ฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็ไม่สนใจว่าเจ้าอารามจะมองนางอย่างไรนางถามใจดูแล้วว่าไม่รู้สึกละอาย"ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับไปต้าชื่อแล้ว พวกเราเองก็พูดอะไรมากไม่ได้ ถึงยังไงก็เป็นนางที่อยากกลับไป เจ้าอาราม ท่านว่าใช่ไหมล่ะ?" นางย้อนถามเจ้าอารามโยวชิง"เป็นการเลือกของนางเอง"เจ้าอารามโยวชิงไม่ลังเล พยักหน้าตอบนาง"ข้าเองก็ไม่คิดว่านางจะเลือกแบบนี้ ข้าแค่อยากจะดูโชคชะตาของจาวหนิงว่าเปลี่ยนแปลงอะไรจากเรื่องนี้บ้างไหมเท่านั้น"เจ้าอารามโยวชิงอธิบาย มองเซียวหลันยวน รู้สึกจนใจหน่อยๆ "ข้าไม่ถึงกับเอาเรื่องนี้ไปโทษที่ฟู่จาวหนิงหรอก"อันที่จริงเขาก็มีความรู้สึกเหมือนถูกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทรยศอยู่เหมือนกันเขาคอยพานางไปไหนมาไหน และอยากจะหาสถานที่ที่นางพอใจสักแห่งให้นางได้พักพิง จากยอดเขาโยวชิง ไปถึงเมืองหลวงแคว้นเจา และจากเมืองหลวง ก็มาถึงเขาชิงถงถ้าหากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ในเขาชิงถงไม่ได้จริงๆ เขาก็จะพานางไปต่อแค่นางอยู่ข้างกายเขา เขาก็จะปกป้องนางอย่างสุดกำลังหลังจากนี้ถ้าเขากลับไปตงฉิงได้ นางเองก็ตามไปอยู่ที่ตงฉิงได้เพราะความสับสนชั่วขณะในตอนนั้น เขาจึงจะรับผิดชอบเรื่องที่พักพิงข
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอลงจากเขาชิงถงก็ถูกองครักษ์ลับของต้าชื่อพาตัวไปทันทีพวกเขากลัวว่าเจ้าอารามโยวชิงจะไล่ตามมาทัน ดันั้นหลังจากจับคนได้ ก็รีบควบม้าไปต้าชื่อทันทีจนตอนที่เจ้าอารามโยวชิงกับคนของเขาชิงถงได้ข่าว ก็ตามไม่ทันแล้วคนที่ฝ่าบาทต้าชื่อส่งมาพอตรวจสอบพบว่าองค์หญิงใหญ่ติดตามเจ้าอารามโยวชิงขึ้นเขาชิงถงไปแล้ว แต่พวกเขาก็เข้าไปไม่ได้เสียที ดังนั้นจึงทำได้แค่วนอยู่รอบนอกเพื่อหาทางเข้ามาตลอดถ้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ลงเขามา พวกเขาอันที่จริงก็ไม่มีโอกาสเลยแต่ใครจะรู้ ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับลงเขามาเสียอย่างนั้น? ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่พาใครมาด้วย แอบหนีมาคนเดียวองครักษ์ลับเหล่านี้รู้สึกเหมือนสวรรค์โปรดเลยทีเดียว ที่ให้พวกเขาสำเร็จภารกิจของฝ่าบาทได้อย่างราบรื่นดังนั้น ต่อให้ต้องเหนื่อยตายพวกเขาก็ไม่กล้าจะหยุดพักหายใจหายคอเลย ใช้ความเร็วสูงสุดพาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นระหว่างทางถูกวางยา ทุกวันล้วนสลึมสลือแล้วถูกป้อนน้ำกับของกินลงไป แต่กลับไม่มีสติตื่นตัวจนตอนที่นางตื่นขึ้นมาจริงๆ ก็มาอยู่ในวังจักรพรรดิต้าชื่อแล้วพอนางลืมตาก็สัมผัสได้ถึงผ้าห่มที่หอมอ่อนน
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ครั้งนี้ออกไปได้สำเร็จ อันที่จริงก็ไม่ถือว่าเป็นโชคดีซางจื่ออันที่จริงก็ไล่ตามนางมาทัน องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเห็นเขาแล้ว นางก็รีบมุดเข้าไปถ้ำเล็กๆ ที่ถูกเถาวัลย์บังอยู่เพื่อซ่อนตัว จากนั้นก็มองซางจื่อผ่านช่องระหว่างเถาวัลย์ช่วงนี้นางก็ติดตามเจ้าอารามโยวชิงอยู่ตลอด ดังนั้นก็ถือว่าคุ้นเคยกับซางจื่ออยู่ซางจื่อกระทั่งรู้สึกดีกับนางอยู่บ้างด้วย จุดนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนั้นสัมผัสได้ ปกตินางเองก็ดีใจอยู่บ้าง แอบเสวยสุขกับการดูแลของซางจื่อที่มีให้นาง"องค์หญิงใหญ่ ท่านอยู่ที่ไหนน่ะ? รีบออกมาเถิด ข้าจะพาท่านกลับไป"ซางจื่อกำลังเรียกหานาง เขาเองก็คำนวนจากเวลาระยะทางกับความเร็วของนาง คิดว่าเวลาขนาดนี้น่าวิ่งมาถึงบริเวณนี้แล้ว ดังนั้นพอมาถึงที่นี่เขาจึงหยุดลง แล้วออกค้นหาไปรอบๆ"องค์หญิงใหญ่ เจ้าอารามเป็นห่วงท่านมาก ข้าเองก็เป็นห่วงท่าน ท่านไปน้อยใจอะไรมาหรือ?""มีเรื่องอะไรท่านบอกกับข้าได้ ข้าจะช่วยท่านเอง ท่านออกมาหน่อยดีไหม?"เสียงของซางจื่อมีความกังวลและตึงเครียด คอยเตือนนางปลอบนางอยู่ตลอด องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอันที่จริงก็ได้ยินแล้วนางเองก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นม
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกไปเองแล้วฟู่จาวหนิงตอนที่ได้ยินข่าวนี้ก็เกือบจะตั้งตัวไม่ทันนางถามเซียวหลันยวน "นางทำแบบนี้เพราะอะไรกัน?"คิดไม่ออก คิดไม่ออกจริงๆเซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "พวกเจ้าเป็นหญิงสาวเหมือนกันก็ยังไม่เข้าใจ แล้วข้าจะไปเข้าใจได้ยังไง?""ท่านว่า" ฟู่จาวหนิงเท้าคางมองเขา รู้สึกสงสัยหน่อยๆ "นางถูกพวกท่านทำร้ายจิตใจหรือเปล่า?""อื๋อ?"เซียวหลันยวนไม่ค่อยพอใจขึ้นมาทันทีเขายื่นนิ้วออกมา ดีดไปบนหน้าผากของนาง"หนิงหนิง เจ้าพูดดีดีนะ ข้าจะไปทำร้ายจิตใจนางได้ยังไงกัน?""นางอยากเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านไม่รับปากนางนี่""นางอยากเห็นข้าก็ต้องรับปากรึ? ถ้าอย่างนั้นข้าคงมีพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่น้อยเลยทีเดียว" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างเคืองๆ "แล้วก็ รบกวนพระชายาคนนี้ ช่วยมองตำแหน่งของตนเองให้สูงค่าสักนิดเถอะ ตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยนมีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้น"ฟู่จาวหนิงเม้มปากหัวเราะ"ยังจะขำอีก?" เซียวหลันยวนเห็นนางเป็นแบบนี้แล้วก็จักจี้หัวใจ ก้มหัวลงจูบไปบนริมฝีปากนางฟู่จาวหนิงถูกเขาจูบจนอ่อนระทวยก่อนหน้าที่เซียวหลันยวนจะอุ้มนางไปขึ้นเตียง นางก็รีบตะโกนให้หยุดข
เซี่ยปั้นเวยพอได้ยินองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบอกว่าจะไปไต่สวนเจ้าลัทธิฝั่งซ้ายด้วย ก็รู้สึกสงสัยในหูของตนเองขึ้นมา"องค์หญิงใหญ่ ท่านว่าอะไรนะ?""ข้าบอกว่าข้าจะไปไต่สวนเจ้าลัทธิฝั่งซ้ายกับเจ้าด้วย มีอะไรผิดหรือ? เจ้าคนเดียวสู้ไปกันสองคนไม่ได้แน่ ปัญหากับรายละเอียดตั้งมากมาย พอมีคนเพิ่มก็มีโอกาสเจรจาเพิ่มขึ้นด้วย เจ้าเองก็ไม่ค่อยชัดเจนเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนเคยเจอมาในอดีตนี่?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่า เซี่ยปั้นเวยเติบดตมาในภูเขาแบบนั้น คงจะไม่ค่อยชัดเจนกับโลกภายนอกเท่าไร ไม่ต้องพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวังจักรพรรดินั่นเลยในเมื่อนางเองก็ไม่รู้ แล้วจะไปเริ่มถามจากตรงไหนได้กัน?"ข้าเข้าใจเรื่องของอ๋องเจวี้ยนมากมายเลย ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของหมอเทวดาฟู่ก็รู้อยู่หน่อยๆ ให้ข้าไปช่วยถามด้วย น่าจะถามเรื่องที่พวกเขาสนใจ กับเรื่องที่อยากรู้ได้มากขึ้น" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบอกมา"หมอเทวดาฟู่? ท่านหมายถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?"เซี่ยปั้นเวยอันที่จริงไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเพราะอะไรพอองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยถึงฟู่จาวหนิง มักจะเรียกนางว่าหมอเทวดาฟู่ ในเมื่อตอนที่อยู่กับอ๋องเจวี้ยน ไม่ใช่ควรเรียกกว่าพระชายาอ
"นี่คือหน้าตาเจ้าลัทธิฝั่งขวาที่เจ้าลัทธิฝั่งซ้ายบรรยายออกมาหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"ใช่แล้ว ข้าอาจจะวาดได้ไม่ดี แต่ว่า เจ้าลัทธิฝั่งซ้ายพอเห็นแล้วก็พูดขึ้นว่า เจ้าลัทธิฝั่งขวาหน้าตาแบบนี้ คิดว่าน่าจะไม่ผิดไปสักเท่าไร" เซี่ยปั้นเวยเอ่ยขึ้นนางรู้สึกเครียดหน่อยๆ พอถูกเซียวหลันยวนมองเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกกดดันขึ้นมาในรังเก่าของเจ้าลัทธิฝั่งซ้าย ตอนแรกที่นางเห็นเซียวหลันยวน นางก็มีความรู้สึกแบบนี้ ตอนนั้นนางกังวลว่านางจะถูกฆ่าทิ้งด้วยซ้ำนี่จึงเป็นสาเหตุที่เพระาอะไรทั้งที่นางก็รู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนหน้าตาหล่อเลหา แต่ไม่กล้าจะหวั่นใจด้วยเลยแม้แต่น้อยเซี่ยปั้นเวยรู้ว่าตนเองไม่มีทางควบคุมผู้ชายแบบนี้ได้"เขายังพูดอะไรมากอีก?" เซียวหลันยวนก้มลงมา ถามขึ้นมาคำหนึ่งเซี่ยปั้นเวยอยากจะพูดออกมาเหมือนอย่างที่บอกกับถังอู๋เจวี้ยนไป บอกว่าเจ้าลัทธิฝั่งซ้ายยังไม่ยอมพูดอะไรมาก และยังอยากบอกว่าเขาน่าจะเพราะถูกทำให้ไร้ประโยชน์ไปแล้ว ดังนั้นจึงแค้นเคืองอยู่บ้าง อยากให้นางมาแลกสวัสดิการเล็กๆ น้อยๆ ให้เขา จากนั้นค่อยเข้าไปถามเขาเอาอีกทีแต่พอได้ยินน้ำเสียงสงบนิ่งแบบนั้นของเซียวหลันยวน นางก็รู้สึกประหวั่