"องค์หญิงใหญ่ ในกล่องใบนี้มันคืออะไรกันแน่?"เฉินเซียงเองก็อยากรู้อยากเห็นมาก จุดเทียนสว่าง แล้วยกเชิงเทียนเดินเข้ามาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกเครียดอยู่ตอลด ตอนนี้พอนั่งลงมา ก็รีบเทน้ำลงดื่ม เพียงแต่น้ำเย็นไปแล้ว พอดื่มไปนางก็สะดุ้งโหยง"ข้าจะจุดเตาให้ องค์หญิงใหญ่อย่าเพิ่งดื่มน้ำเย็นเลย"เฉินเซียงถึงแม้จะอยากรู้ว่าในกล่องนั้นมีอะไร แต่ก็ยังเป็นสาวใช้วังที่ทุ่มเทอยู่ พอเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นต้องมาดื่มน้ำเย็นจึงรู้สึกปวดใจตอนที่นางไปวุ่นอยู่นั้น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็นั่งมองกล่องใบนั้นอยู่ตรงนั้นกล่องไม้ใบหนึ่ง ดูแล้วก็ไม่ได้มหัศจรรย์อะไร แล้วนางก็มองไม่ออกว่าต้องเปิดจากตรงไหนด้วยจนตอนที่เฉินเซียงเทน้ำร้อนเข้ามา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เล่นกับกล่องนั้นอยู่พักหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอว่าจะเปิดมันอย่างไร"ทำไมถึงเปิดไม่ออก""เปิดไม่ออกหรือ? เพราะด้านในมันขัดกันอยู่หรือเปล่า?"เฉินเซียงเองก็หยิบกล่องนั่นเข้ามาสำรวจ รู้สึกประหลาดใจมาก ไม่มีจุดที่เปิดได้เลยจริงๆ"นี่มันอะไรกัน? หรือจะเป็นไม้ท่อนนึง สลักออกมาเป็นกล่องแบบนี้หรือ? "เฉินเซียงมึนงง"ไม่หรอก ด้านในมีของใส่ไว้" องค์หญ
"มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้เสียที่ไหน?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถลึงตาโต"องครักษ์พวกนั้นเจอกับหัวขโมย พอเห็นว่าเขาผิดปกติจึงเข้าไปจับกุม นี่ถือว่าเป็นการทำความดีกับประชาชนเมืองเจ้อมิใช่หรือ? จะว่าไป ทุกคนก็รู้ว่าโชคอขงองค์หญิงใหญ่นั้นดีมาก ดังนั้นจึงทำให้ท่านเจอกับเรื่องนี้มันมีอะไรแปลกตรงไหนกัน?""แต่ว่า แต่ว่า" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นเสียงอ่อย "เป็นแบบนี้มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลกระมัง?""มีอะไรไม่สมเหตุสมผลกัน ยืนกรานเสียอย่าง พวกเขาจะไม่สงสัยหรก องค์หญิงใหญ่ท่านเป็นคนที่สูงส่งนะ แล้วจะไปทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร?""ไม่ค่อยดีนะแบบนี้?""ไอ๊หยา องค์หญิงใหญ่ท่านฟังข้าเถอะ ไม่เช่นนั้น ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนไปแล้วจริงๆ พวกเรายังต้องอยู่ในเมืองเจ้ออีกนานแค่ไหน""พวกเราตอนนี้ได้ของแล้ว ไปเมืองหลวงกันเองก้ได้""องค์หญิงใหญ่ พวกเราป่วยโรคนี้อยู่นะ หมอเทวดาฟู่ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวกับใต้เท้าอันไม่มีทางยอมให้พวกเราไปหรอก ยิ่งไม่ยอมให้เราไปที่เมืองหลวงด้วย เว้นเสียแต่อ๋องเจวี้ยนจะพาพวกเราไป พวกเขาไม่กล้าขวางอ๋องเจวี้ยน"เฉินเซียงตอนนี้มองออกถ้าหากครั้งนี้ไม่ไปด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ถ้าพวกนางยังต้อง
หมอหลินพอได้ยินคำพูดของอาเหอ ก็รู้สึกว่าตนเองเหมือนจะใจร้ายน่าดู ทำไมเขาถึงไม่คิดจุดนี้กันนะ?แล้วคิดจะจะให้พระชายาอ๋องเจวี้ยนที่เป็นหญิงสาวมาอยู่ดูแลที่นี่อีก ขนาดอ๋องเจวี้ยนตามมาแล้วแท้ๆ หรือคิดจะให้อ๋องเจวี้ยนต้องอยู่ดูแลคนป่วยที่นี่ด้วยกัน?ไอ๊หยา ต้องโทษพระชายาที่รับผิดชอบและตั้งใจมากเกินไป พอถูกนางทำให้ยุ่งขนาดนี้ เขาก็เลยลืมตัวตนฐานะของพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปเสียแล้ว"ใช่ๆๆ ข้าคิดไม่รอบคอบเอง อาเหอพูดถูกต้อง พระชายาท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถิด ข้าดูแลที่นี่ให้"ฟู่จาวหนิงหัวเราะขึ้นมาทีหนึ่ง"หมอหลิน ยังมีอีกที่หนึ่งที่ต้องไป ท่านลืมแล้วหรือ?"พวกเขาลืมไปแล้วหรือเปล่า ว่ายังมีบ้านประชาชนอีกแห่งหนึ่งที่รับผู้ป่วยเข้ามาหลายคนอ๊ะ นางตอนนี้จึงยิ้มออกมาได้ ถือเป็นความสุขที่ได้จากความทุกข์หมอหลินตอนนี้จึงนึกออก เขาตบหน้าผาก "ใช่ๆๆ แล้วทางนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?""นี่ถึงได้เชิญหมอหลินให้มาดูแลที่นี่ ส่วนอาเหอจะไปดูทางนั้นให้ มีเรื่องอะไรพวกท่านก็ให้ข้าราชการด้านนอกมาหาข้าก็พอ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร พรุ่งนี้จะมีคนมาแทนพวกท่าน""เอาตามที่พระชายาว่าเลย"พวกเขาไปในบ้านประชาชนอีกหลังหนึ่ง คน
เรียนได้เท่าไรก็เรียนเท่านั้น"ข้าไม่กลัวเหนื่อยหรอก เอาจริงๆ สมัยก่อนข้าเองก็มาจากครอบครัวที่ยากจนด้วย หลายปีมานี้ครอบครัวดีขึ้นมาก แต่ทุกวันข้าก็ยังปลูกผักอยู่ในเรือน แล้วยังฝึกมวยทุกวัน สุขภาพก็ดีมาก""มองออกเลยว่าสุขภาพของหมอหลินดีมาก นี่จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่หมอฟู่พาท่านมาในวันแรก แล้วก็ให้ท่านมาคอยเฝ้าที่นี่นั่นล่ะ"อาเหอรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้แม้ฟู่จาวหนิงจะไม่พูดออกมา แต่ในความเป็นจริงพอคนมาถึงนางก็สังเกตไปแล้ว การที่นางพาหมอหลินมา จะต้องเป็นการคัดเลือกของนางแน่นอน"จริงหรือ? ถ้าพูดเช่นนี้ พระชายาก็ถือว่ามีสายตาเฉียบคมอยู่นะ ฮ่าๆ" หมอหลินแสดงสีหน้าภาคภูมิใจฟู่จาวหนิงกลับไปพร้อมเซียวหลันยวนมีคนถือตะเกียงนำหน้าให้เมืองเจ้อยามนี้ เงียนงันไปหมด ฟ้าดำมืดมีดวงดาวไม่มากบนถนนมีแค่เสียงเท้าของพวกเขา เบามากพอคิด ก็รู้สึกเหมือนเป็นคืนฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีอะไรพิเศษแต่ในใจพวกเขาเข้าใจดี สำหรับเมืองเจ้อแล้ว นี่เหมือนถูกกดทับด้วยลมพายุไว้"อาเหอคนนี้ ดูแล้วไม่เลวเลย" เซียวหลันยวนตัดบทความคิดของฟู่จาวหนิง"อืม เป็นผู้ประสบภัย แต่เป็นคนฉลาด เรียนรู้เร็ว แล้วก็ซื่อสัตย์ด้วย" ความฉ
ฟู่จาวหนิงรู้ว่าตอนนี้ต่อให้จะรับประกันดีแค่ไหน เซียวหลันยวนก็ยังกังวลตนเองอยู่ดีก็เหมือนกับที่เขาไม่ยอมกลับเมืองหลวง นางก็รู้สึกกังวลว่าเขาจะติดโรคระบาดที่นี่"พรุ่งนี้ท่านกลับเมืองหลวงเถอะ เอาจริงๆ ท่านอยู่ที่นี่ข้าก็เป็นห่วงอยู่ตลอด แล้วท่านก็ตามข้ามาแบบนี้อีก""พรุ่งนี้จะดูสถานการณ์ ข้ารับปากเจ้า จะไม่คอยตามเจ้าแล้ว""ไม่ตามแล้วหรือ?""ใช่ แค่รู้ว่าทุกวันเจ้าผ่านไปอย่างไร ทำอะไรบ้าง ในใจข้าก็พอเข้าใจแล้ว จะไม่ตามอีก"แม้จะเป็นห่วง แต่ตอนนี้พอได้ติดตามมาวันหนึ่ง ได้รู้ว่านางใช้ชีวิตผ่านไปอย่างไร ก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้อะไรเลย ทำได้แค่คอยจินตนาการผ่านถ้อยคำบนจดหมายเขาจะมาถ่วงแข้งขานางไม่ได้ เพราะแม้แต่เขาก็รู้ ว่าเมืองเจ้อตอนนี้ขาดฟู่จาวหนิงไม่ได้"ถ้าอย่างนั้นท่านไปพักกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเถอะ ทางนั้นอย่างน้อยก็ไม่มีคนป่วย"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในโรงหมอก็ยังมีความเสี่ยงสูง"พรุ่งนี้ข้าไม่อยู่ที่โรงหมอ ข้าจะไปที่อื่นหน่อย"ฟู่จาวหนิงเห็นว่าเซียวหลันยวนมีแผนการของตนเองอยู่ จึงไม่ได้ถามอะไรเขามากขึ้น ถึงอย่างไรเขาปล่อยนางให้อยู่ที่นี่รักษาคนป่วยได้ ไม่ได้ดึงดันจะพ
คืนนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน่าจะเพราะออกไปด้านนอกตากลมหนาวมา กลางดึกจึงจับไข้จนมึนงง แล้วก็ไอจนนอนไม่ได้แต่นางไม่รู้ ว่าตอนที่นางไอจนสลึมสลือ มีเงาดำร่างหนึ่งเข้ามาในห้องนางอย่างไร้ซุ่มเสียงเฉินเซียงที่นอนอยู่บนแคร่นิ่มข้างๆ พลิกตัวมา ในปากพึมพำอะไรคำสองคำ จากนั้นก็หลับไปอีกเงาดำชะงักไป รื้อค้นในห้องขึ้นมาน่าจะเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีชั้นเก็บของอะไรไว้ซ่อนของได้มาก เพียงไม่นาน เขาก็หาของเจอวางอยู่ในลังที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนำมาด้วยถึงแม้ลังจะใส่กลอนไว้ แต่พอเห็นกลอนนั่น เงาดำก็รู้ว่ากุญแจอยู่ที่ไหน จึงเด็ดปิ่นปักผมเล่มหนึ่งออกมาจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พอบิดออกก็กลายเป็นกุญแจจริงๆคนในวังส่วนมากล้วนใช้วิธีการนี้กลอนถูกปลดออกทันที พอได้ของที่ห่อผ้าไว้ เงาดำก็จัดการลงกลอนลังอีกครั้ง นำปิ่นปักผมคืนกลับไป จากนั้นก็ออกประตูมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเพียงไม่นาน ของชิ้นนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวน"ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวให้พระชายาดูดีไหม ของนี่อยู่ในมือลุงหวังคนนั้นแล้วยังย้ายไปอยู่ในมือองค์หญิงใหญ่อีก พวกเขาติดโรคมากันหมดแล้ว ทางที่ดีท่านอย่า
"ขโมยมาจากไหนกัน?" ฟู่จาวหนิงมองเขา"ห้องข้างฝั่งตะวันตก"พอเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจขึ้นมาทันที สมองนางร้อยเรียงเรื่องราวออกมาอย่างรวดเร็วนางถามขึ้นอย่างตกตะลึง "องค์หญิงใหญ่ออกไปข้างนอกมาหรือ? ่นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้วหรือ?"เซียวหลันยวนนับถือสมองของนางจริงๆ ที่คิดได้เร็วขนาดนี้"ใช่แล้ว เจ้าพูดถูกต้อง ข้าประเมินนางต่ำไป คิดไม่ถึงว่านางจะฝันเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ"เซียวหลันยวนเองก็รู้สึกเกินคาดถึงแม้เขาจะให้คนจับตาดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ แต่ก็เป็นแค่ความเคยชินที่ชอบให้เรื่องอยู่ในการควบคุมเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นฝันของนางเป็นจริงนางมีความสามารถเช่นนี้ ไม่แปลกที่หลายปีมานี้ก็ยังรักษาชื่อเสียงในเรื่องโชคไว้ได้ แล้วยังทำให้ฝ่าบาทต้าชื่อดึงนางไว้แน่นโดยไม่ยอมปล่อยมืออีกแล้วก็ไม่รู้ว่าจะฝันเห็นถึงอะไรบ้างด้วย"ท่านหมายความว่า นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้ว?"ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกไม่ถูก "แล้วนางไปกล่อมชายชราให้ส่งของให้นางไม่ได้ ก็เลยเลือกขโมยมาอย่างนั้นหรือ?!"ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นของนางก็คงต้องล้างใหม่เสียแล้วเรื่องแบบนี้ก็
"กล่องใบนี้ เป็นงานฝีมือของตระกูลปัน"แตกต่างกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ได้กล่องมาแล้วศึกษาอยู่นานแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เซียวหลันยวนหมุนๆ ดูก็สรุปออกมา"ตระกูลปัน?""อืม" เซียวหลันยวนพูดไปด้วย มือเองก็คลำๆ ไปด้วย "หลานหรงไม่ใช่ว่าค้นข้อมูลเกี่ยวกับตงฉิงมาหรือ? ตอนนั้นลุงเสิ่นเองก็มอบหนังสือมาให้ ด้านบนมีการแนะนำตระกูลบางส่วนของตงฉิงไว้ ตระกูลปันก็อยู่ในนั้นด้วย""พูดเช่นนี้ ตระกูลปันก็เป็นช่างอย่างนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงอดคิดถึงหลู่ปัน(นักประดิษฐ์เลื่องชื่อในประวัติศาสตร์จีน)ขึ้นมาไม่ได้ที่นี่ก็มีตระกูลปันด้วย ดูแล้วก็ลึกลับเอาการ"อืม เข้าใจแบบนี้ได้"เซียวหลันยวนตอนเพิ่งเริ่มยังดูช้าๆ อยู่ ลูบๆ คลำๆ แต่ไม่นานนักก็ดูรวดเร็วขึ้นมา กล่องไม้ที่ดูสมบูรณ์แบบนั่นไม่รู้เขาทำอีท่าไหน ตรงนี้กลับดึงได้ตรงนั้นกลับกดได้ขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเขาเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ถามอะไร นั่งมองเขาเปิดกล่องใบนั้นอยู่ข้างๆนิ้วของเขามีข้อต่อชัดเจน เรียวสวย เล็บสะอาดเรียบร้อยราวกับเป็นงานศิลปะสองมือนี้ ไม่เอาไปเล่นเปียโนคือน่าเสียดายมากตอนที่ความคิดฟู่จาวหนิงเริ่มเตลิด ก็ได้ยินเสียงดังแกร๊ก กล่องเปิดออกแ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ