นางจะลงไปขวางพวกนางก่อนที่พวกนางจะลงจากเขาและก็ตามคาด ระหว่างที่ฟู่จาวลงจากเขา ก็เจอเข้ากับรถม้าของฟู่เป่าเจินกับฟู่เจียวเจียวพอเห็นรถม้าตระกูลฟู่ ฟู่จาวหนิงก็มายืนอยู่กลางถนนคนขับรถพอเห็นคนยืนอยู่ตรงกลาง ก็รีบร้อนร้องขึ้น "รีบหลีกทาง หลีกทาง!"ฟู่จาวหนิงไม่ขยับเขยื้อนรถม้าพอมาถึงหน้านางก็ทำได้แค่หยุดรถเท่านั้นฟู่เจียวเจียวกับฟู่เป่าเจินในรถม้าจึงเลิกม่านแล้วตะโกนด่าออกมาก่อน"ใครน่ะ? มาขวางรถม้าพวกข้า จาวหนิง?"พวกนางตอนที่เห็นฟู่จาวหนิงก็สีหน้าเปลี่ยน"จะรีบหนีไปไหน?" ฟู่จาวหนิงพูดแล้วเดินตรงเข้ามา แตะมือแล้วกระโจนขึ้นรถม้า มุดเข้ามาในตัวรถ"เจ้า เจ้าเจ้าเจ้าขึ้นมาทำอะไรกัน"ฟู่เป่าเจินพูดพลางยื่นมาผลักนางลงไปฟู่จาวหนิงคว้าข้อมือของนางไว้ บิดมือของนาง ฟู่เป่าเจินร้องแหลมขึ้นมา"เจ็บๆๆ! เจ้าปล่อยนะ! ฟู่จาวหนิงเจ้าเป็นบ้าไปแล้ว!"ฟู่เจียวเจียวถลึงตาโตมองนางฟู่จาวหนิงแบบนี้ราวกับเป็นคนละคนไป"ข้าบ้าหรือ? ข้าจะบ้าหรือไม่บ้า ก็ต้องดูว่าพวกเจ้าจะซื่อตรงหรือไม่"ฟู่จาวหนิงสะบัดมือฟู่เป่าเจิน นั่งอยู่ที่นั่นพิจารณารถม้าคันนี้ บนรถม้ายังใส่ของไว้ไม่น้อยด้วย ดูท่าครั้งน
ความรู้สึกสัมผัสที่คมมีดนำมา ทำให้ใจฟู่เป่าเจินสั่นระริกนางมองสายตาฟู่จาวหนิงไม่เคยเห็นฟู่จาวหนิงที่สายตานิ่งขรึมและมั่นคงเช่นนี้มาก่อนเลย ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้เป็นคนที่รังเกียจและเห็นพวกเขาเป็นศัตรู แต่เพราะอยากจะเข้าให้ได้กับเหล่าพี่สาวน้องสาวอย่างพวกนาง ดังนั้นสายตาของนางจึงมักจะมีความไม่ยินยอมอยู่บ้างท่าทางเหมือนหญิงสาวที่แข็งขืนดื้อรั้นแตกต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิงตอนนี้ความรู้สึกที่สายตาของฟู่จาวหนิงมีให้นาง ก็คือว่านางจะออกแรงกรีดใบหน้าของตนเองจริงๆ นางกล้าจริงๆ"เจ้าอยากจะลองทนดูก็ได้ ลองดูว่าข้าจะกล้าทำจริงไหม""แม่นางสี่ แม่นางหก"คนขับรถที่อยู่ด้านนอกเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร"ท่านลุง ท่านอย่าเข้ามานะ แล้วก็ไม่ต้องเลิกม่านรถด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่ใช่แค่การเล่นกันระหว่างพี่น้องแล้ว"คำพูดของฟู่จาวหนิงทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าเลิกผ้าม่านดูว่าพวกนางทำอะไรกันเมื่อครู่ฟู่จาวหนิงยืนอยู่ที่กลางถนน มองเห็นรถม้าพุ่งเข้ามาแต่ก็ไม่หลบเลี่ยง ภาพฟู่จาวหนิงที่สงบนิ่งนั้นทำเอาเขาตกใจ"จาวหนิง มีอะไรก็พูดกันดีดีไม่ได้หรือ?"ฟู่เจียวเจียวหดอยู่ในมุมหนึ่ง แต่ชายกร
"แล้วกล่องล่ะ?""ยังอยู่กับอาสี่ทางนั้น เขาแค่ล้วงเอาของข้างในออกมา ตัวกล่องไม่ได้ให้พวกเราไว้""นอกจากเรื่องนี้ล่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามต่อ"ไม่มีแล้ว พวกเราไม่ได้เอาอะไรของเจ้ามาอีก!" ฟู่เป่าเจินเหมือนกลัวว่านางจะไม่เชื่อ จึงรีบพูดออกมาอีกคำหนึ่ง "เจ้าเดิมทีก็ไม่มีอะไรอยู่แล้วนี่นา"บ้านใหญ่ตระกูลฟู่จนกรอบจะตาย เดิมทีดูเหมือนจะรุ่งเรืองก้าวหน้า เหมือนว่าจะทะยานตัวขึ้นมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น แล้วยังคิดจะพาบ้านอื่นๆ อย่างพวกเขาเบียดตัวเข้าไปอยู่ในวงอำนาจด้วยกัน ผลลัพธ์คือฟู่หลินซื่อกลับไปสร้างเรื่องใหญ่โตเอาไว้เสียอย่างนั้นขนาดฟู่เป่าเจินก็ยังเกลียดฟู่หลินซื่อด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่หลินซื่อ พวกนางไม่แน่คงกลายเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยไปแล้วฟู่จาวหนิงยังพิจารณาตัวพวกนางอีกผาดหนึ่ง "หลังจากพวกเจ้าขายบ้านตระกูลฟู่แล้วคิดจะทำอะไร?""พวกเราไม่รู้จริงๆ ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้บอกอะไร!"พอเห็นฟู่เป่าเจินตกใจจนร้องไห้ หลบตาปี๋ร้องลั่น ฟู่จาวหนิงเองก็มองออกว่าน่าจะไม่กล้าพูดโกหกแต่นางก็ยังกดคมมีดลงไป "เจ้าลองคิดดีดี ฮูหยินรองฮูหยินสามพูดอะไรกับพวกเจ้าหรือเปล่า?"ต่อให้ไม่รู้ นางก็บีบเอาเบาะแสร่องรอยอ
ฟู่จาวหนิงหันกลับมามอง และไม่เตรียมจะไปห้ามพวกนางอีก นางเลือกถนนเล็กๆ เตรียมค่อยๆ กลับไปเรือนรับรอง แล้วค่อยๆ คิดเรื่องตระกูลฟู่ไปด้วยพอเดินมาได้พักหนึ่งก็มองเห็นป่าไผ่ผืนหนึ่ง ใบไผ่ร่วงแผ่เต็มพื้น มีถนนหินก้อนเล็กทอดยาวเข้าไปในป่าทิศที่ถนนหินเล็กนี้ทดเข้าไปน่าจะตรงไปถึงเรือนรับรองพินิศทิวเขาได้ฟู่จาวหนิงจึงไม่คิดมาก ยกเท้าเดินออกไปวุ่นวายอยู่ครึ่งค่อนวัน ตอนนี้ตะวันก็บ่ายคล้อยเข้าสู่ยามเย็นที่นี่น่าจะเพราะห่างไกลเกินไป พอบวกกับลมฤดูใบไม้ร่วงหวีดหวิว ป่าไผ่จึงดูอึมครึมอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่มีใครมาที่นี่ เงียบเสียเหลือเกินฟู่จาวหนิงย้อนคิดเรื่องของอาสี่จากในความทรงจำไปด้วยพลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นพอลมพัดมา ก็เหมือนได้ยินเสียงรางๆ จากในส่วนลึกของป่าไผ่ฟู่จาวหนิงยืนนิ่ง ตั้งใจฟัง และได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงเสียงหนึ่ง แต่เหมือนถูกปิดปากไปอย่างรวดเร็วอย่างไรอย่างนั้นใครกัน?มาทำเรื่องชั่วๆ ที่นี่ สิ่งแวดล้อมก็ดูจะเหมาะสมเป็นที่สุด!ฟู่จาวหนิงคิดคิด หยิบเข็มพิษออกมาไว้ที่ง่ามนิ้ว รีบเดินตรงไปทางนั้นพอเข้าส่วนลึกของป่าไผ่ ก็เห็นศาลาที่ดูรกร้างแห่งหนึ่ง ข้างศาลามีภูเข
เซียวหลันยวนเองก็เดินออกมา"ไม่เป็นไรแล้ว"พอได้ยินประโยคนี้ของเขา ฟู่จาวหนิงก็คิดในใจ ที่แท้อ๋องเจวี้ยนก็ปลอบคนเป็นนี่นา พอเห็นหญิงสาวที่ตนเองชอบเป็นเช่นนี้ เขาเองก็ปวดใจขึ้นมาแล้วใช่ไหม?"ท่านอย่าเข้ามา"อันชิงกลับเหมือนจะตกใจอย่างมาก พอเขาเดินออกมา นางก็ถอยกลับไปหลายก้าว แต่ยังห่อเสื้อคลุมของเขาเอาไว้แน่น"อันเหนียนให้ข้ามาหาตัวเจ้า"เซียวหลันยวนพอเห็นนางยังมีสีหน้าระแวดระวัง จึงพูดออกมาประโยคหนึ่ง"พี่ชายข้าหรือ?" อันชิงพอได้ยินชื่อของพี่ชายก็ตัวสั่นขึ้นมา รีบร้อนถามขึ้น "แล้วพี่ชายข้าล่ะ? เขามาด้วยไหม?"ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากคนนี้คือใคร?"เขายังปลีกตัวมาไม่ได้" เซียวหลันยวนพูดพลางคิด ฟู่จาวหนิงหนีไปไหนแล้วนะ? ชิงอีไล่ไปตั้งครึ่งค่อนวันก็ยังตามไม่ทัน?เขาปลอบหญิงสาวไม่เป็น พอเห็นอันชิงตกใจอย่างหนัก แข้งขาอ่อนจนยืนแทบไม่อยู่ จงจะเดินกลับเรือนรับรองไม่ได้แน่เขาเองจะแบกนางหรือประคองนางก็ไม่ได้ฟ้ามืดแล้ว ลมเองก็แรงขึ้น เขาอยู่ในสถานที่นี้นานๆ เกรงว่าจะป่วยเอาเซียวหลันยวนเริ่มหมดความอดทน"ฮือๆๆ..."อันชิงยืนไม่อยู่ ล้มนั่งลงบนพื้น ร้องไห้อย่างหวาดกลัวออกมา"เจ้ายังจะร้
"ข้าเองก็จงใจมาช่วยเจ้าปกป้องเจ้านะ"โหวอาวุโสอี้น้อยตอนนี้เองก็ดูระแวดระวังมาก คนที่เขาส่งมาทำไมหายไปแล้ว? ทำไมถึงมีแค่อันชิงอยู่ที่นี่คนเดียว?เดิมทีเขาก็ให้คนล่ออันชิงไปยังจุดลับตาคน พอดีจนสลบแล้วจึงพามาที่นี่ กรอกยาให้กับนางต่อมาเจ้าคนนั้นก็แสร้งทำเป็นจะทำร้ายอันชิง เขาก็ปรากฎตัวออกมาเหมือนวีรบุรุษ ช่วยชีวิตอันชิงแต่ว่ายาที่เขาให้คนกรอกใส่อันชิง คุณสมบัติทางยากลับรุนแรงเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวที่บริสุทธิ์แค่ไหนร้อนแรงแค่ไหนก็ล้วนทนไม่ไหว ดังนั้น อันชิงจะทนรับไม่ไหว มึนงงจนจำตัวเองไม่ได้ อ้อนวอนขอให้เขาช่วยสนองความใคร่ด้วยตัวเองเขายังจัดเวลาเอาไว้อย่างดี รอจนที่เขาใกล้จะลงมือ เจ้าพวกเพื่อนสุนัขของเขาเหล่านั้นก็จะหาคนมาที่นี่พวกเขาจะได้ยินเสียงอันชิงอ้อนวอนให้เขาสนองความใคร่กับนางด้วยตนเองพอถึงตอนนั้น อันชิงจะโดดลงแม่น้ำล้างตัวอย่างไรก็ไม่สะอาดแล้วคนทั้งหมดล้วนได้ยินนางอ้อนวอนกับเขา หลังจากกลับไปเมืองหลวง นางไม่แต่งกับเขาก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่แต่งกับเขา นางก็มีแต่ต้องไปตายเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีหน้าอยู่บนโลกนี้แล้วและตอนนั้นเอง เขาก็ยังยืดหน้ายืดตา ให้ตระกูลอั
ตอนที่โหวอาวุโสน้อยอี้พูดประโยคนี้น้ำเสียงก็อึมครึมขึ้นมา ระงับความโกรธเอาไว้เขามองอันชิงเป็นเหมือนของเล่นบนฝ่ามือตนเอง และตอนนี้ก็พบว่าอันชิงน่าจะเป็นของอ๋องเจวี้ยนไปแล้ว ความริษยาจึงทำให้ใจเขาเจ็บปวดขึ้นมา"เซียว เซียวหลันยวน"อันชิงคุณสมบัติยากำเริบ หัวสมองเองก็มึนงงขึ้นมาแล้ว แต่ว่าร่างกายกลับยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ นางปล่อยผ้าคลุมออกอย่างควบคุมไม่อยู่เดิมทีคิดอยากจะถามว่าเซียวหลันยวนเป็นใคร แต่นางถ้าพูดตอนนี้ กลับจะยิ่งเหมือนเป็นการร้องเรียกเซียวหลันยวนแทน"เจ้าจะเรียกเขามาช่วยเจ้าหรือ?"โหวอาวุโสอี้ยื่นมือออกมาฉับพลัน จับผ้าคลุมของนางออกแรงสะบัดออกอันชิงมองเขา สายตาเหม่อลอยไม่ว่าคนที่เขาเตรียมมาจะไปอยู่ไหน ถึงอย่างไรตอนนี้โหวอาวุโสน้อยอี้ก็มองออกแล้ว ว่าอันชิงถูกกรอกยาไป ยิ่งไปกว่านั้นยากำลังออกฤทธิ์ผู้ชมที่เขาเตรียมไว้ก็ใกล้จะมาแล้ว จะมาเสียเวลาไม่ได้อีกโหวอาวุโสน้อยอี้ยื่นมือไปกดบ่าของอันชิง"เสี่ยวชิงชิง ไม่ต้องเซียวหลันยวนหรอก เจ้ามองข้านี่ ข้ามีตรงไหนที่ดูไม่ดีหรือ? ข้าชอบเจ้ามาตั้งหลายปีแล้ว ถ้าเป็นหญิงสาวคนอื่น ข้าจะยังทนต่อไปได้อย่างไร? ตีให้สลบแล้วลากเข้าไปเ
"วันนี้ซวยเสียจริง"ฟู่จาวหนิงยืดตัวตรง ถึงอย่างไรก็ถูกผลักออกมาแล้ว นางเองก็ซ่อนต่อไม่ได้เหมือนกันยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีก็ทนไม่ไหวอยู่แล้วด้วย จะมองดูอันชิงถูกคนอื่นข่มเหงต่อหน้าต่อตาได้อย่างไรกัน?"เจ้ามาทำอะไรที่นี่? อยู่แค่คนเดียวหรือ?"โหวอาวุโสน้อยอี้คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะอยู่ที่นี่แต่ว่าเขาก็ไม่เห็นคนอื่นด้วยเช่นกัน ตอนนี้มีแค่ฟู่จาวหนิงคนเดียว น่าเสียดาย เขาเองเดิมทีก็สนใจตัวฟู่จาวหนิงอยู่ แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่านางเอป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนต่อให้มีความกล้าสักแค่ไหน โหวอาวุโสน้อยอี้ก็ไม่มีทางลงมือกับพระชายาคนหนึ่งแน่ดังนั้นตอนนี้ฟู่จาวหนิงปรากฎตัวขึ้นที่นี่ ทำให้เขารู้สึกตึงมือขึ้นมา"ทำไมหรือ ที่นี่เป็นที่ดินของเจ้าหรือไร? ข้าถึงมาที่นี่ไม่ได้? ข้ามาหาแม่นางอันน่ะ""มานานาง?""แน่นอน" ฟู่จาวหนิงพูดไปด้วยพลางเดินไปทางอันชิงเมื่อครู่เพราะอันชิงกัดลิ้นตนเอง ความเจ็บปวดทำให้นางได้สติขึ้นมา แต่ยาที่นางถูกกรอกลงไปก็รุนแรงเกินไป การได้สตินี้คงอยู่ไม่นานนักตอนนี้นางมองโหวอาวุโสน้อยอี้ จากนั้นก็เกิดอาการทนไม่ไหวอยากจะพุ่งตัวไปหาเขาอันชิงเดินออกไปหาเขาก้าวหนึ่งโหวอาวุโส
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ