ฟู่จาวหนิงด่าเซียวหลันยวนจนเลือดไหลซิบ มองดูอาการป่วยของอันชิง ถอนหายใจออกมา"เช็ดเนื้อตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางเสีย ข้าจะไปที่พักนางเอาเสื้อผ้านางกลับมาเสียหน่อย นางยังต้องกินยาอีก เฉินซาน เจ้าไปหาคนต้มข้าวต้มเข้ามาด้วย""ขอรับ""เช่นนั้นให้สาวใช้ข้าไปช่วยเสี่ยวเถาแล้วกัน" ฟางซือฉิงเห็นสภาพอันชิงแล้วก็ใจอ่อนขึ้นมาแม้ว่านางจะยืนอยู่ข้างฟู่จาวหนิงแน่นอน ถ้าหากอันชิงมาแย่งอ๋องเจวี้ยนจากนาง ก็ควรจะมีความสัมพันธ์ฉันท์ศัตรูจึงจะถูกแต่ตอนนี้พอเห็นอันชิงน่าสงสารเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ไปเจออะไรมาก นางเองก็ทนไม่ไหวเช่นกันฟู่จาวหนิงพยักหน้า หิ้วตะเกียงเดินออกไปเดินไปพักหนึ่ง ชิงอีก็หมุนตัวเข้ามาพอดี ยื่นส่งห่อผ้าห่อหนึ่งให้กับนาง"พระชายา นี่คือสิ่งของของแม่นางอัน""เฮอะ" ฟู่จาวหนิงรับมา "ท่านอ๋องของพวกเจ้าไปเอามาหรือไร?""อ่า ไม่ใช่ ท่านอ๋องสั่งให้คนอื่นเข้าไปเอามา"พวกเขาจะเข้าไปในห้องที่หญิงสาวพักอยู่ได้อย่างไร? ท่านอ๋องสั่งคนเข้าไปหยิบ คิดว่าอันชิงตอนนี้คงไม่มีทางกลับไปพักในที่พักเดิมแน่ จึงได้ส่งมาให้กับฟู่จาวหนิง"ข้าไม่เคยเห็นพระชายาคนไหนต้องมาดูแลคนที่จะแย่งตำแหน่
เฮ่อเหลียนเฟยเองก็ลุกขึ้นมาแล้ว เพียงแต่เขายังขยับตัวไม่ได้ นั่งอยู่ในห้องเรียกหาฟู่จาวหนิง"พี่หญิง พวกเราวันนี้จะลงจากเขาไหม?""ใช่ พวกเราจะลงจากเขาแล้ว"ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ และไม่คิดจะหยุดอยู่ที่นี่ด้วย หลังจากบอกลากับผู้เฒ่าซุน กลุ่มคนก็เก็บสัมภาระออกจากเขาเมฆอรุณวันนี้คนลงจากเขาไม่น้อย ตลอดทางยังเจอกับรถม้าอีกหลายคันดูท่าคนเหล่านี้ล้วนจะกลับไปเมืองหลวง และไม่รู้ว่าในเมืองหลวงจะมีเรื่องอึกทึกอะไรขึ้นมาอีกอันชิงถูกส่งไปจวนตระกูลอันอันเหนียนออกมารับคนที่ประตูใหญ่ พอเห็นอันชิงถูกประคองตัวลงมา ดวงตาเขาก็ร้อนวูบวาบ รีบเดินเข้ามาประคองตัวนาง"เสี่ยวชิง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?"อันชิงตุ้มต่อมอยู่บนรถม้ามาตลอดทางเพราะไม่มีคนบอกนางว่าเกิดอะไรขึ้น บอกแค่ว่าจะส่งนางกลับบ้าน บนรถม้าเองก็มีนางเพียงคนเดียว ตอนนี้พอเห็นพี่ชาย นางจึงวางใจลงมา"ข้าไม่เป็นไร ท่านพี่ เซียวหลันยวนคือใครกัน?"อันชิงถามออกไป อันที่จริงในเมืองหลวงคนที่นามสกุลเซียวก็คือคนในราชวงศ์ แต่ว่านางไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยน ดังนั้นนางจึงอยากรู้คำตอบนี้ตอนนี้พอเห็นพี่ชาย นางจึงถามขึ้นมาทันทีอันเหนียนตกตะลึง จากนั้นก็
ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าท่านปู่คิดจะให้เฮ่อเหลียนเฟยอยู่ที่นี่ดูแปลกๆแต่ว่าก็ไม่ใช่จะเข้าใจไม่ได้ ผู้เฒ่าฟู่แต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนจิตใจดีมีเมตตามาตลอด และเป็นคนใจกว้างด้วย ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้เขาะคงไม่ให้บ้านสองบ้านสามบ้านสี่เข้ามาพักในนี้"เช่นนั้นก็ให้เขาพักที่นี่ชั่วคราวแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกว่าอย่างน้อยก็ต้องดูแลจนขาของเฮ่อเหลียนเฟยฟื้นฟูมาระดับหนึ่งก่อนจึงจะดี ไม่เช่นนั้นเขาตอนนี้ที่ไม่รู้จักใครเลย ร่างกายก็ไม่มีใครดูแล ตกลงมาจากเตียงก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร"หลังจากนี้เขาจะเปลี่ยนชื่อเป็นฟู่เสี่ยวเฟย ท่านปู่ ท่านเองก็อย่าบอกใครถึงตัวตนของเขานะ""ฟู่เสี่ยวเฟย? ใช้สกุลเดียวกับพวกเราหรือ?" ผู้เฒ่าฟู่นึกถึงชื่อนี้ รู้สึกว่าไม่ได้ดูองอาจอะไรเลย แต่ว่านี่ก็แค่ชื่อปลอมนี่นา บวกกับว่าเด็กคนนี้ก็ยังเล็ก ถ้าเรียกว่าเสี่ยวเฟยเสี่ยวเฟย ยังจะดูสนิทสนมยิ่งกว่า"ถูกต้อง ความต้องกายของเขา บอกว่าอยากจะใช้นามสกุลพวกเราไปก่อน""ได้ ได้ได้"ผู้เฒ่าฟู่เองก็ดูดีใจมากเฮ่อเหลียนเฟยพอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงยอมรับตนเองไว้ ก็ดีใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี"ถ้าไม่ใช่ว่าข้าขาหักอยู่ ข้าคงได้กระโดดสูงสา
"เช่นนั้นเจ้าก็ไปดูพวกเขาแล้วกัน บอกับพวกเขาให้ชัดเจน ถ้ายินยอมแล้วก็พามาดู""ขอรับ"เฉินซานดีใจมากตระกูลฟู่คนยิ่งเยอะ ก็ยิ่งอธิบายว่าเจ้านายเป็นคนดี ในบ้านมีคนที่คุ้นเคยกันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนบ้านมากขึ้น ไม่รู้สึกอ้างว้างอีกแล้ววันต่อมา เฉินซานก็พอคนมาที่บ้านถึงสี่คน มีสองคนดูแล้วเป็นชายหนุ่มกำยำล่ำสัน แล้วก็ยังมีคู่สามีภรรยาอายุเกือบจะสามสิบอีกคู่หนึ่งพวกเขาพอเห็นฟู่จาวหนิงก็ใจเต้นตุ้มต่อมภรรยาที่ชื่อป้าซิ่งคนนั้นมองฟู่จาวหนิงอย่างระมัดระวัง"เจ้าเคยได้ยินเรื่องของข้ามาแล้วสินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางป้าซิ่งตะลึงงันไปครู่หนึ่ง รีบร้อนคุกเข่าลงทันที ฟุ่จาวหนิงยื่นมือไปประคองนาง "ยืนพูดเถอะ ข้าไม่ใช่พวกเคร่งกฎเกณฑ์ที่เอะอะก็ให้คุกเข่า"ประโยคนี้ของนางทำให้ในใจหลายคนนี้ผ่อนคลายลงมาพวกเขากลัวว่าหลังจากขายตัวเป็ฯทาศแล้วจะไม่เหลือเกียรติใดๆ อยู่อีก วันๆ เอาแต่ต้องคอยผงกหน้าโค้งตัวหรือไม่ก็คุกเข่าไม่หยุด"คุณหนู ท่าน วันที่ท่านแต่งงานวันนั้น ข้าเองก็อยู่บนถนนด้วย"ป้าซิ่งพูดจนรู้สึกผิดอย่างมากฟุ่จาวหนิงเองก็รู้สึกเกินคาด"ดังนั้นเจ้าก็เห็นทั้งหมดแล้วสิ? เห็นว่าข้า
ตระกูลฟู่พอคนเพิ่มขึ้น ก็คึกคักขึ้นมาทันทีฟู่จาวหนิงเองก็เอาคนที่อายุน้อยที่สุดพาไปหาเฮ่อเหลียนเฟยคนผุ้นี้ก่อนหน้าเรียกว่าเอ้อร์โก่ว ตอนที่นางเอ่ยชื่อตนเองต่อหน้าฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ก็รู้สึกเขินๆและไม่รู้ว่าเพราะอะไร เรียกว่าเอ้อร์โก่วมาสิบเก้าปีแล้ว เขาก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขายหน้าอะไร แต่พอมาเรียกชื่อนี้ต่อหน้าคุณหนูที่หน้าตาสะสวยอย่างฟู่จาวหนิง เขาก็รู้สึกผิดต่อนางเล็กๆเอ้อร์โก่วรวบรวมความกล้าให้ฟู่จาวหนิงช่วยเปลี่ยนชื่อให้เขาในวันที่เขียนสัญญาเดิมทีก็ได้อยู่ เขาขายตนเองเข้ามาในบ้านตระกูลฟู่ ฟู่จาวหนิงมีคุณสมบัติตั้งชื่อใหม่ให้เขาฟู่จาวหนิงตอนที่รู้ว่าอีกคนหนึ่งชื่อว่าชิวเซิง อีกคนหนึ่งชื่อชุนเจิ้ง จึงตั้งชื่อให้เขาว่าตงสือ"เสี่ยวเฟย คนนี้ชื่อว่าตงสือ หลังจากนี้เขาจะมาดูแลเจ้า มีเรื่องอะไรก็เรียกเขานะ"ตงสือตอนนี้รู้สึกพอใจกับชื่อของตนเองจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว"คารวะคุณชาย""แล้วก็ตงสือ หลังจากนี้ทุกวันเจ้าก็แบกข้าไปหาท่านปู่ทางนั้นนะ ตอนกลางวันข้าจะอยู่คุยกับท่านปู่" เฮ่อเหลียนเฟยตาเป็นประกายขึ้นมาเขาเดิมทีคิดว่าตนเองจะต้องเอาแต่นอนอยู่ในห้องเพื่อรักษาตัว
ดังนั้นเขาจึงไม่ละโมบกับของขวัญขอบคุณนี้"เป็นพระชายาที่ช่วยแม่นางอันไว้หรือ" ผู้ดูแลจงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเขาเมฆอรุณ แต่ท่านอ๋องในเมื่อพูดเช่นนี้ก็แสดงว่าไม่ผิดแล้ว "เช่นนั้นก็ง่ายหน่อย เดี๋ยวถึงเวลาข้าจะสั่งคนให้นำของขวัญขอบคุณนี้ไปมอบให้กระพระชายา"แค่กๆๆอ๋องเจวี้ยนกระแอมไออย่างรุนแรงขึ้นมาอีกครั้งผู้ดูแลจงพอเห็น ไม่ถูกหรือ?"หรือให้ข้าไปส่งเอง?" หรือว่าท่านอ๋องอยากจะพูดว่าจัดคนส่งเดชไปส่งมันไม่ดีกัน?ชิงอีมองท่านอ๋อง ในสมองก็แล่นวาบขึ้นมา เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนพอคลำเจอทางแล้ว แต่ยังจับไม่อยู่เท่านั้นตอนนี้เอง หงจั๋วที่ยชาเข้ามาก็อดแทรกขึ้นคำหนึ่งไม่ได้"ท่านอ๋อง ของขวัญขอบคุณไม่ใช่ว่าต้องมอบให้ต่อหน้าหรือ? ถ้าอย่างนั้น ข้าน้อยไปรับพระชายากลับมาจวนอ๋องดีไหมเจ้าคะ?"อ๋องเจวี้ยนตบลงที่หน้าอกตนเอง เหลือบมองนางผาดหนึ่ง "อืม ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล"หงจั๋วรีบวางชาลงข้างๆ "เช่นนั้นข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!"นางหมุนตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วอ๋องเจวี้ยนเหลือบมองผู้ดูแลผาดหนึ่ง "ยังตะลึงอะไรอีก รีบไปเตรียมรถม้าให้นางสิ""อ๋า? อ่า!ขอรับ!"ผู้ดูแลเองก็เข้าใจขึ้นมา รีบร้อนห
อันชิงเดิมทีไม่รู้ว่าควรจะคารวะฟู่จาวหนิงอย่างไร เพราะนางไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงเป็นใคร ยิ่งไปกว่านั้นท่าทางของอ๋องเจวี้ยนต่อตัวนางก็ดูแปลกประหลาดเหลือเกินตอนนี้ได้ยินพี่ชายเรียกนางว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางจึงรีบคารวะตามขึ้นมา"อันชิงคารวะอ๋องเจวี้ยน และพระชายา"ฟู่จาวหนิงถึงตามองเซียวหลันยวนผาดหนึ่ง "ไม่ต้องคารวะข้าหรอก"นางเองก็รู้สึกว่าตัวตนฐานะของนางในจวนอ๋องเจวี้ยนก็ดูแปลกประหลาดหน่อยๆไม่ใช่เจ้านาย แต่ก็ไม่เหมือนเป็นแขกด้วย?เซียวหลันยวนให้พวกเขานั่งแล้ว นางก็เหมือนไม่มีคุณสมบัติที่จะแบกหน้าเจ้าบ้านหญิงบอกกับพวกเขาว่า "ทั้งสองเชิญนั่ง"ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนทำเหมือนไม่เห็นนางหรือ?อันเหนียนกับอันชิงเองก็รู้สึกว่าระหว่างอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนนี้ดูแปลกๆทั้งสองคนยืนมองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าถ้าตนเองไม่นั่ง พวกเขาที่เป็นแขกก็คงจะนั่งไม่ได้ จึงเดินตึงตังไปนั่งลงที่นั่งของราชครูข้างๆ เซียวหลันยวนอันเหนียนกับอันชิงพอเห็นว่านางนั่งแล้ว ทั้งสองคนจึงลอบถอนหายใจออกมา แยกกันนั่งลงหงจั๋วกับเฝิ่นซิงก็รีบส่งน้ำชาร้อนเข้ามาใหม่อย่างรวดเร็วเฝิ่นซิงยังยกของหวานมาด้วย
"ของหวานในจวนอ๋อง นางไม่ค่อยอยากจะกินเท่าไรนัก"เซียวหลันยวนยังให้เฝิ่นซิงเอาขนมพุทราแดงจานนั้นส่งไปข้างๆ อันชิงเฝิ่นซิ่งถึงแม้จะยกขนมเข้าไป แต่ก็รีบนำอีกจานมาให้ฟู่จาวหนิงท่านอ๋องเองก็เกินไปแล้ว!นี่คิดจะทำอะไรกันแน่?หรือว่าจะรังเกียจที่พระชายากินขนมต่อหน้าแขกแล้วดูไม่งาม? แต่ว่าจวนอ๋องเจวี้ยนของพวกเขา ไปทำตามกฎเกณฑ์เหล่านั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน?พระชายาไม่ใช่ว่าสำคัญที่สุดหรือฟู่จาวหนิงปรบมือ นั่งตัวตรงนางมองออกแล้ว ว่าเซียวหลันยวนผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้กำลังโกรธอะไรนางอยู่แต่ว่านางไม่รู้ว่าตนเองไปยั่วโมโหอะไรเขา"ท่านอ๋องพูดมาถูกต้องแล้ว แม่นางอันเชิญทานเถิด"ใช่ สิ่งของของอ๋องเจวี้ยน นางไม่ได้อยากจะกินนักหรอก เห็นหน้ากากของเขาได้ยินคำพูดของเขาแบบนี้ นางเองก็กลัวอาหารจะไม่ย่อยอันชิงจะกินก็ไม่ได้ จะไม่กินก็ไม่ได้นางทำได้แค่มองไปทางพี่ชายตนเองอันเหนียนเปิดเอ่ยปากขึ้น"ท่านอ๋อง ครั้งนี้ข้าตั้งใจพาเสี่ยวชิงมาขอบคุณท่านอ๋อง ครั้งนี้ไม่ได้ท่านอ๋อง เสี่ยวชิงของบ้านข้าเกรงว่าจะเจอเรื่องอันตรายเข้าเสียแล้ว เสี่ยวชิง ขอบคุณท่านอ๋องเสียสิ"อันชิงลุกขึ้นยืนทันที เดินมาตรงกล
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ