คำพูดเหล่านี้ของฟู่จาวหนิง ทำให้ผู้เฒ่าฟู่รองผู้เฒ่าฟู่สามหน้าดำหน้าขาวเลยทีเดียวท่ามกลางสายตาประชดประชันของคนทั้งหมด พวกเขาอยู่ไม่ได้แล้ว มองเหยียดหนักๆ ไปทางฟู่จาวหนิง ทั้งสองคนก้วิ่งหนีออกไปอย่างซมซานตอนที่ออกประตูพวกเขายังหันกลับมาเหลือบมองหินก้อนนั้นผาดหนึ่ง รู้สึกไม่ยินยอมอย่างมากมลายหายไปแล้วหนึ่งพันสองร้อยตำลึง!เหล่าฮูหยินและเด็กๆ ยังล้วนพักอยู่ในหมู่บ้าน พวกเขาเดิมทีกำลังคิด ว่าเงินก้อนนี้สามารถนำออกมาจ่ายค่าเช่าพักหลายวันนี้ได้ กินเนื้อกินอะไรได้ แล้วเขายังคิดจะซื้อที่นาอีกหลายหมู่ด้วยหลังจากขายบ้านตระกูลฟู่ ค่อยมาซื้อเพิ่มหมู่เพิ่มถึงตอนนั้นพวกเขาก็สามารถทำตัวเป็นเจ้าบ้านในหมู่บ้านนี้ได้แล้วออกศึกไม่ราบรื่น!หนึ่งพันสองร้อยตำลึงหายวับไปแล้ว!หลังจากกลับไป ฮูหยินรองฮูหยินสามพวกเขาก็จ้องมองตาแป๋วเข้ามา"ขายแล้วหรือ? ผู้เฒ่ากู้ให้มาเท่าไร?"ฮูหยินสามรีบถามขึ้น"น้องสี่ทางนั้นให้ความเห็นมาคำหนึ่ง เขาบอกว่าพวกเราแบ่งให้เขาน้อยหน่อยก็ได้" ฮูหยินรองเองก็คำนวณขึ้นมา"เฮ้อ!"ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามสบตากัน ทั้งสองคนถอนล้วนถอนหายใจหนักๆ ออกมาหลังจากพวกเขาไป
"หินของผู้เฒ่ากู้อยู่ที่ไหนหรือ? พวกเราขอดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงสนใจขึ้นมา"อยู่ที่เรือนหลัง!" ผู้เฒ่ากู้ยินดีขึ้นมา เรียกคนใช้ให้พาพวกเขาไปที่เรือนหลัง"ผู้เฒ่ากู้ ผู้เฒ่ากู้ ท่านมาดูหินพวกนี้ของข้าหน่อย รื้อออกมาจากภูเขาจำลองในบ้านน่ะ!"มีคนย้ายหินเข้ามาให้ผู้เฒ่ากู้ดูฟู่จาวหนิงเดิมทีกำลังจะไปเรือนหลัง พอได้ยินเสียงก็เหลือบตาดู มองไปยังหินก้อนนั้นนางไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนที่มองเห็นหินก้อนหนึ่งในนั้นสายตาก็ย้ายออกไม่ได้เลย"เดี๋ยวก่อน พวกเราขอดูหน่อย" ฟู่จาวหนิงดึงฟางซือฉิงไว้"ดูสิดูสิ ลองฟังว่าผู้เฒ่ากู้จะพูดอย่างไร ไม่แน่ว่าอาจจะได้เรียนรู้" เศรษฐีฟางเองก็รีบพูดขึ้นผู้เฒ่ากู้มองหินเหล่านี้อย่างละเอียด เลือกก้อนที่ใหญ่ที่สุดในนั้นออกมา นั่งยองลงลูบๆ มองๆ อย่างละเอียดก้อนที่ฟู่จาวหนิงเพิ่งจะต้องตาก้อนนั้น เขากลับมองผาดเดียวแล้วโยนทิ้งไปข้างๆ ไม่สนใจเสียแล้วหินก้อนนั้นผิวดำแตกลาย ไม่ใหญ่มาก ค่อนข้างเล็ก น่าจะขนาดแค่สองกำปั้นของนางเท่านั้น พออยู่ในกองหินเหล่านั้น หินก้อนนี้เล็กที่สุด เหมือนแค่มีคนสุ่มหยิบขึ้นมาแล้วยัดให้เต็มๆ ก็เท่านั้นแต่ว่าพอนางเหลือบมองก็เห็นหินก้อนนั้
ชายหนุ่มสองคนนั้นมองไปทางผู้เฒ่ากู้"อันนี้ถือเป็นของแถมให้แล้วกัน ข้าให้สามสิบตำลึง ถือโอกาสรับเข้ามาด้วยแล้วกัน" ผู้เฒ่ากู้เองก็ไม่ได้เห็นหินก้อนนั้นอยู่ในสายตาเช่นกันสามสิบตำลึง น้อยขนาดนี้เชียวฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า "เช่นนั้นข้าให้สี่สิบตำลึง ขายแยกให้ข้าหน่อยได้ไหม?"กลุ่มคนตกตะลึงไปผู้เฒ่ากู้เองก็มึนงง จากนั้นก็เตือนนางขึ้นมา "คุณหนูฟู่ หินก้อนนี้เล็กเกินไป ต่อให้สามารถตัดออกมาเป็นหินหยกได้ แต่ดูจากผิวดำตรงนี้ คุณสมบัติของหยกก็คงไม่ได้ดีมาก เป็นไปได้มากว่าแกะออกมาเป็นหยกพกชิ้นหนึ่งได้ หยกพกธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่ง น่าจะขายได้ราวห้าตำลึง"ดังนั้นที่เขาให้ราคาสามสิบตำลึงถือว่าสูงกว่าหินก้อนใหญ่ก้อนอื่นแล้ว นี่แค่ถือโอกาสรับเข้ามาเท่านั้นสามสิบตำลึงถือว่าแพงเกินไปแล้ว ฟุ่จาวหนิงยยังให้มาถึงสามสิบแปดตำลึงหรือ?การตัดหินนั้นต้องใช้แรงมาก นางจะตัดหินก็ต้องออกเงินส่วนหนึ่ง ถึงตอนนั้นเรียกคนมาแกะงานก็ยังต้องจ่ายค่าแรง บวกกันแล้วต้นทุนก็น่าจะไปถึงห้าสิบตำลึงแล้วถ้าแกะออกมาได้แค่หยกพกชิ้นหนึ่งราคาห้าตำลึง นี่มันจะขาดทุนหนักเอานะฟู่จาวหนิงยิ้มๆ "ไม่เป็นไร ข้ารู้สึกว่าหินก้อ
ฟู่จาวหนิงมองหินก้อนนั้น และพบว่าไม่เลวเลย"จาวหนิงจาวหนิง เจ้าคิดว่าหินก้อนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?" ฟางซือฉิงถามนางขึ้นอย่างดีอกดีใจ"ข้าว่าได้อยู่" ฟู่จาวหนิงพยักหน้าเศรษฐีฟางที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะร่าขึ้นมาเขามีความสุขเหลือเกิน "พวกเจ้านี่เป็นพี่น้องกันจริงๆ เลือกหินหยกก็ยังเลือกคล้ายกันอีกหรือ?"แล้วมันเลือกแบบไหนได้อีกกัน?แต่พอเห็นลูกสาวดีอกดีใจเช่นนี้ เขาเองก็ยินดีที่จะจ่ายเงินนี้"ผู้เฒ่ากู้ หินก้อนนี้ราคาเท่าไรหรือ?"ผู้เฒ่ากู้มองๆ ฟู่จาวหนิง"เอาอย่างนี้ หินก้อนนี้ข้าคิดยี่สิบแปดตำลึงแล้วกัน""ท่านพ่อ จ่ายเงินเลย" ฟางซือฉิงรีบพูดกับเศรษฐีฟางทั้งสองคนซื้อหินคนละก้อน ล้วนร้อนรนอยากรู้ว่าในนี้มีหินหยกอยู่หรือไม่ มีหินหยกแบบไหนอยู่หลังจากถามผู้เฒ่ากู้ ทั้งสองคนก็จ่ายเงินสองตำลึงเพื่อทำการแยกหินที่นี่เครื่องตัดหินนั้นถูกดันออกมา ให้ตายเถอะ ใหญ่โตเหลือเกิน"ใบมีดด้านนี้ต้องคอยเปลี่ยนอยู่บ่อยๆ ดังนั้นค่าใช้จ่ายตัดหินจึงไม่ถูก" ผู้เฒ่ากู้อธิบายกับพวกเนาง "แต่ว่าของพวกท่านเป็นก้อนเล็ก ดังนั้นจึงเก็บแค่สองตำลึงพอ ถ้าใหญ่หน่อย ค่าใช้จ่ายก็จะแพงขึ้นอีก"เรื่องนี้เข้าใจได้
"ได้ยินว่าหมอเทวดาหลี่ออกไปรับท่านหญิงอวิ๋นเหยาที่นอกเมืองแล้ว ท่านหญิงอวิ๋นเหยาไม่ใช่บอกว่าพาเพื่อนกลับมาด้วยหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนนางคนนั้นยังป่วยเป็นโรคประหลาดด้วย ครั้งนี้เห็นว่ามาเมืองหลวงของเราเพื่อรักษานี่"หงจั๋วเองก็กำลังพูดเรื่องนี้กับเฝิ่นซิงพวกนางเพียงไม่นานก็ได้ยินว่าท่านอ๋องก็จะออกนอกเมืองไปรับท่านหญิงอวิ๋นเหยาแล้วสองสาวใช้พอได้ยินเรื่องนี้ ในใจก็รู้สึกไม่ชื่นมื่นนัก"ถ้าหากไม่มีพระชายาของพวกเรา แล้วท่านอ๋องออกไปรับท่านหญิงอวิ๋นเหยาที่นอกเมืองอย่างเอาใจใส่เช่นนี้ พวกเราก็คงดีใจอยู่หรอก ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องไม่เคยเอาใครมาไว้ในใจเลย แต่ก่อนท่านหญิงอวิ๋นเหยาบอกให้เขาทำอะไรเขาก็ไม่เคยจะฟังเลยนี่นะ"แล้วทำไมหลังจากท่านอ๋องแต่งงาน ถึงกลับดูเอาใจใส่รู้ใจกว่าแต่ก่อนขึ้นมากัน?"ใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้ท่านอ๋องมาเอาใจท่านหญิงอวิ๋นเหยาเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ มีพระชายาของพวกเราอยู่แล้วแท้ๆ เขาทำไมถึงทำเช่นนี้อีก?"เฝิ่นซิงถอนใจ"พวกเราตามไปดีไหม?"หงจั๋วกระโดดตัวขึ้นมมา"แต่ท่านอ๋องไม่ได้กำชับให้พวกเราตามไปนี่" เฝิ่นซิงงงงันหงจั๋วไม่ค้านอะไร "ข้าไปข้าไป บางทีท่านอ๋องคงไม่
ยังไม่ทันหย่า อ๋องเจวี้ยนก็ถือว่าเป็นหลานเขยของผู้เฒ่าฟู่แล้วหลานเขยคนนี้มาถึงประตูบ้านแต่ก็ไม่เข้าไป ราวกับไม่มองว่าตนเองเป็นคนในบ้านจริงๆรถม้าแล่นออกไประยะหนึ่ง อ๋องเจวี้ยนจู่ๆ ก็เคาะกำแพงรถชิงอีรีบดึงม้าเข้าข้างทาง ก็ได้ยินอ๋องเจวี้ยนถามว่า "ก่อนหน้านี้ข่าวที่พวกเขาส่งเข้ามา บอกว่าซือถูไป๋ไปที่หมู่บ้านทางตะวันออกใช่ไหม?"ในเมืองหลวงคนที่พิเศษบางส่วน คนของพวกเขาจะคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอยู่ตลอดเหมือนกับซือถูไป๋ ร่องรอยนั้นพวกเขารู้เหมือนอยู่ในกำมือเลย"ท่านอ๋อง ใช่แล้ว"อ๋องเจวี้ยนหัวเราะเย็นชา ไม่พูดอะไรดังนั้น ซือถูไป๋ไปหมู่บ้านทางนั้น ฟู่จาวหนิงก็เลยไปด้วยหรือ? บังเอิญขนาดนี้เชียว? เขาไม่เชื่อหรอกดังนั้นหญิงสาวคนนั้นที่ใจคิดแต่จะหย่าก็เพื่อไปหาอีกคนหรือ?เนินเขาแห่งหนึ่งที่ห่างจากเมืองหลวงราวสิบลี้มีเพิงน้ำชาอยู่แห่งหนึ่งด้านนอกเพิ่งน้ำชาตอนนี้มีรถม้าหลายคันจอดอยู่ มีองครักษ์เจ็ดแปดคนยืนล้อมเพิงน้ำชาในเพิงน้ำชามีคนนั่งอยู่ไม่น้อย ในนี้มีหญิงสาวอายุยี่สิบปีอยู่คนหนึ่ง อยู่ในชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนปักลายนกนางแอ่นเงิน สวมเกราะขนกระต่ายม่วงเข้ม รูปร่างสะโอดส
ซ่งอวิ๋นเหยาหัวเราะ"จดหมายที่เขียนกลับเมืองหลวงข้าก็แค่ส่งมาเผื่อๆ เท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลับมาเมืองหลวงแล้วจริงๆ""ที่แท้ท่านหญิงอวิ๋นเหยาก็เขียนจดหมายให้จวนอ๋องเจวี้ยน แล้วให้อ๋องเจวี้ยนออกมารับท่านหรือ?"ซ่งอวิ๋นเหยาพยักหน้า"ถ้างั้น ข้าไปดูท่านพ่อก่อนว่าจับชีพจรเสร็จแล้วหรือยัง" หลี่จื่อเหยาลุกขึ้นออกวิ่งทันที"ท่านหญิง แม่นางหลี่ทำไมถึงดูกลัวเสียขนาดนั้น?" สาวใช้เอ่ยกับซ่งอวิ๋นเหยาซ่งอวิ๋นเหยาเองก็เม้มปากยิ้มๆ"แม่นางหลี่เป็นคนตรงไปตรงมา หลันยวนกลับเมืองหลวง ถ้าเดี๋ยวนางเห็นหลันยวนเข้า อาจจะทำอะไรขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ก็ได้ แล้วหลันยวนเองก็นิสัยเย็นชาด้วย คงจะไม่ไว้หน้าแม่นางหลี่เป็นแน่ คงจะตำหนินางเอา"ความหมายคำพูดนี้ของนางก็คือ หลี่จื่อเหยาอาจจะเจอกับอ๋องเจวี้ยนแล้ว แล้วถูกความหล่อเหลาของเขาดึงดูดเอา ดังนั้นจึงอยากจะใกล้ชิดเขา แต่ด้วยนิสัยนั้นของอ๋องเจวี้ยนก็ไม่ยอมให้หญิงสาวคนไหนเข้าใกล้เลยดังนั้นเขาคงจะสั่งสอนหลี่จื่อเหยามาแล้วหลี่จื่อเหยาจึงกลัวอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาหน่อยๆ กระมัง?สาวใช้อิ๋นหลิ่วพอได้ยินคำพูดนี้ก็เม้มปากหัวเราะขึ้นมา พูดกับซ่งอวิ๋นเหยาว่า "ดูท่
"ตอนข้าอยู่ที่ต้าชื่อเคยได้ยินชื่อเสียงของหมอเทวดาหลี่"ท่านเสิ่นน้ำเสียงราบเรียบ ไม่รู้เพราะอะไร หมอเทวดาหลี่พอได้ยินจึงรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา"ครั้งนี้มาเมืองหลวงแคว้นเจาเพื่อมาหาหมอเทวดาหลี่ กอดความหวังใหญ่เข้ามา อายุของข้าเองถึงแม้จะมากแล้ว แต่ก็ยังมีความปรารถนาที่ยังทำไม่สำเร็จอยู่บางส่วน ดังนั้นจึงยังรักชีวิตอยู่ ต้องรบกวนหมอเทวดาหลี่เสียแล้ว""มิกล้ามิกล้า""อื๋อ?""อา ความหมายของข้าคือ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่"เหงื่อบนหน้าผากหมอเทวดาหลี่ผุดขึ้นมาอีกครั้งเขารู้สึกว่าตนเองเวลาอยู่ต่อหน้าท่านเสิ่นคนนี้แล้วเหมือนคนโง่คนเขาบอกให้เขารักษาดีดี แล้วเขาตอบไปว่ามิกล้าได้อย่างไรกัน?"ท่านพ่อ"หลี่จื่อเหยาเดินเข้ามา มองๆ ท่านเสิ่น"พวกเรากลับเมืองหลวงก่อนได้ไหม?""ทำไมหรือ?""เหมือนว่าอีกครู่หนึ่งอ๋องเจวี้ยนจะเข้ามารับท่านหญิงอวิ๋นเหยาแล้ว" หลี่จื่อเยหาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วกับหมอเทวดาหลี่สีหน้าหมอเทวดาหลี่ขรึมลงมาทันที"เขาจะมาหรือ?""ใช่แล้ว"หลี่จื่อเหยาหลังถูกอ๋องเจวี้ยนลากไปเข้าคุกหลายวัน ตอนนี้จึงผวาต่ออ๋องเจวี้ยนมาก นางไม่ค่อยจะกล้าไปปรากฎต่อหน้าอ๋องเจวี้ยนแล้วเพราะน
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ