ถึงอย่างไรศิษย์น้องหญิงก็เป็นหญิงสาว นางรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญแค่ไหนกับหญิงสาว"ศิษย์พี่รองลองว่ามาก่อนว่าเรื่องอะไร ข้าเองจะตอบรับไปโดยไม่รู้อะไรก็ไม่ได้"ฟู่จาวหนิงถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่นางก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับต่งฮ่วนจือตอนนี้เลย ดังนั้นจึงคิดว่าไม่น่าเป็นเรื่องดีอะไร"คุณชายฟู่กับฮูหยิน..." ต่งฮ่วนจือมองฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยว ตอนนี้เขารู้สึกว่าสามีภรรยาคู่นี้เข้าหายาก เรื่องนี้ก็ไม่อยากจะพูดต่อหน้าพวกเขาเดิมทีเขาอยากให้พวกเขาถอยออกไปหน่อย แต่ดูท่าทางแล้ว ฟู่จิ้นเชินก็รู้แล้วว่าที่เขาจะพูดไม่น่าเป็นเรื่องดีอะไร จึงไม่ยอมออกไป"ทำไม เป็นเรื่องที่พูดออกมาแล้วลำบากใจหรือ? ขนาดแค่พูดออกมายังลำบากใจ ถ้าอย่างนั้นจาวหนิงก็น่าจะช่วยไม่ได้แล้วกระมัง"ฟู่จิ้นเชินไม่อยากไว้หน้าต่งฮ่วนจืออีกแล้วขนาดอยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ยังไม่กล้า แล้วจะเป็นเรื่องง่ายๆ ได้อย่างไร?ต่งฮ่วนจือคิดๆ ถอนหายใจออกมาอย่างจำใจ"อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะช่วงนี้ในบ้านศิษย์น้องหญิงค่อนข้างวุ่นวาย เช่นนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร""ศิษย์พี่ว่ามา"ฟุ่จาวหนิงเองก็เห็นแก่ว่าพ
ฟู่จาวหนิงถามคำถามนี้ออกไป เฉินฮ่าวปิงจึงเงยหน้าขึ้นมา เอ่ยขึ้นว่า"ข้ารู้ว่าพวกท่านไม่เป็นอะไรกัน ดังนั้นที่ลือกันข้างนอก ข้างจึงไม่เชื่อ""โอ๋?"ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่าน่าจะดึงพวกนางให้ใกล้กันได้บ้าง ช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น จึงยิ้มๆ เอ่ยชมฟู่จาวหนิงขึ้นมาสองสามคำ"เป็ฯแบบนี้ ฮ่าวปิงมั่นใจกับวิชาแพทย์ของเจ้ามาก เรื่องตอนที่เจ้าอยู่เมืองจี้นางเองก็รู้ เจ้าเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว พวกประธานนั่นก็ชมวิชาแพทย์ของเจ้าไม่หยุดปาก ดังนั้นพวกของฮ่าวปิงพอมาถึงเมืองหลวง หลังจากได้ยินเรื่องในจวนอ๋องเจวี้ยน ก็เชื่อว่าอ๋องเจวี้ยนจะไม่เป็นอะไร เพราะมีเจ้าอยู่ด้วย""หรือก็คือ ข้าต้องขอบคุณความเชื่อมั่นของแม่นางเฉินหรือ?""ศิษย์น้องหญิง เดิมทีข้าเองก็กังวลหน่อยๆ แต่วันนี้ตอนกินข้าวเย็น อาจารย์เองก็บอกว่าไม่ต้องกังวลเกินไปนัก ข้าเห็นว่าเขายังกินได้ดื่มได้ จึงรู้สึกว่าพวกเจ้าไม่น่าจะเป็นอะไรกัน ไม่อย่างนั้นด้วยความเป็นห่วงต่อตัวเจ้าของอาจารย์ เขาจะกินอะไรลงเสียที่ไหน"ต่งฮ่วนจือทอดถอนออกมาคำหนึ่ง "ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ศิษย์น้องหญิงก็ยังอยู่ดีที่นี่นี่นา? เจ้าไม่เป็นไร อ่องเจวี้ยนก็ต้องไม่เป็นไรแน่"
เฉินฮ่าวปิงถลึงตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ น้ำตาเอ่อออกมา หมุนตัววิ่งออกไป"ฮ่าวปิง!"ต่งฮ่วนจือกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง ร้อนรนขึ้นมา รีบไล่ตามออกไปขนาดร่ำลาสักคำก็ไม่มี"ศิษย์พี่ของเจ้านี่มันยังไงกัน..." ฟู่จิ้นเชินส่ายหัวจุ๊ปาก"เวลาที่อยู่ข้างกายท่านอาจารย์สั้นไปหน่อย" ฟู่จาวหนิงบอกฟู่จิ้นเชินรู้สึกเห็นด้วย จากนั้นจึงถามขึ้นมาคำหนึ่ง "แม่นางคนนี้แอบชอบอ๋องเจวี้ยนใช่ไหม?"ไม่อย่างนั้นทำไมพอเข้ามาก็ถามถึงอ๋องเจวี้ยนก่อน? พอเห็นท่าทางความเป็นห่วงตึงเครียดของนาง ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนเป็นอะไรกับนางไปด้วยซ้ำ"เซียวหลันยวนนี่มีสาวงามมาสนใจเยอะจริงๆ" ฟู่จาวหนิงร้องเหอะๆ ออกมาเสิ่นเชี่ยวกลับดูจะกังวลหน่อยๆ"ในเมืองจี้พวกเขาเคยเจอกันไหม? แล้วก็สาวงามสามคนที่ถูกไล่ออกไปจากจวนอ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้ เป็นความคิดของเจ้าหรือความคิดของอ๋องเจวี้ยนล่ะ?"นางกังวลและเป็นห่วงฟู่จาวหนิงขึ้นเสียแล้ว "ถ้าหากเจ้าต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ตลอด ตอนนี้เจ้ากับอ๋องเจวี้ยนยังอายุน้อย ความรักลึกซึ้งกันก็ยังดีหน่อย แต่เดี๋ยวพออยู่กันไปนานๆ แล้วเริ่มเบื่อ ความรักไม่ได้เข้มข้นเหมือนตอนนี้ แล้วเจ้าต้องมาคอยไล่หญิงสา
เฉินฮ่าวปิงรู้สึกว่าคืนนี้ที่ไปบ้านตระกูลฟู่ นางเสียหน้ามาก"พูดแล้วมีประโยชน์อะไร? พูดอะไรนางก็ไม่รับปากทังนั้น!" เฉินฮ่าวปิงตาแดงก่ำขึ้นมา "นางไม่ชอบข้า แล้วจะมาช่วยข้าได้อย่างไร?"ฮูหยินเฉินถูกนางแผดเสียงแหลมใส่แบบนี้จนหูรับไม่ค่อยไหวนางเองก็ไม่พอใจ แต่พอเห็นสายตาของเฉินฮ่าวปิงจึงนิ่งไว้ก่อน"ปิงเอ๋อร์ เจ้าโทษนางไม่ได้ที่นางไม่ชอบเจ้า เพราะตอนนั้นในเมืองจี้เจ้าดันยั้งตัวเองไม่อยู่ คิดจะเข้าไปอยู่ข้างกายอ๋องเจวี้ยนให้ได้ แม่เคยบอกเจ้าไปแล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะชอบคนที่มาแอบชอบสามีของตนเอง ดังนั้นเรื่องนี้โทษนางไม่ได้"นี่ยังอยู่ต่อหน้าต่งฮ่วนจือ แม่ก็ยังพูดแบบนี้กับนาง!ยิ่งไปกว่านั้นยังเอาเรื่องที่นางชอบอ๋องเจวี้ยนพูดออกมาอีก นางไม่ต้องมีหน้ามีตากันแล้วใช่ไหม?น้ำตาเฉินฮ่าวปิงไหลเป็นเขื่อนแตกลงมา"นั่นข้าผิดอะไร? ข้าเพิ่งเคยเจอผู้ชายแบบนั้นเป็นครั้งแรก เดิมทีใต้หล้านี้ก็หาคนแบบอ๋องเจวี้ยนได้ยากอยู่แล้ว ข้าไปชอบเขาแล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าท่านแม่อายุน้อยกว่านี้สักสิบปี แล้วท่านไปเจอเขา ท่านไม่ชอบเขาได้หรือ?""เจ้า..." ฮูหยินเฉินถูกนางฟาดมาแบบนี้ ก็สะอึกจนพูดอะไรไม่ออกต่งฮ่ว
"เอาล่ะ ค่อยคิดหาวิธีแล้วกัน ศิษย์น้องหญิงทางนั้นไม่เห็นด้วย ข้าจะไปหาคนอื่นให้ใหม่ ศิษย์น้องหญิงอาจจะเพราะอ๋องเจวี้ยนช่วงนี้ป่วยจนไม่มีความคิดจะช่วยนั่นล่ะ ต่อให้ฮ่าวปิงไปกับนาง นางก็ไม่แน่ว่าจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไร"อันที่จริงพวกเขาก็ยังไม่ได้หาข่าวให้ชัดเจนด้วยถ้าหากหาข่าวจนชัดเจน ฮูหยินเฉินก็ไม่แน่ว่าจะให้ฟู่จาวหนิงมาช่วยงานนี้ด้วยนิสัยแบบนั้นของฟู่จาวหนิง ที่อหังการไปทั้งเมืองหลวงในช่วงสองปีนี้ ใช่คนที่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรแบบนั้นเสียที่ไหน?นางแค่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงวังไปไม่กี่ครั้งเท่านั้น แล้วก็แทบจะฉีกหน้าคนทิ้งทั้งหมดอีกส่วนเหล่าคุณหนูฮูหยินคนอื่นในเมืองหลวงเวลาจัดงานชมดอกไม้อะไรพวกนี้ นางเคยไปเข้าร่วมเสียที่ไหนกันจะว่าไป เซียวหลันยวนเองก็ด้วย ตัวตนฐานะของเขาเองก็ค่อยข้างพิเศษ คนอื่นพอมาถึงหนึ่งคือเข้าหากยาก สองคือเหยียบย่ำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ คิดจะคบค้าสมาคมกับเขาต้องระแวงระวังตัว รักษาระยะห่างเอาไว้ให้ดี ดังนั้นจึงไม่ไปร่วมงานเลี้ยงอะไรอยู่แล้วดังนั้น เฉินฮ่าวปิงไปหาพวกเขาคือเรื่องที่ผิดแน่นอน ถ้าหากเป้าหมายที่เฉินฮ่าวปิงคิดจะพิชิตคือเซียวหลันยวน เช่นนั้นน
เฉินฮ่าวปิงพอได้ยินคำพูดของแม่ ก็นิ่งงันไปแล้วก่อนหน้านี้นางเองก็รู้อยู่ ว่าถ้าถูกฮูหยินหลักมาไล่สังหารล่ะก็ นางจะเป็นลูกของฮูหยินหลักได้อย่างไร?แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แม่บอกนางออกมาอย่างชัดเจน: ว่านางเป็นลูกภรรยารอง"แต่ แต่ว่า ถ้าหากข้าเป็นลูกภรรยารองล่ะก็ ทำไมท่านถึงบอกข้ามาตลอดว่าข้ามีตัวตนไม่ธรรมดา?" เฉินฮ่าวปิงรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจนางเองก็โตแล้ว ทำไมถึงไม่พูดกับนางตรงๆ ล่ะ?ถ้าหากนางเป็นแค่ลูกภรรยารองล่ะก็ มันเรียกว่าตัวตนไม่ธรรมดาได้ไหม? เรียกเป็นพวกคุณหนูได้ไหม?ฮูหยินเฉินถูกนางถามจนงงงันไปแล้วคำถามนี้นางต้องตอบอย่างไร?"ท่านแม่ ท่านรีบบอกข้าเถอะ พ่อของข้าเป็ฯใครกันแน่?""ปิงเอ๋อร์ ฟ้ามืดแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ ให้ข้าคิดอีกหน่อย อีกสองสามวันแล้วจะเล่าให้เจ้าฟังอย่างละเอียด ตอนนี้พูดออกไปมันไม่มีประโยชน์กับเจ้า""ท่านแม่!"ไม่ว่านางจะถามอย่างไร ฮูหยินเฉินก็ไม่ยอมบอกนางพ่อของเฉินฮ่าวปิงคือใคร ฟู่จาวหนิงนั้นรู้อยู่แต่สิ่งที่นางไม่รู้ตอนนี้ก็คือ อ๋องฉยงเอาเงื่อนไขอะไรมาต่อรองกับองค์จักรพรรดิเรื่องนี้ ฟู่จิ้นเชินกลับเหมือนจะเข้าใจอยู่บ้างแล้ว"แคว้นเจาช่วงหลายปีนี้มีภั
นางพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย และเห็นว่าเหมือนน่าสุดท้ายยังมีอีก แต่ถูกฉีกออกไป"ด้านหลังน่าจะมีอีกหน้าหนึ่ง" ฟู่จิ้นเชินบอก "นี่เป็นหนังสือไม่สมบูรณ์ที่ได้มาโดยบังเอิญ แต่ตอนที่ข้าได้มาก็มองออกแล้วว่าถูกคนพลิกอ่านไปนานมาก น่าจะมีคนไม่น้อยที่เคยเห็น ข้ารู้สึกว่า องค์จักรพรรดิหรือไท่ซ่างหวงก็น่าจะเคยเห็นหนังสือเล่มนี้ กระทั่งว่า ไท่ซ่างหวงของต้าชื่อก็น่าจะเคยได้อ่าน"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป "ทำไมจึงพูดเช่นนี้ล่ะ?""ข้ากับแม่เจ้าหลายปีมานี้หนีตายไปทั่ว หลบตะวันออกบ้างตะวันตกบ้าง เจอกับคนมาก็ไม่น้อย ได้ยินเรื่องราวมาก็เยอะ หลายวันนี้พวกเราก็นึกย้อนกลับไปทีละนิดๆ เอาคนกับเรื่องราวที่เป็นประโยชน์จดลงมา ดังนั้นจึงเชื่อมโยงเรื่องที่เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกัน"ฟู่จาวหนิงได้ยินเขาพูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเกินคาดขึ้นมาดูท่า แม้พวกเขาจะยังกลับมาได้ไม่นาน แต่ก็ทำเรื่องต่างๆ ไปไม่น้อยเลยนี่เป็นสิ่งที่ข้าพบมาจากใต้คานห้องรับรองแห่งหนึ่งหลังจากที่นึกเรื่องบางอย่างออก ก่อนหน้านี้พออ่านไปรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ดังนั้นจึงเก็บซ่อนมันเอาไว้ฟู่จิ้นเชินยิ้มขืน "ยังดีที่ตอนนั้นซ่อนเอาไว้สินะ? ไม่อย่างนั้นตอ
ฟู่จาวหนิงคุยกับฟู่จิ้นเชินไปอีกครึ่งคืนเดิมทีก็ไม่คิดจะคุยเยอะขนาดนี้ แต่เรื่องเหล่านี้พอคุยขึ้นมาแล้ว มันจะลากดึงออกไปทีละเรื่องๆ ยิ่งคุยก็ยิ่งมีชีวิตชีวาตอนท้ายคือเสิ่นเชี่ยวเข้ามาหยุดพวกเขาไว้"ถึงท่านจะเป็นคนนอนน้อย แต่ก็ต้องดูแลจาวหนิงด้วยสิ ดึกขนาดนี้แล้วนะ" เสิ่นเชี่ยวดูจำใจนางยกบะหมี่น้ำเข้ามาสองชาม ด้านบนโป๊ะไข่ดาวไว้ฟองหนึ่ง โรยต้นหอม น้ำแกงใสหอมหวาน ร้อนกรุ่นๆฟู่จาวหนิงเองก็หิวแล้ว กินจนหมดเกลี้ยงมองดูนางกิน เสิ่นเชี่ยวในใจก็เบิกบานนักนี่ถือเป็นครั้งที่พวกเขาเข้ากันได้ดีที่สุดครั้งหนึ่ง ถ้าหากเป็นแบบนี้ตลอดไปได้ก็คงดีแต่ว่านางเองก็รู้ ทั้งหมดเป็นเพราะฟู่จาวหนิงเป็นคนใจเย็นเวลาเจอกับเรื่องอะไร ถ้านางต้องการจะคุยอะไรจริงๆ นางก็จะปล่อยวางเรื่องบาดหมางเก่าๆ ก่อนหน้าไปก่อน จากนั้นก็คุยเรื่องสำคัญให้เข้าใจแต่ถ้าจะบอกว่ายอมรับพวกเขาแล้วอย่างสมบูรณ์สนิทสนม มันก็ยังไม่ใช่แต่ว่าแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ก้าวไปทีละก้าวๆ ได้ก็ดีมากแล้ว"รีบไปนอนเถอะ มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า หยิบหนังสือไม่สมบูรณ์เล่มนั้น "หนังสือเล่มนี้ข้าขอเอาไปให้เซียวหลันยวนดูหน
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ