"คุณหนู ถ้าอย่างนั้นกลับโรงเตี๊ยมกันก่อนเถอะ" พวกของไป๋หูไม่ค่อยวางใจลู่ทงเอ่ยว่า "ลูกพี่หนิงยังซื้อของไม่จุใจเช่นนั้นพวกเราจะไปเป็นเพื่อนนางเอง ที่นี่พวกเราเดนิมาจนปรุนแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ""ไม่เป็นไร พวกเจ้าเอาของกลับไปก่อนเถอะ หรือไม่ก็เจ้าให้พวกเขานำกลับไป เจ้าอยู่ที่นี่ก็ได้" ฟู่จาวหนิงพูดไป๋หู่นึกถึงฝีมือของนาง จากนั้นก็นึกถึงตอนที่ออกเดินทางทั้งไปและกลับ มีแต่ถนนหนทางบนภูเขา ไม่มีความคึกคักสัญจรแบบในเมืองให้นางได้เดินได้ชมเลย จะผ่อนคลายเสียหน่อยก็ยากลำบากจริงๆ นั่นล่ะเขาพยักหน้า นำสิ่งของส่งให้องครักษ์คนอื่น ให้พวกเขากลับโรงเตี๊ยมไปปก่อน ส่วนตนเองกับพวกลู่ทงเจิ้งหยางจะเดินเป็นเพื่อนกับฟู่จาวหนิงต่อ"ได้ยินว่าใกล้ๆ จวนนี้มีร้านขายขนมแปดสมบัติอยู่" ลู่ทงบอกกับฟู่จาวหนิง "เลื่องชื่ออย่างมาก ขนมแปดสมบัติที่ครัวหลวงทำก็ยังไม่อร่อยเท่าของพวกเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นผลไม้ที่พวกเขาใช้ก็ยังหอมหวานกว่า รสชาติสัมผัสก็ไม่เหมือนกัน มีคนไม่น้อยที่เดินทางไปซื้อโดยเฉพาะเลยด้วย""ขนมแปดสมบัติ? ปู่ของข้าน่าจะชอบนะ อยู่ที่ไหน ไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงสนใจขึ้นมาอันที่จริงนางก็ยังไม่อยากจะ
"อะไรนะ?"ลู่ทงกับเจิ้งหยางสบตากันพวกเขามีอะไรต้องให้คนอื่นมาซุ่มโจมตีกัน?"อย่าลืมว่าตอนอยู่บนเขาเมฆอรุณก็มีคนคิดจะเอาชีวิตพวกเจ้า"นั่นก็จริง!ลู่ทงกับเจิ้งหยางก็หน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว "เช่นนั้นลูกพี่หนิงไม่ต้องสนใจพวกข้า ออกไปก่อนได้เลย"ตอนนี้ข้างกายฟู่จาวหนิงมีคนเพียงคนเดียว อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่ามีคนมากเท่าไร อันตราย พวกเขาจะให้นางต้องมาติดร่างแหไม่ได้"แต่ว่าต่อมาคนเหล่านี้ที่มาด้านหลัง กลับเข้ามาหาข้าน่ะ ยังออกไปไม่ได้หรอก"ฟู่จาวหนิงมองไปทางคนที่มาขวางไม่ให้พวกเขาถอยออกไปเหล่านั้น คนเหล่านี้พอเข้ามา สายตาก็จับจ้องบนตัวนาง ไม่ได้มองพวกลู่ทงเลย ดังนั้นนางจึงพิจารณาว่าคนเหล่านี้เข้ามาหานางหรือก็คือ ตอนนี้ในซอยนี้ รวมพวกเขาแล้วมีอยู่ถึงสามฝ่ายถ้าหากนางสามารถให้พวกเขาตีกันขึ้นมาแต่ไม่นานนางก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป อีกฝ่ายเป้าหมายแตกต่างกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะตีกันขึ้นมา ก็ดูเป็นไปได้ว่าจะร่วมมือกันก่อน"สหายข้างหน้านั่นน่ะ เป้าหมายของพวกเราคือหญิงสาวคนนี้" คนที่ปากซอยเอ่ยเสียงขึ้นมาก่อนพวกเขาเหมือนจะมองสถานการณ์ตอนนี้ออกแล้วคนบนต้นไม้ไม่พูดอะไรพวกเขาชักกระบี่ออกมาพร้อมก
"ไป พุ่งออกไป" ฟู่จาวหนิงออกแรงเอ่ยเสียงต่ำนางมองออกในพริบตา คนที่จะเข้ามาสังหารลู่ทงกับเจิ้งหยางเหล่านั้น วิชาแย่มากถึงอย่างไรก็ยังแย่กว่าพวกตรงปากซอยที่เข้ามาหานางพอสมควร ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย ดังนั้นใช้ลูกกลอนพิษที่นางสกัดขึ้นจึงสามารถเปิดทางออกพุ่งออกไปได้"ไป!"ลู่ทงกับเจิ้งหยางให้ความสำคัญกับคำพูดของฟู่จาวหนิงแบบเดียวกับพระราชโองการเลยทีเดียวขอแค่นางพูดมา นางไม่ลังเลเลย ไม่คิดด้วยซ้ำว่าถูกหรือไม่ถูก ฟังคำสั่งไปก็พอไป๋หู่คอยขวางคนด้านหลังฟู่จาวหนิงโยนลูกกลอนพิษอีกกำหนึ่งไปบนต้นไม้ด้านหน้านางเองก็ลงมือฉับไว ยิ่งไปกว่านั้นลางสังหรณ์นางเองก็ยังเฉียบคมมาก ขว้างออกไปอย่างไม่มีผิดพลาด หลักๆ เข้าเป้าไปยังจุดที่พวกมือสังหารซ่อนตัวอยู่นางโต้กลับเช่นนี้ ทำให้มือสังหารต้องลงมือทันทีโดยไม่สนอะไรอีก เพราะยาลูกกลอนพิษเหล่านั้นทำให้พวกเขาไม่เข้าใจเลย ว่าพอระเบิดออกมาจะเป็นของเหลวพิษ ของเหลวพิษถูกระเบิดกระเซ็นไปรอบด้าน เดิมทีคิดว่าจะกระเซ็นแค่หยดสองหยดยังไม่น่าเป็นห่วง ถึงอย่างไรก็ยังมีเสื้อผ้าอยู่แต่ไม่รู้เลยว่าพลานุภาพของเหลวพิษพวกนี้ร้ายกาจกว่าที่พวกเขาจินตนาการ พอเปื้
จะสังหารพวกเขาหรือ?แล้วยังถือโอกาสสังหารทิ้งอีกด้วย?ทำเอาพวกเขาโมโหแล้วจริงๆ"ไสหัวไป"องครักษ์ลับคนหนึ่งตะคอกเสียงดัง เตรียมจะแหวกทางพวกเขาแล้วไล่ตามฟู่จาวหนิงแต่ตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงที่อยู่หน้าปากซอยก็หันกลับมา เอ่ยกับพวกเขาว่า "ตายแล้ว พี่ๆ มือสังหาร ใบหน้าของพวกเจ้าถูกเจ้าพวกขี้แพ้พวกนี้เห็นกันหมดแล้วนะ ถ้าไม่สังหารพวกเขา ถึงเวลาพวกเขาจะสารภาพคายพวกเจ้าออกมาหมดนะ"พูดจบนางก็หันหน้ากลับ วิ่งเผ่นผลิวต่อไปแล้วองครักษ์ลับโกรธแค้นกำเริบนัก กำเริบเสิบสานเสียจริง!นี่นางยังกล้าวิ่งหันกลับมาท้าทายพวกเขาระหว่างหนีด้วยหรือนี่!"หลีกไป!" พวกเขาตะคอกใส่มือสังหารเหล่านั้นองครักษ์ลับที่ฮองเฮาชุบเลี้ยงขึ้นมา จะมากน้อยก็ยังหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่นะเจ้านายของพวกเขาคือฮองเฮา แต่เจ้านายของพวกขี้แพ้เหล่านี้ ตัวตนคงไม่ได้สูงส่งไปกว่าฮองเฮาหรอกกระมัง? ดังนั้นยังไม่รีบไสหัวไปอีก?ผลคือมือสังหารเหล่านี้ส่งสายตาให้กัน แล้วชักกระบี่พุ่งเข้ามาสังหารพวกเขาถูกต้อง ตอนนี้พวกเขาถึงอย่างไรก็ไล่ตามลู่ทงกับเจิ้งหยางไม่ทันแล้ว หลังจากนี้ยังมีโอกาสอยู่ ตอนนี้ต้องจัดการปิดปากคนเหล่านี้เสียก่อน"แม่ง
ลู่ทงกับเจิ้งหยางวิ่งจนกระหืดกระหอบพวกเขาเองก็เห็นองครักษ์จวนอ๋องที่เข้ามารับแล้ว ขณะเดียวกันก็ผ่อนใจโล่งออกมา โค้งเอวเอามือยันหัวเข่าไว้ หอบหายใจหนักพอได้ยินประโยคนี้ของฟู่จาวหนิง ลู่ทงรู้สึกว่าหัวใจของตนเองแทบจะเต้นผางออกมาแล้ว"ลูก ลูกพี่หนิง ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ น้ำเสียงของท่านทำไมฟังแล้วเหมือนรู้สึกอย่างนั้นล่ะ?"พวกเขาไม่ใช่ว่ารอดจากอันตรายแล้วหรือ?ฟู่จาวหนิงเสียดายหน่อยๆ ที่ไม่มีใครตามมา"ก็เสียดายหน่อยๆ จริงๆ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยเสียงต่ำ "อันที่จริงข้ายังมีของอีกไม่น้อยที่จะออกมาทดสอบเสียหน่อย ไม่ได้ฝึกฝีมือเลย"ส่วนพลานุภาพของลูกกลอนพิษนั่น ฟู่จาวหนิงก็ดูพึงพอใจอยู่เพียงแต่ที่นางสกัดขึ้นระหว่างทางนี้ใช้หมดไปแล้ว รู้สึกปวดใจบ้างเหมือนกัน บัญชีนี้ถูกจดเอาไว้บนตัวเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนั้นแล้วลู่ทงกับเจิ้งหยางพอได้ยินคำพูดนางกลับตาเป็นประกายขึ้นมา"ลูกพี่หนิง อาวุธลับที่ท่านใช้เมื่อครู่คืออะไร? ร้ายการมากเลย ให้พวกเราดูหน่อยได้ไหม?""ใช่เลยลูกพี่หนิง""เพิ่งใช้หมดไปน่ะ ของเล่นที่สร้างมาระหว่างทาง แต่เวลาไม่พอเลยทำมาไม่เท่าไร" ฟู่จาวหนิงผายมือออก"หา?" ลู่ทงคว
ฟู่จาวหนิงเดินมาข้างโต๊ะ เทน้ำใส่แก้วแล้วดื่มพอเห็นเขายังไม่ปลดหมวกลง นางก็เลิกคิ้วเล็กน้อย "ใส่แล้วสบายหรือ?""อื๋อ?" เซียวหลันยวนหลังจากมีปฏิกิริยาก็แข็งทื่อไปเล็กน้อย แต่ก็ยังยื่นมือปลดหมวกลงมาเขาเดิมทีคิดว่าถ้าไม่ปลดลงมาล่ะก็ เขายังมองนางได้ ประจันหน้ากับนางตรงๆ ได้หลังจากปลดลงมาเขาก็เอียงหน้าออกเล็กน้อย"ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว คนที่มาครั้งนี้ไม่ได้ลงมือสังหารทันทีหรือ?""อืม ดูเหมือนคิดจะมาจับตัวข้า""เจ้าใช้อาวุธลับที่ทำขึ้นใหม่ด้วย?" เซียวหลันยวนถามดูท่าเขาเมื่อครู่จะได้ยินบทสนทนาระหว่างนางกับลู่ทงเข้าแล้ว"ลูกกลอนพิษน่ะ ด้านในมีส่วนประกอบบางอย่าง หลังจากที่โดนแรงกระแทกภายนอกจะเกิดปฏิกิริยาแล้วระเบิดเบาๆ แล้วด้านในก็ซ่อนของเหลวพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนบางส่วนไว้ หลังจากระเบิดกระเด็นไปโดนคนก็จะกัดกร่อนจนเกิดแผลอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดยังรุนแรงยิ่งกว่าถูกไฟลวกเสียอีก"ฟู่จาวหนิงอธิบายคำหนึ่งเซียวหลันยวนตาเป็นประกายเล็กน้อย เขาอดมองไปทางฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอนที่นางมองมาก็เอียงหน้าออกอีก"ลูกกลอนพิษนี้เสียเวลาทำมากไหม?""ขอแค่มีวัสดุพอก็ได้แล้ว แต่ว่า วิธีทำค่อนข้างพิถีพ
"คือสถานที่ขั้วอำนาจนอกวังที่พระสัสสุระดูแลแทนฮองเฮา องครักษ์ลับเหล่านี้น่าจะมาจากหมู่บ้านกุยเซี่ยว"หลังจากเซียวหลันยวนพูดออกมาฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึง "สถานที่สำคัญเช่นนั้น แต่พระสัสสุระกับฮองเฮาไม่อำพรางไว้ให้ดีหรือ?""แน่นอนว่าอำพรางไว้แล้ว"เซียวหลันยวนยิ้มๆ สายตากลับเย็นชาลงมา"แต่ข้าตรวจสอบพบนานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่ให้คนเข้าไปทำอะไรก็เท่านั้น"ด้านนอก ชิงอียื่นหัวเข้ามา "ท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้ท่านไม่ใช่เอาแต่พูดว่า ถ้าไปทำอะไรหมู่บ้านกุยเซี่ยว จะกลายเป็นเคลื่อนไหวมากเกินไป แล้วจะบีบให้ฮองเฮากับพระสัสสุระทำอะไรเกินเหตุไปไม่ใช่หรือ?"ฮองเฮากับพระสัสสุระน่าจะมีความมั่นใจมาก คิดว่าไม่มีใครล่วงรู้ถึงตัวตนของหมู่บ้านกุยเซี่ยว ขนาดองค์จักรพรรดิก็ยังงมโข่งไม่รู้เรื่องพวกเขาซ่อนไว้ได้ลับพรางมากเพื่อสิ่งนี้ พระสัสสุระถึงกับยอมแกล้งทำเป็นคนกลัวภรรยาคนหนึ่งต่อโลกภายนอกมานานหลายปี ทำภาพลักษณ์เป็นผู้ชายไร้ค่ากลัวเมีย และยังแก้นิสัยบ้ากามตัณหากลับเวลาอยู่ภายนอกไม่ได้ ชอบพาพวกคนสวยหน้าตาดีดีกลับมาที่หมู่บ้านกุยเซี่ยวถ้าหากถูกคนตรวจพบ มันก็เป็นแค่สีพรางตัวของหมู่บ้านเซี่ยวกุย...เป็นแค
หลังจากนี้นาง่จะไม่คิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว!ลู่ทงพวกเขาเองก็ย้ายเข้ามาเรียบร้อยเดิมทีคิดจะให้ขึ้นมากินข้าวด้วยกันกับฟู่จาวหนิง แต่ระหว่างทางก็ถูกองครักษ์จวนอ๋องขวางไว้"ท่านอ๋องให้พวกเจ้าไปกินข้าวกับเขา"ลู่ทงกับเจิ้งหยางสบตากันกินข้าวกับอ๋องเจวี้ยน? พวกเขาจะกินกันลงไหม?แต่พวกเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ ก็เลยตามไปในห้องเซียวหลันยวน คิดๆ แล้วก็รู้สึกแปลกหน่อยๆ"อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่ว่าต้องไปกินข้าวเย็นกับลูกพี่หนิงของพวกเราหรือ" ลู่ทงถามออกมาตรงๆเขาเองก็รู้สึกแปลกหน่อยๆทำไมสามีภรรยาถึงแยกห้องกันกินล่ะ?ยิ่งไปกว่นั้นยังนั่งอยู่ในห้องด้วย แล้วทำไมอ๋องเจวี้ยนยังสวมหมวกดำอยู่ด้วยล่ะ? พวกเขามองไม่เห็นหน้าของเขาเลยแต่ก็รู้สึกเหมือสายตาของอ๋องเจวี้ยนกลายเป็นวัตถุจริงๆ จับจ้องมาบนตัวพวกเขา ทำให้พวกเขานั่งกันไม่เป็นสุขบนโต๊ะมีกับข้าววางไว้แล้ว ดูแล้วครบรสกลิ่นสีเลยทีเดียว"พวกเจ้า ลูกพี่หนิงหรือ?"เซียวหลันยวนทวนคำเรียกนี้ขึ้นมาอีกครั้งลูกพี่หนิงก็คือลูกพี่หนิง แล้วยังมี "ของพวกเจ้า" ด้วย?ฟู่จาวหนิงเป็นของพวกเจ้าหรือ?ลู่ทงกับเจิ้งหยางรู้สึกเหมือนมีมีดมาจอคอในพริบตา ความรู้สึกนั้นเ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ