หงจั๋วรีบเดินไปตักน้ำร้อนตอนที่เดินผ่านระเบียง จู่ๆ ข้างตัวก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา ดึงนางเข้าไปด้านหลังเสาอย่างรวดเร็วและเพียงไม่นาน ก็มีคนหนึ่งเดินออกมาในสายตาองครักษ์ลับ นั่นก็ยังเป็นหงจั๋วอยู่เสี่ยวเยว่กับเฝิ่นซิงไปปลุกฟู่จาวหนิงแล้วฟู่จาวหนิงตอนนี้ชอบนอนมากจริงๆ แต่นางก็ไม่อยากให้ช่วงนี้ตนเองนอนมากเกินไป ถึงอย่างไรลัทธิเทพทำลายล้างก็ปรากฏตัวแล้ว ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง"มีข่าวอะไรส่งมาในวังบ้าง?"ฟู่จาวหนิงนั่งอยู่หน้ากระจก ให้เฝิ่นซิงช่วยหวีผมให้เสี่ยวเยว่วางน้ำแกงลง ตักใส่ชามเล็กออกมาพอได้ยินนางเดินเข้ามา จึงหยิบดอกท้อผ้าไหมแดงดอกหนึ่งปักประดับผมให้กับฟู่จาวหนิงตอนนี้ฟู่จาวหนิงอยากจะผ่อนคลายหน่อย เหล่าสาวใช้ก็คิดจะแบ่งเบาภาระนาง ดังนั้นหลังจากสระผมหวีผมทุกวันก็จะใช้ปิ่นปักผมเบาๆ สองสามชิ้นหรือไม่ก็ปิ่นมุกสิ่งเหล่านี้เป็นแค่เครื่องประดับตกแต่ง เพื่อให้นางดูมีชีวิตชีวามากขึ้นแต่ไม่ได้ดูเกินจริงเกินไปเพื่อสิ่งนี้ พวกนางจึงจัดเตรียมเครื่องประดับที่เหมาะสมเอาไว้ไม่น้อย คอยเปลี่ยนให้นางใช้ใหม่ทุกวัน บางครั้งวันหนึ่งยังเปลี่ยนไปถึงสองสามครั้งเลยทีเดียว
เจ้าแท่นบูชาชุดแดงรอจนด้านนอกไม่มีเสียง จึงเดินขึ้นบันไดไปด้านบนทางลับนี้ ก่อนหน้าพวกเขาได้เพิ่มกลไกเข้าไปอย่างหนึ่งติดตั้งประตูเพื่อซ่อนทางเข้าและทางออกไว้ ต้องใช้ฝ่ามือของคนที่กำหนดไว้จึงจะเปิดออกได้กลไกเปิดปิดต้องแนบสนิทกับฝ่ามือพวกเขา ดังนั้นพวกเขาก็เชื่อว่า ต่อให้อ๋องเจวี้ยนจะหาทางลับไปทั่ว ก็ไม่มีทางเจอทางลับที่กำหนดขึ้นเป็นพิเศษแน่ เพราะพวกเขาเปิดมันไม่ได้นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าแท่นบูชาชุดแดงไม่เกรงกลัวเลย บุกเข้ามาเพียงลำพังทางออกของทางลับเส้นนี้อยู่ระหว่างต้นไม้สูงสองต้นระหว่างต้นไม้สองต้นนี้มีร่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สามารถทำให้คนหนึ่งเข้าออกได้ยิ่งไปกว่านั้นข้างหน้าต้นไม้สองต้นนี้ยังเป็นดอกไม้ใบหญ้าผืนหนึ่ง เวลานี้น่าจะมีหิมะถมคลุมอยู่ ถ้ามีคนเข้าออกที่นี่ ก็จะเห็นร่องรอยได้เจ้าแท่นบูชาชุดแดงยื่นฝ่ามือออกไปเปิดกลไก แล้วเดินออกมาเขายืนอยู่ระหว่างต้นไม้สองต้น มองไปทางต้นไม้ใบหญ้าด้านหน้าต้นไม้เหล่านั้นก่อนหิมะยังคลุมอยู่ มองออกว่ายังไม่มีร่องรอยการเดินผ่าน หรือก็คือ สถานที่นี้น่าจะไม่มีคนผ่านมาก่อน ทางออกยังไม่ถูกใครพบที่นี่มองออกไปก็คือตำหนักฝูกวง
เซียวหลันยวนเกิดความสงสัย ไม่เตรียมจะตามอีกฝ่ายต่อแล้ว แต่เร่งความเร็วขึ้นชั่วพริบตา ขณะเดียวกันก็เด็ดกิ่งไม้มากิ่งหนึ่ง ซัดใส่แผ่นหลังอีกฝ่ายทันทีกำลังภายในเขาแข็งแกร่งมาก พอลงมือแบบนี้ กิ่งไม้ก็ราวกับเป็นธนูอันแหลมคมดอกหนึ่ง พุ่งหวีดหวิวแหวกอากาศ มีแรงระดับแทงทะลุแผ่นหลังของอีกฝ่ายได้เลยร่างของคนผู้นั้นชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด พอสัมผัสได้ก็รีบโถมตัวพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วพอคว่ำลงกับพื้น ก็กลิ้งตัวออกไปด้านข้าง หลบได้อย่างหวุดหวิดแต่เพราะเขาหลบอย่างซมซานแบบนี้ ทำให้เซียวหลันยวนมั่นใจขึ้นในพริบตา ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่เจ้าแท่นบูชาชุดแดงคนนั้นที่เขาเห็นก่อนหน้าเพราะประสาทสัมผัสที่เฉียบคมของคนผู้นั้น สังเกตได้ถึงสายตาเขา กำลังภายในจะต้องแข็งแกร่งมาก เจอการลอบโจมตีแบบนี้ของเขา ไม่มีทางต้องหลบอย่างซมซานขนาดนี้แต่คนในตอนนี้ มีดีแค่วิชาตัวเบา!พอคิดออกถึงจุดนี้ เซียวหลันยวนก็เข้าใจทันที ว่าคนผู้นี้จงใจปลอมตัวเป็นเจ้าแท่นบูชาชุดแดงคนนั้นพวกเขามีแผนแบบนี้ มีการแทนตัวแบบนี้ แล้วเจ้าแท่นบูชาชุดแดงตัวจริงไปที่ไหนแล้ว?ต้องไม่ใช่แค่เข้ามาฆ่าคนง่ายๆ แบบนี้แน่!พอในสมองคิดเรื่องเหล่านี้
"สังหาร!"ตอนที่ลัทธิเทพทำลายล้างสังเกตเห็นว่าเรื่องมันผิดปกติคิดจะถอยออกมาก่อน จู่ๆ รอบด้านก็มีองครักษ์ชุดดำโบกกระบี่พุ่งออกมาด้วยความเร็วสูง ล้อมพวกเขาเอาไว้ในชั่วพริบตา"ติดกับแล้ว!"คนของอ๋องเจวี้ยนซุ่มอยู่ที่นี่นานแล้ว!หรือว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกเปิดโปงหรือ? แต่เป็นไปไม่ได้สิ ต่อให้ถูกเปิดโปง พวกเขาก็เข้ามาจากทางลับนะ ทางลับนี้พวกเขาก็ขุดกันเองด้วย คนของอ๋องเจวี้ยนจะรู้ได้อย่างไรกัน?"สังหารพวกเขาเสีย!"คนของลัทธิเทพทำลายล้างสายตาดุดันขึ้นมาทันทีถ้าจะสู้ พวกเขาก็ไม่แน่ว่าจะแพ้หรอกนะ พวกเขายังมีดาบตระกูลกวนอยู่แต่ตอนที่สาวกลัทธิเทพทำลายล้างจะโบกดาบเข้าต่อต้าน พวกเขาก็พบว่าอีกฝ่ายสู้มาอย่างแปลกประหลาดพอเข้ามาพวกเขาก็จะชิงดาบกันอย่างเดียวแต่ละคนตอนแรกก็ออกกระบวนท่าหลอกล่อ จากนั้นก็ยื่นมือมาแย่งดาบนี่ทำให้สาวกลัทธิเทพทำลายล้างตั้งตัวกันไม่ทัน เดิมทียังคิดว่าพอเปิดฉากก็จะสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเสียอีก ใครจะคิดว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายจะเป็นการแย่งดาบ?ดังนั้น มีหลายคนที่ปฏิกิริยาช้า ดาบในมือจึงถูกแย่งไปแล้วองครักษ์เงามังกรพอแย่งดาบมา ก็เก็บกระบี่ของตนเองเข้าฝักอย่
ส่วนสายตาของเซียวหลันยวนพอหยุดอยู่บนตัวเจ้าแท่นบูชาชุดแดงครู่หนึ่ง เจ้าแท่นบูชาชุดแดงก็หันมาทางนี้ฉับพลันวินาทีก่อนที่เขาจะเห็น เซียวหลันยวนก็ย้ายไปอีกที่หนึ่งในพริบตากำลังภายในของเจ้าแท่นบูชาคนนี้ลึกล้ำมาก ระดับความเฉียบคมก็แข็งแกร่งคิดไม่ถึงว่าอยู่ห่างกันขนาดนี้ ก็ยังสามารถจับสังเกตได้ดูท่าคนผู้นี้จะเป็นคู่มือที่เก่งกาจมากคนหนึ่งเจ้าแท่นบูชาชุดแดงคนนั้นพอไม่เห็นใคร ก็หันสายตากลับมาเขายื่นนิ้วกระดิกเรียก และก็มีสาวกสองคนเดินขึ้นมาทันที"เจ้าแท่นบูชามีอะไรกำชับหรือ?"เจ้าแท่นบูชาชุดแดงเอ่ยเสียงต่ำ "ทำตามที่ข้าบอกไว้ก่อนหน้านี้ พวกเจ้าไปหาคนแต่งตัวปลอมเป็นข้าซะ ข้ามีเรื่องอื่นต้องไปทำ""ขอรับ"เจ้าแท่นบูชาชุดแดงกวาดสายตาไปยังตำแหน่งเมื่อครู่อีกครั้ง มุมปากยกขึ้นมาเจ้าลัทธิเคยพูดไว้ อ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนไม่ใช่พวกที่ตายง่ายๆ แน่นอน พวกเขาต้องเตรียมตัวให้ดี ต่อให้คนทั้งเมืองจะตายแล้ว แต่เซียวหลันยวนยังมีชีวิตอยู่แน่ๆดังนั้นถ้าหากแผนการปล่อยพิษพวกเขาสำเร็จ สุดท้ายเข้าเมืองมาก็ยังต้องหาตัวเซียวหลันยวน ยืนยันว่าเขาตายไปจริงหรือยังเป็นไปได้มาก ว่าท้ายสุดจะได้เจอกับเซียว
อันที่จริงหลังจากรู้ว่าคนของลัทธิเทพทำลายล้างเข้ามาในอุโมงค์ลับ การจะหาทางออกของพวกเขาในเมืองหลวงก็ไม่ใช่เรื่องยากคนอื่นหาไม่เจอ แต่เซียวหลันยวนจะหาไม่เจอได้อย่างไร?เขาสั่งให้คนทั้งหมดหยุดนิ่ง ส่วนเขาก็ใช้อุปกรณ์เก็บเสียงชนิดหนึ่งที่ฟู่จิ้นเชินทำขึ้นมาตามความคิดของฟู่จาวหนิง วางลงไปบนพื้น เอาหูแนบเข้าไป จึงได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินด้วยเสียงฝีเท้านี้ เซียวหลันยวนยังพิจารณาถึงทิศทางที่พวกเขาเดินได้ด้วย จึงพาคนเดินออกไป และพบกับสถานที่ที่น่าจะเป็นทางออกที่นี่คือโรงเต้าหู้ที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงมากที่สุดแห่งหนึ่งโรงเต้าหู้นี้ไม่มีคนอยู่แล้วแต่หลายวันมานี้ มีสามีภรรยาคู่หนึ่งจากเมืองอั้นบอกว่าพวกเขาทำเต้าหู้เป็น ยินดีจะรับช่วงต่อโรงเต้าหู้แห่งนี้หลายวันมานี้พวกเขาล้วนกำลังเก็บกวาด หลังเก็บกวาดเสร็จก็สามารถเริ่มทดสอบได้ พอพวกเขาทำเต้าหู้ออกมาได้ ก็เป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นร้านเต้าหู้แห่งแรกที่เปิดขึ้นในเมืองหลวงเซียวหลันยวนพาเข้าบุกเข้าไปกะทันหัน สองสามีภรรยาหนุ่มสาวก็ตกตะลึงไป"ท่านอ๋อง?"เซียวหลันยวนทำสัญญาณมือให้คนพาพวกเขาออกไปก่อนชั่วคราวโรงเต้าหู้นี้ใหญ่พอควรข้างห