สายตานางวันนี้ทำให้เขายอมถอยออกมา นางยังยืนอยู่ที่เดิม
“คืนนี้เจ้าพักผ่อนเถอะ ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะส่งข่าวมา”
“หม่อมฉันไม่ไป”
“เจ้าไปแน่”
เขาออกไปทางหน้าต่างพร้อมกับปิดให้นางเรียบร้อย ลี่อินรีบไปบ้วนปากที่มีกลิ่นคาวเลือดของเขาทิ้งพร้อมน้ำตาที่รินไหลไม่หยุด ไม่รู้ว่านางรู้สึกอะไรกันแน่ โกรธที่เขาไม่ช่วยนางที่ถูกรังแก น้อยใจที่เขาไม่สนใจ หรือเกลียดที่เขาใช้นางเป็นเพียงเครื่องมือช่วยงาน หรือหวั่นไหวให้กับเขาเสียแล้ว
“หงลี่อิน เจ้าอย่าโง่ เขาเลวขนาดนั้น เจ้าจะรักเขาไม่ได้”
นางค่อยๆถอดชุดนั้นออก ชุดนี้เปื้อนเลือดของเขาเสียแล้ว นางไม่อยากเห็น เมื่อนางเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจึงล้มตัวลงนอน เรื่องในคืนนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายจนนางตามไม่ทัน เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวโมโห น้อยใจ เสียใจ และ
“มาจูบข้าทำไมกัน คนเลว คนชั่ว ท่านมันเลวเวยห่าวหรานคนเลว เลวๆๆๆๆ ฮืออๆๆ คนเลวว”
ด้านนอกนั้น มือที่ยังชุ่มไปด้วยเลือดยังคงยืนฟังเสียงร้องไห้ จนเสียงนั้นค่อยๆเงียบลงไป เขาค่อยๆยกมือที่ไม่เจ็บขึ้นมาลูบที่ริมฝีปากอย่างเบามือ เขาหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้เช่นกันว่าเหตุใดจึงไม่ฆ่านาง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะได้ยินความลับของเขา
แต่เมื่อสบตานาง เขากลับทำไม่ลง และยังเผลอจูบนางไปอีกด้วย เขาแนบหูฟัง เสียงจากด้านในเงียบไปแล้วมีเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ นั่นแสดงว่านางคงหลับแล้ว เวยห่าวหรานจึงได้ออกจากที่นั่นไปเพื่อกลับจวน
“ท่านอ๋อง บาดเจ็บได้เช่นไรกันพ่ะย่ะค่ะ ตอนออกไปยังดีๆอยู่เลย นี่มัน รอยฟัน”
“แมวกัดน่ะ”
“แมว!! รอยเขี้ยวแมวเป็นแบบนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดกัดจนแผลขนาดนี้”
“แมวพยศน่ะ คิดว่าขู่ได้อย่างเดียว ที่ไหนได้กัดเจ็บด้วย เจ้ารีบทำแผล อย่าถามมาก พรุ่งนี้เตรียมการหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่ ท่านอ๋อง คุณหนูหงจะมาแน่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“นางมาแน่นอน”
“ดูท่านมั่นใจนางมากนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องจะไม่….”
“ข้าแค่ใช้งานนางเท่านั้น อย่างอื่นไม่ได้คิดอะไร”
“ เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไปพักเถอะ ข้าจะนอนแล้ว”
หวังเจาออกไปพร้อมกล่องยา ห่าวหรานนั่งนึกทบทวนเรื่องในคืนนี้ตั้งแต่ไปรอนางที่ประตูหลังเพราะกลัวเหลือเกินว่านางจะไม่มี วินาทีที่นางเดินออกประตูมาทำให้เขาดีใจมาก แต่ก็กลัวจะแสดงออกมากไป เขาจึงรีบอุ้มนางขึ้นรถม้า
ชุดนางรำชุดนั้นเขาคัดเลือกแล้วเลือกอีกไม่ให้นางแต่งโป๊มากเกินไป แต่สัดส่วนเรือนร่างและผิวพรรณของนางก็ปกปิดความงดงามเอาไว้ไม่ได้จนเฉียนเซินเห็นยังต้องตะลึง อย่าคิดว่าแค่เฉียนเซินเลย เขาเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
เขาแทบอยากจะฉีกเนื้อของเฉียนเซินทิ้งเสียแล้วเมื่อมันกล้าแตะต้องนาง แต่เขากลับทำไม่ได้เมื่อภารกิจยังไม่สำเร็จ เขาเห็นน้ำตานางจึงทนอยู่ที่หอนางโลมนั้นไม่ได้จนต้องตามนางกลับไป ไม่คิดว่านางจะตัดขาดเขาเร็วเช่นนี้ แต่เขามีหรือจะยอมง่ายๆ
เขารู้ว่านางเจ็บปวดเพียงใด นางเป็นบุตรีของขุนนางชั้นสูงแต่กลับต้องถูกรังแกด้วยเดรัจฉานเฉียนเซินนั่น เขายอมให้นางกัดเขาเพื่อเป็นการรับโทษที่พานางไปที่นั่น แต่สิ่งเดียวที่จะไม่ยอมคือเขาไม่มีทางยอมปล่อยนางไปแน่นอน
วันรุ่งขึ้น
ลี่อินตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเมื่อยล้า คงเพราะเมื่อคืนนางวิ่งมากเกินไปสินะ เมื่อนางบิดขี้เกียจ นางก็พบจดหมายฉบับใหม่ที่ปักเอาไว้ที่เสาเดิม นางรีบหยิบออกมา เกรงว่าแม่นมและอาชิงจะเข้ามาพบก่อน
“วันนี้ที่ร้านเซิ่งหวา ห้องสัตบงกช ( ก่อกวน )”
“ฝันไปเถอะ ข้าไม่ไปหรอก”
“คุณหนูเจ้าคะ คุณชายโอหยางมารอที่ห้องโถงเจ้าค่ะ”
“เขามาทำไมหรือ”
“เห็นว่ามาชวนท่านออกไปเดินเล่นเจ้าค่ะ”
“อ้อ ไปสิ”
“คุณชายโอหยาง”
“ลี่อิน เจ้ามาแล้ว ข้าจะชวนเจ้าออกไปเดินเล่นข้างนอกน่ะ”
“ไปเจ้าค่ะ”
“พี่ใหญ่ ท่านจะออกไปข้างนอกอีกแล้วหรือเจ้าคะ”
“ซินมี่ เจ้ามีธุระอะไรกับข้างั้นหรือ”
“ข้าเพียงแค่อยากออกไปเปิดหูเปิดตาด้วยเท่านั้น คุณชายจะรังเกียจหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่หรอกคุณหนูหง เชิญมาด้วยกันเถิด หลายๆคนน่าสนุกดี วันนี้ข้าจะพาพวกเจ้าแวะไปเยี่ยมที่ร้านเพื่อนข้าด้วย”
“ขอบคุณคุณชายโอหยางเจ้าค่ะ”
“ไปกันเถอะ ช้าไปกว่านี้จะร้อนนะซินมี่ เจ้าทนร้อนได้หรือไม่เล่า”
“พี่ใหญ่ขอบคุณที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้ามีร่ม ไม่ร้อนแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ดี เตรียมตัวเยี่ยม ไปได้แล้ว”
ร้านเซิ่งหวา
“คุณชายโอหยาง ร้านสหายของท่านที่ว่า คือที่นี่งั้นหรือ”
“ใช่แล้วลี่อิน เจ้ารู้จักงั้นหรือ ดีจริง”
“ฮื่อๆ ใช่ รู้จักนิดหน่อยแต่ยังไม่เคยลองชิมเลยเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเราลองเข้าไปกันเถิดเจ้าค่ะพี่โอหยาง”
ซินมี่ดูเหมือนจะถูกใจโอหยางรุ่ยมากกว่าลี่อินเสียอีกที่มองเขาเป็นสหาย และดุเหมือนว่าโอหยางรุ่ยเองก็จะพึงใจซินมี่เช่นกัน
“ท่านอ๋อง คุณหนูหงน่าจะไม่มาแล้วขอรับ”
ท่านอ๋องมองไปรอบๆก่อนจะถอนหายใจออกมา นางคงโกรธเขามากจริงๆ
“เข้าไปกันเถอะ”
“โอหยางเจ้ามาแล้ว”
“ซูผิงข้าพาสหายมา นี่น้องหงลี่อินกับน้องหงซินมี่”
“ยินดีต้อนรับทั้งคู่เลยขอรับ เชิญพวกท่านนั่งก่อนเดี๋ยวข้าจะสั่งชากับขนมมาให้”
“เอ่อ พวกเจ้านั่งตรงนี้สักครู่ ข้าขอตัวก่อน”
โอหยางรุ่ยเห็นหน้าของซูผิงไม่ค่อยสู้ดีเท่าใดนักจึงเดินเข้าไปหา
“เจ้าเป็นอะไรงั้นหรือ เหตุใดเอาแต่ทำหน้าเศร้าเช่นนี้กันล่ะ”
“ข้า คือว่า คนที่ข้าชอบนางมาที่นี่น่ะ”
“อ้าว เช่นนั้นก็ดีน่ะสิ ผู้ใดกันล่ะ พามาแนะนำหน่อยสิ”
“แต่ว่า นางมาดูตัวน่ะ ข้าก็เลย....”
“อ้าว ถึงว่าล่ะ นี่ เรื่องนี้ปรึกษาสตรีจะดีกว่า”
“แต่ว่า…”
“เชื่อข้าสิ”
พวกเขานั่งคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่สักพัก ลี่อินจึงเอ่ยขึ้น
“ในเมื่อพวกท่านรักกันชอบกันแล้วเหตุใดไม่คัดค้านกันล่ะ”
“แต่ข้าจะพูดสิ่งใดได้ พ่อแม่นางเป็นผู้จัดการครั้งนี้”
“นี่พี่ซู นางอยู่ห้องใดงั้นหรือ”
“เจ้าจะทำอะไรน่ะ”
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าก่อเรื่องนะ”
“ข้าก็แค่จะช่วยพวกเขาไม่ได้ก่อเรื่อง พวกเจ้าอย่ากลัวไปสิ ข้ารับผิดชอบเองน่า รับรองไม่เกี่ยวกับพี่ซูและแม่นางหลิงแน่นอน”
“ดี งั้นข้าจะพาเจ้าไป”
“ดี ไปกันเลยพี่ซู”
ซูผิงเดินนำนางไปยังห้องที่แม่นางหลิงดูตัวอยู่ด้านใน เขาเคาะประตูบอกเพียงว่า
“นำชามาส่งเจ้าค่ะ”
เมื่อเด็กๆนำชาและขนมเข้ามาวางส่งในห้องส่วนตัว เมื่อประตูเปิดออกและเด็กๆนำน้ำชาและอาหารวางเสร็จแล้ว หงลี่อินจึงรีบเดินเข้าไปในห้องอย่างโผงผางไปหาแม่นางหลิง
“เจ้าหรือที่เป็นคู่ดูตัววันนี้กับคู่หมั้นของข้า เจ้ากล้าดีอย่างไร หน้าตาเจ้าก็ดูงดงามใช้ได้ ไม่น่าจะต้องมาแย่งคู่หมั้นผู้อื่นได้เลยนะ ไม่รู้หรือว่าเขามีข้าเป็นคู่หมั้นอยู่แล้ว พวกท่านเองก็เช่นกันเป็นพ่อแม่ประสาอะไร จะจับบุตรสาวมาดูตัวเหตุใดไม่ตรวจสอบก่อนว่าฝ่ายชายเข้ามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วหรือไม่ เหตุใดเอาบุตรสาวมาดูตัวแบบนี้โดยไม่ไถ่ถาม ท่านก็ด้วย เหตุใดถึงยอมมาดูตัว…กับ…แม่นาง…..คนนี้….ได้ท่านอ๋อง!!”
ท่านอ๋องเกือบสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปก่อนจะหันมามองหน้าลี่อิน“เจ้า ชวนข้าไปที่ใดนะ”“ไปห้องท่านอ๋องไง ไปทำแผล พระองค์ตกใจสิ่งใดเพคะ”“อ่อ เจ้าจะทำแผลให้ข้าเช่นนั้นหรอกหรือ”“ท่านอ๋องเลี้ยงข้าวแล้ว หม่อมฉันก็ต้องตอบแทนบ้้างสิ จะได้ไม่ติดค้างกัน”“ก็ได้ ตามมาสิ”ท่านอ๋องเดินนำนางมายังห้องของเขาพร้อมกับสั่งให้หวังเจานำกล่องยาเข้ามาวางให้หงลี่อิน เมื่อวางกล่องยาลง นางจึงได้แกะผ้าพันแผลของเขาออก นางเห็นแผลด้านในแล้วนึกสยอง นี่คือฟันของนางจริงๆงั้นหรือ“แผลลึกมากเหมือนกันนะ”“นี่เจ้ากำลังเป็นห่วงข้า หรือกำลังชมฝีมือกัดของตัวเองกันแน่”“แน่นอน ต้องชมตัวเองสิกัดได้เยี่ยม แผลงามมาก”“แมวพยศ”“ท่านอ๋องว่าอะไรนะเพคะ”“เปล่า โอ๊ย เจ้าเบาๆหน่อยสิ”“พระองค์นี่ก็แปลก ตอนกัดไม่เห็นจะร้อง”“ข้าขอโทษ”ลี่อินชะงักไปเมื่อนางค่อยๆทายาให้เขาอย่างระวัง นางค่อยๆเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ“ท่านอ๋องขอโทษหม่อมฉันเรื่องอะไรเพคะ”“เรื่องเมื่อคืน ข้าไม่คิดว่าเจ้าเฉียนเซินนั่น จะมือไว จนไปคว้าเอวเจ้าข้าขอโทษที่ห้ามเขาไม่ทัน”ลี่อินหยุดนิ่งไป ที่จริงแล้วนางกำลังดีใจอยู่ ท่านอ๋องที่เย็นชาราวน้ำแข็ง โหดเหี้ยมราวสัตว์ป่าแต
ท่านอ๋องยิ้มมุมปากพร้อมกับหันไปบอกหวังเจา“ข้าบอกแล้วว่านางมาแน่”“ว่าอย่างไรแม่นางหลิง ท่านจะยอมเลิกหรือไม่ แต่ว่า หากท่านมากันแล้ว…ก็..ดื่มกันไปนะ ข้า…”ท่านอ๋องรีบลุกขึ้นและพุ่งไปที่ลี่อินและโอบรอบเอวนางทันที หวังเจาสังเกตเห็นทันทีพร้อมกับแอบยิ้มกับท่าทีของผู้เป็นนายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน“อย่างที่ทุกท่านเห็น ข้าต้องขออภัยที่ข้ามิอาจตอบรับคำเชิญนี้ได้จริงๆ ใต้เท้าหลิง ฮูหยิน ต้องขออภัย ในเมื่อคู่หมั้นข้ามาตามแล้วข้าเองก็หมดเหตุผลที่จะละเลยนางแล้ว แม่นางหลิงขอโทษที่ทำให้เจ้าเสียเวลา น้องหญิงเรากลับจวนกันเถอะ ทุกท่าน ข้ากับคู่หมั้นขอตัวก่อน”“เอ่อ ท่านอ๋อง คือว่า…” “ขอตัวขอรับ”หวังเจารีบปิดท้ายและรีบเดินออกมา ลี่อินงงจนเลิ่กลักและทำตัวไม่ถูก ไม่ใช่แบบนี้สิ เหตุใดไม่รู้มาก่อนว่าเป็นเขาที่อยู่ในห้องนั้น ท่านอ๋องโอบรอบเอวนางเดินออกมาจากห้องจนมาถึงโต๊ะของโอหยางและซินมี่นั่งอยู่“คารวะท่านอ๋องเวย”“คารวะท่านอ๋องเพคะ”“ทุกท่านตามสบาย ข้ากับคู่หมั้นขอตัวก่อน”""คู่หมั้น!!""ทั้งคู่มองตามท่านอ๋องและลี่อินไปอย่างนึกแปลกใจและสงสัย เหตุใดจู่ๆนางเป็นคู่หมั้นท่านอ๋องไปได้ จนกระทั่งซูผิงเดินออกม
สายตานางวันนี้ทำให้เขายอมถอยออกมา นางยังยืนอยู่ที่เดิม“คืนนี้เจ้าพักผ่อนเถอะ ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะส่งข่าวมา”“หม่อมฉันไม่ไป”“เจ้าไปแน่”เขาออกไปทางหน้าต่างพร้อมกับปิดให้นางเรียบร้อย ลี่อินรีบไปบ้วนปากที่มีกลิ่นคาวเลือดของเขาทิ้งพร้อมน้ำตาที่รินไหลไม่หยุด ไม่รู้ว่านางรู้สึกอะไรกันแน่ โกรธที่เขาไม่ช่วยนางที่ถูกรังแก น้อยใจที่เขาไม่สนใจ หรือเกลียดที่เขาใช้นางเป็นเพียงเครื่องมือช่วยงาน หรือหวั่นไหวให้กับเขาเสียแล้ว“หงลี่อิน เจ้าอย่าโง่ เขาเลวขนาดนั้น เจ้าจะรักเขาไม่ได้”นางค่อยๆถอดชุดนั้นออก ชุดนี้เปื้อนเลือดของเขาเสียแล้ว นางไม่อยากเห็น เมื่อนางเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจึงล้มตัวลงนอน เรื่องในคืนนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายจนนางตามไม่ทัน เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวโมโห น้อยใจ เสียใจ และ“มาจูบข้าทำไมกัน คนเลว คนชั่ว ท่านมันเลวเวยห่าวหรานคนเลว เลวๆๆๆๆ ฮืออๆๆ คนเลวว”ด้านนอกนั้น มือที่ยังชุ่มไปด้วยเลือดยังคงยืนฟังเสียงร้องไห้ จนเสียงนั้นค่อยๆเงียบลงไป เขาค่อยๆยกมือที่ไม่เจ็บขึ้นมาลูบที่ริมฝีปากอย่างเบามือ เขาหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้เช่นกันว่าเหตุใดจึงไม่ฆ่านาง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะได้ยินความลับขอ
“ใต้เท้าเฉียน ของดีกินทีหลัง อย่าลืมว่าท่านมีเวลากินนางทั้งคืน”“ฮ่าๆๆๆ ท่านอ๋องพูดถูกใจข้ายิ่งนัก ฮ่าๆๆ มา ข้าดื่ม ดื่ม”เฉียนเซินยกเหยือกเหล้าขึ้นมาดื่ม เหล้ายังไม่ทันหมดเหยือก เขาก็ล้มลงโดยง่ายดายจนลี่อินเกือบจะล้มไปกับเขาแต่ท่านอ๋องคว้านางเข้ามานั่งบนตักแทนพร้อมกับเผลอหันหน้าไปเฉียดแก้มนางนิดหนึ่งด้วยก่อนจะกระซิบบอกลี่อิน“อยู่เฉยๆก่อน ข้าจัดการเอง”นางนั่งอยู่บนตักของท่านอ๋องเพื่อมิให้คนอื่นๆสงสัย“ท่านเฉียน ไม่เอาน่า ท่านเมาแล้วหรือ ถ้าเช่นนั้นนางรำผู้นี้เล่า”“นี่ท่าน!!…”“เงียบไป!!”“ใต้เท้าเฉียน....”“เอามือของท่านออกไปนะ”“ข้าบอกให้อยู่เฉยๆ เดี๋ยวเขาตื่น”“…”“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว ใต้เท้าเฉียนเมามาก ข้าจะอยู่กับเขาเอง”นางรำค่อยๆเดินออกไปจนหมด ลี่อินก็เช่นกัน แต่เขาไม่ยอมให้นางลุกจากตักเขา“เหลือเจ้าเอาไว้คนหนึ่งเพื่ออยู่กับข้า ที่เหลือออกไปได้”พวกนางไม่สงสัยอะไร เพียงแค่เดินออกไปตามคำสั่ง เป็นปกติที่แขกอาจจะถูกใจผู้ใดก็จะเรียกเอาไว้อยู่แล้ว พวกนางจึงไม่รู้สึกแปลก เมื่อทุกคนออกไปแล้วลี่อินจึงลุกออกจากตัวเขาทันที ท่านอ๋องนั่งท่านั้นค้างอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันไปมองเป้าหมายที่สล
“ท่านอ๋อง..นี่มันบ้าไปแล้ว หากหมดธุระแล้ว ข้าขอตัว”ลี่อินเดินออกไปจะออกจากห้อง“หงลี่อิน!!”ลี่อินหยุดกึกที่หน้าห้อง ไม่รู้ว่าเขาเดินตามนางมาเมื่อใด แต่รู้อีกที ลมหายใจเขาก็รดอยู่ที่ต้นคอนางแล้ว“อย่าลืมว่าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ หาไม่แล้ว..”“หม่อมฉันแล้ว ขอตัวเพคะ”ลี่อินรีบออกจากห้องนั้นอย่างรวดเร็วและรีบกลับมานั่งดูละครต่อ“หวังเจา!!”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง“กลับจวน”“พ่ะย่ะค่ะ”“ลี่อิน เจ้าไปที่ใดมา ละครกำลังสนุกเลย มาดูเร็วเข้า”“เจ้าค่ะๆ”ลี่อินดูละครไม่รู้เรื่องแล้ว จิตใจนางสั่นไม่เป็นจังหวะ หัวใจนางไม่เคยเต้นเร็วเช่นนี้แม้แต่ในละครที่นางดูก็ไม่เคยทำให้ใจเต้นแรงเหมือนวันนี้มาก่อน“ลี่อิน เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดจึงหน้าแดงเช่นนี้ล่ะ”“ข้า..หน้าแดงงั้นหรือ”“หรือว่าคุณหนูจะมีไข้อีกแล้วเจ้าคะ”“เพ้อเจ้อน่าอาชิง ละครจะจบแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”“ไปสิ ข้าจ่ายเงินแล้ว กลับกันเถอะ”ลี่อินเดินกลับบ้านไปทั้งๆที่ไม่ได้ฟังที่โอหยางรุ่ยพุดเลยว่าเขาคุยอะไรบ้าง นางเอาแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดเรื่องที่ท่านอ๋องจอมโหดนั่นสั่ง เรื่องที่เขาขู่ เรื่องจิบชา และยังมายืนขู่ก่อนที่นางจะออกจากห้อง“อึ๊ยย
“ท่านอ๋อง ตกลงว่า..”ท่านอ๋องยกมือห้ามก่อนขึ้นรถม้า“ขึ้นรถแล้วค่อยว่ากัน”รถม้าวิ่งออกมาจากจวนเสนาบดีแล้ว เรื่องในวันนี้คงเป็นประเด็นระหว่างเขากับเสนาบดีหงอีกแน่นอนเมื่อบุกมาถึงจวนและยังมาลงโทษฮูหยินของเขาอีกด้วย ทั้งๆที่เขาควรจะผูกมิตรกับเสนาบดีกลาโหมผู้นี้เอาไว้เพื่อประโยชน์ในภายภาคหน้า“ท่านอ๋อง”“ส่งคนไปสืบเรื่องของหงลี่อินมาให้ข้า”“สืบเรื่องของนาง ทำไมขอรับ”“ข้าอยากรู้…”ภาพของนางที่มองเขาด้วยความโกรธนั้นยังคงติดตาเขาอยู่ ปากบางที่ซีดจัดของนางยังคงติดอยู่ในใจของเขา“ว่านาง…ได้ยินอะไรหรือไม่”“แล้วคำสั่งก่อนหน้านี้…”“อย่าพึ่งฆ่า จับนางมาสอบสวนก่อน”“ท่านอ๋องไม่ควรประมาทนาง..”“ข้ารู้ ข้าไม่ประมาทนางแน่นอน เพียงแต่ไม่คิดว่านางจะเป็นบุตรีของเสนาบดีหงเสียได้ กลับจวนแล้วค่อยว่ากันเถิด”“ขอรับ”ห้องคุณหนูลี่อิน“คุณหนูฟื้นแล้ว แม่นมอี้ เร็วๆเข้า”“คุณหนู ท่านยังมีไข้อยู่ ดื่มยานี่ก่อนเจ้าค่ะ”“ขอบคุณแม่นมอี้”“คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ โธ่คุณหนู เหตุใดต้องเจอเรื่องแบบนี้ไม่สิ้นสุด”“เจ้าอ๋องใจโหดนั่น ข้าเกลียดเขา”“คุณหนูอย่าพูดเช่นนั้นเจ้าค่ะ ท่านไม่รู้ว่าท่านอ๋องโกรธมากที่ฮูหยิ