่ก่อนหน้านี้รุ่งโรจน์มาก กระทั่งขับเคลื่อนทั้งตระกูลเลยทีเดียว ผู้เฒ่าฟู่เองก็เคยถูกคนล้อมหน้าล้อมหลัง ลูกหลานเครือญาติต่างล้วนเคารพนับถือ

แต่สิบปีก่อนตระกูลฟู่เกิดเรื่องขึ้น ล้มพังลงอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ปีทรัพย์สินของตระกูลก็ถูกขายจนหมด คนในตระกูลก็ทยอยกันตัดสัมพันธ์กับตระกูลฟู่

ตอนนี้สถานที่ที่ผู้เฒ่าฟู่อาศัยอยู่คือคฤหาสน์รูปแบบสวนที่ใหญ่โต แต่เรือนต่างๆ ในนั้นส่วนใหญ่ถูกคนในตระกูลใช้เหตุผลต่างๆ นานายึดครองไป ผู้เฒ่าฟู่จึงพาฟู่จาวหนิงย้ายมายังเรือนเล็กเรียบง่ายแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับประตูหลังที่สุด

เวลาพวกเขาเข้าออกก็ใช้ประตูหลัง ไม่เคยเข้าออกทางประตูหน้า

ตอนนี้ฟู่จาวหนิงกำลังควบม้ามาถึงประตูหลัง

นางไม่ทันหยุดม้า ก็รีบกระโจนลงมา รีบเดินไปเคาะประตู

ปังๆๆ

เคาะอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตู ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่ง ข้างกายผู้เฒ่าฟู่ยังมีคนอยู่ด้วย สามีภรรยาคู่หนึ่งที่อยู่กับเขามานาน และยังมีเหล่าลูกชายของพวกเขาก็อยู่รับใช้ที่ตระกูลฟู่ด้วย และยังมีสาวใช้เสี่ยวเถาที่คอยอยู่กับนางอีกคนหนึ่ง แต่ว่าครั้งนี้นางรีบร้อนออกไปแต่งงานที่จวนอ๋องเซียว คนที่คอยอยู่ข้างๆ ผู้เฒ่าเซียวไม่พอ จึงทิ้งเสี่ยวเถาไว้ที่นี่

สถานที่พวกเขาอยู่ห่างจากประตูหลังไม่มาก ลุงจงคนใช้เก่าเองก็คอยมาคุ้มกันที่ประตูหลังตลอด นางเคาะจนดังขนาดนี้ ลุงจงที่มักจะมาลาดตระเวณดูบ่อยๆ ต้องได้ยินแน่นอน ก่อนหน้านี้จะรีบตรงมาเปิดประตูทันที แล้วทำไมตอนนี้จึงไม่มีการเคลื่อนไหวกัน?

ฟู่จาวหนิงหมุนตัวไปมองม้าคะนองตัวนั้น กวัวมือ "มานี่ ยังต้องให้เจ้าช่วยอีก"

ม้าก็เดินเข้ามาจริงๆ ฟู่จาวหนิงให้มันยืนอยู่ข้างกำแพงเรือน จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนหลังม้า ยืนขึ้นมา ม้าตัวนี้ร่างสูงใหญ่ ขนบนผิวส่องประกายมันขลับ แต่นางก็ยังยืนได้มั่นคงบนหลังม้า กระโจนอย่างแรง สองมือคว้ากำแพงเรือนไว้แน่น จากนั้นก็ปีนกำแพงเรือนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว

นางกระโจนตัวลงมา จากนั้นก็รีบเดินไปเปิดประตู พาม้าเข้าไปด้วย

นี่เป็นม้าของอ๋องเจวี้ยน ถ้านางทำหายคงชดใช้ไม่ไหว

หลังปิดประตู ฟู่จาวหนิงก็รีบเดินตรงไปทางเรือนของผู้เฒ่าฟู่

จุดที่เดินผ่านล้วนเงียบสนิท และไม่มีการจุดตะเกียงไฟ

เรือนเล็กข้างหน้าสองเรือน เรือนหนึ่งคือเรือนที่ผู้เฒ่าฟู่กับพวกลุงจงสามคนทั้งครอบครัวอยู่ ส่วนอีกเรือนคือของนางกับเสี่ยวเถา

เรือนของนางกับเสี่ยวเถาเวลานี้มืดสนิทไม่มีแสง แต่เรือนของผู้เฒ่าฟู่ก็เหมือนมีแสงอยู่วอมแวม

ฟู่จาวหนิงวิ่งออกไป พอเข้าใกล้ เสียงในเรือนก็ดังลอดมาเข้าหูนาง

"ท่านลุง ท่านจะออกไปฟังหน่อยไหม ว่าตอนนี้ทั้งเมืองหลวงเขาพูดถึงเจาหนิงกันอย่า่งไร?"
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
titima
นางเอกเป็นหมอจริงๆใช่มั้ยหมออะไรก่อนน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2252

    "แต่ก็จะดูถูกพวกเขาไม่ได้ บางครั้งพวกงูพิษในที่มืดนั่นล่ะที่รับมือยากสุด""ข้าเข้าใจ" เซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากผู้อาวุโสจี้คุยกับเขาต่ออีกสองสามคำ จากนั้นก็ทอดถอนใจออกมา "จะว่าไป ข้าเองก็เคยใฝ่ฝันถึงตงฉิงมาก ได้ยินว่าที่ตงฉิงมีภูเขาโอสถอยู่ บนภูเขามีสมุนไพรต่างๆ อยู่มากมาย และยังมีพวกผลไม้ ผิวไม้กิ่งไม้รากไม้ เถาวัลย์ที่เอามาใช้เป็นยาได้ กระทั่งยังมีพวกดินพวกหินที่ใช้ทำยาได้อีกด้วย""ภูเขาโอสถหรือ?" เซียวหลันยวนไม่รู้เลย พอได้ยินก็รู้สึกสนใจมาก "ผู้อาวุโสจี้ได้ยินมาจากไหนหรือ?""เรื่องนี้ข้าได้ยินมาจากเจ้าพันธมิตรคนก่อนน่ะ""เจ้าพันธมิตรโอสถคนก่อนหรือ?""ใช่ คิดแล้วคนนอกคงจะไม่ค่อยเข้าใจนัก อันที่จริงพันธมิตรโอสถใต้หล้าตอนแรกสุดเป็นเจ้าพันธมิตรโอสถคนก่อนสร้างขึ้นมา ต่อมาจึงส่งต่อมาให้เจ้าพันธมิตรคนปัจจุบัน""เจ้าพันธมิตรคนอื่นเคยไปภูเขาโอสถของตงฉิงมาหรือ?""ได้ยินเขาบอกว่าตอนยังเด็กมาก เคยหลงเข้าไปในภูเขาโอสถ แต่ว่าตอนนั้นตงฉิงสาบสูญไปแล้ว ภายหลังเขาออกมาจากภูเขาโอสถ พอจะหาทางกลับไปสถานที่นั้น พอเอาแผ่นที่แผ่นดินมากางดูแล้วก็พบว่า ภูเขานั้น น่าจะเป็นพื้นที่ในตงฉิง"

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2251

    ถังอู๋เยว่ตอนนี้ฝังเข็มไปแล้ว ถ้าสามารถได้หลับดีดีสักรอบ ฟื้นฟูจิตใจให้เต็มที่ ความอยากอาหารก็จะดีขึ้นไปด้วยการรักษาเขาต้องค่อยเป็นค่อยไป เร่งรีบไม่ได้และนางก็ต้องกลับไปจัดเรียงการวินิจฉัยวันนี้เสียหน่อย แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะกำหนดแผนการรักษาอย่างไร"ได้ ฟังเจ้าทั้งหมดเลย"ถังอู๋เจวี้ยนเดิมทีก็เชื่อมั่นฟู่จาวหนิงอยู่แล้ว วันนี้พอได้เห็นความเป็นมืออาชีพและความใส่ใจของนาง เขาก็ยิ่งไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ"ข้าจะส่งเจ้ากลับเรือนแขก" ถังอู๋เจวี้ยนเห็นเสี่ยวเยว่หลับลึก ก็ไม่จำเป็นต้องมาคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ฟู่จาวหนิงมาครั้งนี้ เสียเวลาไปนานโขอยู่เซียวหลันยวนกระทั่งหลับไปแล้วครู่หนึ่งแต่เขาก็ไม่ได้หลับลึก ให้ชิงอีเสี่ยวเยว่คอยสังเกตไว้ตลอด มีอะไรก็ให้มาเรียกเขาทันทีตอนที่ฟู่จาวหนิงถูกถังอู๋เจวี้ยนส่งกลับมา เซียวหลันยวนกำลังลงหมากกับผู้อาวุโสจี้ผู้อาวุโสจี้ก็ใช้ช่วงที่ลงหมากนี้ ถามการตัดสินใจของเขาต่อฟู่จาวหนิงหลังจากนี้ว่าเป็นอย่างไร จะพเนจรอยู่ข้างนอกนี้ตลอด มันก็ดูจะเหนื่อยเกินไปเขาไม่หวังให้ฟู่จาวหนิงต้องมีชีวิตแบบนั้นต่อให้เวลาผ่านไป บางทีจักรพรรดิเจาพอเห็นว่าพวกเขาไม่มีความคุก

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2250

    ดังนั้น เสี่ยวเยว่จึงมีโอกาสที่จะช่วยได้แล้วจริงๆ"ก็ไม่ใช่ว่าหมอเหล่านั้นวิชาแพทย์แย่นักหรอก" ฟู่จาวหนิงยังคิดจะพูดให้หมอเหล่านั้นหน่อย "โรคนี้ของคุณชายน้อยถัง ที่จริงก็หาได้ยากมาก การไม่เคยมีประสบการณ์การรักษา ไม่มีตัวอย่างที่เทียบเคียงได้จริง จึงยากมากที่จะจ่ายยาให้"นางอยากจะบอกว่า จุดที่นางได้เปรียบคือมาจากยุคปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้นบนตัวนางยังมีห้องเภสัชที่เป็นพื้นที่ล้ำสมัย มีอุปกรณ์ต่างๆ นานา ระดับมาตรฐานวิชาแพทย์ก้าวล้ำกว่าตอนนี้ไปไม่รู้กี่ร้อยปีนางนั่นล่ะที่ไม่ปกติ แต่หมอคนอื่นนั้นปกติ จะรู้สึกว่าหมอเหล่านั้นไม่ได้เรื่องเพราะนางไม่ได้หรอก"เข้าใจ เป็นเพราะศิษย์น้องหญิงมีพรสวรรค์ ฉลาดปราดเปรื่อง วิชาแพทย์ของเจ้ายอดเยี่ยมน่าทึ่ง พวกเขาเทียบเจ้าไม่ได้ก็ไม่ใช่ความผิดพวกเขา"ถังอู๋เจวี้ยนหัวเราะขึ้นมาในรอยยิ้มมีประกายอยู่จนตอนที่ถังอู๋เยว่สงบลงมาได้ ฟู่จาวหนิงจึงฝังเข็มให้เขาฝังเข็มครั้งนี้ใช้เวลาไปถึงหนึ่งชั่วยามและการฝังเข็มนี้ นางก็ยังพบปัญหาเข้าจริงๆ ชีพจรของถังอู๋เยว่มีจุดติดขัดอยู่หลายแห่งในขั้นตอนฝันเข็ม ถังอู๋เยว่ทนไม่ไหวผล็อยหลับไปแล้วบนตัวเขาอย่างน้อยมี

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2249

    ฟู่จาวหนิงอันที่จริงมีแผนการรักษาเบื้องต้นต่อโรคของถังอู๋เยว่แล้ว"ตอนนี้ข้าอยากจะฝังเข็มตรวจสอบชีพจรทั้งตัวของเจ้าก่อนว่ามีตรงไหนติดขัดหรือไม่ เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวกหรือเปล่า"ส่วนจุดที่ต้องใช้อุปกรณ์ในคลังยาพวกนั้น นางก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากแล้วถึงยังไงอาการเซลล์เสื่อมของถังอู๋เยว่ มีบางส่วนไม่อาจเกิดใหม่ได้แล้ว นางพูดไปพวกเขาก็คงไม่เข้าใจนางต้องเข้าไปค้นคว้าในห้องเภสัชอีกสักหน่อย แล้วค่อยดูว่าจะสามารถเจาะเลือดจากคนในตระกูลถังมาสักดเซลล์ที่จำเป็นให้ถังอู๋เยว่ได้หรือไม่นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเสร็จในวันสองวัน ตอนนี้ยังต้องตรวจสอบชีพจรให้เขาเสียก่อน"ศิษย์น้องหญิง ความหมายของเจ้าคือ เจ้ามั่นใจว่าจะรักษาเสี่ยวเยว่ได้แล้วหรือ?"พอตื่นเต้น พอดีใจ ถังอู๋เจวี้ยนก็อดเรียกว่าศิษย์น้องหญิงขึ้นมาไม่ได้ยังดีที่อ๋องเจวี้ยนตาเจ้าคนขี้หึงนั่นไม่อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้น แค่พูดว่าศิษย์น้องหญิงคำเดียว อ๋องเจวี้ยนคงได้สงสัยว่าเขาคิดอะไรกับฟู่จาวหนิงแน่อันที่จริงเขาก็อธิบายไม่ถูก เขารู้ว่าตนเองชื่นชมฟู่จาวหนิงมาก และชอบนางมาก แต่ก็รู้สึกว่าความชอบนี้ไม่ใช่อาการใจหวั่นไหวกับหญิงสาวทำนองนั้น

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2248

    พอเห็นรอยยิ้มของนาง ถังอู๋เยว่ก็ถูกทำให้ติดไปด้วยแล้ว ความรู้สึกต่อต้านไม่พอใจในตอนแรกก็หายไปในพริบตา"หมอเทวดาฟู่หมายความว่ายอ่างไร?""ท่าทีกับอารมณ์ของเจ้า ดูดีมาก ยิ่งไปกว่านั้นการเลียงดูกับมารยาทของเจ้าเองก็ดีมากด้วย"ฟู่จาวหนิงไม่ได้พูดเพื่อปลอบเขา"โรคที่หาได้ยากเช่นนี้ ทั่วทั้งใต้หล้าอาจจะหาตัวอย่างโรคที่เหมือนกันคนที่สองไม่ได้แล้ว เจ้าเจอกับมัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นมาแล้วหลายปี แต่เจ้าก็ไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังพังทลาย ไม่กล่าวโทษคนอื่น ตอนที่หมอเข้ามา เจ้าก็ยังให้ความร่วมมือในการวินิจฉัย นี่เป็นท่าทีกับการอบรมสั่งสอนที่หาได้ยากยิ่ง"ถังอู๋เยว่ตกตะลึง เหลือบมองพี่ชายผาดหนึ่ง หลังจากนั้นก็ลังเลเอ่ยขึ้น "ก็ ก็ไม่ได้ดีแบบที่ท่านบอกหรอก อันที่จริงข้าก็เคยพังทลายมาก่อน เคยขว้างข้าวของ เคยด่าคนด้วย""ข้า ข้าเองก็ไล่หมอไปแล้วหลายคน ยิ่งไปกว่านั้นปกติข้าก็ไม่ค่อยพบคนด้วย เหล่าพี่น้องในตระกูลก็มาหาเพราะเป็นห่วงข้า ข้าเองก็ปฏิเสธพวกเขาไปจนหมด ข้าไม่อยากพบพวกเขาเลย พวกเขาคงคิดว่าข้ามีอารมณ์แปลกประหลาดแน่ๆ"คนในตระกูลไม่น้อยคงมีคนพูดว่าเขาแปลกประหลาด กระทั่งบอกว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดด้วยซ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2247

    เพราะกวางน้อยชอบฟู่จาวหนิง และด้วยของขวัญชิ้นนี้ที่ถูกใจถังอู๋เยว่ ทำให้การวินิจฉัยดรคต่อจากนี้ของฟู่จาวหนิงค่อนข้างราบรื่นบนพื้นฐานแล้ว นางถามอะไร ถังอู๋เยว่ก็จะตั้งใจตอบนางแต่ว่า ถังอู๋เจวี้ยนที่มองดูอยู่ข้างๆ ก็พบแล้วว่า ต่อให้จะถามวินิจฉัย วิธีการของฟู่จาวหนิงกับคำถามก็ยังทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายแต่ก่อนมีหมอ ใช้คำถามมาถามเสี่ยวเยว่ ทำให้เสี่ยวเยว่ฟังแล้วรู้สึกกีดกัน ต่อให้รู้ว่าตอบแล้วจะทำให้หมอเข้าใจอาการป่วยของตนเอง แต่เขาก็ยังตอบได้แบบฝืนๆมีบางคำถาม ทำให้ไม่อยากตอบเอาเสียเลยอย่างเช่นมีหมอที่ถามถังอู๋เยว่ว่า "ตำราแพทย์บางเล่มเขียนไว้ว่า หากผู้ชายมีการหลั่งน้ำเชื้อมากเกินไป จะทำให้ปราณชี่เสียหาย และหากกินยาที่มีฤทธิ์รุนแรง ก็จะทำให้คนเสื่อมได้เร็วขึ้น ขอถามคุณชายน้อยหน่อย ว่าท่านได้หมกมุ่นเรื่องพวกนี้อยู่หรือไม่?"เดิมทีก้เป็นคำถามที่ทำให้ถังอู๋เยว่รู้สึกอับอายอยู่แล้ว แม้เขาจะส่ายหัวไม่พูดอะไร แต่แพทย์ก็ยังถามต่อว่า "ไม่จำกัดแค่เรื่องของสตรีเท่านั้น การทำกับตนเองอย่างรุนแรงก็ด้วยเช่นกัน"คำพูดแบบนี้ ถังอู๋เยว่ตอบได้ลำบากมากยังมีคนถามอีกว่า "ได้ยินว่าคุณชายชอบอยู่คนเดีย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status