"ใครก็ได้!"จ้าวหรูร้องขึ้นมาอีกครั้งเพียงไม่นานก็มีทหารหลายคนพุ่งเข้ามายืนอยู่ข้างๆ นาง ดูแล้วองอาจน่าตกตะลึง"เจ้าก็แค่คนขับรถจนๆ คนหนึ่ง ถือดีอย่างไรจะมาสู้กับทหารของขุนนางผู้บัญชาการกัน?" จ้าวหรูหัวเราะเย้ยขณะพิจารณาตัวเฉินซานสีหน้าเฉินซานเปลี่ยนไปแล้วคุณหนูจ้าวคนนี้เป็นลูกสาวของขุนนางผู้บัญชาการหรือ?ทหารหลายคนนั่นดูแล้วก็น่าตกตะลึงจริง เฉินซานรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของพวกเขา แต่พอเขาหันหน้ากลับไปมองฟู่จาวหนิงกับเสี่ยวเถาผาดหนึ่ง ก็กัดฟัน ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว"ไม่ยอมให้พวกเจ้าได้แตะต้องคุณหนูของข้าแม้แต่ผมสักเส้นหรอก!"เฉินซานก่อนหน้านี้ตอนเป็นนักเลงหัวไม้ที่ตลาดก็ทะเลาะเบาะแว้งอยู่บ่อยๆ หลายครั้งที่ใช้วิธีไม่คิดชีวิต สละตัวเอง กระดูกกระเดี้ยวจะหักไปกี่ท่อนก็เข้าขวางพวกเขาไว้ รั้งพวกเขาไว้ไม่ให้ผ่านไป"น่าขันเหลือเกิน"จ้าวหรูเห็นว่าเขาไม่ยอมปล่อยวาง ยังคิดว่าตนเองสามารถปกป้องฟู่จาวหนิงได้ จึงหัวเราะร่าขึ้นมา"เช่นนั้นก็จะทำให้เจ้าสมหวัง ให้คุณหนูของเจ้าเห็นเจ้าถูกตีจนปางตายก่อนก็แล้วกัน จากนั้นพวกเราค่อยโกนหัวของนางทิ้ง!"จ้าวหรูจู่ๆ ก็รู้สึกว่าความคิดนี้ใช้ได้
"คิดจะหนีหรือ ไม่มีทาง"พวกเขาล้วนกำลังเอาอกเอาใจจ้าวหรู ตอนนี้จึงพยายามแสดงออกอย่างเต็มที่"คุณหนูจ้าว บิดาของท่านเคยมาเรือนรับรองพินิศทิวเขาของพวกเราแล้ว ข้ากับเขาเองก็เคยดื่มชาด้วยกัน" ผู้เฒ่าซุนโผล่ออกมา คิดจะเตือนห้ามจ้าวหรูไว้เดิมทีนางก็อยากพูดเรื่องที่ฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องอ๋องเจวี้ยนกับหลินหว่านซิน พอบวกกับที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้เรียกนางว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยน ดังนั้นตอนนี้ผู้เฒ่าซุนล้วนไม่กล้ายืนยันความสัมพันธ์ของนางกับอ๋องเจวี้ยนยังดีอยู่หรือไม่ถ้าเผื่ออ๋องเจวี้ยนไม่ยืนอยู่ฝ่ายนางล่ะ เช่นนั้นถ้าพูดตัวตนฐานพระชายาอ๋องเจวี้ยนออกไป ไม่แน่ว่าจะยิ่งยั่วโมโหคุณหนูจ้าวเข้าไปอีกจ้าวหรูถลึงตาใส่นาง"เจ้าหุบปากไป เคยดื่มชากับพ่อข้าแล้วยอดเยี่ยมนักหรือ เจ้ามันเป็นใครกัน?"ถ้าไม่ใช่เพราะนางช่วงนี้ทะเลาะกับพวกของหลินหว่านซินล่ะก็ จึงไม่อยากจะพักอยู่กับพวกหลินหว่านซิน นางถึงต้องมาพักอยู่ในเรือนรับรองที่ไม่คู่ควรกับตัวตนฐานะนางเช่นนี้ไม่ใช่หรือไรกัน?ผู้เฒ่าซุนถูกนางจนโมโหใส่จนหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาวไปแล้วคุณหนูจ้าวคนนี้เกะกะระรานเสี
"ดี พวกเจ้าทำตัวดีมาก!"จ้าวหรูเห็นคนมากมายอยู่ทางผู้เฒ่าซุน ก็รู้ว่าเลยว่าตนเองช่วงสั้นๆ นี้ยังทำได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถเล่นงานคนมากมายพวกนี้ได้แน่หลังจากกลับบ้านนางจะไปหาบิดานาง ถึงตอนนั้นพอบิดานางลงมือ จะต้องทำให้สกุลซุนแบกรับผลที่ตามมาแน่!"สกุลซุนเอ๋ย เจ้าหวงแหนวันเหล่านี้เอาไว้เถอะ" จ้าวหรูมองผู้เฒ่าซุน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กดเสียงต่ำพูดว่า "ถ้าข้าเล่นงานพวกเจ้าให้บ้านแตกสาแหรกขาดไม่ได้ ข้าก็ไม่ใช่สกุลจ้าว"บิดานางมีวิธีการอยู่คิดว่าจะปิดแค่เรือนรับรองเดียวได้หรือไรกัน?ผู้เฒ่าซุนสีหน้าเปลี่ยนเขาเดิมทีคิดว่ากลับไปแล้วจะรีบเตรียมของกำนัลชิ้นใหญ่ไปตระกูลจ้าวแล้วขอขมากับนายท่านจ้าวเสีย แต่ขอแค่ปกป้องฟู่จาวหนิงได้ การปลดปลงเรื่องในวันนี้ ก็ถือว่าคุ้มแล้วแต่ว่าเขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวหรูอายุก็แค่นี้ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมเสียขนาดนี้!โมโหเสียใหญ่โตกับเรื่องเล็กแค่นี้ คิดจะทำให้เขาบ้านแตกสาแหรกขาดหรือ?!"คุณหนูจ้าว"ผู้เฒ่าซุนคิดจะพูดอะไร แต่จ้าวหรูก็โมโหหมุนตัวจากไปแล้ว"พวกเราไป! เรือนรับรองเน่าๆ นี้พวกเราไม่ต้องอยู่มันแล้ว!"เหล่าคุณชายคุณหนูที่ติตดามนางเหล่านั้นมองไปที่ผู้เฒ่าซุน
"ขอบคุณทั้งสองท่านมากที่เตือนข้า"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขอบคุณกับคุณหนูหน้าตาสะสวยกับคุณชายคนนั้นพวกเขาล้วนโบกไม้โบกมือ จากนั้นก็รีบขอตัวออกไปถึงแม้พวกเขาจะมาพูดกับฟู่จาวหนิงไม่กี่คำ แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่กล้าอยู่ใกล้ฟู่จาวหนิงมากนัก เดี๋ยวจ้าวหรูรู้เข้า จะถูกนางจดบัญชีแค้นขึ้นมาเอา"พวกเจ้าก็ไปทำงานเถอะ วางใจได้ ต่อให้ฟ้าทลายลงมาข้าก็ค้ำเอาไว้ให้ นายท่านจ้าวไม่ทำอะไรพวกเจ้าหรอก"ผู้เฒ่าซุนยิ้มขืนโบกไม้โบกมือ ให้พวกพนักงานไปทำงานซุนกุ้ยยังไม่ยอมไป เขาเป็นผู้ดูแลที่นี่ และเป็นคนสนิทของผู้เฒ่าซุน ถ้าเรื่องราวยังไม่คลี่คลายเขาก็ยังไม่มีกะจิตกะใจไปทำงานหรอกโดยไม่รอให้ฟู่จาวหนิงพูดอะไร ผู้เฒ่าซุนกลับเอ่ยขึ้นเชิงขอโทษกับฟู่จาวหนิง "คุณหนูฟู่ ข้าคนนี้แม้ในมือจะมีเงินอยู่บ้าง เส้นสายไม่ได้กว้างขวาง แต่ว่าเรื่องนี้ก็ปกป้องไว้ไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ข้ายังพอกัดฟันขวางจ้าวหรูไว้ได้"เขาถอนหายใจ แต่ก็ดูจำใจ"แต่ว่าท่านเมื่อครู่ก็ได้ยินแล้ว จ้าวหรูโหดเหี้ยมเสียขนาดนี้ พอกลับถึงเมืองหลวง นางจะต้องลงมือกับท่านแน่ ถึงตอนนั้นข้าก็ไมมีความสามารถทำอะไรได้แล้ว ท่านรีบคิดหาวิธีเถอะ"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าแม้
กลุ่มคนถึงแม้จะยังอารมณ์ดำดิ่ง และยังกังวลอย่างมาก แต่ท้องก็หิวแล้วนี่ พอได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าซุนจึงเอาเรื่องวางไว้ก่อน แล้วลงมือกินแพะย่างขึ้นมาฟู่จาวหนิงกินอย่างพออกพอใจ แต่คนอื่นกลับกินไม่ค่อยรู้รสนักพอกินแพะย่าง ฟู่จาวหนิงถึงได้พูดกับเรื่องที่ถูกตัดบทไปก่อนหน้านี้กับผู้เฒ่าซุนความล้ำค่าของวัตถุดิบยานั้นหลังจากผู้เฒ่าซุนได้ยินก็ตาเป็นประกาย ถามขึ้นทันที "คุณหนูฟู่ หญ้าสมุนไพรนี้ล้ำค่ามากจริงหรือ?""ถูกต้อง ถ้าหากมาใช้สกัดยา สมุนไพรนั่นก็มีมูลค่ามากเลยทีเดียว""เอ่อ ข้าพูดว่าถ้าหากนะ" ผู้เฒ่าฟู่รู้สึกว่าตนเองหาวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว "ถ้าข้าเอาสมุนไพรพวกนี้มอบให้กับนายท่านจ้าว ท่านว่านายท่านจ้าวจะเห็นแก่ยาแล้วไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเราไหม?"เขาเดิมทีคิดว่าถ้าส่งไปแค่เงินเท่านั้น นายท่านจ้าวคงจะไม่พอใจแน่ จากที่เขารู้ นายท่านจ้าวปกติเงินที่รับมาก็ไม่น้อยเลยและถ้ารับเงินของเขาไปแล้ว แต่ยังคิดจะระบายโกรธแทนจ้าวหรูมาอีกล่ะจะทำอย่างไร?เงินน่าจะไม่ได้สำคัญกว่าลูกสาวกระมัง?แต่ถ้าหากส่งยาสมุนไพรล้ำค่าให้เขา เวลาจำเป็ฯยังสามารถนำมาช่วยชีวิตตัวนายท่านเจ้าเองได้ เขาคงจะหวั่นไหวเป็น
เพียงแต่ลืมโศกพิษนี้ยังขาดวัตถุดิบยาอีกสองชนิดฟู่จาวหนิงคิดถึงเรื่องที่หมอซุนไปพบวัตถุดิบยาล้ำค่าที่หลังเขาก่อนหน้าา หลังเขาทางนั้นเป็นไปได้ว่าจะมีสมุนไพรยาชนิดอื่นอยู่ด้วยกระมัง?สมุนไพรพิษสองชนิดที่นางขาดอยู่ไม่ได้หายากมาก ไม่แน่ว่าอาจจะหาเจอจากในเขาด้วยฟู่จาวหนิงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ตอนฟ้ายังไม่สางจะขึ้นเขาไปหาสมุนไพรพิษเฉินซานไม่นานก็กลับมาแล้ว แล้วยังหาจุดที่จ้าวหรูไปได้ด้วย"คุณหนู จ้าวหรูพวกเขาตอนนี้พักอยู่ที่เรือนรับรองตะวันออก ข้ายังได้ยินมาว่า ท่านอ๋องเจวี้ยนตอนบ่ายจะเข้าป่าไปล่าสัตว์ด้วย ไปด้วยกันกับรัฐทายาทน้อยเจียงอวี้"เฉินซานสีหน้าไม่ดีเอามากๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังดูกังวลต่อฟู่จาวหนิงมาก"คุณหนูหลินกับจ้าวหรูเหมือนจะเป็นเพื่อนกัน พวกนางก่อนหน้านี้เหมือนทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ดีกันแล้ว คุณหนูหลินกับแม่นางอีกหลายคนล้วนพูดถึงแต่อ๋องเจวี้ยน บอกว่าอ๋องเจวี้ยนจะแย่งราชันกวางตัวนั้นมาได้ เพราะพอได้ราชันกวางก็จะเท่ากับได้ที่หนึ่งของการแข่งล่าสัตว์""ที่หนึ่ง?"ฟู่จาวหนิงรู้เรื่องการแข่งล่าสัตว์ แต่นางคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะสนใจเข้าร่วมด้วยร่างกายพังๆ ของเขานั่น ยังกล้าเข้
"ซวยจริงๆ! ของดีก็ล่ามาไม่ได้ แล้วยังมาเจอกับเจ้าพวกหน้าไม่อายอีก!""นั่นสิ แย่งของที่เราล่ามาไปย่างกินหมดเลย พวกเราถ้ากลับไปมือเปล่าอย่างนี้ เจ้าพวกนั้นได้หัวเราะกันฟันหักเลยกระมัง?""ข้าตอนนี้กลับหวังให้รัฐทายาทเซียวชนะเสียแล้ว ถึงแม้พวกเราปกติจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับรัฐทายาทน้อยเจียงนัก แต่อย่างน้อยก็ยังใจคอกว้างขวางตรงไปตรงมา ดีกว่าพวกจ้าวเฉินเยอะเลย""ผู้ชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ข้างๆ รัฐทายาทน้อยเจียงคนนั้นคือใครกัน? คนนั้นรู้สึกว่าฝีมือยิงธนูจะดีมากเลย จะล่าราชันกวางตัวนั้นได้จริงไหม?"ฟู่จาวหนิงได้ยินถึงตรงนี้ก็ตกตะลึงไปแล้วพอเข้ามาก็ได้ยินข่าวของเซียวหลันยวนเลยหรือ?วิชายิงธนูของเขาดีมาก?เมื่อคืนเซียวหลันยวนอยู่ในป่านี้หรือ ผู้ชายคนนั้นไม่กลัวตายเลยจริงๆ ร่างผุพังของเขา ในภูเขานี้แค่ลมเย็นวูบหนึ่งก็เอาเขาไปได้ครึ่งชีวิตแล้ว"จะมีราชันกวางอยู่จริงหรือไม่ก็ยังไม่แน่เลย"ในภูเขานี้ถ้ามีราชันกวางอยู่จริง นั่นก็เป็นสมบัติชิ้นหนึ่งเลยทีเดียวฟุ่จาวหนิงหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว ผู้เฒ่าซุนไม่ใช่เคยพูดไว้แล้วหรือ เขาได้หญ้าสมุนไพรนั้นมาก็เพราะเห็นราชันกวางกำลังกินอยู่ บางทีพวกเขาคงจะได
ฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่ถูกต้อง ย้ายไปที่อีกกิ่งไม้หนึ่งนางเพิ่งย้ายที่ เสียงฉึกก็ดังขึ้น ลูกธนูดอกหนึ่งแทงเข้าไปยังจุดที่นางนั่งอยู่เมื่อครู่ แทงเข้าไปบนกิ่งไม้นี่คือจะเอาชีวิตนางเลย!ฟู่จาวหนิงใจเย็นวาบ ไฟโกรธก็พุ่งขึ้นมาอีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่ามีความแค้น เพราะนางส่งเสียงเตือนพวกเขา ดังนั้นอีกฝ่ายจึงรู้สึกว่านางทำลายแผนร้ายของพวกเขา จึงคิดจะเก็บนางก่อนหรือ?ลู่ทงเห็นฉากนี้จากใต้ต้นไม้ โมโหจนกระโจนตัวขึ้นมา"แม่หญิงระวังด้วย!"ฟู่จาวหนิงกระโจนลงมาจากต้นไม้ รีบเดินเข้าไปด้านหลังต้นไม้ข้างๆ ต้นหนึ่งลู่ทง เองก็เพิ่งเห็นหน้าตาของนางชัด คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่ร้องช่วยชีวิตพวกเขาไว้จะอายุยังน้อยหน้าตาสะสวยเพียงนี้เขาชักกระบี่ออกมา ร้องอย่างโกรธเคืองไปทางที่ธนูยิงมา "หนูอย่างพวกเจ้า! เป็นแต่ลอบกัดหรอกหรือ? พวกข้าไปขุดศาลบรรพบุรษพวกเจ้าหรือไปเผาหลุมศพบ้านเจ้ามาหรือไรกัน?"อาวุธลับชิ้นหนึ่งพุ่งฟิ้วเข้ามาทางเขาอีกครั้ง เขาเบนหลบไปข้างๆ อาวุธลับชิ้นนั้นแฉลบผ่านหน้าเขาไปนี่ทำเขาโกรธจริงๆ แล้วคนอื่นเองก็โกรธมาก"เจ้าพวกลูกหลานเต่า! พวกเราจะลุยกับพวกเจ้าแล้ว!""ลุยเลย!"ลู่ทงถือกระบี
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ