"กลับไปก่อน"เขาหันหน้าไปมองฟู่จาวหนิงผาดหนึ่ง ฟู่จาวหนิงยังเอาแต่จะพูดกับพวกลู่ทง ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขา สีหน้าจึงขรึมลง หมุนตัวขึ้นหลังม้า ควบม้ากลับไปยังเรือนรับรองตะวันออกพอได้ยินเสียงกีบม้า ฟู่จาวหนิงก็มองออกไป และเห็นแผ่นหลังเซียวหลันยวนขี่ม้าออกไปนางเม้มริมฝีปากเขาก็รีบจะไปงานแข่งขันล่าสัตว์นี่นะ แล้วยังไม่ยอมรับอีก!พอมาถึงที่นี่ก็ร้อนเป็นไฟ ขนาดจะบอกนางว่าขอตัวไปก่อนสักคำก็ไม่มี!คุณหนูที่เขาต้องตาคนนั้น ชื่ออะไรนะ?คุณหนูจากตระกูลหลิน?"ลูกพี่หนิง พวกเราเมื่อวานนี้ก็ล่าหมูป่ามาได้ตัวหนึ่งกับกระต่ายอีกสามตัว พอบวกกับเลียงผาตัวนี้ของท่าน ก็คงไม่ได้แพ้จนย่อยยับนัก" ลู่ทงมองสิ่งของที่ฟู่จาวหนิงแบกกลับมาบนหลังม้าตัวนี้แล้วยินดีปรีดา "แล้วยังมี คนหรือ?"เอ๋ ทำไมถึงมีคนอยู่ด้วย?"ของพวกเจ้าเอาออกไปได้เลย" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ทำไมจึงอารมณ์ดิ่งวูบลงมา พอจัดการเหยื่อล่าเสร็จ ขณะเตรียมจะลากม้าพาเฮ่อเหลียนเฟยออกไป ก็เห็นเฉินซานกับเสี่ยวเถาวิ่งเข้ามา"คุณหนู!"พวกเขาสามวันนี้ร้อนรนจะแย่อยู่แล้ว และไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงอยู่ในภูเขาเป็นอย่างไรบ้าง จะบาดเจ็บหรือไม่เสี่ยวเถาเอ
"เกิดเรื่องหรือ?"ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพวกของจ้าวเฉินไปพบกับฝูงหมาป่าดุร้าย แต่นางหนีออกมาก่อนแล้ว แน่นอนจึงไม่รู้ว่าตอนสุดท้ายเป็นอย่างไรฟางซือฉิงหลังคุยกับนาง นางจึงรู้ว่าพวกจ้าวเฉินเหล่าานั้นสักบักสะบอมพอสมควร ยิ่งไปกว่านั้นยังตายไปสองคนอีกด้วย สามคนบาดเจ็บไม่เบาเลย"แล้วจ้าวเฉินล่ะ?"ฟู่จาวหนิงอยากรู้ว่าจ้าวเฉินเป็นอย่างไร"เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ"ฟางซือฉิงกลัวหน่อยๆ "แต่ได้ยินว่าจ้าวเฉินหลังจากกลับมาก็นิ่งงัน แล้วยังบอกอีกว่าจะกลับมาคิดบัญชีกับใครสักคนด้วย"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว ในใจคิดว่าไม่หรอกมั๊ง? จ้าวเฉินคงไม่คิดจะเอาเรื่องที่ไปเจอกับฝูงหมาป่ามาลงที่ตัวนางหรอกนะ?"จ้าวหรูรอพี่ชายนางกลับมาตลอดเลย ไม่คิดว่าที่ได้มาจะเป็นผลเช่นนี้ วันนี้ข้าแอบออกไปมองดู นางโกรธจนเหวี่ยงพังของในห้องทั้งหมดเลย"ฟางซือฉิงร้องเชอะ "ข้าว่านางจะต้องอยากให้จ้าวเฉินกลับมมาช่วยนางระบายโกรธแน่ ทำอย่าไงรดี จาวหนิง เจ้าคิดวิธีแล้วหรือยัง? นางจะต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่"ผู้เฒ่าซุนเองก็กังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด พอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงกลับมาแล้ว เขาก็รีบวิ่งตรงมาถามคำถามนี้กับฟู่จาวหนิงเหมือนกันคิดหาวิธีได้หรือย
นางถูกพวกหูจูหลอกให้มาเดิมทีไม่รู้ว่าจะมาที่นี่ รอจนรถม้าออกจากเมือง นางก็พบว่าไม่ถูกต้อง พอคิดจะลงจากรถเพื่อกลับ พวกของหูจูก็รั้งนางเอาไว้รถม้าของนางพังไปแล้ว เดิทีคิดว่าพวกหูจูหวังดีให้นางยืมรถม้า แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าหูจูจะมายังเขาเมฆอรุณ?นางคิดหาวิธีจะให้คนส่งจดหมายให้หน่อย ส่งจดหมายกลับไปสามฉบับแต่ก็ไม่มีข่าวกลับเลยอันชิงสงสัยว่าจดหมายของนางน่าจะถูกขวางเอาไว้ข้างกายนางเดิมทีมีสาวใช้อยู่สองคน แต่สองวันนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สาวใช้คนหนึ่งถูกลวกที่เท้าจนบาดเจ็บ อีกคนหนึ่งก็ถูกลมจนไข้ขึ้นลุกไม่ไหวอันชิงเดิมทีไม่อยากเข้าร่วมการประชันกลอนนี้ แต่โหวอาวุโสน้อยอี้ก็พัวพันอยู่อยู่ตลอด นางรู้สึกว่าจะเอาแต่หลบก้ไม่ใช่เรื่อง จึงเข้าร่วมวาดภาพไปเลยพอได้ที่หนึ่งมา คนตั้งมากมายล้วนมองมาที่นาง อยู่ต่อหน้าคนขนาดนี้ โหวอาวุโสน้อยอี้คงไม่กล้ารุ่มร่ามใส่กระมัง?พอคิดเช่นนี้ อันชิงก็ลุกขึ้นคิดจะเดินหนี"ข้ากับท่านไม่มีอะไรต้องคุยกัน รบกวนหลีกทางด้วย"ที่นี่มีคนอยู่มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นเพราะภาพของอันชิงได้ที่หนึ่ง เข้าคู่กับกลอนของจอหงวนด้วย ตอนนี้คนมากมายจึงมองมาทางนี้โหวอาวุโสอี้น
ลู่ทงกับเจิ้งหยางล้วนได้ยินคำพูดของจ้าวหรู สีหน้าเปลี่ยนไปทำไม เรื่องนี้ถึงดึงลูกพี่หนิงของพวกเขาเข้ามาเกี่ยวด้วย?"จ้าวหรู เจ้าพูดไร้สาระอะไรน่ะ?"ลู่ทงเองก็โมโหถ้าบอกว่าเขาก่อนหน้านี้ยังหวาดกลัวนายท่านจ้าว จนไม่กล้าฉีกหน้าคนตระกูลจ้าวส่งเดช ดังนั้นก่อนหน้านี้ในภูเขาเยื่อที่ล่าจึงถูกพวกจ้าวเฉินแย่งไป เขากับเจิ้งหยางเองก็สะกดไฟโกรธเอาไว้อย่างเต็มที่ หนีออกมาหัวซุกหัวซุนนายท่านจ้าวเป็นคนที่ใจดำโหดเหี้ยม แล้วยังคอยปกปอ้งลูกสาวกับลูกชายด้วย ไร้เหตุผลเป็นพิเศษ พ่อแม่ของพวกเขาเหล่านี้ก็ล้วนยอมถอยให้เขาระดับหนึ่งดังนั้น เหล่าผู้อาวุโสก่อนหน้านี้จึงกำชับพวกเขามา ในเมืองหลวงไม่ว่าพวกเขาจะอาละวาดแค่ไหน จะไปยั่วโมโหใครตนเองก็วิเคราะห์ให้ดี อย่าสร้างความลำบากให้คนในบ้านแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินจ้าวหรูพูดถึงฟู่จาวหนิงเช่นนี้ ลู่ทงเองก็ทนไม่ไหวแล้วคำพูดนี้พูดออกมาได้น่าขันเหลือเกิน!ลูกพี่หนิงล่อฝูงหมาป่าได้ด้วยหรือ?"ลู่ทง เจ้าพูดจาอย่างไรกันนี่?" ดวงตาจ้าวเฉินมองลู่ทงขรึมๆ สายตาเขียนแรงคุกคามไว้เต็มที่กล้าเสียเหลือเกิน นี่กล้าพูดเช่นนี้กับน้องสาวของเขาหรือ?"ข้าก็จะพูดอย่างนี้นั่นล่
สีหน้าเจิ้งหยางเองก็ไม่ค่อยดีแล้วดูท่าพวกเขาจะหาเรื่องยุ่งยากให้กับผู้อาวุโสที่บ้านเสียแล้วจ้าวหรูพอเห็นพวกเขาก็ไม่กล้าพูดแล้ว จู่ๆ ก็หยิ่งผยองขึ้นมา"โหวอาวุโสน้อยคงต้องพูดกับองค์จักรพรรดิดีดีเสียแล้ว จริงด้วย ข้าเองก็ไม่ได้เจอท่านฮองเฮานานแล้วด้วย คงต้องเข้าวังไปพบท่านเสียหน่อย ไปคุยกับนางเสียบ้าง"คนในลานล้วนรู้สึกกดดันคนเหล่านี้ล้วนอาศัยความโปรดปรานเบื้องหน้าองค์จักรพรรดิและฮองเฮา เออะไก็ยกองค์จักรพรรดิกับฮองเฮาออกมากดดันพวกเขาแต่ว่าพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้"เอาล่ะ จ้าวหรู ไม่ต้องพูดไร้สาระกับพวกเขา"คำพูดที่โหวอาวุโสน้อยอี้พูดกับจ้าวหรูเมื่อครู่อันที่จริงก็น่าสนใจ "เจ้าเพิ่งพูดอะไรออกมานะ? ฟู่จาวหนิง?"ความสนใจของจ้าวหรูถูกดึงกลับมาแล้ว"ถูกต้อง ฟู่จาวหนิง ฟู่จาวหนิงหญิงสารเลวที่ก่อนหน้านี้เอาแต่วิ่งไล่ตามรัฐทายาทเซียวคนนั้น นางทำให้พวกของพี่ชายข้าพบกับฝูงหมาป่า นางยังแอบขโมยหมาป่าของพี่ชายข้าไปตัวหนึ่ง!"จ้าวหรูพูดพลาง สายตากำลังค้นหาในลาน คิดจะหาตัวฟู่จาวหนิงมีคนไม่รู้จักฟู่จาวหนิง แต่คนที่มากกว่าล้วนรู้จักเพราะไม่ใช่แค่เรื่องที่ฟู่จาวหนิงวิ่งไล่รัฐทายาทเซียวก่อนห
"ใครจะรู้?"จ้าวเฉินพูด "นางอาจจะใช้ยา ตอนนั้น นางบอกว่านางมาขุดยา แล้วยังแบกตระกร้าหลังอยู่ด้วยใบหนึ่ง"ฟู่เป่าเจินกับฟู่เจียวเจียวเดินหน้าเข้าใกล้ขึ้นมาพอได้ยินคำพูดของจ้าวเฉิน พวกนางก็มองตากัน จากนั้นก็สงสัยขึ้นมาคงไม่ได้พูดถึงฟู่จาวหนิงในบ้านพวกนางอยู่ใช่ไหม?คนอื่นพอได้ยินคำพูดนี้ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้"คุณชายจ้าวน่าจะจำผิดคนแล้วล่ะ? ท่านรู้ไหมว่าฟู่จาวหนิงคนนั้นมีชื่อเสียงอย่างไรในเมืองหลวง?""ถูกต้อง คุณชายจ้าว ฟู่จาวหนิงหลายปีนี้เอาแต่วิ่งไล่รัฐทายาทเซียวอยู่ตลอด สิ่งที่นางรู้มากที่สุด ก็ฯ่าจะเรื่องที่ว่ารัฐทายาทเซียวชอบกินอะไรชอบฟังเพลงอะไรชอบไปเที่ยวเล่นที่ไหนมากกว่า จะไปขุดยาได้อย่างไรกัน?"มีคนเราะร่าขึ้นมาอีก เอ่ยประชดประชันขึ้นมาว่า "ก็ไม่ขนาดนั้น ได้ยินว่าฟู่จาวหนิงชอบเข้าไปขุดยาอยู่นะ เพียงแต่วัตถุดิบยาที่นางมองออกเหมือนจะไม่เกินสามชนิด มักจะขุดเอาพวกหญ้าป่าผักป่ากลับมาเป็นหญ้าสมุนไพร ทำเอาพวกเถ้าแก่ร้านขายยาเฮฮากันใหญ่เลย""ฮ่าๆๆ!ข้าเองก็เคยได้ยินมา!"จ้าวเฉินขมวดคิ้ว "ดังนั้น ฟู่จาวหนิงจริงๆ แล้วเป็นคนไม่ได้เรื่องหรือ?""บอกว่าคนไม่ได้เรื่องยังยกนางสูงไป
ในกองเหยื่อล่าของพวกลูทงมีเลียงผาอยู่ตัวหนึ่งด้วยตอนนั้นพวกเขามีเลียงผาสองตัว แต่ว่าพอถูกหมาป่าไล่กวด ต่อมาจึงไม่เหลือเลยสักตัวตอนนี้พอเห็นว่าลู่ทงทางนั้นมีเลียงผาอยู่ตัวหนึ่ง ดูคล้ายกับตัวหนึ่งที่พวกเขาล่ามาได้ก่อนหน้านี้ ดวงตาจ้าวเฉินก็หรี่ลงเล็กน้อยหรือว่าพวกของลู่ทงไปเก็บได้จากในป่ากัน?แต่ได้ยินว่าพวกลู่ทงกลับมาก่อนพวกเขานี่"ลู่ทง เลียงผาของพวกเจ้าไปได้มาจากไหน?" จ้าวเฉินเอ่ยถามเสียงขรึมทันทีลู่ทงสองมือกอดอก เงยหน้าประสานสายตากับเขา "ทำไมหรือต้องอธิบายกับเจ้าด้วยหรือไร?""พวกเราเดิมทีก็ล่าเลียงผามาได้เหมือนกัน"คำพูดจ้าวเฉินยังไม่ทันพูดจบ ลู่ทงก็หัวเราะร่าขึ้นมา ตัดบทคำพูดของเขา"ขำตายล่ะ แล้วอย่างไรกัน? จ้าวเฉิน เจ้าคงไม่ได้คิดจะบอกว่านี่เป็นเลียงผาของพวกเจ้าหรอกใช่ไหม? มาๆๆ มาดูว่าบนตัวมันมีสลักชื่อจ้าวเฉินของเจ้าเอาไว้ไหม!"จ้าวเฉินหน้าขรึมนี่ไม่ยอมเลิกราสินะ? พวกเขาจะไปสลักชื่อตัวเองบนเลียงผาได้อย่างไร?ฟู่จาวหนิงมาที่นี่พักหนึ่งแล้ว เพียงแต่ความสนใจของคนทั้งหมดอยู่ที่ด้านหน้า ไม่มีใครสังเกตเห็นนางนางกวาดตามอง หาตัวฟู่เป่าเจินกับฟู่เจียวเจียวในกลุ่มคนสองค
ในกลุ่มหนุ่มสาวเหล่านี้ อ๋องเจวี้ยนเดิมทีไม่ได้มีความรู้สึกมีตัวตนอะไรอยู่แต่ว่าวันนี้ ครั้งนี้ อ๋องเจวี้ยนค่อยๆ เดินเข้ามาในระยะสายตาของพวกเขาชุดคลุมผ้าไหมสีม่วงเข้ม เสื้อคลุมจิ้งจอกขาวผืนหนึ่ง หน้ากากครึ่งหน้าสีเงินใบหนึ่ง ดูสูงส่งอย่างเป็นธรรมชาติ นำเอาความลึกลับน่าดึงดูดเข้ามาด้วย พอปรากฎตัวก็ดึงดูดสายตาคนทั้งหมดไปภายใต้หน้ากากครึ่งหน้าเผยริมฝีปากงามออกมา เส้นคางแหลมคม ทำเอาหญิงสาวหลายคนใจเต้นระรัวไปหมดแล้วพอบวกกับรูปร่างยืดตรงของเขา สูงชะลูดกว่าคนทั้งหมดในที่นี้ พอปรากฎตัวก็กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งลานไป"นี่ยังไปแต่งตัวมาด้วยหรือ?"ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกเซียวหลันยวนจะต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาโดยเฉพาะแน่! ขนาดก้วนที่ผูกรวบผมของเขาก็ยังเปลี่ยนเป็นทำจากเงินสลักฝังไว้ด้วยทับทิม ดูสูงส่งน่ามองคนงามเพราะแต่ง เดิมทีเขาก็เป็นคนรูปร่างดีอยู่แล้ว พอแต่งตัวเช่นนี้ก็ดูดีจริงๆแล้วยังกล้าบอกว่าไม่ได้จะเอาชนะเพื่อนัดหญิงสาวอีกหรือ?เซียวหลันยวนมาเขาเมฆอรุณก็น่าจะเพราะเป้าหมายนี้กระมัง?ฟู่จาวหนิงร้องเชอะฟางซือฉิงพอได้ยินนางร้องเชอะก็ได้สติกลับมา จับชายเสื้อนางอย่างตื่นเต้น กดเ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ