"ซี๊ด เจ็บ.."จนท่านเฟิงจวินร้องขึ้นอย่างทนไม่ไหวอีกครั้ง ออกแรงคว้าจับมือของฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณ พวกเขาจึงเพิ่งเหมือนตื่นจากฝัน"พระชายาอ๋องเจวี้ยน อาการป่วยของท่านเฟิงจวิน ท่านรักษาได้ไหม?"ฮูหยินใหญ่โม่มองฟู่จาวหนิงอย่างเต็มไปด้วยความหวังตระกูลโม่ของพวกเขา อันที่จริงก็ล้วนได้ยินเรื่องราวของพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาตลอดแต่ว่าเพราะสาเหตุต่างๆ พวกเขาเองก็เหมือนกับคนอื่นที่ไม่กล้ามองพระชายาอ๋องเจวี้ยนเป็นหมอคนหนึ่ง แล้วสามารถตรงไปเชิญมาได้ตอนนี้พอเห็นว่าฟู่จาวหนิงเข้ามา พวกเขาอันที่จริงดีใจกันมาก และคาดหวังอย่างมาก บางทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนอาจจะสามารถรักษาอาการป่วยของเฟิงจวินได้กระมัง?"เจ้าโรคคนแก่นี่ เฮ้อ!"เฟิงจวินหายใจไม่ทันนางอยากจะพูดกับฟู่จาวหนิงหลายคำหน่อย แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกว่าทั่วทั้งตัวเหมือนคนจมน้ำอย่างไรอย่างนั้น"ท่านเฟิงจวิน!"คนทั้งหมดล้วนร้อนรนจนตาแดงแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรฟู่จาวหนิงยื่นมือไปกดที่จุดชีพจรของนาง ออกแรงกดท่านเฟิงจวินก็เรอออกดมาทีหนึ่ง จากนั้นก็ถอนใจโล่ง หายใจหายคอทันแล้วพริบตานี้เอง นางรู้สึกได้ว่าตนเองเหมือนกำลังจะจมน้ำตายแต่
"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ปีนั้นที่อ๋องเจวี้ยนเกิดเรื่อง ไท่ซ่างหวงตอนนั้นรับสั่งห้ามพูดเอาไว้" ฮูหยินใหญ่โม่เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังพวกเขาเองก็รู้ว่าพ่อแม่ของฟู่จาวหนิงในตอนนั้นเป็นตัวบุคคลที่สำคัญที่สุด อ๋องเจวี้ยนทำไมจึงรับปากแต่งงานกับฟู่จาวหนิง พวกเขาเหล่านี้รู้จักคนในส่วนหนึ่งในเหตุการณ์นั้น อันที่จริงก็มีการคาดเดาที่ไม่ดีไว้แล้ว อย่างเช่นว่า อ๋องเจวี้ยนคิดจะเอาความแค้นของแม่มาลงที่ลูกสาว ที่แต่งงานกับฟู่จาวหนิงก็เพื่อจะทรมานนางหรือเปล่า?และเพราะเช่นนี้ แม้จะได้ยินว่าวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงดีมาก แแต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปเชิญมาส่งเดชคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเองฮูหยินใหญ่โม่สังเกตสีหน้าฟู่จาวหนิง ก็พบว่านางสงบนิ่งดีมาก"อืม ข้ารู้ แต่ว่าข้าเองก็ถือเป็นคนที่สำคัญคนหนึ่งกระมัง? ยิ่งไปกว่านั้นข้ากับอ๋องเจวี้ยนอยู่ในบ้านก็ไม่เคยหลบเลี่ยงเรื่องนี้ ดังนั้นพวกท่านพูดมาให้ละเอียดก็พอ ไม่เป็นไร"ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพวกเขากลัวจะละเมิดข้อห้าม"ใช่แล้ว ท่านเฟิงจวินตอนนั้นก็เข้าร่วมงานเลี้ยงนั่นด้วย""อืม ตอนนั้นนางไปเจอเรื่องแปลกๆ ในงานเลี้ยงมา บางทีอาจจะกินอะไรไม่ถูกมาก
ท่านเฟิงจวินพยักหน้า"ข้าขอคิดก่อน เหมือนมีอะไรลืมไปแล้ว"ฟู่จาวหนิงเลิกเส้นผมของนางออกตรวจสอบฮูหยินใหญ่โม่พวกนางตอนนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไร"จริงด้วย" ท่านเฟิงจวินยังพูดอีกว่า "ตอนนั้นข้ารู้สึกว่า แม่ของท่านบนตัวมีกลิ่นหอมอยู่ ไม่แน่ใจว่ากลิ่นอะไร กลิ่นไม่ค่อยดีนัก"ฟู่จาวหนิงมือชะงัก"ไม่ใช่กลิ่นธูปหรือ?""ไม่ใช่" ท่านเฟิงจวินส่ายหัว "รุ้สึกว่ากลิ่นไม่น่าดม ข้าตอนนั้นยังคิด บนตัวหญิงสาวตระกูลฟู่คนนี้มันกลิ่นอะไรนะ? เข้าวังมาทำไมถึงไม่พิถีพิถันหน่อย นี่ถ้ามาเจอพวกคนชั้นสูงมาได้กลิ่นเข้า คงได้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแน่ๆ"นางพูดถึงจุดนี้ก็รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงฟู่จาวหนิงมองสีหน้านาง "ขอบคุณท่านเฟิงจวินมากที่บอกเรื่องเหล่านี้กับข้า ตอนนี้ท่านนอนพักผ่อนเสียก่อน ข้าจะฝังเข็มให้ท่าน จากนั้นจะจ่ายยาบางส่วนให้ ส่วนจะใช้ยาอย่างไรข้าอธิบายกับพวกฮูหยินไว้ก็พอ ท่านปล่อยใจให้สบาย แม้ว่าข้าตอนนี้จะยังพูดกับท่านชัดเจนไม่ได้ว่าโรคนี้คืออะไร แต่ว่ารักษาได้""จริงหรือ?""พระชายาอ๋องเจวี้ยน รักษาได้จริงหรือ?""หา?"หญิงสาวตระกูลโม่แต่ละคนที่นี่ล้วนดีใจกันขึ้นมาเป็นล้นพ้นฟู่จาวหนิงเป็นคนแรกที่พู
ฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างเกินคาดหน่อยๆ "ไอ๊หยา คุณชายลู่นี่ไม่เลวเลย""ลูกพี่หนิงอย่าขำข้านะ ทำเอาเหมือนข้าเป็นคนโง่" ลู่ทงหัวเราะเหอะๆ "แต่ว่า ขอแค่ข้ายืนหยัดจุดนี้ พวกเขาตอนแรกเองก็เคยสงสัย แต่ว่าเชิญหมอหลายคนมาตรวจอาการ แต่ก็ไม่มีใครพูดว่าเฟิงจวินติดพิษ ดังนั้นคนของตระกูลโม่จึงไม่ได้สงสัยอีกแล้ว"ลู่ทงถอนหายใจอีกครั้ง"ข้าต่อมาก็เคยยกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่พวกเขาก็บอกว่าข้าเป็นคนที่ไม่ได้รู้เรื่องวิชาแพทย์เลย แล้วจะไปเก่งกาจกว่าพวกเขาได้อย่างไร? พวกหมอบอกว่านี่เป็นโรคประหลาด ยังมีคนมาพลิกตำราโบราณสมัยก่อนดูด้วย บอกว่าเคยมีบันทึกไว้ มีโรคที่ผู้ป่วยกลัวแสง ผิวหนังขาวผิดปกติ ไม่เหมือนมนุษย์"มีโรคคนเผือกบางประเภท ที่เป็นได้เช่นนี้จริงฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตัวอย่างที่หมอค้นออกมาน่าจะเป็นโรคคนเผือกแต่ของท่านเฟิงจวินนี้ไม่ใช่"หมอยังบอกว่า ในเมื่อเป็นโรคประหลาดที่ผิวเปลี่ยนเป็นสีขาว เช่นนั้นเฟิงจวินก็ควรจะน่าจะเป็นโรคคล้ายๆ กัน เพียงแต่ทำไมผิวจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเทียน ยังต้องหาสาเหตุจากอีกหลายๆ ด้าน ตระกูลโม่เชิญคนมาไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังเชิญคนมาตรวจในจวน ในเรือน อาหารการกิน เสื้อผ
ลู่ทงฟังอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง ก็รู้ว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของฟู่จาวหนิงในอดีตแน่ก่อนหน้าที่พวกเขาจะตรวจสอบเรื่องในอดีตชัดเจน เขาเองก็จะไม่พูดไปเรื่อยฟู่จาวหนิงปล่อยลู่ทงไว้ก่อน ตรงไปหาผู้อาวุโสจี้ใครจะรู้ว่าพอเพิ่งมาถึงประตูก็เห็นผู้อาวุโสจี้แบกถุงออกมา ทำท่าเหมือนจะออกไปข้างนอกอย่างไรอย่างนั้น"ท่านอาจารย์ ท่านจะไปไหนหรือ?""ศิษย์รัก เจ้ามาได้พอดีเลย" ผู้อาวุโสจี้เห็นนางแล้วดีใจมาก "พันธมิตรโอสถส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าได้รับวัตถุดิบยามากองหนึ่ง ล้ำค่าอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ขายวัตถุดิบยายังบอกว่าพบกับสถานที่ที่วัตถุดิบยาชั้นยอดงอกขึ้นมาอีกด้วย ข้าต้องรีบไปดูเสียหน่อย""ที่ไหนหรือ?""สถานที่ยังไม่รู้ ข้าต้องกลับไปที่พันธมิตรโอสถก่อนรอบหนึ่ง เจ้าจะไปกับอาจารย์ด้วยไหม? เจ้ามาเข้าร่วมพันธมิตรโอสถใต้หล้าตั้งนานแล้ว แต่อาจารย์ก็ยังไม่เคยพาเจ้ากลับไปพบเจ้าพันธมิตรกับเหล่าผู้อาวุโสเลย"ฟู่จาวหนิงชะงักไปนางเองก็หวั่นไหวขึ้นมานิดๆแต่คิดๆ แล้วก็ส่ายหัว "ท่านอาจารย์ ท่านก็รู้ ว่าตอนนี้ข้ามีเรื่องที่ยังออกไปไหนไม่ได้ชั่วคราว เซียวหลันยวนทางนั้นน่ะ"ผู้อาวุโสจี้ถอนหายใจ
"ได้ เช่นนั้นก็ให้คนของจวนอ๋องเจวี้ยนอยู่ เช่นนั้นข้าไปก่อน เดิมทีเมื่อครู่ก็อยากจะไปหาเจ้าอยู่ แต่ตอนนี้เจ้ากลับให้ข้าต้องวิ่งวนไปรอบหนึ่งเสียแล้ว ไว้ข้าไปพันธมิตรโอสถถามถึงสถานที่นั้นแล้วจะเขียนจดหมายมาบอกเจ้า เจ้าลองดูว่าถ้าตอนนั้นว่าง ค่อยคิดว่าจะไปก็ได้"ผู้อาวุโสจี้อยากจะพาฟู่จาวหนิงไปจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะได้สอนสิ่งที่เจอระหว่างทางให้กับนางไปเลยแต่ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้ไปไหนไม่ได้เขาก็พอจะเข้าใจอยู่"ท่านอาจารย์ เช่นนั้นก็เดินทางปลอดภัยนะ""อืม ไปแล้ว"ผู้อาวุโสจี้จึงอาจากเมืองหลวงไปกลับมาพูดถึงทางเซียวหลันยวน เขาพาคนตรงไปที่วังหลวงก่อนหน้านี้ รถม้าของโหวจวิ้นอันขับเข้าไปในประตูวังแล้ว อันเหนียนติดตามอยู่ด้านหลัง พอเห็นว่าอีกฝ่ายเข้าวังไปแล้วจริงๆ จึงรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องเพราะทั้งบ้านโหวจวิ้นอันอันที่จริงไม่ได้เข้าวังมานานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมีช่วงหนึ่งที่ฮูหยินโหวจวิ้นอันกับฮองเฮาไม่ลงรอยกัน ฮองเฮาแม้จะไม่ได้คิดลงมืออะไรกับโหวจวิ้นอัน แต่เขาก็ได้ยินข้อมูลส่วนในมา ฮองเฮาเคยให้คนมาบอกกับโหวจวิ้นอันว่าไม่อยากจเห็นฮูหยินโหวอีกแล้วโหวจวิ้นอันบอกกับฮูหยิน ถ้าไม่เข้
นอกประตูมีเสียงตะโกนของอันเหนียนลอดเข้ามา"ข้ากำลังหงุดหงิด ให้เขาสงบปากแล้วไสหัวไป""องค์จักรพรรดิ ข้ามีเรื่องประหลาดจะมาแจ้งกับฝ่าบาท!"เรื่องประหลาด?องค์จักรพรรดิถูกประโยคนี้ดึงดุดไว้ทันที ผู้ตรวจการอันเองก็เป็นปฏิปักษ์กับเขาบ่อยครั้ง และเป็นคนที่เอาจริงเอาจังด้วย แล้วจะมีเรื่องประหลาดอะไรที่ต้องมาบอกเขากัน?หรือว่าจะมีเรื่องอะไรจริงๆ?เขากระแอมออกมาเสียงหนึ่ง "เอาล่ะ ข้าจะลองฟังดู ให้เขาเข้ามา"อันเหนียนรีบเดินเข้ามา พอเห็นองค์จักรพรรดิ ก็เอ่ยอย่างตื่นเต้นกับเขาขึ้นทันที "องค์จักรพรรดิ! ได้ยินว่านายท่านผังได้รับของประหลาดชิ้นหนึ่งส่งไปให้กับท่างไทเฮา! ข้าขอหยิบยืมสายตาของฝ่าบาทไปเปิดโลกหน่อยได้ไหม?""เจ้าพูดเรื่องอะไรออกมากัน?"องค์จักรพรรดิงงงันไปเมื่อครู่บอกว่ามีเรื่องประหลาดอยู่ที่หน้าประตูหรือ? ตอนนี้ทำไมกลายเป็นว่านายท่านผังมีของประหลาดส่งไปให้ไทเฮากัน?"นี่เจ้าเข้ามาในวังเพื่อดูผังอ้ายชิงส่งของขวัญให้กับไทเฮาหรือ?""ถูกต้อง องค์จักรพรรดิ นายท่านผังน่ะ ท่านเองก็เข้าใจตัวเขาอยู่กระมัง? คนที่ขี้งกขี้เหนียวขนาดนั้น ปีที่แล้วงานฉลองวันเกิดของฝ่าบาท นายท่านผังส่งอะไรม
ไทเฮาพอตะคอก ก็ทำให้นายท่านผังที่อยู่ด้านนอกตกใจสะดุ้งโหยงเขามองไปยังชายหนุ่มข้างๆ"พวกเจ้าอยากจะพูดอะไรกับไทเฮากันแน่?""นายท่านผังไม่ต้องตึงเครียด นี่ไม่ใช่เรืองแย่สำหรับไทเฮาและองค์จักรพรรดิ" ชายหนุ่มที่ตามมาข้างๆ เงยหน้าพูดขึ้น และก็เป็นฮู่เจียไท่ที่พวกของเซียวหลันยวนตามหามาหลายวันแล้วนั่นเอง"ไม่ใช่แค่พูดกับไทเฮาเท่านั้น พวกท่านยังคิดจะพูดอะไรกังองค์จักรพรรดิอีก?""นายท่านผัง อีกเดี๋ยวท่านก็จะรู้""ข้าเคยพูดไว้แล้ว ว่าข้าไม่ใช่คนที่เลอะเลือนไม่รู้อะไรเลยแบบในอดีตอีกแล้ว ข้าไม่อยากจะทำเรื่องเหล่านั้นกับพวกท่านอีกแล้ว"นายท่านผังยังพูดไม่ทันจบ ฮู่เจียไท่ก็ยื่นมือมากดบนบ่าของเขา ใช้กำลังภายในกดลงไป จนทำเอาบ่าเขาทั้งเจ็บทั้งชา ขยับไม่ได้ชั่วขณะฮู่เจียไท่กดเสียงลงต่ำ "ท่านคิดว่าเรื่องบางเรื่องนึกจะถอนตัวก็ถอนตัวได้หรือ? นายท่านผัง ท่านไร้เดียงสาเกินไปแล้ว"ในห้อง ไทเฮากำลังโกรธเคืองโหวจวิ้นอัน "ข้าบอกไปแล้วเมื่อตอนนั้น ไม่ว่าสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ให้อายวนจะเป็นอะไร นั่นมันก็เป็นสิ่งของของเขา ใครก็ห้ามไปแตะต้องแย่งชิง นี่เป็นสิ่งที่ข้ารับปากไท่ซ่างหวงไว้ จะคอยดูแทนเขา""ใช
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ