เซียวหลันยวนไม่ตอบอะไรกลับไปชั่วขระ เพราะเขาสวมหน้ากากอยู่ ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่เห็นสีหน้าเขา เห็นแค่ว่าตอนนี้เขายังไม่ตอบกลับ เดาว่าคำถามนี้ของนางอาจจะดูเสียมารยาทไปหน่อยหรือเปล่าเพราะนานมากแล้วที่นางไม่ได้มายุ่งเรื่องบัญชีการเงินของจวนอ๋องน่าจะเพราะยังไม่ได้ร่วมหอกัน ดังนั้นนางจึงรู้สึกว่าความสัมพันธ์ในตอนนี้เหมือนเป็นคู่รัก ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นมีความรักแต่ไม่ใช่สามีภรรยากันเพราะการเริ่มต้นแบบนั้น นางจึงไม่ได้วางตัวให้ถูกต้องเหมือนภรรยาที่แต่งเข้ามาตามประเพณีในปัจจุบันเซียวหลันยวนตอบว่า "ราคากำไลนี้ เกินกว่างบประมาณที่ท่านน้าเฉิงตั้งไว้หน่อย นางเองก็อยู่ภายนอก พกตั๋วเงินมามากเกินไปไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงสำรองจ่ายให้นางก่อน พวกเราเองก็กำลังจะไปยอดเขาโยวชิงพอดี พอถึงถึงอุทยาน ท่านน้าเฉิงจะคืนเงินให้ข้าเอง"เดิมทีก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่ และอยากจะยืนยันความสัมพันธ์ของเขากับฮูหยินเชิงว่าดีขนาดนั้นจริงไหม ฟู่จาวหนิงจึงไม่ได้ถามคำถามนี้แต่ตอนนี้พอได้ยินเซียวหลันยวนอธิบายออกมาอย่างละเอียด จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าไม่น่าสนใจขึ้นมาเสียแล้วทำเหมือนจะไปยุ่งเงินของเขาอย่างไรอย่างนั้นตอน
เซียวหลันยวนมองแผ่นหลังฟู่จาวหนิง ดีดนิ้วขึ้นเบาๆองครักษ์ลับคนหนึ่งปรากฏตัว"นายท่าน?""คุ้มครองพระชายาดีดี""ขอรับ" องครักษ์เงารับคำ ทะยานตัวติดตามฟู่จาวหนิงออกไปฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รู้สึกตัวแล้ววันนี้เซียวหลันยวนถ้าจะตามนางออกมาด้วยตนเอง ดังนั้นนางจึงไม่ได้พาเสี่ยวเยว่ไป๋หู่มาด้วย แต่ข้างกายเซียวหลันยวนมีองครักษ์เงาอยู่ตลอด นางรู้เรื่องนี้ดีนางเองก็ไม่ใส่ใจรีบเดินมาจนถึงข้างๆ ผู้อาวุโสจี้กับต่งฮ่วนจือ จึงพบว่าศิษย์อาจารย์อย่างพวกเขาอยู่ที่ประตูร้านยาแห่งหนึ่งฟู่จาวหนิงแหงนหน้าขึ้นมอง โรงยาทงฝู?"ท่านอาจารย์ ท่านมาโรงยาทงฝูทำไมหรือ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ใช่ว่าไม่กินเส้นกับโรงยาทงฝูมาตลอดหรือไรกัน? ทำไมจู่ๆถึงมาโรงยาทงฝูได้?"จาวหนิง?" ผู้อาวุโสจี้กับต่งฮ่วนจือเพิ่งเห็นนาง รู้สึกเกินคาดมาก"เจ้าไม่ได้บอกว่าจะไปยอดเขาโยวชิงกับอ๋องเจวี้ยนหรือ?""มะรืนนี้ถึงเดินทาง""แล้วตอนนี้ทำไมถึงออกมาเดินเล่นคนเดียวล่ะ?" ผู้อาวุโสจี้ชะเง้อมองไปด้านหลัง ก็ไม่เห็นคนอื่น "แล้วไม่ได้พาไป๋หู่สืออีมาด้วยหรือ?"ฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาที่ไม่ถือหน้าถือตาที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยพบมาแล้วปกติตอน
"เรื่องเมื่อสองวันนี้เอง"เรื่องเมื่อสองวัน นั่นก็คือหลังจากที่หยวนอี้กลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว"ว่ากันว่าคุณชายหยวนบาดเจ็บหนักมาก น่าจะเพราะบาดเจ็บหนักจึงออกมาไม่ได้" ฟู่จาวหนิงบอก"เขาบาดเจ็บหรือ?"ผู้อาวุโสจี้รู้สึกเกินคาด "ทูตแคว้นหมิ่นบาดเจ็บ นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะ ทำไมไม่เห็นได้ยินมาก่อนเลย?""ท่านอาจารย์ เรื่องนี้กลับไปข้าจะเล่าให้ท่านฟัง พวกเราไม่ยืนบนถนนคุยเรื่องนี้" ต่งฮ่วนจือเตือนขึ้นเดี๋ยวจะถูกคนได้ยินเอา กลายเป็นหาเรื่องมาใส่ตัว"ใครอยากจะพูดถึงเขากัน" ผู้อาวุโสจี้ฮึดฮัด ชี้ไปยังห่อใหญ่ที่ต่งฮ่วนจือถืออยู่ "ข้าบอกแล้วไม่ให้เจ้าซื้อ เจ้าก็ยังจะเอาให้ได้ หน้าตาพันธมิตรโอสถเราจะไปแขวนไว้ตรงไหนกันล่ะทีนี้?"ใครไม่รู้บ้างว่าพันธมิตรโอสถกับโรงยาทงฝูไม่กินเส้นกัน ตอนนี้เขาเป็นผู้จัดการใหญ่คนหนึ่งของพันธมิตรโอสถ วิ่งแจ้นมาซื้อของถึงบ้านของอีกฝ่ย ถ้าลือกันออกไป เจ้าซือถูนั่นไม่ขำฟันหักหรือ?ต่งฮ่วนจือเองก็จนใจ "ท่านอาจารย์ เมื่อครู่ข้าไม่ใช่ให้คนเข้าไปซื้อแทนหรือไรกัน? ท่านเป็นคนบอกเองว่าให้ตามเข้าไปดู ว่าซื้อมาจากในโรงยาทงฝูแน่ไหม"เดิมทีพวกเขาก็อยู่ห่างออกมาหน่อย พอซื้อเสร
ไม่ถูกสิ ต้องเรียกเป็นผู้อาวุโสได้แล้วใช่เลย หลังจากกลับไปเขาจะเสนอเรื่องนี้กับเจ้าพันธมิตร"ท่านอาจารย์ ท่านอย่าเพิ่งตื่นเต้นนัก ข้ายังไม่ได้ค้นคว้าออกมาเลย?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นผู้อาวุโสจี้โบกไม้โบกมือ "อาจารย์เชื่อเจ้า เจ้าพูดออกมาแล้ว ก็อธิบายได้ว่ามีความมั่นใจอยู่"นิสัยของฟู่จาวหนิงสุขุมเยือกเย็น ไม่พูดคุยโม้อย่างไร้เหตุผล นางพูดออกมาได้ก็ต้องทำได้แน่นอนฟู่จาวหนิงหัวเราะนางกลับไปพันธมิตรโอสถกับพวกผู้อาวุโสจี้ ลองดูยาถุงใหญ่ที่ซื้อกลับมา เป็นผงยาที่สามารถสาดไปบนพื้นได้"ท่านอาจารย์ ข้าขอกลับไปหน่อยนึง เอาไปค้นคว้าส่วนประกอบดู""ได้ๆๆ ไปค้นคว้ามันดีดี พอค้นคว้าจนปรุโปร่ง จะได้ตอกหน้าเจ้าซือถูไป๋นั่นเสีย"ผู้อาวุโสจี้ล้วนรู้สึกว่า น่าจะเพราะเรื่องนี้ ซือถูไป๋จึงได้รับการให้ความสำคัญจากผู้นำตระกูลซือถูใหม่อีกครั้งตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลซือถูนี่ไม่ค่อยจะมั่นคงนักถึงอย่างไร ซือถูไป๋ถ้าหากไม่โง่ล่ะก็ ก็ควรจะถือโอกาสให้ผู้นำตระกูลซือถูคิดว่เขามีความสัมพันะ์กับคนของแคว้นหมิ่น หลังจากนี้พอโรงยาทงฝูไปเปิดที่แคว้นหมิ่นอีกหลายร้านเพื่อหาเงิน ก็ยังมีคนคอยคุ้มกันให้ด้วยพอมีหยวน
ฟู่จาวหนิงเปิดกล่องอก ก็พบว่าด้านในเป็นของสีดำเทาชิ้นหนึ่ง ใช้กระดาษห่อไว้แน่นหนา ทรงสี่เหลี่ยม มองไม่ออกว่าเป็นอะไร"ท่านอาจารย์ นี่มันอะไรหรือ?""มันคือเครื่องหอมน่ะ"ผู้อาวุโสจี้ตีมือนางที่คิดจะแกะกระดาษออก ตำหนิขึ้นว่า "อย่าแกะ ห่อเอาไว้ดีแล้ว เขาไม่ใช่มีอารามโยวชิงอยู่หรือ? ในอารามทุกวันต้องจุดเครื่่องหอมแน่ๆ เช่นนั้นเขาอาจจะเป็นคนที่ชอบเครื่องหอมก็ได้ เครื่องหอมนี้ เป็นสิ่งที่อาจารย์ได้มาก่อนหน้านี้แบบไม่ตั้งใจ ด้านในมีแปดกล่องเล็ก เครื่องหอมในกล่องต้องจัดการเอง ว่ากันว่าจุดแล้วจะมีกลิ่นไม้หอมที่ทำให้จิตใจสงบ"ต่งฮ่วนจืออยู่ข้างๆ ก็ยิ้มแล้วบอกว่า "ศิษย์น้องหญิง เครื่องหอมกล่องนี้มูลค่าไม่ธรรมดาเลย แต่ก่อนเจ้าพันธมิตรจะซื้อจากท่านอาจารย์สามพันตำลึง อาจารย์ก็ยังไม่ยอมขาย""แล้วก็ ซือถูไป๋ตอนนั้นก็เคยเห็นเครื่องหอมกล่องนี้ อยากจะซื้อด้วยเหมือนกัน บอกว่าย่าของเขาชอบมาก แต่อาจารย์ก็ขี้เกียจจะให้เขา""แพงขนาดนี้เชียว?"ถ้าอย่างนั้นตอนที่จุด มันไม่ใช่เหมือนเผาเงินทิ้งหรอกหรือฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตนเองยังเป็นพวกสามัญชนอยู่ ที่ดันรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเหมือนกับการเผาเงินทิ้ง"แน่นอ
ฟู่จาวหนิงเข้าไปในจวนอ๋องเสี่ยวเยว่อุ้มกล่องใบนั้นตามมาผู้ดูแลพาคนใช้หลายคนพุ่งผ่านตรงหน้า พอเห็นฟู่จาวหนิง เขาก็รีบหยุดทันที"พระชายาท่านกลับมาแล้วหรือ?""อืม" ฟู่จาวหนิงเห็นเครื่องที่สาวใช้เหล่านี้ถืออยู่ก็สงสัย "นี่จะไปทำอะไรกัน?"เพราะคนเหล่านี้ถือพวกจอมเสียมต่างๆ ไว้ผู้ดูแลอธิบายว่า "ฮูหยินเฉิงบอกว่า ในเรือนมีวัชพืชหลายผืนอยู่ให้จัดการถางทิ้งเสีย แล้วเปลี่ยนเป็นพวกดอกเบญจมาศแทน จะทำให้เรือนดูสง่าขึ้นมาหน่อย""เรือนเจียนเจียหรือ?""ขอรับ" ผู้ดูแลจู่ๆ ก็ตระหนักอะไรขึ้นมาได้ รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที "พระชายา ต้นหญ้าเหล่านั้น ใช่หญ้าสมุนไพรหรือเปล่า? พวกเราเองก็ไม่รู้จัก เดี๋ยวจะกลายเป็นถอนหญ้าสมุนไพรของท่านเข้า""เซียวหลันยวนเขารู้หรือเปล่า?""ท่านอ๋องหลังจากกลับมาก็ได้รับจดหมายด้วย ไปจัดการอยู่ในห้องหนังสือขอรับ เรื่องนี้พวกเรายังไม่ได้รายงานท่านอ๋อง"ผู้ดูแลเห็นสีหน้าฟู่จาวหนิง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรขึ้นมาทันที"พระชายา พวกนั้นเป็นหญ้าสมุนไพรจริงๆ สินะ? เช่นนั้นข้าจะไปบอกกับฮูหยินเฉิง ว่าจะไม่ขุดแล้ว"ใครๆ ก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงน่าจะคิดว่ามีเรื่องน้อยดีกว่ามีเรื่
ลวี่กั่วพอได้ยิน สีหน้าก็เรียบลงมา"ผู้ดูแล ฮูหยินข้าไม่ชอบอยู่ในที่ที่มีวัชพืช ความรู้สึกแบบนี้มันวังเวง""อันที่จริงแม่นางลวี่กั่วให้ฮูหยินมองทางนั้นก็ได้ ดอกไม้ทางนั้นใกล้จะบานแล้ว" ผู้ดูแลชี้ไปอีกด้านของเรือน"มองทางนั้น แล้วจะไม่เห็นทางนี้หรือ?"ลวี่กั่วขุ่นเคืองขึ้นมาหญ้าที่พวกเขาพูดกันอยู่ทางด้านซ้ายของเรือน ก่อนหน้านี้เดิมทีก็มีอยู่แล้ว หลังจากฟู่จาวหนิงเข้ามาอยู่ ในเรือนแค่เก็บกวาดคร่าวๆ ไว้เท่านั้น ตอนนั้นนางเห็นว่ามุมนี้มีหญ้าเฝิ่นซิงอยู่ผืนหนึ่ง จึงให้พวกหงจั๋วปล่อยเอาไว้เก็บก้อนหินกรวดมาเรีงล้อมเอาไว้ พอเปลี่ยนเป็นสีชมพู ดูแล้วก็มีเสน่ห์แบบธรรมชาติอยู่ก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงเคยบอกว่าดูมีบรรยากาศที่ดีอยู่ฮูหยินเฉิงพอเข้ามาพอเหลือบมองวัชพืชผืนนี้ ก็พูดมาคำหนึ่ง ว่าทำไมวัชพืชในเรือนถึงไม่จัดการทิ้งไป?ตอนนั้นเฝิ่นซิงเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่ง บอกว่าหญ้านี้พอฤดูใบไม้ร่วงจะเปลี่ยนสี พระชายาเคยชมว่ามีเสน่ห์แบบธรรมชาติอยู่จากนั้นฮูหยินเฉิงจึงพูดขึ้นว่า ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูใบไม้ร่วงนี่นา เพื่อความงามไม่กี่วันนั่น ต้องปล่อยทิ้งไว้ให้ดูรกร้างนานหนึ่งปีเลยหรือ ได้ไม่คุ้มเสีย ถอนทิ้งดี
"ถูกต้อง" ไป๋หู่ตอบ "ถ้าหากฮูหยินเฉิงไม่ชินกับหญ้าผืนนี้จริงๆ เช่นนั้นก็ถอยออกไปอยู่ที่เรือนแขกเถิด ที่นั่นจัดการไว้ดีแล้ว ไม่มีหญ้าวัชพืช"เฝิ่นซิงกับหงจั๋วทั้งสองคนยืนอยู่ที่มุมหนึ่งด้านหลัง ส่งสายตาชื่นชมให้กับไป๋หู่ในที่สุดก็มีคนพูดความในใจของพวกนางออกมาแล้ว!พวกนางไม่เข้าใจ ทำไมต้องเข้ามาอยู่ในเรือนเจียนเจียให้ได้? ถ้าจะพักก็พักไปสิ ทไมต้องมาขุดหญ้าเฝิ่นซิงออกด้วย?เฝิ่นซิงตอนที่ได้ยินฟู่จาวหนิงบอกว่าให้ปล่อยหญ้าเฝิ่นซิงผืนนี้ไว้ยังดีใจมากอยู่เลย เพราะชื่อของนางก็ตั้งมาจากหญ้าเฝิ่นซิงนี่ นางชอบหญ้าเฝิ่นซิงมากตอนนี้ฮูหยินเฉิงคิดจะขุดหญ้าผืนนี้ออกไปให้ได้ เฝิ่นซิงรู้สึกเสียใจยิ่งกว่าใครแต่นางสองคนก็ไม่มีคุณสมบัติจะพูดอะไร"เจ้าเองก็ไม่ใช่องครักษ์ของจวนอ๋อง ทำไมถึงต้องมาสนใจเรื่องที่นี่ด้วย?" ลวี่กั่วย้อนถามไป๋หู่"ข้าติดตามคุณหนูของข้ามา คุณหนูของข้า ตอนนี้คือนายหญิงของจวนอ๋องเจวี้ยน เช่นนั้นข้าเองก็สามารถพูดในฝั่งของจวนอ๋องได้"ไป๋หู่ไม่ไว้หน้าลวี่กั่วเลย "อย่างน้อยถ้าจะพูดเรื่องความใกล้ชิด ข้าก็ยังเป็นคนในจวนมากกว่าเจ้าเสียอีก"ลวี่กั่วถูกคำนี้ของเขากระตุ้นขึ้นมาแล้ว
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ