ไทเฮาสีหน้าดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก"องค์จักรพรรดิ ท่าเมื่อครู่บอกว่าคิดจะจัดให้องค์หญิงหนานฉือไปหลบร้อนที่เขาเมฆอรุณและไปดูทิวทัศน์ที่นั่น แล้วจะให้อ๋องเจวี้ยนไปอยู่เป็นเพื่อนหรือ?"องค์จักรพรรดิมาพูดเรื่องนี้กับฮองเฮา และคิดจะให้ไทเฮาไปด้วยกัน เพราะต้องพาไทเฮาออกไปด้วยเท่านั้น อ๋องเจวี้ยนจึงจะปฏิเสธไม่ได้ถึงตอนนั้นให้อ๋องเจวี้ยนไปกับไทเฮา องค์หญิงหนานฉือก็แค่ติดตามไปด้วย อ๋องเจวี้ยนจะพูดอะไรได้อีก?เขาถ้าปฏิเสธไทเฮา เช่นนั้นก็ถือว่าเนรคุณ"เสด็จแม่ ท่านไม่ใช่บอกว่าช่วงนี้ในวังร้อนหรอกหรือ? ตอนนี้ที่เขาเมฆอรุณอากาศดีมาก ไม่ร้อนไม่หนาว ยิ่งไปกว่านั้นทั้งภูเขายังเต็มไปด้วยดอกไม้บานอีก ไปอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน อารมณ์ก็น่าจะดีขึ้น ส่วนเรื่องอายวน ข้าเองก็ไม่ใช่ว่าคิดเพื่อเขาหรอกหรือ?""คิดเพื่อเขา?" ไทเฮาเหล่ตามองเขาองค์จักรพรรดิคิดเพื่ออ๋องเจวี้ยน?"ใช่แล้ว เสด็จแม่ท่านลืมแล้วหรือ? อายวนแต่ก่อนตอนหน้าร้อนก็อยู่ที่ยอดเขาโยวชิง เมื่อไรกันที่เขาเคยอยู่ที่เมืองหลวง?""เจ้าพูดมาเองก็ถูกต้อง"ไทเฮาตกตะลึงไปครุ่จึงคิดขึ้นมาได้หลายปีมานี้อ๋องเจวี้ยนล้วนพักฟื้นอยู่ที่ยอดเขาโยวชิ
ค่ำของวันถัดมา องค์หญิงหนานฉือก็เดินทางเข้ามาในเมืองหลวงสองข้างถนนแน่นขนัดไปด้วยประชาชน พวกเขาล้วนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นกับองค์หญิงหนานฉือ อยากจะเห็นว่าองค์หญิงหนานฉือหน้าตาเป็นอย่างไรองค์หญิงหนานฉือการเคลื่อนไหวครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก"ไม่ใช่บอกว่าแคว้นหนานฉือกู่จนมากหรอกหรือ?"มีประชาชนไม่ค่อยเข้าใจ มองขบวนยิ่งใหญ่อลังการตรงหน้า ถลึงตาอ้าปากครั้งรถม้าที่บรรทุกลังใช้เชือกมัดไว้จนเต็มขบวนยาว องครักษ์ที่สง่างามบนม้าตัวสูง อัญมณีล้ำค่าไข่มุกล้ำค่าขนาดใหญ่ที่มีธงปักสะบัดไปมา แล้วยังมีรถม้าสี่เหลี่ยมที่สีสันสวยสดด้านหน้าขบวนคันนั้นอีกรถม้าคันนั้นมีเจ้าค้ำหลังคาโค้ง แขวนม่านผ้าไหมที่มันขลับเหมือนเปลือกหอย ตอนนี้ทั้งหมดถูกม้วนขึ้นมา ดุมที่กลัดม่านไว้เป็นไข่มุกขนาดใหญ่ และยังแขวนไว้ด้วยเปลือกหอยเล็กๆ หลากสีสันหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถม้า รวมผมสูงที่แตกต่างกับแคว้นเจาของพวกเขา เผยหน้าผากสว่างใส บนหน้าผากมีเครื่องประดับปะการังและไข่มุกที่สวยงาม สวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน ด้านบนยังประดับไว้ด้วยไข่มุกในอ้อมกอดนางยังมีแมวสีขาวหิมะอีกตัวหนึ่ง แมวตัวนั้นดูขี้เกียจ ตอนที่มองมาก็จะเห็นดวงตาสีน้ำ
ชั่วขณะหนึ่ง ประชาชนสองฟากฝั่งถนนล้วนเข้าไปเก็บก้อนกลมเล็กันอย่างตื่นเต้น มีคนที่รอไม่ไหว และค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น พอหยิบมาได้ชิ้นหนึ่งก็สำรวจดูก่อน และพวว่าเจ้าก้อนกลมเล็กๆ พวกนี้เปิดออกได้มีคนล้วงสิ่งของจากด้านในออกมา และเห็นว่าเป็นไข่มุกที่ดูล้ำค่ามาก จึงตะลึงนิงงันไป"ไข่มุก ด้านในคือไข่มุก!"ในก้อนกลมเล็กมีห่อไข่มุกเอาไว้!แม้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นระดับสุดยอด แต่ระดับแสงมมันวาวก็ดีมาก เมืองหลวงแคว้นเจาห่างจากทะเลไกลแสนไกล ไข่มุกสำหรับพวกเขาทางนี้คือขายกันแพงมากๆ แล้วไข่มุกที่ใหญ่ขนาดนี้เม็ดหนึ่ง คุณภาพเช่นนี้ อย่างน้อยก็มีมูลค่ามหาศาลถ้าหากสลักไว้บนปิ่นเงิน ปิ่นเงินเล่มนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นล้ำค่าขึ้นมาทันที"ให้ตายเถอะ!""รีบเก็บ!"ชั่วขณะหนึ่ง เหล่าประชาชนบนถนนลุกฮือกันขึ้นมาคนทั้งหมดกำลังรีบร้อนแย่งก้อนกลมเล็ก สาละวนเก็บกันอยู่อันเหนียนที่อยู่หน้าขบวนได้ยินเสียงเฮโลด้านหลัง ก็ร้องเรียกองครักษ์ขึ้นทันที "ไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น"เขาอยากจะรีบรับองค์หญิงหนานฉือทั้งขบวนเข้าไปในวัง เช่นนั้นก็เสร็จสิ้นแล้วแต่ขบวนนี้ก็เดินกันได้ช้ามาก เดินมาครึ่งค่อนวันก็ยังอยู่ที่น
อันเหนียนมององค์หญิงหนานฉือบนรถม้าคันงามคันนั้น นางกอดแมวตัวนั้น ลูบเบาๆ ที่ตัวแมว มองประชาชนที่ตื่นเต้นสับสนรอบๆ ในดวงตามีรอยยิ้มราวกับเป็นเซียนที่กำลังมองมดปลวกอยู่บนชั้นเมฆสวยงาม แต่ก็ดูห่างเหินพอมองไปยังนางรำเหล่านั้น ก็เห็นว่าพวกนางเหมือนจะกำลูกกลมเจ็ดสีดยนลงมาไม่หยุด แต่อันที่จริงมือของพวกนางจะใหญ่ได้แค่ไหน? กำหนึ่งอันที่จริงก็ได้แค่สี่ห้าก้อนก่อนหน้าที่จะโยนสิ่งของเหล่านั้นบนมือออกมา พวกนางยังร่ายรำก่นออีกด้วย มือก็ไม่ได้หยุด แต่อันที่จริงสิ่งของที่โยนออกไปก็ไม่ได้เยอะมากดูแล้วเหมือนเป็นการสร้างภาพลวงๆ ว่าโยนของออกไปมากมายอย่างไรอย่างนั้นหรือก็คือ อันที่จริงพวกนางส่งไข่มุกออกไปไม่มาก ก็ทำให้เหล่าประชาชนเต็มถนนเข้ามาแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง เข้ามาโค้งเอวก้มหัวมุดใต้รถม้าเบื้องหน้าองค์หญิงหนานฉือนี่คือนิสัยของประชาชนเมืองหลวงแคว้นเจาสินะเหมือนเข้ามาเล่นละครลิงให้องค์หญิงหนานฉือดูตั้งแต่ที่มาถึงองค์หญิงหนานฉือเว้นระยะไว้ระยะหนึ่ง มองอันเหนียนที่กำลังเดินเข้ามาอันเหนียนเห็นนางยักคิ้วขึ้นเบาๆ อย่างชัดเจนนั่นเป็นสีหน้าท้าทายสินะถ้าหากเขาเข้าไปตะคอกใส่เหล่านางรำ
ขบวนเดินหน้าต่อ ครั้งนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้วข่าวนี้ส่งไปถึงจวนอ๋องเจวี้ยนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงที่กำลังใช้น้ำยาทำความสะอดาแผลเป็นพิษบนหน้าเซียวหลันยวน ก็ได้ยินองครักษ์เข้ามารายงานพอดีหลังจากฟังจบฟู่จาวหนิงก็ถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่ "ผู้ตรวจการอันก็ใช้ได้นะเนี่ย แล้วสมองยังตื่นตัวอีกด้วย"เซียวหลันยวนมองนาง ใบหน้าเจ็บปวดหน่อยๆเขาอยากจะตอบอะไรกลับบ้าง แต่ความเจ็บปวดบนใบหน้าเตือนเขาว่า เขาตอนนี้มันอัปลักษณ์สุดๆฟู่จาวหนิงมองน้ำหนองกับความเน่าเฟะบนหน้าครึ่งซีกของเขาด้วยระยะใกล้แค่นี้ เนื้อเน่าสีม่วงดำ รอยย่นที่ตัดสลับกัน แล้วยังกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อีก แล้วจะทำให้นางรู้สึกได้อย่างไร ว่าเขาเก่งกาจกว่าอันเหนียน?จะทำให้นางไม่ชมผู้ชายคนอื่นได้อย่างไรกัน?ในสมองเซียวหลันยวนมีภาพใบหน้าของอันเหนียนลอยขึ้นมาอดพูดไม่ได้จริงๆ ว่าอันเหนียนเองก็หน้าตาดีอยู่ โดยเแพาะใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้ตำหนินั่นเซียวหลันยวนซึมเศร้าหน่อยๆ"เช่นนั้นตอนนี้พวกเขาก็เข้ามาในวังแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามองครักษ์ลับพยักหน้า "ขอรับ""เจ้าเห็นองค์หญิงหนานฉือหรือยัง?" ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกอยากรู้อยากเห็น อยากรู้
อันชิงคิดไม่ถึงเลยว่าจะปิดบังพี่ชายไว้ไม่ได้ ทำได้แค่พยักหน้า"พี่หญิงจาวหนิงก็ให้ข้าไม่ต้องรีบร้อน นางจะส่งคนไปช่วยข้าตรวจสอบ"อันเหนียนพบว่า น่าจะเพราะฟู่จาวหนิงพูดอะไรไว้ ดังนั้นอันชิงตอนนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย จิตใจยังดูผ่อนคลายเขาควรจะขอบคุณฟู่จาวหนิงแล้วก็ตามคาด น้องสาวได้มาพบกับฟู่จาวหนิงนี่ถือเป็นพรสูงสุดของนางจริงๆ"ท่านพี่ องค์หญิงหนานฉือไปพบจักรพรรดิแล้วหรือ?" อันชิงเองก็เข้ามาหาข่าวเพราะเรื่องนี้เช่นกัน "องค์หญิงหนานฉือสวยมากไหม? องค์จักรพรรดิคิดจะให้ได้ดองกับอ๋องเจวี้ยนจริงหรือ?"อันเหนียนหัวเราะขึ้นอย่างอดไม่อยู่"เจ้าถามมารวดเดียวตั้งหลายคำถาม แล้วข้าต้องตอบข้อไหน?""บอกมาก่อนว่าองค์หญิงหนานฉือสวยกว่าพี่หญิงจาวหนิงไหม?"อันเหนียนหัวสมองมีภาพของฟู่จาวหนิงขึ้นมา"ท่านพี่?"อันชิงเห็นเขานิ่งไปพักหนึ่ง จึงผลักเขาเบาๆอันเหนียนได้สติกลับมา "องค์หญิงหนานฉือก็สวยอยู่ แต่ว่า เจ้าคิดว่านางจะดูดีกว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนไหม?""ไม่มีทาง ในใจข้า พี่หญิงจาวหนิงคือคนที่งามที่สุดในใต้หล้าแล้ว" อันชิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ลังเลอันเหนียนหัวเราะ ไม่พูดอะไรอีกอันชิงเหมือนเข
ไทเฮาส่ายหัว "หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น รู้สึกแต่ในใจมันกลัดกลุ้มไปหมด"สงบใจลงไม่ได้เลยคืนนี้ ฟู่จาวหนิงกลับหลับอย่างสบายเรื่องที่นางต้องเตรียมตัวก็เตรียมไว้หมดแล้ว เรื่องที่ต้องจัดการก็จัดการหมดแล้ว แค่รอให้เรื่องวางเรียบร้อย สุขภาพของเซียวหลันยวนมั่นคงขึ้นมาหน่อย นางก็จะเดินทางไปต้าชื่อแล้ว ตอนนี้ที่หวังไว้ก็คือขอให้ราบรื่น อย่าให้เกิดอะไรผิดพลาดก็พอแน่นอน ร่างกายของนางตอนนี้ก็ยังต้องปรับตัวให้ดี ถึงอย่างไรถัดจากนี้ก็ยังต้องเร่งเดินทางคงจะเหนื่อยเอามากๆระหว่างทางถ้าป่วยไป ต่อให้นางเป็นหมอเองแต่ก็คงจะรู้สึกแย่มากดังนั้นสิ่งที่นางควรกินก็กินควรดื่มก็ดื่ม ควรนอนก็นอนให้ดี พักผ่อนให้ดี สะสมกำลังวังชาท่านผู้เฒ่าฟู่พอเห็นนางเป็นเช่นนี้กลับไม่กังวลเลย แต่กลับเป็นกังวลฟู่จาวเฟยแทนฟู่จาวเฟยหลังจากปิดประตูนั่งเสียใจอยู่วันหนึ่ง ฟู่จาวหนิงก็ไปเคาะประตูห้องเขา"ท่านพี่"ฟู่จาวเฟยเปิดประตูให้นาง น้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาเองก็แดงเถือกเขาเห็นฟู่จาวหนิงยืนอยู่ที่ประตู ก็รู้สึกขึ้นมาได้ว่าตนเองเสียใจไปแล้ววันหนึ่ง เช่นนี้พี่สาวกับท่านปู่คงจะกังวลเขากระมัง?ฟู่จาวเฟยรู้สึกไม่ค่อยสงบ เงยหน
เซียวหลันยวนเองก็เข้ามาแล้ว"สวมชุดที่เป็นแสงไหลนั่นเถอะ" เขาพอเข้ามาก็เห็นสองสาวใช้กำลังเลือกชุดออกมาให้ฟู่จาวหนิงดู จึงเอ่ยปากขึ้นฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกประหลาดใจ "ไม่ต้องสวมพวกชุดพิธีของพระชายาอะไรพวกนั้นแล้วหรือ?"ถึงอย่างไรก็เข้าไปร่วมงานเลี้ยงในวัง ครั้งที่แล้วเข้าวังนางสวมเข้าไปก็กำเริบเสิบสานพอควร ไม่ได้ทำตามขนมธรรมเนียมเท่าไร แต่ตอนนี้มีองค์หญิงหนานฉืออยู่ด้วย ก็รู้สึกว่าควรจะสวมให้เป็นทางการหน่อยดีกว่าไหม?นางมองเซียวหลันยวน ชายคนนี้อยู่ในชุดคลุมผ้าฝ้ายสีม่วงปักทอง เข็มขัดทองหม่น บนชุดคลุมผ้าฝ้ายปักมังกรหกกรงเล็บไว้ น่าจะเป็นชุดทางการของท่านอ๋องในแคว้นเจาแล้วนางไม่ต้องสวมหรือ?พอได้ยินนางถามเช่นนี้ หงจั๋วกับเฝิ่นซิงก็ล้วนมองไปทางเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงได้สติกลับมาทันทีดังนั้นนี่หมายความว่าอะไร "ท่านคิดว่าข้าไม่ควรสวมหรือ?"อันที่จริงก็มีชุดราชสำนักของนางอยู่ แต่เซียวหลันยวนไม่ให้สาวใช้นำมาให้นางใส่?"ข้า""ข้าไม่คู่ควรกระมัง?" ฟู่จาวหนิงสองมือกอดอก เอนตัวไปข้างโตีะ เชิดคางเล็กๆ ใส่เขาหงจั๋วกับเฝิ่นซิงรู้สึกว่าท่าทางขอนี้ของนางเหมือนกำลังจะทะเลาะกันยกใหญ่แล้วสาว
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ