"พวกเจ้ารู้ไหม? ว่าผ้าที่นำมาทอกระโปรงตัวนั้นมันยิ่งใหญ่แค่ไหน คิดว่าเซียวหลันยวนจะต้องมอบให้คนในดวงใจเขาแน่ๆ หรือก็คือเตรียมไว้สำหรับพระชายาที่แท้จริงของพวกเจ้าหลังจากนี้"ฟู่จาวหนิงคิดถึงสายตาริษยาตอนที่พวกของฮองเฮาเห็นจันทราโน้มเมืองอยู่บนตัวนางขึ้นมาเนื้อผ้าที่นำมาทอชุดกระโปรงนั้นได้มาอย่างยากลำบากมาก เป็นสิ่งที่ไท่ซ่างหวงส่งต่อมาให้เซียวหลันยวน เซียวหลันยวนตัดทอชุดนี้ตามรูปร่างของแม่นางบางคน คิดแล้วน่าจะเป็นคนในใจเขากระมังเพียงแต่เขาซ่อนนางผู้นั้นเอาไว้มิดชิดมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้บางที อาจจะเป็นซ่งอวิ๋นเหยา?ครั้งนี้นางอยู่ในงานเลี้ยงไม่เห็นซ่งหยวนหลินเลย แต่ซ่งหยวนหลินก็น่าจะเจ้าคิดเจ้าแค้นนางอยู่ตลอด รอจนซ่งอวิ๋นเหยากลับมาถึงเมืองหลวง ก็ยังไม่รู้ว่าจะเข้ามาหาเรื่องนางไหมฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าการเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนที่ไม่จริงไม่ปลอมแบบนี้ดูยุ่งยากเสียเหลือเกินนางเองก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปเด็ดดอกท้อของเซียวหลันยวนหรอก แต่ว่าถ้าไปแตะเข้ากับดอกท้อของเขาเข้า นางก็รู้สึกว่ามันน่ารำคาญมาก"พระชายา ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงถามฟู่จาวหนิงขึ้นอย่างระม
"รู้ว่าคุณงามความดีของเจ้ามีไม่น้อย ค่ายาเจ้าก็คิดมาเลย จะคืนให้เจ้าแน่ ไม่จำเป็นต้องแวะมาเตือนเช้าขนาดนี้""ท่านอ๋อง พระชายาไม่ได้มาด้วยเหตุผลนี้แน่นอน" ชิงอีรีบร้อนอธิบายท่านอ๋องเข้าใจผิดว่าพระชายามาท่วงค่ายาได้อย่างไรกัน?ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน "ไม่ ข้ามาทวงหนี้นั่นล่ะ นอกจากค่ายาแล้วยังมีอีก ท่านบอกว่าจะเอาเรื่องของผู้เฒ่าฟู่สี่ท่าตรวจสอบมาบอกกับข้า ตอนนี้ยังไม่ได้บอกเลย"หญิงสาวคนนี้ไม่เคยจำเรื่องดีดีของเขาเลย เมื่อคืนนี้เขาก็อุ้มนางเข้าไปจริงๆ หลังจากนางตื่นขึ้นมาก็ต้องมาบอกขอบคุณเขาหน่อยสิ ไม่ใช่คิดแต่จะมาทวงนั่นนี่เสียชัดเจนแบบนี้"เข้ามา"เซียวหลันยวนเหลือบมองเสื้อผ้าของนาง"กระโปรงชุดนั้นล่ะ"ฟู่จาวหนิงคิดในใจ เขาเครียดกับชุดนั้นมากจริงๆ ด้วย ในเมื่อเป็นห่วงเสียขนาดนั้น เมื่อวานเอามาให้นางสวมทำไมกัน?"วางใจเถอะ เมื่อวานตอนที่ท่านบอกให้หงจั๋วกับเฝิ่นซิงถอดออกมาไม่ใช่กำชับให้ระมัดระวังแล้วหรือ? กระโปรงชุดนั้นไม่มีแม้แต่รอยยับกับรอยเกี่ยวขาดเลย ข้าให้พวกนางเก็บให้ดีแล้ว พอตากจนแห้งก็จะส่งมาให้ท่านเอง แล้วท่านค่อยเก็บเอาไว้ให้ดี"เมื่อคืนเขายังจงใจกำชับให้หงจั๋วระมั
เซียวหลันยวนยกตะเกียบขึ้นมองนาง "ไร้เดียงสา""ข้าสนุก"ฟู่จาวหนิงรีบแย่งคีบเสี่ยวทังเปาที่แย่งเขามาก่อนหน้าชิ้นนั้นยัดเข้าปากลงไปชิงอีเห็นท่านอ๋องกับพระชายาสองคนเล่นแย่งของกินกันเหมือนเด็กๆ อยู่ข้างๆ ก็อดยิ้มจนมุมปากแทบจะกระตุกขึ้นมาไม่ได้ดีเสียจริงหลายปีมานี้ท่านอ๋องกินข้าวอยู่คนเดียว เขากินไปแค่ไม่กี่คำก็วางตะเกียบลงแล้ว กินต่อไม่ลง และกินอย่างไม่ค่อยจะเบิกบานใจด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่านอ๋องกินได้ผ่อนคลายและเบิกบานได้ขนาดนี้กระทั่งท่านอ๋องยังมีหลายครั้งที่แย่งคีบจากตะเกียบขอพระชายาอีกด้วย จงใจแหย่พระชายาที่กำลังกินอย่างมีความสุขท่านอ๋องยังพูดว่าพระชายาไร้เดียงสาเสียด้วย ทั้งที่เขาเองก็ไร้เดียงสาเช่นกันหนึ่งมือเช้ากินเสร็จ ฟู่จาวหนิงอดลูบท้องของตนเองขึ้นมาไม่ได้ ถอนหายใจออกมา"เฮ้อ แน่นไปหมดแล้ว"นี่ไม่ใช่นิสัยที่ดีนักกินจนแน่นไม่ใช่เรื่องดี"นี่เป็นถึงหมอเลยนะ เป็นหมอแต่ไม่รู้ขีดจำกัดการกินหรือ?" เซียวหลันยวนรินน้ำชาพลางหัวเราะ "ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนูสูงศักดิ์ที่รู้กาลเทศะ จะไม่ทำกิริยาไม่งามเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นหรอกนะ"ฟู่จาวหนิงเหยียดเขาผาดหนึ่ง "อะไรคือก
"ตายหมดหรือ?""ใช่ จับไปเจ็ดคน ตายไปห้าคน ยิ่งไปกว่านั้นยังตรวจไม่ได้ด้วยว่าตายอย่างไร จวนทางการต่อมาปิดคดีไป บอกว่าเด็กเหล่านั้นหวาดกลัวคิดจะหลบหนี ทำให้พวกโจรสังหารพวกเขา แล้วยังโยนพวกเขาลงไปจากเขาด้วย ผู้เฒ่าฟู่สี่ตอนนั้นถูกโยนลงไปด้านล่างเขา ตอนช่วยกลับมาก็บาดเจ็บหนัก จนกลายมาเป็นสภาพในตอนนี้ แต่ว่าเขาตกใจมากเกินไป นับตั้งแต่นั้นจึงพูดจาน้อยลงและไม่ค่อยออกไปพบปะผู้คน"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว"ท่านปู่ของข้าไม่เคยบอกว่าเพราะอะไรถึงให้หลายบ้านพวกนั้นเข้ามาอยู่ในตระกูลฟู่""ตอนนั้นพวกเขาเข้ามาอยู่ในตระกูลฟู่แล้ว แต่ว่าต่อมาให้ปู่ของเจ้าทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งต่อพวกเขา น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ปู่ของเจ้าอาจจะรู้สึกผิดต่อผู้เฒ่าฟู่สี่อยู่ เพราะตอนที่พบพวกเขา ผู้เฒ่าฟู่สี่ปกป้องบิดาของเจ้าอยู่ บนตัวของบิดาเจ้ามีแผลถลอกบางส่วน หลังจากกลับมาบ้านก็ป่วยไปรอบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พิกลพิการ"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ฟู่จาวหนิงคิดถึงเรื่องในช่วงหลายปีนี้ มิน่าพวกบ้านอื่นเหล่านั้นทำเรื่องที่เกินเหตุมาหลายครั้ง แต่ท่านปู่ก็เอาแต่ถอนใจพูดว่า ช่างมันเถอะช่างมันเถอะแต่ว่าเรื่องที่ผู้เฒ่าฟู่สี่ทำ ไปเกี่ยวข้อ
เซียวหลันยวนพอเห็นภาพนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาดีดตัวลุกขึ้นยืน แขนเสื้อยังพลิกแก้วชาจนคว่ำ จนน้ำชาหกลงมาวินาทีที่ภาพนั้นเกือบจะเปียก ฟู่จาวหนิงก็มือไวกวาดขึ้นมานางเงยหน้ามองเซียวหลันยวนปฎิกิริยาไวขนาดนี้เชียวไม่ต้องถามเลย เขาต้องเคยเห็นรูปนี้มาก่อนแน่นอนเดิมทีนางเมื่อคืนนี้ก็คิดจะหาโอกาสถามคนอื่นดูเหมือนกัน แต่ว่าสถานการณ์ในวังเมื่อคืนนี้ พอนางยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามคนทั้งหมด มันก็หาใครสักคนมาถามไม่ได้เลยจริงๆฟู่จาวหนิงก็แอบตรวจสอบตราหยกและตราปักบนเสื้อผ้าของคนเหล่านั้นแล้ว แต่ก็ไม่เห็นที่คล้ายกันเลยคิดแล้วอีกเดี๋ยวกลับไปแล้วยังต้องไปตอบเฮ่อเหลียนเฟยอีก นางจึงเพิ่งคิดจะถามเซียวหลันยวน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนจะมากขนาดนี้"ท่านเคยเห็นหรือ?"นางถึงแม้จะไม่ถาม แต่กลับมั่นใจมาก ว่าเขาต้องรู้แน่ๆ"เจ้าเชื่อไหมว่าเด็กน้อยก็มีความทรงจำอยู่ระดับหนึ่ง?"เซียวหลันยวนสูดลมหายใจลึก จากนั้นก็นั่งลง หยิบผ้ามาเช็ดน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ"ท่านอย่าบอกข้านะ ว่าท่านเห็นสิ่งนี้ตอนที่ถูกกรอกยาเมื่อครั้งนั้น ตอนนั้นท่านเพิ่งจะอายุไม่ถึงสองขวบนี่?"ฟู่จาวหนิงเดาออกมาแต่ก
ผู้ชายคนนี้ มิน่าถึงต่อให้เขาจะเจ็บป่วย แต่องค์จักรพรรดิก็ยังหวาดกลัวเขา!ถ้าเขาไม่ได้ป่วยอ่อนแอ ถ้าไม่ใช่บนใบหน้าเขามีบาดแผล บัลลังก์มังกรเองก็ยังไม่แน่ใจว่าใครจะได้ขึ้นไปนั่ง!"ตราหยกชิ้นนั้น""เจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงต้องรอให้บิดามารดาเจ้ากลับมากัน?"พอพูดถึงเรื่องนี้ ระหว่างพวกนางก็เหมือนมีกำแพงอุปสรรคลอยขึ้นมาแล้วตราหยกนี้ ตอนนี้มาเตือนพวกเขา ระหว่างพวกเขายังคั่นเอาไว้ด้วยความแค้นลึกหยั่งที่อาจจะมีอยู่จริงฟู่จาวหนิงรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมารอยยิ้มในดวงตาเซียวหลันยวนเหมือนจะสลายหายไปแล้ว"ตราหยกชิ้นนี้แม้ว่าจะสลักคำว่าฟู่เอาไว้ นั่นจะเป็นไปได้ไหมว่าเกี่ยวกับบ้านตระกูลฟู่ของเจ้า? หลังจากกลับไปแล้ว เจ้าลองถามปู่ของเจ้าดู""ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย""เจ้าไม่เคยเห็นไม่ได้แสดงว่ามันไม่ใช่ของตระกูลฟู่""เอาล่ะ ข้าจะกลับไปถามท่านปู่ดู" ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นยืน"เฮ่อเหลียนเฟยให้เจ้ามาหรือ?"เซียวหลันยวนเรียกนางเอาไว้"ใช่""เช่นนั้น บิดามารดาเจ้าก็อาจจะเคยไปที่เผ่าเฮ่อเหลียน หรือก็คือ พวกเขายังมีชีวิตอยู่""ท่านคิดว่า คนสกุลฟู่ที่เฮ่อเหลียนเฟยหาตัวอยู่คือบิดาของข้าหรือ?" ฟู่จาวหนิงใน
หงจั๋วกอดจันทราโน้มเมืองชุดนั้นเดินออกไป ก้มหน้าเศร้าผู้ดูแลรีบร้อนเดินเข้ามา พอเห็นนาง ในก็เต้นผาง "เกิดอะไรขึ้นกัน?""ผู้ดูแลจง ท่านอ๋องจะให้ข้าเอาชุดกระโปรงนี้ไปเผา ทำอย่างไรดี?"ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว ชุดกระโปรงนี้ถ้าเผาไปมันน่าเสียดายมาก นางรู้สึกว่าพระชายาสวมแล้วเหมาะสมมากถ้าหากพระชายารู้ว่าท่านอ๋องเผาชุดกระโปรงนี้ไป จะเข้าใจผิดขึ้นมาไหม?ยังไม่ต้องพูดถึงฟู่จาวหนิงหรอก ผู้ดูแลจงตอนนี้ก็ยังเข้าใจผิดไปแล้วเลย"เพราะอะไรกัน? หรือว่าเพราะว่าพระชายาสวมไปแล้ว ดังนั้นท่านอ๋องจึงไม่อยากเก็บเอาไว้หรือ?"ฟังดูเอาแล้วกัน ขนาดผู้ดูแลยังคิดเช่นนี้เลย ถึงตอนนั้นพระชายาคิดเช่นนี้ด้วยจะทำอย่างไร?"น่าจะไม่ใช่ แต่ว่าข้าไม่อาจไปคะเนความคิดของท่านอ๋องส่งเดชได้หรอก" หงจั๋วร้อนรนขึ้นมาแล้วนางไม่อาจคะเนความคิดของท่านอ๋อง และไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของท่านอ๋องได้ด้วย ดังนั้นตอนนี้กอดชุดกระโปรงนี้ไว้นางจึงยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เผาไปก็ไม่ได้ ไม่เผาเองก็ไม่ได้"เอาอย่างนี้สิ วางไว้ที่เรือนเจียนเจียก่อน ถึงตอนนั้นค่อยนำมาถามท่านอ๋องอีกที" ผู้ดูแลจงเองก็รู้สึกว่ากระโปรงชุดนี้เผาทิ้ง
เฮ่อเหลียนเฟยตอนนี้อยู่ในบ้านตระกูลฟู่นี้ดีมากจริงๆฟู่จาวหนิงล้วนคิดไม่ถึงว่าหนึ่งคนแก่หนึ่งชายหนุ่มจะเข้ากันได้ขนาดนี้"คุยอะไรกันอยู่น่ะ?" นางเดินเข้ามาอยู่ข้างผู้เฒ่าฟู่ จับชีพจรให้กับเขา"คุยกันเรื่องประเพณีประหลาดๆ ของเผ่าเฮ่อเหลียนน่ะ" ผู้เฒ่าฟู่พิจารณาตัวนาง "เมื่อคืนนี้เข้าวังไป ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?"เขารู้ว่าฟู่จาวหนิงเมื่อคืนเข้าวังไปแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ จึงรู้สึกกังวลมาตลอด ตอนนี้พอเห็นนางปลอดภัยดีจึงเพิ่งวางใจลงมา"ไม่เป็นไร ท่านปู่ ข้าเก่งมากนะ ท่านเนี่ยเลิกกังวลกับตัวข้าได้แล้ว""ใช่ใช่ใช่ ท่านปู่ พี่หญิงเก่งกาจมากเลยนะ" เฮ่อเหลียนเฟยเองก็พูดขึ้นมาเขามองฟู่จาวหนิงตาปริบๆฟู่จาวหนิงรู้ถึงความหมายของสายตาเขา คงจะร้อนรนอยากรู้เบาะแสเกี่ยวกับตราหยกชิ้นนั้นแน่ๆตอนนี้ตราหยกอาจจะเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่ และเป็นไปได้ว่าคนร้ายที่วางยาใส่เซียวหลันยวนตอนนั้น ก็น่าจะไม่ธรรมดา ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงยังไม่บอกเขาก่อนชั่วคราวนางยังต้องรู้ให้ได้ด้วยว่าเจ้าของตรานี้กับเฮ่อเหลียนเฟยเกี่ยวข้องกันอย่างไรดังนั้นภายใต้สายตาแป๋วของเฮ่อเหลียนเฟย เขาจึงสั่นหัวเบาๆ เฮ่อเหลียนเฟยก็ป
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ