เขาดีใจมาก ขณะเดียวกันก็ยังสงสารและปวดใจจาวหนิงเป็นคนที่ลำบากมาไม่น้อย แล้วยังพยายามอย่างมาก แบกเรื่องต่างๆ ไว้มากมายขนาดไหน?มีแค่เคยแบกท้องฟ้าให้กับคนมากมายขนาดนี้เท่านั้น จึงจะถูกคนเหล่านี้เชื่อมั่นอย่างไม่มีข้อกังขาเช่นนี้"เช่นนั้นก็ฟังจาวหนิงเถอะ แต่ว่า หาคนไปส่งจดหมายให้พ่อของข้าหน่อยได้ไหม? เขาสามารถกลับมาได้หรือเปล่า?" ฟู่จิ้นเชินถาม"น่าจะได้อยู่ ข้าเมื่อครู่เดิมทีก็จะไปที่จวนอ๋อง ในบ้านทำซาลาเปาไว้จึงคิดจะส่งไปที่นั่น"เซี่ยซื่อตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง"ดูเอาเถอะ พวกเจ้ากลับมาเป็นเรื่องน่ายินดีเสียขนาดนี้ ต้องรีบไปบอกท่านผู้เฒ่าหน่อยแล้ว เขาต้องรีบกลับมาแน่ๆ!"นางรู้สึกอดรนทนไม่ไหว "ข้าจะไปที่จวนอ๋อง พวกเจ้าพักผ่อนกันก่อนเถอะ เสี่ยวเถา หู่จือ พวกเจ้ารีบไปต้มชา แล้วยกน้ำร้อนมาให้คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยชะล้างหน่อย ต้องข้ามกองไฟเสียหน่อยไหม? กว่าจะได้กลับมาบ้านกัน สักหน่อยดีไหม?"ป้าจงพอได้ยินคำนี้ก็ตบต้นขา"ใช่ๆๆ เรื่องนี้ต้องมี ต้องมีต้องมี ข้าจะไปเตรียมไฟให้""เช่นนั้นพวกเจ้าก็เตรียมเถอะ ข้าจะไปที่จวนอ๋อง เฉินซาน รบกวนเจ้าเอารถม้าไปส่งข้าหน่อย""่ขอรับ"ทางนี้ก็เร
"เจ้าว่าอะไรนะ?"ผู้เฒ่าฟู่พอได้ยินคำพูดของเซี่ยซื่อ จึงลุกพรวดขึ้นทันที และเพราะลุกเร็วเกินไป หน้าจึงมืดไปเล็กน้อย ยังดีที่ฟู่จาวเฟยรีบเข้ามาประคองเขา"ผู้เฒ่าฟู่ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในบ้าน จาวหนิงทางนี้มีบอกให้พวกท่านกลับไปไหม?" เซี่ยซื่อมาถึงจวนอ๋องเจวี้ยน ก็ยังต้องถามสถานการณ์ฝั่งนี้ด้วยพอสิ้นเสียงนาง สือซานก็เดินเข้ามา"ท่านอ๋องกับพระชายาก่อนหน้านี้สั่งการไว้แล้ว ว่าพอสามีภรรยาคุณชายฟู่กลับมาถึงเมืองหลวง พวกเราจะคุ้มครองท่านผู้เฒ่ากับคุณชายเสี่ยวเฟยกลับบ้านตระกูลฟู่เอง แต่หลังจากกลับไป ขอให้ผู้เฒ่าฟู่กับคุณชายเสี่ยวเฟยอย่าออกจากบ้านไปไหน"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนวางแผนไว้นานแล้ว"ในเมื่อพวกเขากำชับไว้แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็รีบกลับไป ไป เร็ว รีบกลับกัน" ดวงตาผู้เฒ่าฟู่แดงรื้น พลังพูดประโยคนี้จบ น้ำตาก็ไหลอาบลงมาเขารีบกุมมือฟู่จาวเฟย "เสี่ยวเฟย พ่อแม่ของเจ้ากลับมาแล้ว!"ฟู่จาวเฟยแข็งทื่อไปทั้งตัวจู่ๆ เขาเองก็ไม่ชัดเจนขึ้นมาว่าตนเองรู้สึกอย่างไรพ่อม่ผู้ให้กำเนิดกลับมาแล้ว ในที่สุดเขาก็จะได้พบพวกเขาแล้วแต่ว่า พวกเขาจะคิดอย่างไรกับตนเองบ้างนะ? หลังจากพบกันแล้ว ควรจะพูดอะไรดี
แต่ว่า ไอ้ที่บังเอิญดันไม่บังเอิญ เขาดันให้เซียวหลันยวนไปอยู่ในคุกถึงสองเดือน!สอเดือนนี้เขารอไหวที่ไหน? กับข้าวเย็นชืดกันพอดีเขาอยากจะดูว่าสามีภรรยาเซียวหลันยวนจะทะเลาะกันขึ้นมาไหม?"องค์จักรพรรดิ" พระชายาเล่อเติมชาให้เขาอยู่ข้างๆ อิงแอบเข้ามา "ท่านไม่ใช่แค่ให้อ๋องเจวี้ยนติดคุกอยู่คนเดียวหรอกหรือ? พระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ติดด้วยนี่นา ท่านก็ส่งคนไปที่คุกอธิบายเรื่องนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยนสิ ให้นางรีบกลับบ้านตระกูลฟู่เพื่อพบพ่อแม่ เช่นนี้ก็ยิ่งแสดงออกว่าฝ่าบาทเมตตานางเป็นพิเศษ มีน้ำใจให้"พระชายาเยว่ยังอายุน้อยกว่าฟู่จาวหนิงเล็กน้อย เรื่องในอดีตนางยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ไม่ได้ขวางให้นางเกลียดชังฟู่จาวหนิง ที่ทำชอบทำให้นางอารมณ์เสียอยู่เรื่อยส่งชิวอวิ๋นไปในจวนอ๋องเจวี้ยน เดิมทีก็มีเป้าหมายอยู่ใครจะคิดว่าฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย แล้วยังไล่ชิวอวิ๋นออกมาอีกนางสองวันนี้ยังโกรธไม่หายเหมือนว่าตอนนี้โอกาสจะมาแล้ว"พระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่ใช่อยากทำให้คนรู้สึกว่านางรักอย่างลึกซึ้งต่ออ๋องเจวี้ยน อยากจะอยู่ในคุกกับเขา ร่วมทุกข์กับเขาหรอกหรือ? ตอนนี้พ่อแม่นางกลับมาแล้ว ถ้าพอนา
ถึงอย่างไร เซียวหลันยวนก็อยู่ในคุกแค่คนเดียวคนขององค์จักรพรรดิกับใครบางคนที่คอยจับตาอยู่ตลอด เพียงไม่นานก็ได้ยินถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นสิ่งที่บรรยายจากปากของผู้คุม เล่าบทสนทนาของสามีภรรยาคู่นี้ออกมาอย่างชัดเจนรอบหนึ่งบอกมาว่า อ๋องเจวี้ยนดึงมือของฟู่จาวหนิงไว้ ในน้ำเสียงฟังออกว่ามีอารมณ์ซับซ้อนอ๋องเจวี้ยนพูดว่า: ข้าลำบากหาพวกเขามาสิบกว่าปี ตอนนี้พวกเขากลับมาแล้ว ข้ากลับไม่สามารถไปสอบถามด้วยตนเองได้อย่างชัดเจน ว่าตอนนั้นทำไมจึงต้องวางยา! เจ้ายังไม่ไปพบพวกเขาไม่ได้หรือ? ไม่เช่นนั้น พอข้าไม่อยู่ด้วย พวกเขาจะต้องใช้ความเป็นครอบครัวล่อลวงเจ้าแน่ ให้เจ้าไปยืนอยู่ฝั่งพวกเขาหลังจากนั้นพระชายาอ๋องเจวี้ยนจึงเริ่มแสดงเจตนารมณ์พระชายาอ๋องเจวี้ยนตอบว่า: ท่านไม่เข้าใจข้าหรือ? ท่านตอนนี้ออกไปไม่ได้ ข้าจะออกไปดูพวกเขาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เข้าไปถามให้ชัดเจน แล้วข้ายังพาพวกเขามาในคุกได้ ถึงตอนนั้นท่านค่อยถามจากพวกเขาอ๋องเจวี้ยนเอ่ยมาอีกว่า: เจ้าทำได้หรือ? ตั้งหลายปีมาแล้ว เจ้าไม่ใช่รอให้พวกเขากลับมาหรอกหรือ? ตอนนี้พวกเขากลับมาแล้วจริงๆ ต่อให้ปู่ของเจ้า ก็ไม่สามารถรับปากได้ว่าจะให้พ
ตอนที่ฟู่จาวหนิงกลับมา ทั้งครอบครัวยังร้องไห้กันไม่จบ น้ำตายังเช็ดกันอยู่ แต่เหมือนเช็ดเท่าไรก็ไม่หมดเสียทีนางเข้ามาในโถงใหญ่ อันห่าวเห็นนางก่อนเป็นคนแรกอันห่าวตาเป็นประกาย ร้องเรียกนางขึ้นทันที "พี่หญิงจาวหนิง!"เสียงนี้ ทำให้คนที่กำลังร้องไห้ตัวโยนได้สติกลับมาพวกเขามองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหันหลังให้แสง เดินเข้ามาช้าๆ ท้องฟ้าแสงหิมะอยู่ด้านหลังนาง ส่องโครงร่างนางออกมาราวกับเคลือบชั้นแสงอ่อนโยนชั้นหนึ่งให้กับนางพอนางเข้ามา ความโศกเศร้าเหล่านั้นก็จางลงไปพอควรเดิมทีพวกเขาก่อนหน้ายังควบคุมตัวกันไม่ได้ คิดถึงภาพความยากลำบากของแต่ละคนในช่วงสิบกว่าปีก่อน ทุกคนล้วนเศร้าเสียใจ แต่พอฟู่จาวหนิงเข้ามา พวกเขาก็เหมือนกับมองเห็นความหวังในอนาคตอดีตสุดท้ายก็จะผ่านไปอนาคตนั้นยังไม่เข้ามาฟู่จาวเฟยเองก็ไม่ละอายอีกต่อไปแล้ว "ท่านพี่!"พอเขาเห็นฟู่จาวหนิง ก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งยึดเหนี่ยว ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้พ่อแม่จะคิดเล็กคิดน้อยต่ออดีตเขาที่มองศัตรูเป็นแม่แท้ๆ ถึงอย่างไรท่านพี่ก็ยอมรับเขาแล้ว มีท่านพี่คอยหนุนอยู่ เขาก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นผู้เฒ่าฟู่เองก็ตื่นเต้นเหลือจะกล่าว รีบกวักมื
เสี่ยวเถายกชาร้อนเข้ามา ถอยออกไปข้างๆฟู่จาวหนิงจิบชาร้อนไปจิบหนึ่ง ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นมาหน่อย จึงเอ่ยขึ้นว่า"จากนี้พวกท่านวางแผนทำอะไร?"ผู้เฒ่าฟู่ชะงักไปจาวหนิงเด็กคนนี้ ทำไมถึงไม่มีความอ่อนแออ่อนโยนกับความเป็นหญิงเลยกันนะ?ในที่สุดได้กลับมาอยุ่กับพ่อแม่แล้ว แต่ก็ไม่มีร้องไห้ไม่อะไรเลยเลย? ยิ่งไปกว่านั้น ก็น่าจะพูดเรื่องความลำบากความน้อยเนื้อต่ำใจในช่วงนั้นหน่อยสิ ถ้าไม่พูดแล้วจะให้พ่อกับแม่เสียใจรู้สึกผิดได้อย่างไรกัน?"จาวหนิง หลังจากนี้ก็ต้องอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวน่ะสิ" ผู้เฒ่าฟู่คิดจะเอาคืนแทนนางเสียหน่อย ตบลงไปที่หลังของฟู่จิ้นเชิน เอ่ยขึ้นเสียงเข้มงวด "จาวหนิงเด็กคนนี้ลำบากมาไม่น้อย นางเป็นเด็กคนหนึ่ง แต่ยังต้องดูแลตาแก่คนนี้ แล้วยังคอยรักษาโรคให้ข้าอีก""ขนาดข้ายังไม่รู้เลยว่าเด็กคนนี้ไปร่ำเรียนวิชาแพทย์มาตอนไหน ก่อนหน้านี้ข้าวก็ยังไม่ค่อยกิน ตอนที่ข้าไม่รู้ ต้องไปเจอกับความยากลำบากมาขนาดไหนกันนะ"ผู้เฒ่าฟู่ปาดน้ำตา "นางตอนนี้เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน นั่นไม่ใช่การแต่งงานที่พ่อแม่จัดให้ตามประเพณี ไม่ใช่การแต่งงานเพราะรักกับอ๋องเจวี้ยนที่จะผูกพันไปทั้งชีวิต แต่เป็นการแ
"ไม่กลัว"ฟู่จิ้นเชินเองก็ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าอะไรที่นางซึ่งเป็นลูกสาวถามเช่นนี้กับตนเองเขาแค่มองคำถามที่ว่ากลัวหรือไม่ของฟู่จาวหนิงเป็นความกังวลและการทดสอบที่มีต่อเขาเท่านั้น"ข้าคิดว่า เจ้าคงอยากจะดูว่าพวกเราจะกลัวไหม แล้วค่อยมาปรับการเคลื่อนไหวของเจ้าสินะ?" ฟู่จิ้นเชินย้อนถามนางไปคำหนึ่งตอนที่ฟู่จาวหนิงยังไม่ทันตอบกลับ ฟู่จิ้นเชินก็มองนางอย่างจริงใจ เอ่ยขึ้นว่า "จาวหนิง อันที่จริงทำแบบนี้ก็ได้ เจ้าต้องการให้พ่อร่วมมืออะไรก็บอกพ่อได้เลย พ่อจะทำตามวิธีของเจ้า อย่างนี้ดีไหม?"เขาที่เป็นพ่อคนหนึ่ง สามารถทำตามการชี้แนะของนางได้ทุกอย่างนางต้องการให้เขาทำอะไร พูดอะไร เขาก็จะทำตามอย่างไม่มีข้อความเห็นอื่นเสิ่นเชี่ยวเองก็พยักหน้าด้วย "ข้าเองก็ทำได้ พวกเราฟังเจ้า"ฟู่จาวเฟยมองพ่อกับแม่ เอ่ยขึ้นมาทันทีเช่นกัน "ท่านพี่ ข้าเองก็ฟังท่าน!"ผู้เฒ่าฟู่เองก็เขยิบเข้าไปอยู่ข้างๆ พวกเขาด้วยสัญชาตญาณ มองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีทำอย่างกับนางกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น"ข้าไม่อยากเป็นหัวหน้าครอบครัวหรอกนะ ลำบากจะตายไป" นางบ่นขึ้นมาคำหนึ่งฟู่จิ้
เพราะพวกเขามีคุณความดีต่อองค์จักรพรรดิ ตอนนั้นองค์จักรพรรดิจึงเริ่มให้ความสำคัญกับฟู่จิ้นเชิน บวกกับฟู่จิ้นเชินเองก็มีชื่อเสียงไปทั้งเมืองหลวง มากล้นความสามารถ ทุกวันในโถงศึกษา ร้านน้ำชา เหล่านักปราชญ์ผู้ศึกษาเหล่านั้น ต่างก็ท่องบทกลอนงานประพันธ์ของฟู่จิ้นเชินเป็นส่วนใหญ่ต่างพูดกันว่าฟู่จิ้นเชินเป็นดวงดาวประทานปัญญาความสามารถวรรณกรรมที่จุติลงมาบนโลกในอนาคตต้องได้เป็นจอหงวนอย่างแน่นอนความสามารถของจอหงวน บวกกับคุณความดีต่อองค์จักรพรรดิ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังรู้สึกว่าฟู่จิ้นเชินหน้าตาที่หาได้ยากยิ่งอีกด้วยสรุปก็คือ จวนชินอ๋องเซียวรู้สึกว่าฟู่จิ้นเชินมีเส้นทางในอนาคตที่รุ่งโรจน์ด้วยความสามารถของเขาถ้าพยายามให้ดี พอลูกๆ ถึงอายุที่สามารถแต่งงานได้ ตระกูลฟู่ก็น่าจะกลายเป็นตระกูลใหญ่ทรงอิทธิพลในเมืองหลวงไปแล้วเขามีสายตาที่ดี จึงตีตราจองไว้ก่อนดังนั้น ชินอ๋องเซียวจึงเอ่ยปากออกมาเองหลายครั้ง ถ้าหากเด็กในท้องนางเป็นหญิง ก็ให้มาหมั้นหมายกับรัฐทายาทน้อยของบ้านเขาไว้เลยองค์จักรพรรดิเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ฟู่จิ้นเชินที่เพ่ิงมา พอเห็นรัฐทายาทน้อยที่ตอนนั้นยังเด็กมากดูน่ารักน่าชัง ถ้า
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ