"ท่านเองก็กินไม่ลงหรือ?" ฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวเขา"ก็ไม่ขนาดนั้น แค่ไม่ค่อยอยากอาหาร"เซียวหลันยวนไม่ได้อธิบาย ว่าพอเขาคิดถึงฟู่จาวหนิงที่หมกตัววุ่นอยู่ในห้อง ขนาดข้าวปลาก็ยังไม่มีเวลาออกมากิน เขาก็รู้สึกว่าตนเองไม่อยากกินเหมือนกัน"ให้คนแบกนางออกไปฝังเถอะ" ฟู่จาวหนิงชี้ไปในห้อง นางจัดการเก็บกวาดทั้งหมดแล้ว แค่ยกคนออกไปก็พอ"ได้""ท่านเองก็ออกไปเถอะ ที่นี่กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแรง ข้าจะไปอาบน้ำสระผมหน่อย อีกเดี๋ยวจะไปกินข้าว"ฟู่จาวหนิงพูดพลางรีบวิ่งออกจากเรือนไปบนตัวนางเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเซียวหลันยวนถอยออกไป เพียงไม่นานก็ให้ทหารมาแบกคนออกไปหลังจากออกมา ทหารก็บอกกับเขา "ท่านอ๋อง ที่นี่เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว บนโต๊ะก็ไม่มีหยดเลือดอยู่ มีเพียงกลิ่นประหลาดๆ แต่ก็ไม่มีกลิ่นเน่าเหม็นหรือกลิ่นคาวเลือด"พวกเขาเดิมทีคิดว่าด้านในจะระเกะระกะ แต่หลังจากเข้ามากลับเห็นว่าสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย"ศพล่ะ?""เสื้อผ้าใส่เรียบร้อย ครบถ้วนดีด้วยขอรับ" ทหารพูดต่อไปไม่ไหว หรือต้องบอกว่าพวกเขาเดิมทีคิดว่าจะเป็นศพที่ไม่เรียบร้อยศพหนึ่ง ถูกเปิดผ่าหน้าท้องอะไรแบบนั้น? แล้วยังให้พวกเขาต้องฝืนม
รอจนเซียวหลันยวนลงมือเช็ดผมให้ฟู่จาวหนิง นางก็พบความพิเศษแล้วผ้าฝ้ายยิ่งเช็ดยิ่งอุ่น บางครั้งตอนที่ลูบผ่านคอนางก็สัมผัสได้ ร้อนวูบวาบ"ผ้าฝ้ายทำไมถึงได้ร้อนล่ะ?"ฟู่จาวหนิงหันหน้ามองเขาอย่างประหลาดเซียวหลันยวนยิ้มๆ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมานางเองไม่เข้าใจ แต่ก็ยังยื่นมือไปสัมผัสมือของเขาด้วยสัญชาตญาณ "มือท่านร้อนขนาดนี้เลยหรือ?""กำลังภายในน่ะ"เซียวหลันยวนกุมนิ้วของนาง จากนั้นจึงปล่อยแล้วไปเช็ดผมต่อ"กระตุ้นกำลังภายใน เลือดก็จะอุ่นขึ้น ตอนนี้อากาศเย็นมากแล้ว ต้องรีบเช็ดให้แห้ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นหวัดเอา"ผมของนางดีกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดแม่นางคนนี้เปลี่ยนไปมากเซียวหลันยวนแม้ในใจจะมีข้อสงสัยมากมาย แต่ก็ยังไม่ได้ถามออกมา"เสร็จแล้ว""ขอบคุณมาก! ไปไปไป รีบไปกินข้าว หิวเหลือเกิน" ฟู่จาวหนิงดึงผ้ามาเส้นหนึ่งแล้วมัดเส้นผม ยกชายกระโปรงออกวิ่ง"เจ้าช้าหน่อย เดี๋ยวก็หกล้ม""รีบๆ มา ไม่งั้นข้าจะกินของอร่อยให้เรียบเลย!"เซียวหลันยวนมองแผ่นหลังนาง จู่ๆ ก็เหม่อลอยตอนนี้มีฟู่จาวหนิงอยู่ข้างกาย เขาก็เหมือนรู้สึกว่าบ้านคึกคักขึ้นมา ชีวิตก็น่าสนใจขึ้นมา ในใจเองก็เต็มเต็มไม่เหมือ
อ๊าๆๆ! ท่านอ๋องตอนนี้พูดกับพระชายาเช่นนี้แล้วหรือ? นี่มันใช้สารภาพรักหรือเปล่านะ? พระชายาตอบรับเลย!ฟู่จาวหนิงหูร้อนผะผ่าวผ่านไปพักหนึ่ง นางจึงก้มหน้า คีบเนื้อหมักเห็ดหอมเข้ากัดคำใหญ่ ตอบกลับอย่างคลุมเครือ "วิชาแพทย์ข้าดีมาก!"ดังนั้นความหมายของคำพูดนี้ก็คือ นางจะช่วยรักษาเขาให้หายแน่นอน!เซียวหลันยวนยิ้มๆ และเริ่มกินข้าวด้วยเช่นกันองครักษ์ลับที่คุ้มกันวังหลวงคุ้มกันอยู่สามวันพวกเขาไม่เห็นฮู่เจียไท่เลยแต่ว่าเซียวหลันยวนยังยืนยันว่าฮู่เจียไท่จะต้องมาเข้าวังเพียงแต่ตอนนี้ให้การให้องครักษ์เงามังกรค้นหาในเมืองดูจะเคลื่อนไหวใหญ่ไปหน่อย ถ้าเขาสั่งองครักษ์เงามังกรถี่เกินไป จะยิ่งทำให้องค์จักรพรรดิหวาดกลัวเขาดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ให้ทหารแอบคอยสืบค้นในเมือง"ไม่รีบ เขาเองก็ซ่อนได้อีกไม่นานหรอก" ฟู่จาวหนิงไม่เคร่งเครียดผู้นำตระกูลฮู่เองก็ดูจะได้สติกลับมาแล้วพอเห็นว่าตนเองเก็บชีวิตกลับมาได้ ฮู่โม่เองก็อยู่ข้างกาย เขาเสียใจกับตระกูลฮู่ที่มีลูกชายโง่ๆ อย่างฮู่เจียไท่ที่คิดจะทำร้ายคนในครอบครัว พลางผ่อนลมหายใจโล่ง อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังถือว่าพอจัดการได้อยู่"เสี่ยวโม่ ปู่อายุมากแล้ว
อันชิงตอนนั้นเกือบจะถูกโหวอาวุโสน้อยทำลายพรหมจรรย์ไป อันเหนียนไปจวนอ๋องเจวี้ยนเพื่อขอความช่วยเหลือจากอ๋องเจวี้ยน พอมาตอนท้ายก็มีฟู่จาวหนิงช่วยนางไว้พอดีและหลังจากนั้น อันชิงก็รู้สึกมาตลอดว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนที่ดีที่สุดในโลกเพราะมีฟู่จาวหนิงอยู่ นางจึงยังมีชีวิตต่อมาได้ ไม่เช่นนั้นถ้ามาเจอกับคนอย่างโหวอาวุโสน้อยจี้แล้วมีหรือจะหนีรอด?ครั้งนั้นที่เขาเมฆอรุณนางเองก็เกือบต้องตายแล้ว ถึงอย่างไรหากแค่ได้รับความอัปยศ พอกลับมาเมืองหลวงก็ใช้ชีวิตต่อไม่ได้แล้ว ข่าวลือกับความอัปยศทั่วทั้งเมืองนี้คงทำให้นางตายแน่ต่อให้นางโชคดีรอดไปได้ แต่ก็คงไม่กล้าพบหน้าผู้คนอีกแล้ว แล้วอาจจะจมอยู่กับแต่น้ำตาในห้องทุกวันก็เป็นได้ ถ้าเป็นเช่นนี้คนทั้งคนก็อาจจะพังทลายลงเช่นกันฟู่จาวหนิงช่วยเหลือนางไว้จริงๆ"เจ้าเองก็รำพันมาหลายครั้งแล้ว ข้าไม่ใช่อธิบายกับเจ้าไปแล้วหรือ?" อันเหนียนเอ่ยขึ้นอันชิงดึงแขนเสื้อเขา "ข้าไม่ลืมสิ่งที่ท่านพูด" อันชิงกดเสียงลงต่ำ "แต่ว่าท่านพี่ อ๋องเจวี้ยนช่วงนี้มีเรื่องอยู่ แล้วไปเกี่ยวข้องอะไรกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนกันเล่า? พระชายาอ๋องเจวี้ยนอาจจะไม่สนใจเรื่องเหล่านั้นก็ได้"นางเค
พอเห็นฉากนี้ อันเหนียนก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขารีบเดินกลับไปในรถม้าตนเอง หลังจากขึ้นรถม้าก็พูดกับคนขับรถว่า "ตามรถม้าจวนโหวไป"ระหว่างทาง อันเหนียนตอนที่มองไปด้านนอกก็เห็นเข้ากับคนรู้่จักกำลังซื้อของว่างอยู่ข้างทาง จึงร้องเรียกขึ้นทันที"สหายซุน"อีกฝ่ายหันกลับมา"ผู้ตรวจการอัน?""ข้ามีเรื่องด่วนต้องให้เจ้าช่วย""ผู้ตรวจการอันมีเรื่องอะไรกำชับได้เลย!" คุณชายซุนดูตกตะลึงที่ได้รับการเอ็นดูอันเหนียนเป็นผู้ตรวจการที่อายุน้อยที่สุดในราชสำนัก ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลอันก็ยังเป็นตระกูลขุนนางมือสะอาดมาแต่ไหนแต่ไร อันชิงเองก็ภาคภูมิใจมาโดยตลอด ปกติไม่ค่อยได้ร่วมเสวนากับพวกเขาเท่าไรนัก ตอนนี้อันเหนียนกลับมีเรื่องให้เขาช่วยเหลือ?คุณชายซุนตื่นเต้นขึ้นมา"ท่านตอนนี้ไปที่จวนอ๋องเจวี้ยนให้รอบหนึ่ง" อันเหนียนรีบเขียนกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่ง พับเสร็จก็ส่งให้เขา "เอาสิ่งนี้ส่งให้อ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนถ้าหากไม่อยู่ ก็ส่งให้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน รีบไป รบกวนด้วย เรื่องนี้จะต้องทำให้ได้!"พูดจบเขาก็ควบรถม้าตรงต่อไปคุณชายซุนบีบกระดาษแผ่นนั้นแบบยังตั้งตัวไม่ค่อยติด"ไม่สิ ผู้ตรวจการอัน สหายอันเห
"ลูกพี่หนิง!"ลู่ทงพอเห็นนางก็รีบหยุดม้า กระโจนตัวลงมา ตรงไปเบื้องหน้านางอย่างดีอกดีใจ"เจ้าไปอย่างไรมาอย่างไรนี่?"ฟู่จาวหนิงหลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงวังครั้งที่แล้วก็ไม่เจอพวกลู่ทงอีกเลย ตอนนี้พอเห็นเขาก็รู้สึกเกินคาดหน่อยๆ"ข้ามาส่งจดหมายน่ะ!"ลู่ทงกลัวว่าอันเหนียนส่งเรื่องเร่งด่วนอะไรมา จึงไม่กล้าพูดมากนัก รีบยื่นกระดาษในมือส่งออกไปให้นางถึงอย่างไรก็บอกว่าไว้ว่าถ้าไม่เจออ๋องเจวี้ยนก็ให้มอบให้พระชายาอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้เขาเองก็เจอกับพระชายาก่อน เช่นนั้นที่ส่งให้นางเลยก็ถูกต้องอยู่"นี่เป็นสิ่งที่ผู้ตรวจการอันส่งมาให้ เขาเจอคนคุ้นเคยระห่างทางจึงให้เขาเอามาส่ง คนผู้นั้นสกุลซุน แต่ว่าเขาน่าจะกลัวอ๋องเจวี้ยนมาก ดังนั้นจึงไม่กล้ามา ข้าจึงรับงานนี้มาระหว่างทางพอดี ลูกพี่หนิง ข้ายังไม่ได้เปิดอ่านกระดาษแผ่นนี้นะ"ตอนที่ฟู่จาวหนิงมองกระดาษแผ่นนี้ ลู่ทงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างชัดเจน"นายท่านผังดูผิดปกติ ไปที่จวนโหวจวิ้นอัน เปลี่ยนรถม้าโหวจวิ้นอันแล้วออกไป ข้าตอนนี้กำลังติดตาม ทิศทางที่พวกเขาไป คือวังหลวง"ข้อความบนกระดาษเขียนไว้ลวกๆ มาก มองออกว่าน่าจะรีบเขียนออกมา"เข้ามา"ฟู่จาวหนิงหมุนต
"่ลูกพี่หนิง พวกเราตอนไหนไปเขาเมฆอรุณด้วยกันอีกดี? ก่อนที่หิมะจะมาข้ากับพวกเจิ้งหยางอยากจะไปกันอีกสักรอบ ไปล่าสัตว์ ถึงตอนนั้นช่วงสิ้นปีก็มีเนื้อสัตว์เอาไว้ส่งเป็นของขวัญ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราถ้าล่าได้มาก ผู้อาวุโสที่บ้านต้องดีใจแน่"ก่อนหน้านี้ลู่ทงกับพวกเจิ้งหยางหารือกันเรื่องนี้แล้ว ว่าก่อนหิมะจะมาจะไปอีกสักรอบหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นยังอยากจะดึงฟู่จาวหนิงไปด้วย เพราะพวกเขารู้สึกว่าขอแค่พาฟู่จาวหนิงไป สิ่งที่ได้รับจะต้องมากล้นแน่นอน"ขึ้นเขา?"ฟู่จาวหนิงเองก็หวั่นไหวเล็กๆ นางอยากไปหาสมุนไพรแต่ว่าพอคิดๆ นางก็ล้มเลิกแล้ว "ข้าน่าจะไม่มีเวลาว่างเลย"นางเกือบจะลืมว่าอีกไม่นานก็ต้องไปเขาอวี้เหิงกับเซียวหลันยวน เรื่องหายา ระหว่างทางไปเขาอวี้เหิง หรือบางทีบนเขาอวี้เหิงเองก็น่าจะมีอยู่"อ๋า? เช่นนั้นก็ได้" ลู่ทงดูผิดหวังหน่อยๆ "แต่ว่าครั้งหน้ามีเวลาถ้าจะมานัดลูกพี่หนิงไปด้วยกันก็คงได้ใช่ไหม?""แน่นอน ถ้ามีเวลาว่างจะไปแน่"ฟู่จาวหนิงพูดเช่นนี้ ลู่ทงก็ดีอีกดีใจขึ้นมา"จริงด้วย ลูกพี่หนิง ข้าเกือบลืมว่ามีอีกเรื่อง ข้าอยากให้ท่านไปดูท่านยายคนหนึ่งของข้าหน่อย""อื๋อ?""ก่อนหน้าที่ไทเฮาจะเ
สถานการณ์ของเฟิงจวิน ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกตกตะลึงไปบ้างตอนที่พวกเขารีบไปยังเรือนเฟิงจวิน ด้านในกำลังมีเสียงกรีดร้องดังติดกันออกมา จะบอกว่าเสียงกรีดร้องก็ไม่ค่อยคล้าย นั่นเป็นเสียงร้องคำรามที่ดูเสียแรงเปล่าและสิ้นหวังหลังจากผ่านไปหลายเสียง ก็มีเสียงครวญครางเหนื่อยล้าตามมา"ไอ๊...โยว.."ด้านในมีคนกำลังเตือน กำลังร้องไห้เสียงต่อ"อาซูเพิ่งจะวิ่งออกไปหาคนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา ไม่รู้ว่าจะเจ้าเด็กนั่นจะเชิญหมอหลวงมาได้ไหม"มีคนเอ่ยขึ้นอย่างกลั้นน้ำตาไม่อยู่ "คนในวังอาจจะกลัวว่าอาการป่วยของเฟิงจวินจะระบาดสู่คน ฮองเฮาเองคงกดดันไม่ให้หมอหลวงเข้ามา นี่ทำเกินไปแล้ว""เจ้าอย่าพูดส่งเดช ฮองเฮาเป็นคนที่เจ้าพาดพิงได้หรือ?""ฮูหยินใหญ่ นั่นมันเรื่องจริงนี่นา เช่นนั้นพวกเราหาคนส่งจดหมายให้ไทเฮาดีกว่า ไทเฮาถ้าลงมือก็น่าจะเชิญหมอหลวงมาได้""ข้าบอกแล้ว ว่าห้ามไปหาไทเฮา" เฟิงจวินยังไม่ทันพูดจบ ก็ครวญครางออกมาอย่างดไม่อยู่ ฟังเสียงของนางแล้วเจ็บปวดอย่างมาก"เฟิงจวิน ข้าเชิญหมอเทวดามาแล้ว!" โม่อิงซูพาคนเข้ามา"หมอเทวดา? หมอเทวดาหลี่หรือ? เฟิงจวินเคยบอกว่าว่าไม่ต้องเชิญเขา"หญิงสาวในห้องหลายคนเสี
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ