พวกเขาไปตรวจสอบเรื่องของเจ้าหู่กับฮูหยินรองเจ้า ฟู่จาวหนิงกลับไปหาผู้อาวุโสจี้ผู้อาวุโสจี้พานางขึ้นไปชั้นสามชั้นสามเป็นห้องเหมาที่ใหญ่มากหลายห้อง ด้านในมีห้องหนึ่งที่เปิดแง้มอยู่ ด้านในมีเสียงพูดคุยลอดออกมาผู้อาวุโสจี้กดเสียงต่ำพูดกับฟู่จาวหนิง "พวกเขาคิดจะรอจนวันสุดท้ายจึงจะพิจารณารายชื่อเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ ข้ามีความคิดเห็นต่าง จึงเสนอกับพวกเขา ครั้งนี้เจ้าพวกหัวโบราณกลับตอบรับว่าจะเจอพวกหน้าใหม่แล้วพิจารณาก่อนเลย""พิจารณาก่อน?" ฟู่จาวหนิงยังไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายถึงอะไร"คนที่เข้าร่วมใหม่ อย่างเช่นเจ้า ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกประธานกับรองประธาน ถ้าประธานเห็นด้วยให้เจ้าเข้าร่วม ก็แค่ต้องการอีกสองคนพยักหน้าให้ก็พอ ถ้าหากประธานไม่เห็นด้ย เช่นนั้นเจ้าก็ต้องมีคนห้าคนที่เห็นพ้องให้เจ้าเข้าร่วมจึงจะมีคุณสมบัติ""ห้าคน?"นี่ดูจะยากไปหน่อยนะ"อืม พวกเขาทั้งหมดมีสิบสองคน""ซุนฉงหมิงเองก็ใช่หรือ?""เขาเป็นแน่นอนอยู่แล้ว เขาเป็นรองประธาน และยังรองประธานสกุลเหยาอีกคน ผู้อาวุโสเหยาเป็นคนจากแคว้นหู แคว้นหูไม่ใช่แคว้นใหญ่ แต่ว่าวิชาแพทย์ของผู้อาวุโสเหยานั้นดีมาก"ต้องการให้เห็นด้วยจำนว
"เจ้ามาทำอะไรกัน? หมอหญิงจากตระกูลไหน?"ชายชราคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นและหมอเทวดาอันเองก็อยู่ที่นี่ พอเขาเห็นฟู่จาวหนิง ก็ยิ้มให้กับนาง "มาแล้วหรือ?"และก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของนายท่านเจิ้ง เพราะตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงอยากให้คนที่นี่รู้เรื่องนี้ไหม"คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าชื่อฟู่จาวหนิง มาจากเมืองหลวงแคว้นเจา ครั้งนี้มายื่นขอเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่..."ฟู่จาวหนิงแนะนำตนเองอย่างมีมารยาทก่อนนางเองก็ยิ้มตอบหมอเทวดาอันด้วย"พูดไร้สาระอะไร? เจ้าจะเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่? หมอหญิงของสมาคมหมอใหญ่ไม่จำเป็นต้องมายื่นขอกับพวกเราทางนี้ ถ้าหากที่นี่ใครเป็นอาจารย์ของเจ้า เจ้าติดตามอาจารย์เจ้าก็ถือว่าเป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้ว" ชายชราคนหนึ่งเห็นว่านางอายุยังน้อย แล้วยังเป็นหญิงสาวอีก จึงตำหนิหน้าขรึมขึ้นมาคำหนึ่งหมอหญิงน่าจะเทียบเท่ากับผู้ช่วยหมอ เป็นคนที่คอยช่วยเรื่องสัพเพเหระ คอยแบกกล่องยาอยู่ข้างๆ หมอ จำเป็นต้องมายื่นขอเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่กับพวกเขาเสียที่ไหนกัน?แล้วถ้าจะบอกตัวตนฐานะ แค่บอกว่าติดตามหมอคนไหนอยู่ก็พอแล้ว แล้วหมอคนนั้นถ้าเป็นสมาชิกของสมาคมหมอใหญ่ หมอหญิงก็ถือว่ามีตัวตนฐานะ
หญิงสาวจะมาเทียบได้อย่างไรกัน?"ข้าได้รับป้ายอนุญาตหมอสีม่วง ก็มายื่นขอไม่ได้หรือ? ถ้าหากยังมีการทดสอบ เช่นนั้นก็ทดสอบข้าเลยสิ ผู้อาวุโสทุกท่านไม่จำเป็นต้องปฏิเสธทันทีก็ได้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างสงบ"ทดสอบอะไรของเจ้า? หรือว่าเจ้าคิดจะมาท่องตำรับยาแก้หวัดใหญ่หรือไร? โรงหมอเมตตาเมืองหลวงแคว้นเจานี่อย่างไรกัน ให้ป้ายอนุญาตก็ให้กันส่งๆ แบบนี้ได้หรือ?" ชายชราชุดน้ำเงินคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงเย็นอีกครั้ง"ได้ยินว่าหมอเทวดาหลี่เมืองหลวงแคว้นเจาก็มาด้วย ลองถามดูไหม?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "หมอเทวดาหลี่? วิชาแพทย์ของเขายังสู้ข้าไม่ได้ ก็เข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่น่ามีปัญหานะ""ซู๊ด"ตอนนี้เอง สายตาของซุนฉงหมิงที่มองนางก็เปลี่ยนไปแล้ว"พูดจาใหญ่โตไม่เบา!"พวกเขาล้วนถูกท่าทีกับน้ำเสียงเช่นนี้ของฟู่จาวหนิงทำให้โมโหเสียแล้ว พอกำลังจะพูดอะไร กงซุนซือไฉจึงเอ่ยขึ้น"สหายน้อยฟู่ในเมื่อมาแล้ว ลองดูคนป่วยคนนี้หน่อยเป็นอย่างไร?"พอได้ยินเขาเรียกตนเองว่าสหายน้อย ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกว่าลูกกลอนบำรุงหัวใจสองเม็ดที่ท่านอาจารย์ส่งให้เขาน่าจะเห็นผลขึ้นมาแล้วกงซุนซือไฉตอนนี้ให้โอกาสนางแล้ว
ฟู่จาวหนิงตรวจสอบดวงตาของผู้ป่วยแล้ว จากนั้นจึงเตรียมดูใบหูของเขา ขณะที่กำลังจะลองให้เขาเอียงตัวเล็กน้อย เสียงลมแผ่วเบาละเอียดเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นพริบตานี้เอง นางรีบถอยออกมาทันทีขณะเดียวกัน ก็มีของบางอย่างกระแทกไปบนหน้าของผู้ป่วย เสียงดังโพละ ผิวหนังใบหน้าจองเขาที่เดิมทีบวมเหมือนจุน้ำไว้ครึ่งถังก็แตกออกมาพรวดของเหลวที่อยู่ในหนังหน้าพ่นออกมาทั้งหมด สาดออกไปรอบด้านถ้าหากฟู่จาวหนิงช้าไปหน่อยเดียว ของเหลวพวกนั้นคงรดไปบนหน้านางแล้ว"อ๊า!"ผู้ป่วยร้องขึ้นมาของเหลวไหลลงมาทั้งหัวทั้งตัวเขา สาดไปในตาเขาา ไหลเข้าไปในโพรงจมูกหนังหน้าที่เดิมทีพองรับไว้จนใหญ่โต พอไม่มีของเหลวแล้ว ก็กองพับอยู่บนหน้าเขา แล้วยังมีส่วนหนึ่งปิดไปที่จมูกของเขา ทำเอาเสียงกรีดร้องของเขาดังลอดออกมาไม่ได้ใต้หนังหน้า ด้านใต้ของเหลวสีเหลืองข้นยังมีเนื้อสีขาวที่เน่าเปื่อย...พอมองแล้ว ทำเอาคนอยากจะสำรอกของที่กินไปออกมาจนหมด"เกิดอะไรขึ้น!""ทำไมเจ้าถึงแทงหน้าเขาจนทะลุ!""รีบช่วยเขาเร็ว"หลังจากได้สติกลับมา เหล่าหมอเทวดาก็ล้วนลุกพรวดขึ้นมา คำรามขึ้นอย่างร้อนรนแต่คนที่รีบเดินเข้าไปมีเพียงสามคน ประธานกงซุน
"ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าข้ากำลังรักษาอยู่หรือ? หรือว่าเป็นท่าน?" ฟู่จาวหนิงตอกกลับไปอย่างไม่หันหน้าหา ทำเอาเขาโมโหขึ้นมาทีเดียวประธานกงซุนถามขึ้น "เจ้าบอกว่าอาวุธลับหรือ?""ข้าจะหามันออกมา"ฟู่จาวหนิงใช้แหนบอ่อนคีบหนังหน้า ตรวจสอบอย่างละเอียดใบหน้าที่ผิวหนังเลือดเนื้อเหวอะหวะจนไม่เป็นรูปเป็นร่างนั้น นางก็ยังมองใกล้ๆ ได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนประธานกงซุนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ยื่นมือเข้าไปขวางซุนฉงหมิงที่เดินขึ้นมา"เป็นขนาดนี้แล้ว ลองให้สหายน้อยฟู่รักษาดู""ประธานาพูดเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าผู้ป่วยคนนี้ตายลงที่นี่ ที่จะเสียหายคือชื่อเสียงของพวกเรา"ซุนฉงหมิงขมวดคิ้ว"พวกเราก่อนหน้านี้ก็ไม่กล้าจะลงมือกัน กลัวว่าจะทำหนังหน้าของเขาแตก แล้วจะจัดการได้ลำบาก" ประธานกงซุนเอ่ยขึ้น "แต่ตอนนี้ดูแล้ว พอแตกออกก็เหมือนจะรักษาได้ง่ายกว่า""ถูกต้อง" ฟู่จาวหนิงขานก้มหน้าก้มตาขานรับมาคำหนึ่ง "เดิมทีควรแทงให้แตกแล้วขับของเหลวออกมา"แต่ไม่ใช่ใช้วิธีการที่รุนแรงแบบนี้เพียงแต่ตอนนี้เป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็รักษาก่อนแล้วกัน"ข้าขอบอกไว้ก่อนเลย หากผู้ป่วยคนนี้ตายไป ข้าจะประกาศต่อใต้หล้าว่าเป็นเจ
"ฉาบพิษเอาไว้ด้วยหรือ?"ประธานกงซุนหน้าเปลี่ยนสี ร้องเรียกคนขึ้นมาทันที "ใครก็ได้!"ด้านนอกมีคนหลายคนรีบเข้ามาคนเหล่านี้สวมชุดทะมัดทะแมง เครื่องประดับแบบเดียวกัน ดูแล้วน่าจะเป็นองครักษ์"ตรวจสอบในห้อง!"ที่นี่ยังมีม่านกันลมบางส่วน ชั้น ตู้อะไรพวกนี้อยู่ พื้นที่ค่อนข้างกว้าง เป็นไปได้ว่าจะมีคนซ่อนตัวอยู่"สืออีสือซาน!"ฟู่จาวหนิงก็ร้องเรียกคนบ้างหลังจากพวกเขาเข้ามาฟู่จาวหนิงก็ให้พวกเขานำคนป่วยพร้อมกับเตียงไปไว้ที่มุมหนึ่ง"ไป๋หู่ ฉากกั้นลม!"ไป๋หูย้ายฉากกั้นลมเข้ามา บังมุมนั้นเอาไว้พวกของประธานกงซุนมองเห็นการทำงานของพวกเขาก็ตกตะลึง จากนั้นจึงทยอยกันเข้ามาสืออีกพวกเขายืนคุ้มกันอยู่ด้านนอกฉากกั้นลม ต่อให้ในห้องยังมีมือสังหารซ่อนตัวอยู่ แต่ก็จะไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาลงมืออีกพระชายาของพวกเขาคิดจะช่วยผู้ป่วยอย่างเห็นได้ชัดพวกเขาติดตามฟู่จาวหนิงมานาน เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีถัดจากนี้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาก็ต้องคุ้มกันไว้ ให้พระชายาสามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย"แม่นางฟู่ทำอะไรน่ะ?"พวกของประธานกงซุนก็เบียดตัวเข้ามา เบียดมุมเล็กที่นำฉากกั้นลมมาบังไว้จนแน่
ซุนจี้มองเข้ามาด้านในผาดหนี่ง มองไม่เห็นคนที่ถูกฉากกั้นบังลมบังไว้ แต่ก่อนหน้านี้เขาเหมือนเห็นแม่นางหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเข้ามาแล้วแม่นางคนนั้นหน้าตาดีเอามากๆ เลยซุนจี้แค่มีความคิดแล่นผ่าน ไม่ได้คิดอะไรมากนัก รีบพาพี่น้องตระกูลซุนออกไปตรวจสอบมือสังหารคนของหอวัฒนธรรมพอได้ข่าวก็ให้ความสำคัญอย่างมาก จัดองครักษ์ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดทันทียิ่งไปกว่านั้นยังปิดประตูใหญ่ เหลือไว้เพียงประตูข้างบานหนึ่ง ไม่ให้ใครที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาอีกฟู่จาวหนิงทำการแก้พิษให้กับผู้ป่วยตอนที่พวกเขาค้นหา จัดการพันใบหน้าเขาทั้งหมดเอาไว้ ใช้ยาไปไม่น้อย"อาการบวมหน้าที่ใบหน้าของเขาเกิดขึ้นจากโรคไต ถ้าจะรักษาก็ต้องรักษาที่ไตก่อน"ฟู่จาวหนิงยืนตัวตรง ถอนหายใจยาว บิดๆ ข้อมือผ่อนคลาย มองไปทางประธานกงซุน"ไตหรือ?""ถูกต้อง การขับของเสียออกมาทางปัสสาวะของไตผิดปกติ บางครั้งอาจจะทำให้เกิดการสะสมของเหลวจนบวมน้ำ เมื่อครู่ข้าลองกดเพื่อสังเกตและพบว่าเขามีการสะสมในน้ำช่องท้องรุนแรงมาก ดังนั้นผู้ป่วยคนนี้จึงมีโรคไตที่รุนแรง"คำพูดของฟู่จาวหนิงทำเอาพวกเขามองหน้ากันไปมาเห็นว่าเป็นโรคที่ใบหน้า แต่กลับเกิดขึ้นมาจากโร
ฟู่จาวหนิงในเมื่อมาแล้ว แน่นอนว่าอยากได้บัตรสมาชิกสมาคมหมอใหญ่กลับไปด้วยตอนนี้ประธานกงซุนเห็นด้วยมาแล้ว เช่นนั้นนางก็ต้องมีคนเห็นด้วยอีกสองคนจึงจะเข้าร่วมได้"ขอบคุณท่านประธานกงซุน...""ข้าไม่เห็นด้วย!"ชายชราชุดฟ้าไม่รอให้นางพูดจบก็ตะเบ็งเสียงขึ้นมา สะบัดชายเสื้อ หัวฟัดหัวเหวี่ยง"สหายไต้ทำไมจึงไม่เห็นด้วย? ไม่เห็นด้วยนั้นต้องมีเหตุผล"ประธานกงซุนเหลือบมองฟู่จาวหนิง นางรู้ไหมว่าถ้ามีสี่คนคัดค้าน นางก็ไม่สามารถเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ได้ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกที่เดิมทีเห็นด้วยแล้ว หากถูกเหตุผลการคัดค้านกล่อมลงได้ ก็อาจจะเปลี่ยนใจได้อีกด้วยก่อนหน้าที่จะได้รับตราสมาคมหมอใหญ่ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้ตลอดเวลาจุดนี้ผู้อาวุโสจี้กลับลืมบอกฟู่จาวหนิงไปเสียสนิทชายชราชุดฟ้านี้ชื่อว่าไต้ซง และไม่รู้เพราะอะไรถึงไม่สบอารมณ์ฟู่จาวหนิงนัก ทำไมจึงไม่เห็นด้วยที่จะให้นางเข้าร่วมยังมีหมอสกุลเถียนอีกคนที่ไม่เห็นด้วยเหมือนกับเขา เรียกกันว่าผู้อาวุโสเถียนไต้ซงหน้าขรึม เหลือบมองฟู่จาวหนิงผาดหนึ่ง "ข้อแรก นางเป็นหญิงสาว!"พรวดฟู่จาวหนิงพอได้ยินเหตุผลก็จัดการตอกผู้เฒ่าไต้คนนี้เอาไว้ในใจแล้ว
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ