ยิ่งไปกว่านั้นขนาดอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็ยังพูดออกมาได้ฟู่จิ้นเชินพยักหน้า "ตอนนั้นข้าเคยคิด ว่าจะพาแม่ของเจ้าไปที่ยอดเขาโยวชิง ไปหาอ๋องเจวี้ยนเพื่ออธิบายต่อหน้าให้ชัดเจน""พวกท่านไปยอดเขาโยวชิงมาหรือ?"เสิ่นเชี่ยวส่ายหัว "ไม่มีโอกาสขึ้นยอดเขาโยวชิง แต่พวกเราเองก็ฝ่าฟันอุปสรรคหลายครั้ง กว่าจะไปถึงเมืองเล็กๆ ที่ไม่ห่างจากยอดเขาโยวชิง"ที่แท้พวกเขาก็เคยคิดจะเดินเส้นทางนั้น"ที่เมืองเล็กนั่น พวกเราถูกมือสังหารสองกลุ่มจับตาอยู่ ดังนั้นจึงต้องซ่อนตัวในเมืองเล็กชั่วคราว พักอยู่ที่นั่นหลายวัน"ฟู่จิ้นเชินย้อนคิดไปถึงช่วงเวลานั้น "ตอนนั้นน่าจะตอนที่อ๋องเจวี้ยนอายุสิบเอ็ดสิบสอง""พวกเขาได้ยินเรื่องอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นที่เมืองเล็กนั่น ยอดเขาโยวชิงในพื้นที่นั้นก็ค่อนข้างมีชื่อเสียง คนในเมืองกับชาวบ้านในหมู่บ้านเล็กๆ ใกล้ๆ พอถึงช่วงเทศการก็อยากจะขึ้นเขาไปจุดธูป ดีที่สุดคือได้พบกับเจ้าอาราม ได้ดื่มชากับเขาสักถ้วย ฟังเขาไขข้อสงสัยให้"ฟู่จาวหนิงฟังไปด้วยกินไปด้วยคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงจะมีชื่อเสียงบารมีขนาดนี้แต่ว่ามันก็จริง พอลือไปถึงเมืองหลวงก็มีคนมากมายชื่นชมศรัทธา ไม่ต้องพูด
ฟู่จาวหนิงกินจนพุงป่องฟู่จาวเฟยวิ่งมาข้างๆ นางด้วยท่าทีขี้เล่น "มา ท่านพี่ เดี๋ยวน้องชายประคองเอง"เขายื่นมือออกมา ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขา ทาบไว้บนหลังมือเขา "ไปเถอะ ไปดื่มชาที่โถงหน้า""ได้เลย"พี่น้องสองคนวางท่าเดินออกจากห้องอาหารผู้เฒ่าฟู่หัวเราะก่นด่า "ทำท่าทำทางอะไรนั่น? เจ้าเสี่ยวเฟยนี่ก็หัวเราะไม่หยุดเลย"แม้จะดูก่นด่า แต่พอเห็นฉากนี้ เขารู้สึกว่าหัวใจเอ่อล้น มีความสุขจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไรเทียบกับก่อนหน้านี้ ความกลมเกลียวในบ้าน ความคึกคักในบ้านตอนนี้ ดีงามจนเหมือนไม่ใช่ความจริงฟู่จิ้นเชินเองก็มาประคองเขา"ไม่ต้องให้เจ้ามาประคองหรอก ตอนนี้ข้าเดินเหินคล่องแล้ว เจ้าไปคุยกับจาวหนิงเถอะ เล่าเรื่องฮูหยินอะไรนั่นซะ"ผู้เฒ่าฟู่โบกปัดมือเขาออกตอนนี้กินข้าวเสร็จแล้ว ก็ได้เวลามาคุยเรื่องฮูหยินเฉิงอะไรนั่นเสียทีผู้เฒ่าฟู่ไม่ค่อยสบายใจนัก ถือดียังไงถึงไม่ชอบจาวหนิงของพวกเขา?แล้วก็ เซียวหลันยวนนี่ยังไงกัน? ทำเอาจาวหนิงต้องหนีกลับมาบ้านฝ่ายหญิงแบบนี้ หรือเขาไม่ได้รั้งเอาไว้ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวเดิมทีคิดจะไปถามให้ชัดเจนเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นจากที่พวกเขาสังเกต
ฟู่จิ้นเชินเหลือบมองเขา "เสี่ยวเฟย พี่เขยเขาก็ดีกับเจ้านะ ถ้าเขาเคารพฮูหยินเฉิงจริง เจ้าในฐานะเป็นเด็กเล็กสุด ต่อให้คิดจะยืนอยู่ฝั่งพี่สาว ก็ไปตำหนิผู้อาวุโสของพี่เขยเจ้าตรงๆ ไม่ได้"แบบนี้ถ้าเซียวหลันยวนได้ยินเข้า จะกลายเป็นว่าพวกเขาสั่งสอนไม่ดีไปพวกเขาพูดกันได้ แต่ฟู่จาวเฟยที่ก่อนหน้าได้รับการคุ้มครองจากเซียวหลันยวนมาตลอด ไม่มีสิทธิ์จะไปด่าทอ"ท่านพ่อ ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวเฟยเม้มปากสนิทเรื่องที่ราชาเฮ่อเหลียนกบฏ ถ้าไม่ใช่อ๋องเจวี้ยนหันมาปกป้องเขา เขาคงจะถูกองค์จักรพรรดิโยนออกไปแล้วดังนั้น พี่เขยก็ปกป้องเขามาจริงๆ เขาเองก็ซาบซึ้งไม่น้อยต่อตัวพี่เขยข้อดีของฟู่จาวเฟยก็คือรับฟังเหตุผลได้"อันที่จริงเซียวหลันยวนเองก็ไม่ใช่ว่าไม่ยืนอยู่ฝั่งข้าหรอก สุดท้ายเขาก็ไม่ให้ฮูหยินเฉิงขุดหญ้าเฝิ่นซิงนั่น ให้นางย้ายไปเรือนรับแขกเลย แล้วตอนค่ำก็ยังลงโทษสาวใช้ข้างกายฮูหยินเฉิงให้คุกเข่าด้วย"ฟู่จาวหนิงถอนใจเบาๆ รู้สึกสับสนหน่อยๆอันที่จริงนางก็ไม่มีประสบการณ์ที่เกี่ยวกับด้านนี้เท่าไรนัก"แล้วเจ้าคิดอย่างไรล่ะ?" ฟู่จิ้นเชินถาม "ทะเลาะแล้วงอนกับอ๋องเจวี้ยนหรือ?""ก็ไม่ได้คิดอะไร ข้ารู้สึกว่า
ครอบครัวตระกูลฟู่อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่เพิ่งออกจากวังจักรพรรดิก็ถอนใจโล่งออกมายาวๆได้รับการช่วยเหลือจากหยวนอี้ นางจึงได้เข้าวังพบกับจักรพรรดิยิ่งไปกว่นั้นองค์จักรพรรดิไม่รู้ว่านางมาจากเมืองเจ้อด้วย ยังคิดว่านางหนีจากต้าชื่อมาแคว้นเจาโชคของนางกลับมาอีกแล้ว พอพบกับจักรพรรดิ ก็มีคนเข้ามารายงานข่าว บอกว่าพบเสบียงประเภทหนึ่ง กินแล้วอิ่มท้อง มีผลผลิตเยอะมาก สามารให้ผู้ประสบภัยไปลองปลูกได้ นับว่าช่วยให้ผู้ประสบภัยมีอะไรทำบ้าง และยังมีความหวังเรื่องเติมปากท้องด้วยได้ยินว่าข่าวดีนี้เป็นผู้บริหารท้องถิ่นโหยวจากเมืองเจ้อที่นำมาตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรออยู่ที่ตำหนักข้าง พอได้ยินเสียงประกาศว่าฝ่าบาทให้นางเข้าไป ตอนที่นางกำลังจะก้าวขาออกไปก็เห็นผู้บริหารท้องถิ่นโหยววิ่งไปห้องหนังสือหลวงอย่างกระตือรือร้น นางจึงหดตัวกลับไปผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรายงานข่าวดีนี้ องค์จักรพรรดิก็ค่อนข้างดีใจมากแต่เขาก็ยังไม่ให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเข้าไป ให้เขาตะโกนพูดอยู่ที่ประตูห้องหนังสือหลวง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึงได้ยินเข้าองค์จักรพรรดิพอดีอกดีใจ ก็ได้ยินผู้บริหารท้องถิ่นโ
"แล้วจากนี้ องค์หญิงใหญ่คิดจะทำอย่างไร?" หยวนอี้ถามมาอีก"คุณชายหยวนคงจะศึกษาแคว้นเจามาแล้วกระมัง?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นย้อนถามเขา"ท่านคิดจะถามอะไร?""ก่อนหน้านี้ข้าเคยถามคำถามนี้แล้ว อยากให้คุณชายหยวนช่วยข้าวิเคราะห์ดู ในแคว้นเจา ข้าจะหาใครที่พึ่งพิงได้บ้าง เอาที่มั่นคงหน่อย?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่มีคนที่หารือด้วยได้เลย มีแค่หยวนอี้เท่านั้นหลายวันนี้ที่อยู่ด้วยกันกับหยวนอี้ นางก็สังเกตได้ว่าหยวนอี้เข้าใจแคว้นเจาอยู่ไม่น้อย บางทีถามคำถามนี้กับเขาน่าจะเหมาะที่สุด"ไปหาใครน่ะหรือ? ตอนนี้แน่นอนว่าต้องเป็นองค์รัชทายาทสิ" หยวนอี้มองนางยิ้มๆ อย่างมีนัยยะแฝง "องค์หญิงใหญ่ที่คิดอยู่สองวันนี้ไม่ใช่องค์รัชทายาทหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังให้หญิงรับใช้ในวังราชนิเวศส่งปิ่นทองไปอีก แล้วยังให้นางสืบด้วยว่าองค์รัชทายาทจะกลับจากวัดคุ้มครองแคว้นเมื่อไร"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหน้าแดงก่ำนางไม่คิดว่าเรื่องที่ตนเองแอบทำ จะถูกหยวนอี้รู้จนหมดหยวนอี้เป็นแค่ทูตที่มาพักในวังราชนิเวศน์เท่านั้นนี่นา?ทำไมถึงจับตาดูไปทั่วเลยล่ะ?"องค์รัชทายาทแคว้นเจา หลายปีก่อนยังพอดูมีตัวตนอยู่บ้าง ช่วงหลายปีนี้ไ
"แบบนี้แล้วกัน แคว้นหมิ่นของเรา สนับสนุนองค์รัชทายาท ยิ่งไปกว่นั้น ครั้งนี้ถ้าหากทั้งสองแคว้นร่วมมือกันสำเร็จ หลังจากนี้แคว้นหมิ่นของเราจะสนับสนุนองค์รัชทายาทอย่างเต็มกำลัง" หยวนอี้บอกกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตรงไปตรงมา"ทำไมท่านจึงบอกเรื่องนี้กับข้า?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีท่าทีระแวดระวังขึ้นมาอย่างหาได้ยากเฉินเซียงตายไปแล้ว องครักษ์คนสนิทที่คุ้มครองนางหนีออกมาจากต้าชื่อก็ตายไปแล้วเช่นกัน ยังมีสาวใช้วังอิ๋นสั่วอีกคนที่ยังอยู่ในต้าชื่อคอยทำงานแทนนาง แต่ในเมื่อฝ่าบาทรู้ร่องรอยของนางแล้ว เช่นนั้นอิ๋นสั่วก็น่าจะเคราะห์ร้ายไปแล้วแน่นอนดังนั้นข้างกายนางตอนนี้จึงไม่มีใครเลยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็รู้ว่าตนเองต้องเติบโต จะใสซื่อไร้เดียงสาเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ที่คิดแต่ว่าโชคของตนเองยังดีอยู่มาก พระเจ้าเองก็คงจะคุ้มครองนางให้ทุกอย่างราบรื่นตอนนี้นางเอาแต่คิดแบบนั้นไม่ได้อีกแล้วหยวนอี้ตอนนี้เอาความลับเหล่านี้มาบอกนาง เพราะคิดอยากได้อะไรจากตัวนางกัน?"องค์หญิงใหญ่เองก็อย่าดูแคลนตนเองนักเลย บนตัวท่านอันที่จริงมีโชคที่สูงกว่าคนทั่วไปมาก จุดนี้ กระทั่งเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็ยืนยันแล้
ถึงอย่างไรองค์รัชทายาทแคว้นเจาก็ยังต้องคอยอดทน เท่ากับไม่มีอำนาจและความสามารถพอที่จะต่อกรกับฝ่าบาทได้ ยังคุ้มครองนางไม่ไหวแต่หยวนอี้บางทีอาจจะได้"ข้าไม่มีความรู้สึกสัมพันธ์ชายหญิงกับองค์หญิงใหญ่เลยแม้แต่น้อย""ทำไมจะต้องมีความรักกันด้วยล่ะ? พวกเราแต่งงานไปแล้วค่อยๆ เพาะบ่มขึ้นมาก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็จะดีกับคุณชายหยวนแน่นอน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าตนเองต้องพยายามเสียหน่อย ดังนั้นพูดไปด้วยก็เขยิบเข้าใกล้หยวนอี้ไปด้วยนางยิ่งเข้าใกล้ หยวนอี้ก็ยิ่งถอยหนี"ข้ามีคู่หมั้นที่แคว้นหมิ่นแล้ว""แค่คู่หมั้นเอง ยังไม่ได้แต่งเสียหน่อย ถ้างั้นพวกเราแต่งเข้าวันเดียวกันก็ได้ ข้าไม่รังเกียจตำแหน่งภรรยาทัดเทียมหรอก ขอแค่ไม่ให้ข้าไปเป็นอนุภรรยาก็พอ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกัดฟัน มองไปที่อกเขาแล้วไล่ลงไป"นี่ๆๆ!"หยวนอี้ร้องขึ้นมา ยื่นมือผลักนางออก แต่ตอนที่มือไม้เป็นระวิง มือที่เขายื่นออกไปก็ไปโดนหน้าอกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอดีสัมผัสอ่อนนุ่ม ทำเอาหยวนอี้ตัวแข็งทื่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหน้าแดงเถือก แข็งไปทั้งตัวเหมือนกันพอตั้งสติกลับมาได้ หยวนอี้ก็รีบหดมือกลับเหมือนถูกลวก "ข้าๆๆ..."แต่อง
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนึกถึงเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงทันที"กระทั่งอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ไม่มีใครรู้ว่าท่านเป็นหญิง"เป็นไปไม่ได้เลยที่นี่จะเป็นการปลอมตัวเพียงชั่วคราวชั่วครู่หยวนอี้เงียบไปครู่หนึ่ง "ถูกต้อง นับตั้งแต่ที่ข้าเกิด ก็ถูกแม่ข้าเลี้ยงเป็นลูกชายมาตลอด ตลอดหลายปีนี้ ข้าเองก็มองตนเองเป็นผู้ชาย ไม่เคยสวมชุดเสื้อผ้าผู้หญิงมาก่อนเลย"ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อทำให้ตัวเองสูงขึ้นมาหน่อย นางจึงพยายามฝึกยุทธ์ กระโดดโลดเต้นอะไรพวกนี้นางสูงกว่าหญิงสาวทั่วไประดับหนึ่ง แต่ก็ยังดูอ้อนแอ้นกว่าชายหนุ่มทั่วไปดีที่ เอกลักษณ์ของหญิงสาวของนางไม่ชัดเจนมากนัก หลังจากสวมผ้าคาดอกก็ราบเรียบไปแล้วและเพื่อท่านพ่อให้ความสำคัญกับตัวนาง เชื่อว่านางมีความสามารถ ตั้งแต่เล็กจนโต นางจึงถูกแม่บีบคั้นให้เรียนมันทุกอย่าง มีอะไรก็ทุ่มเทเรียนมาทั้งหมด ไต่เต้าขึ้นมาทีละก้าวๆ โดดเด่นเปล่งประกายในแคว้นหมิ่น แล้วยังกลายเป็นคนโปรดขององค์จักรพรรดิอีกด้วยแต่ว่า จากอายุที่เติบโตขึ้น จะปิดบังต่อไปก็ลำบากมากจริงๆนางไม่คิดจะใช้ตัวตนชายไม่แท้นี้แต่งงานรับภรรยา แล้วค่อยมาคิดหาวิธีให้ภรรยาตั้งท้องลูกคนอื่น แล
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ