นางถลึงไปทางเซียวหลันยวน ปากก็อ้าพะเยิบอย่างสุดกำลังอ๋องเจวี้ยน! ท่านมันไร้ยางอายไร้ความสง่างามยิ่งนัก! นี่ถึงกับสะกดจุดใบ้องค์หญิงอย่างข้าเลยหรือ! เกินไปหน่อยไหม!"หนิงหนิง ยังเช้าตรูอยู่เลย อย่ามาฟังอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจดีกว่า" เซียวหลันยวนไม่มองนาง ยื่นมือไปกุมมือฟู่จาวหนิง"พรวด"ฟู่จาวหนิงอดหัวเราะร่าขึ้นมาไม่ได้ เอียงตาเหลือบมองเขา"เอาล่ะ เลิกเล่นได้แล้ว"องค์หญิงหนานฉือถลึงตามองนาง นี่มันเล่นกันตรงไหน? เขาลงมืออย่างหยาบคายกับหญิงสาว เขามันคนไม่ดี!ฟู่จาวหนิงมองไปทางนาง เหมือนจะมองออกถึงความหมายนาง เอ่ยกับนางด้วยรอยยิ้ม "องค์หญิงหนานฉือ ท่านรู้สึกว่าเขานิสัยไม่ดีใสช่ไหม?"แน่นอน!องค์หญิงหนานฉือออกแรงพยักหน้า"แต่ข้ากลับชอบเขาเช่นนี้ สำหรับคนที่รู้จักมารยาทกาลเทศะมีจิตใจดี เขาจะไม่หยาบคายใส่ง่ายๆ แต่เมื่อครู่ท่านไม่ใช่คนแบบนี้ ท่านเอาแต่จะยื่นเท้าแทรกกลางระหว่างเรา คิดจะทำลายความรักของพวกเรา แล้วจะหยาบคายใส่ท่านบ้างมันเป็นอย่างไรหรือ?""ถ้าไปทนุถนอมเห็นใจห่วงใยผู้หญิงคนอื่น หรือทำตัวอ่อนโยนกับอีกฝ่าย กลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียใจ นี่ต่างหากที่เป็นผู้ชายเลวๆ นี่ต่างหากที่เป็
"แค่เก็บนางไว้ ดึงนางเอาไว้"อันเหนียนอธิบายขึ้นมาคำหนึ่ง เขาเพิ่งมองไปทางฟู่จาวหนิง ก็เห็นมุมปากของนางยกขึ้น ใจกลับเต้นผางขึ้นมาเขาไม่ได้คิดจะให้รั้งอวิ๋นจูไว้เพื่อทำลายความรักของอ๋องเจวี้ยนกับนาง แต่เป็นแค่มาตรการชั่วคราวเท่านั้น"เป็นแค่มาตรการชั่วคราว เก็บนางไว้ในจวนอ๋องเจวี้ยน เกรงว่านางเองก็คงไม่มีโอกาสได้พบกับอ๋องเจวี้ยนหรอก แต่ถ้าเก็บนางไว้ นางก็จะหาวิธีไปให้ถึงเป้าหมาย..."ฟู่จาวหนิงตัดบทคำพูดของเขา "เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย นางอาจจะพยายามคิดหาวิธีเข้าใกล้เซียวหลันยวน อย่างเช่น ต้มน้ำแกงพิษแล้วส่งไปให้เขาในห้องหนังสือกลางดึก? อย่างเช่น แอบล้มไปทางเขาอย่างอ่อนแอตอนที่พบกันในสวนดอกไม้โดยบังเอิญ? มาตรการชั่วคราวแบบนี้หรือ?"อันเหนียนก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาชั่วคราวเขาเป็นขุนนางใหญ่คนหนึ่งว่าตามหลักการแล้ว เขาต้องคิดหาวิธีว่าจะช่วยเหลืออ๋องเจวี้ยนอย่างไร ให้เขายืนได้อย่างมั่นคงท่ามกลางกระแสลมที่ไม่อาจคาดเดานี้ตัวเขาไม่ได้มีความรู้สึกหยามหมิ่นหญิงสาวแต่อย่างใด แต่ว่ากฏเกณฑ์ของโลกนี้ เป็นความจริงที่ว่าคนมากมายล้วนส่งสตรีงามไปที่เรือนหลังของใครสักคนเพื่อบรรลุเป้าหมายต่อให้อง
องค์หญิงหนานฉือพออยู่ต่อหน้าเขายังดูอ่อนประสบการณ์อยู่ คิดว่าหลังจากนี้คงจะหนีไม่พ้นฝ่ามือของอันเหนียนแล้วแต่ว่า กระทั่งฟู่จาวหนิงก็ยังมองไม่ออก ว่าอันเหนียนชอบองค์หญิงหนานฉือหรือเปล่า หรือว่าไม่ชอบกันแน่?"อันเหนียนอยู่ฝ่ายเดียวกับอ๋องเจวี้ยนสินะ?" องค์หญิงหนานฉือมองอันเหนียนอย่างตกตะลึงนางตอนนี้เข้าใจขึนมาแล้ว ว่าอันเหนียนภักดีกับอ๋องเจวี้ยน ไม่ได้ภักดีต่อจักรพรรดิเจา!อันเหนียนมองนางนิ่ง"องค์หญิงพูดอะไรออกมาน่ะ?"เขายังไม่ได้พูดเรื่องว่าจะทำอะไรที่ไม่เป็นผลดีกับองค์จักรพรรดิเสียหน่อย ตอนนี้กำลังบอกให้อ๋องเจวี้ยนเผชิญหน้ากับอ๋องฉยงอยู่องค์หญิงหนานฉือชะงักไป ไม่มีคำอะไรมาต่อปากด้วยนี่ยังบอกว่าเขาทรยศไม่ได้ผิวเผินแล้วเหมือนดูอ๋องเจวี้ยนกับองค์จักรพรรดิจะดูสนิทกัน การจะรับมือกับอ๋องฉยงจึงไม่ผิดอะไรแต่ก็ยังดูแปลกประหลาดอยู่"พวกท่านไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว มาช่วยข้าก่อน! อันเหนียนไม่ยอมแต่งกับข้า จวนอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่เอาข้า หลังจากนี้สามวันองค์จักรพรรดิคงได้พระราชทานงานอภิเษกให้ข้าแน่ แล้วข้าจะทำอย่างไรกัน!"องค์หญิงหนานฉือกลับลงไปนั่ง ยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มไปอึกใหญ่นางร
งานมงคลของอันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือเตรียมงานไปแล้วหนึ่งวันวันต่อมา จวนตระกูลอันจัดงานมงคล แม้จะเชิญคนมาไม่มาก แต่ก็แต่งแต้มไปด้วยโคมแดงธงแดงสดใส เต็มไปด้วยบรรยากาศศิริมงคลและอันชิงในชุดใหม่มงคลก็ยังคงงงงวยอยู่ก่อนเมื่อวานนี้พี่ใหญ๋ยังเป็นชายหนุ่มที่ยังไม่ได้หมั้นหมายอยู่เลย วันนี้กลับมากราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว!ความเร็วนี้ นางไม่เข้าใจเลยจริงๆได้ยินว่าที่แต่งงานด้วยยังเป็นองค์หญิงหนานฉือที่สูงส่งอีกด้ว ยนางมีองค์หญิงเป็นพี่สะใภ้หรือ?"กราบไหว้ฟ้าดิน..."เสียงท่องดังขึ้น อันเหนียนที่ถือแถบผ้าแพรแดงก็รู้สึกว่าสมองตนเองมึนงงไปหมดเขาถูกจัดตารางมาทั้งวัน ก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจเลยว่าเพราะอะไรแต่ว่าองค์หญิงหนานฉือก็ใจแข็งจะแต่งกับเขา กระทั่งเขาวันนี้ตอนที่เตรียมจะไปหาอ๋องเจวี้ยน ก็พุ่งเข้ามาในอ้อมกอดเขา กอดเขาเอาไว้แน่น เขย่งเท้าขึ้นกัดริมฝีปากเขา"เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราก็จูบสัมผัสกันแล้ว อันเหนียน ผู้ตรวจการอัน ท่านจะแต่งก็แต่ง ไม่แต่งก็ยังต้องแต่ง! ข้าจะไม่ให้ท่านผลักไสอีกแล้ว!"องค์หญิงหนานฉือหลังจากได้การหนุนหลังจากอ๋องเจวี้ยนก็ไม่กลัวอะไรแล้วก่อนหน้านี้นางยังเอาแต่ตอแยให้อัน
"ท่านสามี ท่านหนีไม่ได้แล้ว พวกเรากราบไหว้ฟ้าดินกันแล้วนะ นับจากนี้ข้าก็เป็นภรรยาของท่านแล้ว" องค์หญิงหนานฉือมองเขาอย่างใสซื่ออันเหนียนสายตาทอดเข้ามา ตกอยู่บนใบหน้างามของนาง"ข้าไม่หนีหรอก""เมื่อครู่ท่านถอนหายใจนี่""อืม ในใจมันซับซ้อนน่ะ ไม่ได้หมายความว่าข้าจะหนี""ใจซับซ้อน? ถึงอย่างไรข้าก็ดีใจมาก" องค์หญิงหนานฉือเดินเข้ามา ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ยื่นมือมาโอบเอวเขา เงยหน้าขึ้นมอง "ตอนนี้พวกเราทำอะไรกันดี? ต้องดื่มสุราสักถ้วยก่อนไหม? แคว้นเจาของพวกท่านมีธรรมเนียมนี้หรือเปล่า?"นางแนบเขามาในอ้อมอกแล้ว ใบหน้านั้นก็ยิ่งงดงาม เพราะแต่งหน้าเป็นเจ้าสาว จึงยิ่งดูแดงก่ำกว่าปกติ ใบหน้ามีพลังทำลายอย่างมากองค์หญิงหนานฉืองดงามจริงๆพอไม่เห็นอันเหนียนตอบ องค์หญิงหนานฉือจึงรินสุราลงมาสองถ้วย ถ้วนหนึ่งยัดไปในมือเขา ส่วนตนเองถือไว้ถ้วยหนึ่ง ดึงมือของเขาขึ้นมาแลกถ้วยกันดื่มสุราอย่างเป็นฝ่ายรุก"สุรานี้แรงมาก" องค์หญิงหนานฉือดื่มจนหมดถ้วย วางถ้วยลง จากนั้นก็มองเขา "แล้วต่อไปล่ะ?"นางเพิ่งจะดื่มสุรา ริมฝีปากเป็นประกาย ดูยั่วยวนมากอันเหนียนค่อยๆ วางถ้วยลง ยื่นมือไปโอบข้างเอวนาง เอ่ยขึ้นแผ่วเบา
"ความคิดของอันเหนียนยังค่อนข้างยึดติดอยู่ ข้าเองก็อยากให้เขาได้เห็น ว่าพอทำลายขนบเดิมๆ ไม่ต้องทำงานตามวิธีของคนอื่น ผลลัพธ์จะออกมาดีหรือไม่ดี"เซียวหลันยวนพูดออกมาอย่างมั่นใจตรงไปตรงมา"อันเหนียนชอบรู้สึกว่า ข้าเองก็เป็นเหมือนกับคนอื่น ทุกย่างก้าว ล้วนต้องคำนวณไว้อย่างดี เหมือนเดินบนน้ำแข็งบางๆ""เหมือนกับที่อ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิส่งอวิ๋นจูเข้ามา ข้าเองก็ต้องวิเคราะห์เป้าหมายพวกเขา พิจารณาการทำการของอวิ๋นจู คาดการณ์ว่าพอทิ้งนางไว้ให้อยู่ต่อแล้วจะได้ผลลัพธ์อะไรจากเรื่องนี้บ้าง"ฟู่จาวหนิงเอายืนมือเงยหน้ามองเขาอืม หรือว่าจะไม่ใช่นะ?อันที่จริงนางก็เข้าใจความหมายของอันเหนียนเมื่อวานนี้อยู่อันเหนียนรู้ถึงความรักของนางกับเซียวหลันยวน ดังนั้นจึงไม่ได้เตือนให้พวกเขารับอวิ๋นจูเข้าไปเรือนหลัง หรืออาจจะให้เซียวหลันยวนพูด "คำหวาน" อะไรกับนางเพื่อให้ใจของนางสงบลงความหมายของเขาก็แค่จะบอกว่า อย่าเพิ่งส่งคนออกไป เอาคนไว้ที่จวนอ๋องเจวี้ยนแบบนี้ แล้วคอยจับตาดูว่านางทำอะไรก็พอแต่เซียวหลันยวนไม่ได้คิดจะเดินตามความคิดปกติฟู่จาวหนิงเมื่อคืนนี้ได้ยินเขากำชับกับพวกชิงอี ว่ารอให้งานมงคลร่วมหอล
แต่ฟู่จาวหนิงจะตามเขาไปไหม?ออกจากเมืองหลวง ออกจากแผ่นดินบ้านเกิด เหมือนคนไร้หลักแหล่งยิ่งไปกว่านั้น นางก็ยังมีคนในครอบครัว ดังนั้น เรื่องเหล่านี้จึงต้องค่อยๆ วางแผนไปฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะซักไซร้ นอนพังพาบหลับไปบนอ้อมกอดเขาองค์จักรพรรดิพอรู้เรื่องที่อันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือแต่งงานกันแบบฟันก่อนแล้วค่อยไต่สวนทีหลัง ก็เดือดดาลขึ้นมาตามคาดจริงๆตอนช่วงประชุมเช้า เขาโมโหจนแทบจะเรียกคนลากอันเหนียนออกไปประหาร"เจ้าบังอาจมากนักนะ!!"องค์จักรพรรดิชี้นิ้วอย่างกราดเกรี้ยวไปยังอันเหนียนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า น้ำเสียงสั่นระริก"อันเหนียนเจ้ามันเป็นใครกัน? องค์หญิงที่แคว้นหนานฉือส่งเข้ามาอภิเษกเพื่อสันติ เป็นคนที่เจ้าคู่ควรไหม? เจ้าก็แค่ผู้ตรวจการเล็กๆ คนหนึ่ง เจ้ากล้าแต่งกับองค์หญิงแห่งแคว้นด้วยหรือ?""ตระกูลอันของเจ้าก็เป็นแค่ขุนนางฝ่ายบุ๋น ก็แค่อ่านหนังสือมามากกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย จึงคิดว่าตนเองเป็นขุนนางใหญ่หรือไรกัน? พวกเจ้ายังกล้ารับองค์หญิงหนานฉือเข้าไปในจวนด้วยหรือ?""งานมงคลขององค์หญิงหนานฉือ กำหนดกันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ได้ด้วยหรือ? พวกเจ้าไม่เห็นหัวข้าแล้ว?""แต่เจ้
คำพูดเหล่านั้นของเซียวหลันยวน ฟังแล้วก็ดูมีน้ำเสียงที่กังวลจริงๆองค์จักรพรรดิถึงกับหายใจไม่ออกเขายังไม่ทันได้อ้าปาก เซียวหลันยวนก็ต่อเข้ามาอีก"ส่วนผู้ตรวจการอันซึ่งกลัวองค์หญิงหนานฉือที่ภาษายังไม่คล่องนักจึงอยู่ด้วยกันกับนางพอดี ข้าเห็นว่าเขาเองก็หน้าตาหล่อเหลา ความคิดก็ผุดขึ้นมา และคิดออกถึงเรื่องนี้ทันที จึงจัดแจงให้องค์หญิงหนานฉือแต่งงานกับเขาเสียเลย!"ความคิดกับผีน่ะสิงานมงคลขององค์หญิงหนานฉือกับผู้ตรวจการอัน นี่มันเรียกว่าความคิดผุดขึ้นมาได้ด้วยหรือ?ทุกคนถลึงตาอ้าปากค้างอันเหนียนที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่เงยหน้าขึ้น แต่มุมปากสั่นระริกกระทั่งเขาเองก็ยังไม่รู้ ว่าเรื่องนี้อ๋องเจวี้ยนจะจัดการอย่างไร แต่ว่าตอนนี้เขารู้แล้วเขาแค่คุกเข่าไว้ก็พอ! ชัดเจนว่าเรื่องหลังจากนี้ส่งให้อ๋องเจวี้ยนจัดการได้เลย!อันเหนียนมักรู้สึกว่า หลังจากที่อ๋องเจวี้ยนแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้วก็เปลี่ยนไปมาก ท่าทางการพูดจาไร้สาระตอนนี้ก็ดูคล้ายกับพระชายาเป็นอย่างมาก"ผู้ตรวจการอันไม่กล้าตอบรับ แต่ข้าก็ใช้ยากับเขา ถ้าเขาไม่รับปากก็จะเลือดไหลจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย ดังนั้นจึงต้องทำตามสิ่งที่ข้าวางไว้"
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ