ฟู่จาวหนิงเองก็ป้องกันไว้ก่อน ระวังเอาไว้หน่อยไทเฮาตอนที่กลับมา ชินอ๋องเซียวน่าจะยังไม่ได้ล้มป่วยจนถูกส่งไปที่อุทยานนั่น แต่เขาเองก็ส่งคนไปหาคนป่วยนั่นจนทั่ว น่าจะมีบางส่วนที่ใช้คนในอุทยานด้วย เพราะคนที่ยากจนเหล่านั้น น่าจะรู้มากกว่าว่าจะไปหาคนป่วยหนักแล้วไม่มีเงินรักษาได้จากไหนส่วนไทเฮาจะยอมดื่มหรือไม่ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่นางพิจารณา ยาก็ส่งไปแล้ว นางจะดื่มก็ดื่ม ไม่ดื่มก็ตามนั้นกุ้ยหมัวมัวมองออกถึงท่าทีของนาง แต่ก็ยังตัดสินใจเตือนให้ไทเฮาดื่มยาตัวนางเองก็เห็นแล้ว ว่าคนอื่นๆ ในจวนชินอ๋องเซียวล้วนดื่มกันหมด"เอาเถอะ ในเมื่อเป็นยาของจาวหนิง ข้าก็จะไม่ถามมากแล้วกัน" ไทเฮารับยาไป ยกขึ้นดื่มอย่างไม่ลังเลสาวใช้เข้ามารับชาม บอกกับผู้ดูแลผู้ดูแลจงตอนที่ไปพบฟู่จาวหนิงก็บอกเรื่องนี้กับนางบอกว่าไทเฮาดื่มยาจนหมดโดยไม่ลังเลฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำนี้ ก็หันไปคุยกับเซียวหลันยวนสองสามคำ"ถ้าหากพวกเราไปจริงๆ แล้วไทเฮาล่ะ?" ตอนนี้ดูท่าไทเฮาเองก็ยืนอยู่ฝั่งเซียวหลันยวนด้วย รับสั่งองค์จักรพรรดิครั้งนี้ที่ให้ไทเฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยน เห็นได้ชัดว่ามีความคิดจะทำร้ายนาง ถ้าพวกเขาจากไปแล้ว ไทเฮา
ฟู่จาวหนิงตอนที่หาเซียวหลันยวนเจอ เขากำลังเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง แล้วให้องครักษ์ส่งไปหาหลานหรงหลานหรงยังไม่ได้เข้าเมืองหลวง งานที่เขารับผิดชอบมาตลอดเกี่ยวกับเรื่องของตงฉิง เรื่องเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงไม่เคยถามแต่ว่า หลายวันนี้ที่นางอยู่แต่ในจวนอ๋อง งุดหัวอยู่กับการสกัดยา ก็รู้สึกเบื่ออยู่บ้าง พอได้ยินว่าเขาให้คนส่งจดหมายหาหลานหรง ฟู่จาวหนิงเลยถามไปคำหนึ่ง"หลานหรงยังตรวจสอบเรื่องของตงฉิงอยู่ไหม?"เซียวหลันยวนพยักหน้า "ยังตรวจอยู่""แล้วมีความคืบหน้าบ้างไหม?""คุณชายฟู่ทางนั้นให้เบาะแสมาไม่น้อย หลานหรงนำคนไปเจอกับสถานที่ที่พวกเขาค้นพบเมื่อครั้งนั้นแล้ว ที่นั่นปีที่แล้วเกิดปรากฏการณ์มังกรพลิกตัวขึ้นครั้งหนึ่ง"เซียวหลันยวนเข้ามา โอบฟู่จาวหนิงไว้เขาออกไปวุ่นอยู่สามวัน เมื่อคืนเพิ่งกลับมาจวนอ๋อง พูดได้ว่าสามวันแล้วที่ไม่เห็นหน้าฟู่จาวหนิง ตอนนี้กอดนางไว้ในอ้อมกอด รู้สึกเหมือนตัวเองดูดซับพลังมาจากนางเลยฟู่จาวหนิงอยู่ในอ้อมกอดเขา พอได้ยินเขาพูดถึงมังกรพลิกตัว ก็อดตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้"แผ่นดินไหว?""อื๋อ? แผ่นดินไหว? พูดแบบนี้ก็ถูกต้องนะ" เขาเพิ่งจะได้ยินคำว่าแผ่นดินไหวเป็นครั้งแรก แ
ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน จู่ๆ ในสมองก็แวบขึ้นมา ถามขึ้นอย่างแปลกใจ "ท่านคงไม่ได้คิดจะไปตงฉิงหรอกใช่ไหม?"นางเองก็ไม่รู้ว่าว่าทำไมตนเองจู่ๆ จึงมีความคิดเช่นนี้เป็นเพราะแผนที่แผ่นดินในห้องหนังสือของเซียวหลันยวนช่วงนี้ เปลี่ยนไปแล้วหรือ? เปลี่ยนไปที่ชายแดนเขตแคว้น และตงฉิงเองก็อยู่ด้านบนนั้นเดิมทีเขาอยากจะหาสถานที่ที่เหมาะสมของพวกเขาในเขตแดนแคว้นเจาสักแห่งแต่ตอนนี้ เปลี่ยนเป็นตงฉิงแล้วหรือ?"หนิงหนิง ทำไมเจ้าถึงได้ฉลาดขนาดนี้?" เซียวหลันยวนอดเขี่ยที่คางนางไม่ได้ ก้มหน้าลงมาจูบนางไปทีหนึ่งนางฉลาดขนาดนี้ ยิ่งทำให้เขาชอบมากขึ้นไปอีก"ที่นั่นปลอดภัยไหม?"ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้สนับสนุนหรือคัดค้าน แค่ถามคำถามนี้ขึ้นมาก่อนถึงอย่างไร บนจดหมายของหลานหรงก็เขียวไว้ว่า ที่นั่นลาดเอียงลงไปจนเป็นเหวลึก ยิ่งไปกว่านั้นการล่มสลายของตงฉิงก่อนหน้านี้ คือภูเขาทั้งลูกเทลาดลงมา แล้วครั้งนี้ยังเกิดแผ่นดินไหวที่น่ากลัวขึ้นอีก พื้นที่ผืนนั้นของตงฉิงมันปลอดภัยแน่หรือ?"เจ้ารู้ไหมว่าพ่อของเจ้าคารวะใครเป็นอาจารย์?" เซียวหลันยวนจู่ๆ ก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาคุณชายฟู่ที่เขาพูดถึงก่อนหน้านี้ ก็หมายถึงฟู่จิ้นเช
ฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงรู้สึกนับถือฟู่จิ้นเชินมากฟู่จิ้นเชินเชิญผู้อาวุโสโม่ไปตรวจสอบตงฉิงทางนั้นว่ามีอันตรายหรือไม่ ถ้าหากมีผลลัพธ์อะไร เซียวหลันยวนก็สามารถพิจารณาได้ว่าไปที่ตงฉิงได้จริงไหม"แล้วเมืองหลวงทางนั้นที่ตรวจสอบชินอ๋องเซียว ตรวจสอบพบคนเก่าแก่ที่เกี่ยวข้องกับอ๋องฉยงคนหนึ่ง คนนั้นเป็นใครกันแน่?"เป้าหมายที่นางเข้ามาเมื่อครู่ ก็เพื่อจะถามเรื่องนี้เซียวหลันยวนตอบ "เจ้าเองก็เคยพบนะ"นางเองก็เคยพบ?นางไม่ได้รู้จักอ๋องฉยงเสียหน่อย ต่อให้ปีที่แล้วจะได้รู้จักกันบ้างจากลูกนอกสมรสของอ๋องฉยงคนนั้น แต่ช่วงนี้อ๋องฉยงก็พักอยู่เงียบๆ ในวังราชนิเวศน์มาตลอด ไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลย นางเองก้ไม่ถือว่ารู้จักด้วยคนเก่าแก่ที่เกี่ยวข้องกับอ๋องฉยงและชินอ๋องเซียว เป็นใครกันแน่?พอเห็นเซียวหลันยวนมองนาง ท่าทางเหมือนตั้งใจทดสอบนาง ฟู่จาวหนิงจึงหยิกออกไปทีหนึ่ง"ผู้หญิงหรือ?"เซียวหลันยวนหัวเราะ "หนิงหนิงของข้านี่ฉลาดจริงๆ"นี่ไม่ใช่แค่เดาหรือไรกัน? เป็นผู้หญิงคนหนึ่งสินะฟู่จาวหนิงคิดถึงหน้าตาอวิ๋นจูลูกนอกสมรสของอ๋องฉยง ในสมองจู่ๆ ก็มีใบหน้าหนึ่งแล่นเข้ามา นางจู่ๆ ก็รู้สึกว่าดวงตาของอวิ๋นจูคล
เซียวหลันยวนเองก็คิดไม่ถึง ว่าแม่ลูกฮูหยินเฉินหลังจากมาถึงเมืองหลวงแคว้นเจา ต่งฮ่วนจือก็จะพาพวกนางเข้าไปอยู่ที่บ้านของเขาต่งฮ่วนจือไม่ใช่คนที่ไร้ชื่อเสียง เขาตอนนี้ดูแลพันธมิตรโอสถของเมืองหลวงอยู่ ดังนั้นถือเป็นบุคคลสาธารณะที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้คนเช่นกัน การเคลื่อนไหวเพียงนิดเดียวก็ล้วนมีคนที่พบเห็นบ้านที่เขาเช่าไว้ก็มีคนเข้ามาแวะเวียนอยู่ตลอดดังนั้น พอเขาพาแม่ลูกคู่นี้เข้ามาอยู่ จะปิดบังคนอื่นไว้ได้อย่างไร?ไม่แน่ อ๋องฉยงตอนนี้อาจจะรู้แล้วก้ได้ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าต่งฮ่วนจือพาแม่ลูกฮูหยินเฉินมาแบบนี้ ไม่ใช่พฤติกรรมที่ฉลาดเลยถ้าหากฮูหยินเฉินมีความคิดจะอยู่ด้วยกันกับเขานั่นก็เรื่องนึง แต่จากที่นางสังเกต ฮูหยินเฉินอันที่จริงก็มีความคิดของนางเองอยู่ ไม่ได้คิดที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสุขสันต์กับต่งฮ่วนจือเลยแล้วต่งฮ่วนจือพาคนมาแบบนี้คิดอะไรอยู่?ตอนนั้นที่ช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ ก็เก็บพวกเขามาไว้ตั้งหลายปี ฮูหยินเฉินเองจะมีชีวิตที่ดีในเมืองจี้ก็ทำได้ หาลูกเขยสักคนให้กับเฉินฮ่าวปิง ใช้ชีวิตไปทั้งแบบนั้นแต่พวกนางยังมีสายตาที่สูงกว่า เมืองจี้ที่ใหญ่เสียขนาดนั้น แต่ก็ยังหาชายหนุ่มท
อ๋องฉยงสามารถกลับเมืองหลวงจากจวนฉยงโจวได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถอยู่ที่นี่ได้นานอีกด้วย จะต้องเงื่อนไขอะไรที่ทำให้จักรพรรดิสนใจแน่ๆจุดสำคัญอยู่บนตัวฮูหยินเฉินคนนี้เพราะอ๋องฉยงช่วงนี้ถึงแม้จะอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ แต่อันที่จริงก็ส่งคนมาตามหาคนในเมืองหลวงตลอดจนตอนที่เขาตรวจสอบความสัมพันธ์ของฮูหยินเฉินกับอ๋องฉยงได้ชัดเจน เขาจึงรู้คนที่อ๋องฉยงตามหาก็คือฮูหยินเฉินนี่เอง"ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รอหรือ? รอให้พวกเขาพบกัน?"สายตาฟู่จาวหนิงเปล่งประกายขึ้นทันที นางรู้ว่าเซียวหลันยวนจะต้องอยากรอให้อ๋องฉยงได้เจอกับฮูหยินเฉินแน่ ขอแค่พวกเขาเจอหน้ากันก็จะพูดคุยกัน ถึงตอนนั้นพวกเขาแค่ซ่อนตัวแล้วแอบฟัง ก็จะรู้ความลับบนตัวพวกเขาแล้วว่าคืออะไร"น่าจะใกล้แล้ว ถึงอย่างไรต่งฮ่วนจือก็ไม่ช่คนที่ไม่มีชื่อเสียง ข่าวที่ข้างกายเขาปรากฏแม่ลูกสาวงามขึ้นมาไม่นานก็คงถูกคนส่งออกไปแล้ว""ถ้าอย่างนั้นข้าต้องไปบอกท่านอาจารย์เสียหน่อยไหม? ให้เขาจัดการศิษย์พี่ให้ดี" ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกไม่ค่อยชอบการกระทำของต่งฮ่วนจืออยู่หน่อยๆถือแม้การจัดการงานในพันธมิตรโอสถ ต่งฮ่วนจือนั้นทำได้ไม่มีปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นความรู้เกี่ย
ฟู่จาวหนิงออกมาคนเดียวเซียวหลันยวนอันที่จริงก็บอกกับนางแล้วว่าจะให้คนออกไปเตรียมรถม้าให้ แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธมา เพราะนางคืนนี้คิดจะปฏิบัติการเงียบๆ ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ในจวนอ๋องมาตั้งหลายวัน นางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะพิการ ถือโอกาสใช้ปฏิบัติการคืนนี้ ออกไปยืดเส้นยืดสายเสียหน่อยถ้าหากคนที่คอยจับตาดูจวนอ๋องเจวี้ยนพบนางเข้า จะสู้สักยกก็ได้อยู่น่าเสียดายที่ขยะพวกนั้นดันไม่เจอนาง ปล่อยให้นางเดินออกมาแบบนี้แต่นางเองก็คิดไม่ถึงว่าฟู่จิ้นเชินจะอยู่ที่นี่ในเมื่อเขามาแล้ว ฟู่จาวหนิงก็ไม่ปฏิเสธที่จะนั่งรถม้าเสียหน่อยนางขึ้นรถม้า เฉินซานควบรถม้าให้ค่อยๆ วิ่งไปด้านหน้าตอนนี้อากาศเย็นมาก หลังจากเข้ากลางคืนด้านนอกก็แทบไม่มีคนอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นจวนอ๋องเจวี้ยนช่วงหนึ่งจนถึงถนนด้านนอกก็ไม่มีคนอยู่เลยจริงๆฟู่จาวหนิงหลังจากขึ้นรถม้าก็ถามสิ่งที่ตนเองสงสัย"ท่านมารอข้าที่นี่หรือ? ท่านรู้ว่าคืนนี้ข้าจะออกมาหรือ?"วันนี้ที่ออกมาตอนค่ำเป็นการตัดสินใจกะทันหันของนาง ไม่ได้บอกใครก่อน แต่ฟู่จิ้นเชินดันรู้ทำให้นางรู้สึกไม่อยากเชื่อเอามากๆฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายอบอุ่นฟู่จาวหนิงส
ในเมืองหลวง ต่งฮ่วนจือถือว่าแค่มาอาศัยอยู่ชั่วคราว เขาอยู่ที่นี่ไม่มีที่วางเท้าได้มั่นคงอย่างแท้จริง และที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่คนมีฐานะอำนาจอยู่รวมกัน ดังนั้น แม่ลูกตระกูลเฉินจึงพูดได้ว่าอ่อนแอไร้ที่พึ่งพิงเวลาเช่นนี้ เฉินฮ่าวจูจะไม่คิดเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนบ้างหรือ? ไม่คิดที่จะทำอะไรกับอ๋องเจวี้ยนบ้างหรือ?ถ้านางอ้อนวอนต่งฮ่วนจือ ให้เขาใช้ตัวตนฐานะศิษย์พี่ มาอ้อนวอนฟู่จาวหนิง ให้นางยอมรับเฉินฮ่าวจูเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน สำหรับฟู่จิ้นเชินแล้ว นี่ถือว่าเป็นการทำให้ฟู่จาวหนิงไม่ได้รับความเป็นธรรมเขาเองก็อยากจะดู ว่าต่งฮ่วนจือจะกล้าเอ่ยปากเช่นนี้ไหมเขาไม่ให้ให้ฟู่จาวหนิงต้องเผชิญเรื่องเหล่านี้เพียงลำพังหลายปีก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยได้ปกป้องลูกสาวเลยสักครั้ง ตอนนี้ลูกสาวเติบโตขึ้นแล้ว เขาก็ยังหาโอกาสให้นางรู้ไม่ได้เลย ว่าเขารักนางมากตอนนี้นางเติบโตจนเก่งกาจขนาดนี้ ไม่รู้ว่าต้องผ่านลมฝนความลำบากมาแค่ไหน พอคิดถึงจุดนี้ ฟู่จิ้นเชินก็ปวดใจขึ้นมาเขาอยากจะยื่นมือไปกอดลูกสาว แต่ระหว่างพ่อลูกอย่างพวกเขามีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ชั้นหนึ่ง ที่ทำให้เขาไม่กล้าทำลายลงง่ายๆเขาเองก็รู้ว่าเรื่อง
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ