"อ๋องเจวี้ยนตอนที่ต้องใจเหี้ยมก็เด็ดขาดเสียจริง"เสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงกำลังลงหมาก ข้อนิ้วที่แยกกันจับคว้าตัวหมาก ดูแล้วพึงพอใจอารมณ์ดีฟู่จาวหนิงรักษษเขาอย่างสุดกำลังมาเกือบหนึ่งเดือน เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายดีขึ้นมากแล้วครึ่งเดือนกว่านี้เรื่องราวในเมืองหลวงเหล่านั้นลอดเข้ามาที่หูเขาทุกวันราชวงศ์ครั้งนี้ก็กลายเป็นเรื่องตลกไปด้วยท่านหญิงที่ราชวงศ์แต่งตั้งขึ้นก่อเรื่องเช่นนี้ ทำเอาองค์จักรพรรดิขายหน้าย่อยยับป่นปี้"นั่นก็เป็นเพราะตัวเขาไม่อาจยอมรับได้กระมัง ยิ่งไปกว่านั้นยังโง่มาตั้งหลายปี" หมากขาวในมือฟู่จาวหนิงวางลงไปเบาๆใครให้เซียวหลันยวนกับแค่ผู้มีพระคุณตอนเด็กก็ยังไม่ตรวจให้ดีแล้วยังจะมาคุ้มครองซ่งอวิ๋นเหยาอยู่ตั้งหลายปีกันล่ะ?เสิ่นเสวียนมองการลงหมากของนาง หัวเราะขึ้นมาเสียงหนึ่ง"ดีมาก ไม่ใช่หญิงสาวโง่ๆ ที่ถูกทำให้ซาบซึ้งได้ง่ายๆ แบบนั้น" นางวางหมากได้เฉียบคมมาก พอลงมาก็ขวางทางของเขาทันทีเขายิ่งชื่นชมฟู่จาวหนิงขึ้นไปอีกวิชาแพทย์ของนางยอดเยี่ยมมากศิลปะการลงหมาก นางก็มีเอกลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่พอหันไปดูคนในตระกูลเสิ่น ไม่มีใครที่เทียบกับนางได้เลย"ท
"งูหลังทองเข้าไปแล้ว" ไห่ฉางจวิ้นเอ่ยขึ้นเสียงขรึม"วิชาลับของเจ้าใช้การไม่ได้แล้วหรือเปล่า? หาของชิ้นเดียวยังหาตั้งครึ่งค่อนเดือน"แม่นางเจี๋ยตอนนี้สงสัยขึ้นมาเสียแล้วนางเดิมทีคิดว่าพอมีความสามารถของไห่ฉางจวิ้น บวกกับงูหลังทอง แค่ไม่กี่วันก็สามารถหาสิ่งยืนยันชิ้นนั้นของตระกูลชิ่งพบ คิดไม่ถึงว่าพอหาทีจะหากันนานขนาดนี้ฮู่เจียไท่ทางนั้นกำลังยืดเวลา คิดหาเหตุผลอย่างสุดกำลังเพื่อยื้อเวลากับผู้นำตระกูล ไม่ให้เขาเอาสิ่งยืนยันไปมอบให้ยังมืออ๋องเจวี้ยนยังดีที่อ๋องเจวี้ยนช่วงนี้ก็ปิดประตูไม่รับแขก เหมือนได้ยินว่าถูกลมหนาวจนลุกจากเตียงไม่ไหวชิ่งอวิ๋นเซียวคุณชายคนนั้นวันวันก็เอาแต่ค้นหาสิ่งของอยู่ในเมืองหลวง แต่ก็ยังไม่พบอะไร"อะไรคือบอกว่าวิชาลับข้าใช้ไม่ได้แล้ว? เจ้าเองไม่ลองคิดดูหน่อยว่าตอนนี้มันเวลาไหน อากาศเย็นจัด เมืองหลวงแคว้นเจาก็หนาวจนจะแข็งตายกันหมดแล้ว งูหลังทองเองก็เกือบจะจำศีลอยู่แล้ว ปฏิกิริยากับความรู้สึกจึงค่อนข้างช้า ตอนนี้ให้มันมาหาของจึงไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น"ไห่ฉางจวิ้นร้องเชอะขึ้นเสียงหนึ่ง "แล้วตอนนี้ไม่ใช่ว่าหาเจอแล้วหรือ?""หาเจอแล้วหรือ? สิ่งของอยู่ที่บ้านตระ
ฟู่จาวหนิงหยิบงูตายตัวนั้นขึ้นมา แล้วหายเข้าไปในห้องมิตินางโยนงูไว้บนแท่นของห้องเภสัช เหลือบมองผาดหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ยาฆ่าเชื้อพ่นใส่มือ หยิบขวดชาเขียวออกมาดื่มสองอึก ชาเขียวนี้เป็นเครื่องดื่มที่น่าสกัดออกมาเอง กระตุ้นได้ดีผ่านไปครู่หนึ่ง นางได้ยินหน้าต่างถูกผลักออกเบาๆน่าจะเพราะเห็นว่าในห้องไม่มีแสง คิดว่านางตอนนี้น่าจะหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นจึงผลักหน้าต่าง ส่งเสียงออกมาเพียงไม่นาน ก็มีคนกระโจนเข้ามาฟังจากเสียง มีสองคน?ทั้งสองคนกระโจนเข้ามา บนหัวหนึ่งในนั้นมีเสียงกระทบขณะก้าวเดินของลูกปัดหยกดังขึ้นฟู่จาวหนิงเข้าใจขึ้นมา เป็นหญิงสาวหรือ?ควันกลุ่มหนึ่งถูกพ่นออกมาไห่ฉางจวิ้นหลังจากพ่นพิษออกมาก็ขวางแม่นางเจี๋ยไว้ ทั้งสองคนยืนรออยู่ที่หนึ่งพักหนึ่งพอคิดว่าเวลาเท่านี้ควันพิษน่าจะออกฤทธิ์แล้ว ทั้งสองคนจึงผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด"ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนส่งทหารเข้ามาคุ้มครองฟู่จาวหนิง แล้วทหารอยู่ไหนกัน? ทำไมพวกเราจึงไม่เห็นเลย?"ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงหญิงสาวที่ไม่รู้จักเสียงหนึ่ง กดเสียงไว้ต่ำมาก"ฟู่จาวหนิงให้พวกเขาไปคุ้มครองปู่ของนางน่ะ โง่เสียจริง คิดว่าคนอื่นไ
แม่นางเจี๋ยกับไห่ฉางจวิ้นต่อให้เป้าหมายไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ แต่ตอนที่เห็นเครื่องประดับอัดแน่นอยู่ในกล่องทั้งสองคนก็ชะงักไปครู่หนึ่งพวกนางสบตากันผาดหนึ่ง ล้วนเห็นความหวั่นไหวและลังเลในใจขึ้นมาถึงอย่างไรถ้าหยิบของเหล่านี้ไป พวกนางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับโจรเลยน่ะสิ! แต่ก็หวั่นไหวเหลือเกินฟู่จาวหนิงเห็นพฤติกรรมของพวกนางอยู่ในห้องเภสัช กลั้นหัวเราะไม่อยู่"รีบหาสิ่งยืนยัน!"แม่นางเจี๋ยถึงอย่างไรก็เป็นของตระกูลฮู่ ได้สติกลับมาก่อน และให้ไห่ฉางจวิ้นรีบไปหาสิ่งยืนยันฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของพวกนางจึงเข้าใจแล้วว่าพวกนางมาหาอะไร สิ่งยืนยันหรือ? หรือว่าจะหาสิ่งยืนยันที่ชิงอวิ๋นเซียวทำหายนั่น?โดยใช้งูตัวนั้นหรือ?นางมองไปทางศพงูที่ตายบนโต๊ะตัวนั้นตัวงูดำสนิททั้งร่าง แต่กลางหลังของมันกลับมีสีทองอยู่แถบหนึ่ง เปล่งประกายอยู่ใต้แสง ดูแล้วเหมือนกับเป็นทองคำจริงๆนี่คือสิ่งที่พวกนางเรียกว่างูหลังทองหรือ?นางมองขลุ่ยหยก จู่ๆ ก็พบลวดลายที่เล็กละเอียดมากลายหนึ่ง ก่อนหน้านี้มองไม่เห็นฟู่จาวหนิงสองมือจับขลุ่ยหยก และออกแรงบิดที่ลายนั้น ขลุ่ยหยกก็หมุนขึ้นมา ด้านในกลวง ซ่อนปิ่นปักผมด้ามหนึ่งเอาไว
"ขอรับ""เช่นนั้นก็ดี เฮ้อ พวกนางสมควรโดนแล้ว" ฟู่จาวหนิงปรบๆ มือ "ไม่ต้องให้คนตามหรอก แต่ว่าส่งคนไปที่แจ้งจวนอ๋องเจวี้ยนหน่อย ให้พวกเขาเพิ่มการตรวจลาดตระเวณ แล้วก็ถามชิงอีดู ชิ่งอวิ๋นเซียวอยู่ที่ไหน บอกว่าข้าพรุ่งนี้จะไปที่จวนอ๋อง เชิญเข้าไปด้วย"ยังไงของนางก็ต้องส่งคืนไปก่อนอีกครึ่งคืนฟู่จาวหนิงก็หลับลงเป็นอย่างดี แต่ก็มีอีกหลายคนที่นอนไม่หลับไห่ฉางจวิ้นกับแม่นางเจี๋ยหลังจากกลับไปก็เริ่มตัวร้อน ทั้งสองคนเอาแต่พูดเพ้อ มึนๆ งงๆ แล้วยังรู้สึกเหมือนตัวเองถูกผีไล่อยู่ตลอดอย่างไรอย่างนั้น ประเดี๋ยวก็ร้องลั่นขึ้นมาชิงอีทางนั้นพอได้ข่าวจากทหารบ้านตระกูลฟู่ ก็เพิ่มการลาดตระเวณ ให้คนไปหาชิ่งอวิ๋นเซียว แต่ก็ไม่กล้าปลุกท่านอ๋องเดิมทีคิดว่าฟู่จาวหนิงจะกลับมาไว ดังนั้นตอนที่เซียวหลันยวนลุกขึ้นมา ชิงอีก็รีบแจ้งเรื่องเมื่อคืนนี้ออกไปใครจะคิดว่าเซียวหลันยวนพอได้ยิน หน้าก็เปลี่ยนสีไปทันที "มีคนลอบเข้าไปในห้องนาง? แล้วนางบาดเจ็บไหม?"ชิงอีตกตะลึง "ไม่เป็นไร ท่านอ๋อง พระชายาไม่เป็นอะไรเลย" ดังนั้นถึงสามารถให้สืออีออกมาส่งข่าวได้นั่นเองถ้าหากพระชายาเกิดเรื่อง เขาเมื่อครู่ก็ไม่รู้จะรายงานอย
"ท่านอ๋องจะต้องรอพระชายาอยู่แน่เลย""ชิ่งอวิ๋นเซียวมาหรือยัง?"ที่นางนัดคือชิ่งอวิ๋นเซียวนะ"ยังไม่มา แต่ได้ยินชิงอีบอกว่า เขาน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับเมือง""กลับเมือง?"ฟู่จาวหนิงลูบจมูกอย่างเขินๆพอหาของในเมืองไม่เจอ ดังนั้นเลยออกไปหาที่นอกเมืองหรือ? เช่นนั้นชิ่งอวิ๋นเซียวเด็กคนนี้สมองก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไรแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าพบกับนางในเมืองครั้งนั้นยังไปนั่งวางมาดหล่ออยู่บนหัวกำแพงอยู่เลย แต่นี่ลืมไปหมดแล้วหรือ?"ข้าจะไปเรือนเจียนเจียดูว่าเซียวหลันยวนมีเรื่องอะไร"หงจั๋วรีบถาม "แล้วข้าวกลางวันจะไปกินกันที่เรือนเจียนเจียได้ไหมเจ้าคะ?""ได้"ฟู่จาวหนิงมาถึงเรือนเจียนเจีย มองซ้ายมองขวาในเรือนไม่เจอคน แต่ในห้องข้างกลับมีการเคลื่อนไหว พอเดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอเฝิ่นซิงถือถังน้ำออกมา"นี่ทำอะไรอยู่หรือ?""พระชายามาแล้ว!" เฝิ่นซิงร้องขึ้นอย่างเบิกบาน "ท่านอ๋องบอกว่าให้เก็บกวาดห้องนี้ให้ดี แล้วจัดการให้เป็นห้องหนังสือเสีย""ข้าไม่ได้ใช้หรอกนะ""ข้าจะมาใช้เอง" ด้านในมีเสียงเซียวหลันยวนลอดออกมาฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เดินเข้าไปห้องนี้นางก่อนหน้าเคยเห็นแล้ว ไม่มีของอะไรอยู่เลย หลักๆ คือน
เฝิ่นซิงที่อยู่ข้างๆ ก็แอบปิดปากคิกคักขึ้นเสียแล้วพระชายายังจะถามอีกหรือ?ท่านอ๋องอยากมีเวลาอยู่กับพระชายาให้มากหน่อยชัดๆ หลังจากนี้ห้องหนังสือก็อยู่ด้วยกันแล้ว พระชายาเขียนตำรับยา ท่านอ๋องฝึกอักษร ดีจะตายไปนางคิดแล้วก็วาดภาพฝันแสนหวานเซียวหลันยวนกดนิ้วที่ข้างปากแล้วกระแอมขึ้นมา เปลี่ยนหัวข้อสนทนา "หิวแล้ว ออกไปหากินข้าวกันก่อน""ท่านหิวตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้เลยหรือ?" ฟู่จาวหนิงเอียงตามองเขา"พูดให้ถูกหน่อยก็คือหิวตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้""ท่านอ๋องเมื่อคืนกินไปไม่กี่คำ ไม่สิ หลายวันนี้ความอยากอาหารของท่านอ๋องไม่ดีเอาเสียเลย" เฝิ่นซิงเอ่ยขึ้นข้างๆหวังว่าพระชายาจะสงสารท่านอ๋องบ้าง"ไม่อยากอาหาร? เหมือนว่าเขาดีขึ้นแล้วนี่นา" ฟู่จาวหนิงเดินไปข้างๆ เซียวหลันยวน ยื่นมือไปจับข้อมือเขา "เดี่ยวหมอเทวดาอย่างข้าจะถือโอกาสจับชีพจรตรวจอาการให้ระหว่างไปกินข้าวนี้"เซียวหลันยวนพลิกมือกลับไปจับข้อมือนาง เปลี่ยนเป็นจูงนางแทน"ไม่รีบ กินเสร็จแล้วค่อยตรวจ"เขาจูงมือนางเดินไปโถงเล็กอย่างสงบฟู่จาวหนิงถูกเขาดึงมือเดิน ก็มองเขา จากนั้นก็มองมือของทั้งสองคน รู้สึกอะไรบางอย่างไม่ค่อยถูกต้
"หรือว่าไม่มี?" ฟู่จาวหนิงมองเขา ถามขึ้นอย่างตั้งใจ "เช่นนั้นท่านบอกข้าหน่อย ถ้าหากเจอตัวพวกเขาแล้ว ท่านเตรียมจะทำอย่างไร"เซียวหลันยวนนิ่งงันไปชั่วขณะ"มีอยู่สองความเป็นไปได้ หนึ่งคือตอนนั้นพวกเขาเองก็ถูกใส่ร้ายเช่นกัน เรื่องราวไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา อีกหนึ่งคือครั้งนั้นพวกเขาวางยาใส่ท่านจริงๆ"ฟู่จาวหนิงวิเคราะห์อย่างสงบ "แต่ว่าตอนนั้นท่านเองก็คงจะวิเคราะห์ไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง ว่าพวกเขาไม่มีแรงจูงใจในการทำร้ายท่านเลย""ถูกต้อง"เซียวหลันยวนเองก็ยอมรับแล้วพวกเขาไม่มีแรงจูงใจที่จะวางยาใส่เขา เพราะว่าตอนนั้นฟู่หลินซื่อมีลูกน้อย ฟู่จิ้นเชินเองก็เพิ่งจะเดินก้าวแรกในอนาคตที่รุ่งโรจน์ ตอนนั้นตระกูลฟู่ของพวกเขายังช่วยเหลือองค์จักรพรรดิ น่าจะไม่มีอะไรที่คุ้มค่าให้พวกเขาต้องทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ หรือว่าจะถูกบีบบังคับแต่ต่อให้มีคนมาบีบบังคับ พวกเขาก็ไม่น่าจะใช่ตัวเลือกดีที่สุดที่จะทำเรื่องนี้นี่นาทั้งสองคนไม่มีวรยุทธ์เลย ฟู่หลินซื่อเองก็เป็นแค่หญิงสาวอ่อนโยนคนหนึ่ง ทำเรื่องเช่นนี้จะมาหานางทำไมกัน?เซียวหลันยวนไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่จะเอาแต่สงสัยตัวพวกเขาพอคิดถึงจุดนี้ ฟู่จา