ฟู่จาวหนิงมาถึงเรือนหน้า เสี่ยวเยว่กับไฉ่เอ๋อร์ก็แทบจะรับมือไม่ไหวแล้วเพราะจูเฉียนเฉี่ยนกระชากเสื้อผ้าตนเองออกหมดแล้ว สีหน้าก็แดงก่ำ สายตาที่มองพวกนางล้วนประกายที่ทำให้คนหวาดกลัวได้อยู่ถ้าไม่ใช่เพราะอายคน เสี่ยวเยว่ก็อยากจะถามหมอหลวงเผียว ว่าพอโดนยานี้แล้ว จะกลายเป็นพวกกินไม่เลือก แล้วหันมากัดนางกับไฉ่เอ๋อร์หรือเปล่า?หญิงสาว ไม่น่าจะมีประโยชน์หรอกกระมัง?"แม่นาง ขอร้องล่ะ รีบได้สติเสียที!" ไฉ่เอ๋อร์เห็นสภาพนี้ของจูเฉียนเฉี่ยนแล้วรู้สึกพังทลายมากพวกนางลงกลอนที่ประตู ไม่เช่นนั้นถ้ามีชายหนุ่มทะเล่อทะล่าเข้ามาแล้วเห็นสภาพของจูเฉียนเฉี่ยนเข้าล่ะก็ จูเฉียนเฉี่ยนคงจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้วเสี่ยวเยว่เห็นแล้วก็รู้สึกไม่มีทางเลือก นางคิดจะฟาดจูเฉียนเฉี่ยนให้สลบไปแต่หมอหลวงเผียวบอกว่าสกัดจุดชีพจรก็ยังไม่ได้ผล"สาดน้ำเย็นใส่นางได้ไหม" เสี่ยวเยว่ถามที่นี่มีน้ำเย็นอยู่กาหนึ่ง เย็นชืดไปแล้ว"แบบนั้นแม่นางข้าจะเป็นหวัดไหม?" ไฉ่เอ๋อร์กลัวขึ้นมาเสี่ยวเยว่เอาชุบน้ำ จากนั้นปิดไปบนหน้าจูเฉียนเฉี่ยน"ทำแบบนี้จะได้สติมาหน่อยไหม?"จูเฉียนเฉี่ยนรู้สึกเย็ฯวาบ แต่ก็แค่สั่นขึ้นมา ยังไม่ได้สติ
พอเห็นออร่าแบบนี้ของฟู่จาวหนิง ก็รู้สึกว่านางน่าจะมีวิธีอยู่หมอหลวงเผียวก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงใจเย็นและนิ่งมาก เหมือนทำทุกอย่างให้ลุล่วงได้ แต่เขาก็ยังไม่ได้มองในแง่ดีนัก"เจ้าสิ่งนี้แก้ไขได้ยากมากจริงๆ"หยวนอี้ตอนนี้เองก็พูดอะไรไม่ค่อยได้ แต่เขาก็จับจุดสำคัญอีกจุดได้ "สาวใช้คนเมื่อครู่ไม่ใช่กำลังถามถึงคุณชายฟู่หรือ? ที่นี่ยังมีคุณชายฟู่คนไหนอีก? ข้าจำได้ว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่มีพี่ชายนี่"ไม่ใช่แค่ไม่มีพี่ชาย เหมือนว่าพี่ทางญาติก็ไม่มีด้วย"นางมีน้องชาย" หมอหลวงเผียวกดเสียงต่ำ"อ้อ ที่แต่ก่อนเป็นคุณชายน้อยเฮ่อเหลียนนั่นน่ะหรือ?""คุณชายหยวนนี่เข้าใจเรื่องของพระชายาอ๋องเจวี้ยนดีเสียจริง?" หมอหลวงเผียวมองหยวนอี้อย่างสงสัย ทำไมต้องคอยหาข่าวของฟู่จาวหนิงขนาดนี้ด้วย?"ก็ไม่หรอก รู้แค่คร่าวๆ เท่านั้น"หยวนอี้เอ่ยต่อ "แต่ว่าคุณชายน้อยฟู่คนนั้นอายุยังน้อยอยู่นี่? คงไม่น่าใช่ผู้มีพระคุณของแม่นางจูนี่หรอกกระมัง?"หมอหลวงเผียวเดิมทีก็ไม่อยากสนทนาหัวข้อนี้กับเขา แต่พอถูกเขาถามแบบนี้ เขาเองก็คุมปากตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน"ก็ไม่เหมือนจริงๆ นั่นล่ะ"หยวนอี้เลิกคิ้ว "หรือก็คือ คุณชายฟู่คน
พวกของหมอหลวงเผียวเห็นจูเฉียนเฉี่ยนถูกหิ้วออกมา ก็อยากจะถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่เสียงของฟู่จาวหนิงก็ดังลอดออกมาจากในห้อง"หมอหลวงเผียว พาคุณชายหยวนไปช่วยด้านหน้า อย่ามาเกะกะลูกตาที่นี่"หยวนอี้ร้องซู๊ด ถึงกับบอกว่าเขาเกะกะลูกตาเลยหรือนี่?หมอหลวงเผียวเองก็ไม่คิดว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะไม่เกรงใจต่อคุณชายหยวนขนาดนี้ นางน่าจะรู้ว่าเขาเป็นคุณชายทูตจากแคว้นหมิ่นแล้วนี่?"ไม่ได้ยินหรือ?"ฟู่จาวหนิงเริ่มหมดความอดทน จูเฉียนเฉี่ยนเป็นหญิงสาว ติดพิษแบบนี้มา พวกเขาเป็นผู้ชายสองคนยังจะมาอยู่วุ่นวายกันที่นี่อีก?ยังไว้หน้าคนอื่นเขาไหมเนี่ย?"คุณหนู ข้าจะหิ้วคุณชายหยวนออกไปเอง" ไป๋หู่ขึ้นหน้ามาหยวนอี้พอเห็นว่าเขามาจริงๆ ก็รีบก้าวเท้าออกไปทันที"ไม่ต้องลงไม้ลงมือหรอก ข้าออกไปเองได้"เขารู้สึกว่าฟู่จาวหนิงคงจะเห็นด้วยที่ให้องครักษ์ลงไม้ลงมือกับเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้รับการเคารพยกย่องหลังจากมาถึงแคว้นเจาเหล่าขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงพวกนั้น คนไหนบ้างที่ไม่ยกย่องต้อนรับเขา?แต่ละคนล้วนพูดกันว่าเขาอายุน้อยแต่ชาญฉลาดมีความสามารถ เป็นคนที่ยอดเยี่ยมอะไรเทือกนั้น อยากจะเชิญเข้าไปกินข้าวร่ำส
นางชอบฟู่จิ้นเชินจริงๆ ครั้งนี้พอได้เห็นก็ยิ่งชอบ ก่อนหน้าครั้งนั้น ฟู่จิ้นเชินอยู่ในชุดเรียบง่าย ก็ทำให้นางรู้สึกดูสง่ามากแล้วครั้งนี้ฟู่จิ้นเชินพอสุขภาพกลับมาแข็งแรง แล้วยังอยู่ในชุดผ้าไหมใหม่ พอมองใบหน้าหล่อเหลา นางก็ลุ่มหลงไปแล้วจริงๆ"ข้าจะไม่แย่งความโปรดปรานจากแม่ของท่านหรอก พวกท่านมองข้าเป็นคนที่เพิ่มเข้ามาในบ้านไม่ใช่คนที่เข้ามาแย่งเขาไปก็พอ มองข้าเป็นคนในครอบครัวด้วยได้ไหม?"จูเฉียนเฉี่ยนมองฟู่จาวหนิงอย่างลึกซึ้ง ถ้าไม่ใช่ว่ามือนางขยับไม่ได้ คงจะเข้าไปกุมมือฟู่จาวหนิงอย่างจริงใจไว้แล้วสายตาตอนนี้ของฟู่จาวหนิงที่มองนางก็เหมือนกับมองคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง"ตอนที่พบเจ้าครั้งแรก" จู่ๆ นางก็เอ่ยขึ้นอย่างสงบ ทำให้จูเฉียนเฉี่ยนมองมาที่นางอย่างคาดหวัง "ก็ยังรุ้สึกว่าเป็นแม่นางที่ดูร่าเริงคนหนึ่ง"จูเฉียนเฉี่ยนตาเปล่งประกาย "ข้าเองก็ใช่นั่นล่ะ พวกเราหลังจากนี้ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่""แต่ว่าตอนนี้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยต่อมาว่า "กลับสมองมีปัญหาเหมือนคนป่วยหนัก"จูเฉียนเฉี่ยนงงงันฟู่จาวหนิงเปลี่ยนหัวข้อทันที "ถัดจากนี้ข้าต้องการให้เจ้าปิดตาปิดปาก จากนั้นก็ไปซะ"เข็มในมือนางแทงเข้าไปที่
ฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำพูดของไฉ่เอ๋อร์ ก็รู้สึกพูดไม่ออกนางถามต่อถึงสถานการณ์ของกลุ่มเดินทางนั้น แล้วให้ไฉ่เอ๋อร์บรรยายหน้าตาของฮูหยินอะไรนั่น แล้วจึงเตรียมจะออกไปหาเซียวหลันยวนคนเดินทางกลุ่มนั้นน่าจะเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง แล้วยังตรงไปที่เมืองหลวงด้วย ต้องหาตัวพวกเขาให้พบฟู่จาวหนิงไม่ได้รู้สึกญาติดีด้วยกับคนของลัทธิเทพทำลายล้างเลย บวกกับเรื่องที่เสิ่นเชี่ยวถูกใส่ร้ายว่าวางยาเซียวหลันยวนในตอนนั้น ก็เป็นเรื่องที่ลัทธิเทพทำลายล้างจัดฉากขึ้นมา ลัทธิเทพทำลายล้างถือว่าเป็นศัตรูคู่แค้นของนางกับเซียวหลันยวนแล้วเสี่ยวเยว่ก็หิ้วยาน้ำเข้ามาพอดี"ให้นางแช่ไว้จนกว่าอุณหภูมิลดลงก็พอแล้ว อย่าให้เย็นจนจับไข้ หลังจากแช่เสร็จก็ให้นางดื่มน้ำร้อน อย่ากินของซี้ซั้ว ถ้าหิวก็ทนไว้ก่อน" ฟู่จาวหนิงกำชับกับเสี่ยวเยว่"คุณหนู คุณสมบัติทางยาในตัวนางแก้แล้วใช่ไหม?""ตอนนี้แก้ไปเจ็ดส่วนแล้ว ถัดจากนี้อีกสองสามวันยังต้องดื่มยาอีก แล้วก็ยังจะรู้สึกทรมานอยู่บ้าง แต่ก็พอทนได้ ไม่ต้องดูแลมากนักแล้ว"นางเองก็ขี้เกียจจะมาสนใจจูเฉียนเฉี่ยนถ้ามาได้ยินคำพูดพวกนั้นของจูเฉียนเฉี่ยนอีก นางกลัวว่าจะกินข้าวไม่ลง"เ
ฟู่จาวหนิงกลับไปที่ห้องข้างฝั่งตะวันตก นางวุ่นอยู่กับการช่วยชีวิตรักษา จนพอว่างลงมาได้ประมาณครึ่งชั่วยามเหนื่อยจนนางหอบเบาๆฟู่จิ้นเชินเองก็ยุ่งอยู่ตลอด พอเห็นนางนั่งลงบนหินด้านนอก ก็หยิบเบาะใบหนึ่งเข้ามา"หิมมันเย็นนะ รองไว้หน่อย"ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นเอาเบาะมารองไว้แล้วค่อยนั่งลงอย่างเชื่อฟัง"จำนวนคนที่ติดโรคเพิ่มมากขึ้นอีกแล้ว อีกเดี๋ยวผู้บริหารท้องถิ่นโหยวกับที่ปรึกษาคงเข้ามา เกรงว่าน่าจะเป็นข่าวร้ายอีก"ฟู่จิ้นเชินกังวลถึงข่าวร้าย เพราะรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเหนื่อยเกินไปแล้วนั่นเองนางเองเมื่อคืนก็นอนดีหน่อยแล้ววันนี้ก็นอนช้าหน่อย แต่เขารู้ว่าก่อนหน้านี้ตอนกลางวันนางก็เอาแต่วุ่นกับการรักษาคนไข้ ตอนกลางคืนก็ยังค้นคว้ายาอยู่ในห้องตัวเองคนทั้งหมดล้วนกำลังรอตำรับยาของนางตำรับยาที่นางใช้ตอนนี้ก็เป็นตำรับยารักษาโรคหวัดพื้นฐานแต่มีการปรับวัตถุดิบยากับสัดส่วน แต่ท้ายสุดก็ยังรักษาไปถึงต้นตอไม่ได้ กระทั่งยังมีผลกับโรคช้ามากด้วย คนป่วยแรกสุดที่เข้ามา ก็มีแค่ป้าหนิวคนเดียวที่อาการดีขึ้นมาก แต่คนอื่นยังซมกันอยู่เลยถ้าหากประสิทธิภาพช้าขนาดนี้ก็ไม่ไหว พวกเขาเองก็รับคนมากขนาดนี้ไม่ได้ ยิ่
ฟู่จิ้นเชินรู้สึกว่า แม้พวกเขาจะไม่มีช่วงเวลารักใคร่ระหว่างพ่อลูกอะไรแบบนั้น จาวหนิงเองก็ไม่ได้เรียกเขาว่าท่านพ่อแบบหวานๆ แต่พวกเขาตอนนี้สามารถทำอะไรด้วยกันได้ อยู่กันเหมือนกับเพื่อน เขาก็รู้สึกพอใจมากแล้วและที่น่าตลกก็คือ ทุกครั้งที่จาวหนิงยอมรับความเห็นหรือวิธีการของเขา ชื่นชมเขาขึ้นมา เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก"แล้วตอนนี้ให้ข้าช่วยเจ้าเขียนของง่ายๆ ดูดีไหม? แล้วเจ้าจะลดจะเพิ่มบนนั้นก็ค่อยว่ากัน แบบนี้จะลดภาระงานของเจ้าได้บ้างหรือเปล่า?"พอเวลาที่ฟู่จิ้นเชินกับฟู่จาวหนิงอยู่ด้วยกันนานขึ้นหน่อย แล้วพอทำงานด้วยกัน ก็ปรับตัวกับจังหวะของนางได้อย่างรวดเร็ว แล้วยังเรียนรู้ความเคยชินการพูดของนางมาด้วยบางส่วนยังเหลือแค่ช่วยนางเขียนวิธีกับแผนการนี่ล่ะฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกขำๆ แต่ฟู่ชิ้นเชินเองก็ช่วยแบ่งเบางานนางได้มากเลยทีเดียว"เช่นนั้นท่านก็พักผ่อนดีดี อีกเดี๋ยวข้าจะฝังเข็มให้ท่านเสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงอยากจะฉีดยาบำรุงให้เขาสักเข็ม ถือโอกาสฉีดให้ตอนฝังเข็มนี่เลย เขาน่าจะไม่สงสัยอะไร"ได้"ความกังวลใส่ใจของลูกสาว ฟู่จิ้นเชินไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้วตอนนี้เองฟู่จาวหนิงจึงพูดเรื่องของจูเ
"ถ้าอย่างนั้นก็พูดออกมาตรงๆ ท่านเองก็ไม่ใช่คนมีนิสัยคิดมากนี่"ตอนที่ฟู่จาวหนิงพูด เซียวหลันยวนก็กวักมือมาทางนางแล้ว ให้นางมานั่งข้างๆ จากนั้นจึงเอาน้ำแกงถ้วยหนึ่งยกมาตรงหน้านาง"นี่คือรังนกเลือดหายากตุ๋น รีบชิมเร็ว"พูดจบเขาก็หันไปทางฟู่จิ้นเชิน "เอาด้วยไหม?"ฟู่จิ้นเชินตอนนี้ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถามว่าเขาจะเอาไหม แต่มันมีอยู่แค่ถ้วยเดียวเท่านั้น นี่ตุ๋นมาให้จาวหนิงไม่ใช่เรอะ แล้วเขายังกล้าพูดว่าเอาได้รึ?"ไม่ล่ะ ให้จาวหนิงกินก็พอ นางช่วงนี้เหนื่อยหนักมากจริงๆ"ฟู่จิ้นเชินพูดเช่นนี้ เซียวหลันยวนกลับร้องเรียกคน "ยกเข้ามาเลย"พอสิ้นเสียงเขา ก็เห็นหงจั๋วถือถาดเข้ามาจากประตูบนถาดยังมีถ้วยเคลือบขาวลายทองแบบเดียวกันใบหนึ่ง ดูแล้วเหมือนกับของฟู่จาวหนิงไม่ผิดเพี้ยน"คุณชายฟู่ ตุ๋นไว้ให้ท่านถ้วยหนึ่งด้วยเช่นกัน กินตอนที่ยังร้อนเถิด" หงจั๋วบอกพอเปิดฝาถ้วยออก ก็เป็นรังนกเลือดเช่นกันเซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ "เดิมทีข้าก็ไม่ใช่คนที่ขี้งกนักหรอก"ท่าทางนั้นเหมือนจะดูหยิ่งๆ อยู่หน่อยๆ ด้วยฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ เซียวหลันยวนตอนนี้ดูมีอารมณ์เหมือนเด็กๆ กล้ามาแย่พ่อของนางด้วย
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ