บทที่5/1
จบงานเลี้ยงเพียงแค่ไม่กี่วันขบวนเจ้าสาวก็มาจอดรออยู่หน้าจวน ทั้ง ๆ ที่หากกว่าทางนั้นจะทราบข่าวว่านางตอบตกลงแต่งงานก็น่าจะอีกหลายวันต่อให้ใช้ม้าเร็วส่งข่าวไปแจ้งก็ไม่ต่ำกว่าสี่วัน แต่นี่ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวพร้อมแม่สื่อกลับเดินทางมาถึงหลังจบงานเลี้ยงวันเกิดของเผยอิงเพียงไม่กี่วันราวกับออกเดินทางมาก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งแม่สื่อนอกจากจะนำสินสอดเกือบสี่สิบคันรถมามอบให้บิดาของเจ้าสาวแล้ว ยังตัดชุดแต่งงานมาให้เรียบร้อย เผยอิงทำได้เพียงมองบ่าวรับใช้ในจวนขนหีบสินสอดเข้าจวนสกุลเผย
แล้วข้าจะประวิงเวลาออกไปได้อย่างไรในเมื่อทุกอย่างถูกเตรียมการเอาไว้หมดแล้วเช่นนี้ เพิ่งรู้ว่าจะต้องแต่งงานกับบุรุษที่ไม่เคยเห็นหน้า เพิ่งจะได้ยินชื่อก็เมื่อสี่วันก่อน
แต่ในเมื่อนางตัดสินใจที่จะแต่งงานครั้งนี้เพื่อช่วยบิดาแล้ว ไม่ว่าจะแต่งวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็คงไม่ต่างกัน ร่างบางหมุนตัวเดินกลับเรือนนอนของตน
ยามเหม่า ( คือ 05.00 – 06.59 น.) แม่สื่อสองคนมาช่วยกันแต่งตัวเจ้าสาว เผยอิงต้องสวมชุดแดงมงคลที่เจ้าบ่าวมอบตั้งแต่เดินทางออกจากจวนของตนเองจนกระทั่งถึงจวนเจ้าบ่าว
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าจะกลับมาเยี่ยมท่านทั้งสองในเร็ววัน รอข้า”
“มีหลานแล้วค่อยกลับมาก็ได้” เผยฮูหยินเย้าบุตรสาวทั้งน้ำตาแม้นางจะเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าสักวันอิงเอ๋อร์น้องออกเรือนไป แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็อดที่จะมีน้ำตาไม่ได้
“เจ้านี่ เมืองหลวงก็แค่นี้ คิดถึงเมื่อไรก็ไปหาเจ้าอยากไปเยี่ยมอิงอิงเมื่อไรข้าจะพาไปเอง” เผยเหิงเห็นฮูหยินน้ำตาคลอจวนจะไหลมิไหล วันมงคลใครเขาร้องไห้กัน
“อย่าลืมไปเยี่ยมข้าที่เมืองหลวงนะเจ้าคะท่านพ่อท่านแม่” สตรีในชุดเจ้าสาวกล่าวอำลาบิดามารดาหน้าจวนก่อนจะถูกแม่สื่อประคองขึ้นเกี้ยว นางหันไปดูคนคุ้มกันขบวนเจ้าสาว ทหารองครักษ์ทุกนายล้วนคุ้นตาหรือว่า...
“ท่านพ่อ คนคุ้มกันพวกนี้ไม่ใช่คนคุ้มกันเหมืองทองของเราหรือเจ้าคะ เหตุใดถึงมาคุ้มกันขบวนเจ้าสาวของข้า อย่างบอกนะว่าเฉินเฟยอวี่คิดจะตระบัดสัตย์ทั้ง ๆ ที่ข้าก็ยอมแต่งด้วยแล้วยังจะเอาคนกลับ ทำเช่นนี้ได้เช่นไร ข้าไม่ยอม” เผยอิงที่กำลังจะก้าวขึ้นเกี้ยวสะบัดแขนแม่สื่อที่จับแขนนางเอาไว้จนหลุดออก หากเขาทำแบบนี้นางก็ไม่แต่ง
“ใจเย็นก่อนอิงอิง กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนมากฝีมือ คุ้มกันครอบครับของเรามานาน ในยามนี้เจ้าคือว่าที่เจ้าสาวของเฉินเฟยอวี่ย่อมสำคัญกว่าเหมืองทอง จริงอยู่ที่เฟยอวี่ให้คนเหล่านี้คุ้มกันเจ้าไปเมืองหลวง แต่เขาก็ส่งองครักษ์ฝีมือดีอีกหน่วยมาแทนตอนนี้ประจำการอยู่ที่เหมืองแล้ว” เผยเหิงรีบปรามบุตรสาวก่อนที่นางจะอาละวาดจนเสียฤกษ์ยาม “ได้เวลาแล้วเจ้าขึ้นเกี้ยวได้แล้ว” ชายชราเอ่ยเสียงเข้ม
โล่งอกไปที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ผิดคำพูดที่ให้กับท่านพ่อเอาไว้ เผยอิงพยักหน้ารับ แล้วยอมให้แม่สื่อประคองขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว นางไม่หันหลังกลับมาอีก สตรีในชุดแดงหย่อนกายลงบนม้านั่ง เกี้ยวเจ้าสาวที่เฉินเฟยอวี่ส่งมารับนางช่างหรูหราเสียเหลือเกิน มีทั้งโต๊ะเล็กสำหรับวางชุดน้ำชา ของว่างและหนังสืออีกหลายเล่ม ราวกับเตรียมไว้สำหรับให้ผู้โดยสารเดินทางไกล จากเมืองชิงหลงไปเมืองหลวงด้วยขบวนเจ้าสาวและสินเดิมของเจ้าสาวเช่นนี้คงไม่ต่ำกว่าเจ็ดวัน
สองสามีภรรยามองขบวนเจ้าสาวที่ค่อย ๆ ออกห่างไปไกลจนลับตา
“เหตุใดเจ้าไม่บอกนางเรื่องเหมืองทอง” เผยเหิงโอบไหล่ฮูหยินรักที่ยืนส่งบุตรสาวจนลับสายตา
เผยฮูหยินยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“ข้าอยากให้อิงเอ๋อร์รักและเทิดทูนท่านเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หากข้าบอกความจริงกับนางและจะเปลี่ยนสิ่งใดได้ แต่นางอาจมองท่านด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปข้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น และข้าเชื่อว่าท่านได้วางนางเอาไว้ในมือคนที่ท่านไว้ใจมากที่สุด”
“เจ้าเชื่อใจข้าขนาดนั้น เจ้าไม่กลัวข้าตัดสินใจผิดบ้างเลยหรือ” เผยเหิงถามฮูหยินของตนตาเบิกกว้าง
เผยฮูหยินส่ายหน้ายิ้มทั้งน้ำตา “ในวันที่ข้ากับลูกไร้ซ้ำที่พึ่ง ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่จำเป็นต้องเลือกข้าก็ได้ แต่ท่านกลับเลือกข้ากับลูก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาท่านพิสูจน์ให้ข้าเห็นว่าท่านรักอิงเอ๋อร์เยี่ยงบุตรสาวอย่างแท้จริง ข้าถึงเชื่อว่าท่านคงไม่ทำร้ายนาง” แม้จะเชื่อในสามี แต่ใจจริงเผยฮูหยินแอบหวั่นใจกับว่าที่ลูกเขยไม่น้อยเพราะข่าวลือของเขา แต่สามีนางเชื่อมั่นเหลือเกิน แต่อย่างไรเฉินเฟยอวี่ก็ให้คำมั่นเอาไว้แล้ว นางจะลองเชื่อดู
บทที่18/2"นั่น" เผยอิงตาเบิกกว้างเมื่อถูกอุ้มเข้ามายังเรือนหนังสือ นางไม่เคยเข้ามาที่แห่งนี้สักครั้ง เพราะมีเวรยามคอยคุ้มกันตลอด เรือนแห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้ามของทุกคนในจวนสกุลเฉินเฉินเฟยอวี่สาวเท้าเข้าไปภายใน วางร่างภรรยาของตนลงบนตั่งเขียนหนังสือ"ตกใจอะไรเสี่ยวอิง" เขาถามภรรยาเสียงกลั้วหัวเราะ"กะ ก็ นั่น มัน" ใช่ภาพที่ลู่หลันบอกว่าเป็นภาพของสตรีที่อยู่ในใจของเฉินเฟยอวี่ เด็กน้อยเกล้าจุกสองข้างแก้มแดงนัยน์ตากลมโตในภาพวาดนั่น มันเป็นข้าเองไม่ใช่หรือ แล้วยังภาพอื่น ๆ ที่เรียงรายอยู่จนเต็มผนังทุกด้าน ล้วนเป็นภาพของนางทั้งสิ้น"ภาพวาดของเจ้า" เขาต่อประโยคให้"มะ หมายความว่าอย่างไร ข้า.. งงไปหมดแล้ว"เฉินเฟยอวี่ปลดภาพวาดภาพหนึ่งลงจากผนังนำมันมาวางบนตั่งเขียนหนังสือที่ภรรยาของเขานั่งอยู่ "ข้าขอให้ท่านพ่อบุญธรรมให้คนวาดมาให้ ทุกครั้งที่ท่านมาเมืองหลวงจะต้องมีภาพเจ้ามาฝากข้าหนึ่งภาพ""ทำไม""ทำไมข้าถึงแขวนมันไว้เช่นนี้น่ะหรือ ท่านพ่อบุญธรรมเอามาอวดข้าว่าบุตรสาวของเขาเติบโตขึ้นอย่างงดงามมากเพียงไรในแต่ละปี และข้าก็รับมันไว้ด้วยความเต็มใจ""ข้านึกว่าท่านเกลียดเข้า""ข้าไม่เคยเกลียดเจ้า สัก
บทที่18/1 จบบริบูรณ์เผยอิงมองสามีของนางที่ก้ม ๆ เงยหน้าขึ้นลงอย่างเก้ ๆ กัง ๆ จุ่มผ้าผืนเล็กลงในอ่างน้ำเย็น บิดผ้าจนผ้าเกือบแห้งสนิทแล้วนำมาเช็ดตามผิวกายของนางหลังจากกลับมาจากลานพิธีล่าสัตว์เฉินเฟยอวี่เขาก็ไม่เคยอยู่ห่างนางเลย คอยดูแลนางเช็ดเนื้อตัวที่ไหม้แดดอย่างไม่รังเกียจ จนตอนนี้ลู่หลันแทบไม่เคยเข้ามาในเรือนกุ้ยฮวานางเพิ่งรู้ว่าเขาเองก็บาดเจ็บที่หัวไหล่ จากคมดาบในการปราบกบฏที่พิธีล่าสัตว์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังลงไปอุ้มนางขึ้นมาจากหน้าผานั่น"เฟยอวี่""ท่านพี่ เมื่อใดเจ้าจะเรียกข้าท่านพี่" เขาหันมาถามเสียงนุ่ม ตลอดสามวันที่นั่งเฝ้าข้างเตียงนาง เขารับรู้ได้ว่าสายตาที่นางมองเขาแปรเปลี่ยนไป แต่นางก็ยังคงสงวนท่าทีที่มีต่อเขาเอาไว้"ท่าน.. พี่" ใบหน้าขาวนวลขึ้นสี นางเขินอายไม่น้อยที่ต้องเรียกขานเขาเช่นนี้"ว่าอย่างไรฮูหยินรัก เจ้าต้องการสิ่งใด" เขาก้มลงมาถามเสียงนุ่มบีนเตียงขึ้นไปนอนเคียงข้างหน้าตาเฉย"แล้วท่านจะขึ้นมานอนทำไม" นางหันไปเอ็ด พวงแก้มนวลสุกปลั่ง"ข้าก็บาดเจ็บเจ้าลืมไปแล้วหรือ" เขารั้งเอวบางมากอดไว้หลวม ๆ เพราะเกรงจะกระทบขาของนางที่ด้ามไม้เอาไว้"ข้าอยากออกไปข้างนอก ได้ห
บทที่17/2เผยอิงลืมตาขึ้นในความมืด ตอนที่อยู่ที่หน้าผานั่นนางไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทางร่างกายแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เพียงกระดิกนิ้วก็รวดร้าวไปทั้งกาย"เอ๊ะ" เสียงหวานอุทานในความมืด ไม่ใช่แค่ขาที่หัก แก้วหูที่ฉีก แต่ร่างบางฟกช้ำไปทั้งตัว"รู้สึกอย่างไรบ้าง" เสียงทุ้มถามในความมืด เอื้อมมือหนาไปจุดตะเกียง เฉินเฟยอวี่นั่งเฝ้าภรรยาของตนตั้งแต่หมอหลวงทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้วกลับออกไป เขาไม่ได้จุดตะเกียงให้แสงสว่างภายในกระโจมนี้เพราะเกรงว่าจะรบกวนการพักผ่อนของนาง"อย่าเพิ่งลุกขึ้น" มือหนาจับหัวไหล่บางให้นอนลงที่เดิน เมื่อเห็นนางพยายามยกกายตนเองขึ้นจากเตียง "ยังเจ็บอยู่ไหม"เผยอิงพยักหน้าน้อย ๆ แต่เมื่อเห็นเขารินน้ำใส่จอกป้อนให้โดยโอบศีรษะของนางให้เผยอยกขึ้นเล็กน้อย นางจิบน้ำนั่นแต่โดยดี นางมองตามมือที่จับจอกนั้นเลื่อนไปจนถึงใบหน้าคมเข้ม แววตาที่เขามองนางช่างห่วงหาอาทร"น้ำอะไรเจ้าคะ" นางถามเสียงแหบพร่า"น้ำอ้อยผสมยาสงบใจ" เขาตอบเสียงนุ่มเหตุใดเขาถึงตอบนางเสียงนุ่มนวลเช่นนั้น เพราะนางบาดเจ็บสาหัสเจียนตายหรือเปล่าเขาถึงได้ดีกับนางเพียงนี้"เฉินเฟยอวี่"เขารีบวางจอกน้ำแล้วหันมาถามทันที"เป็นอะไร
บทที่17/1กู้เฉิงกง เดินวนไปเวียนมาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเดินจากไป"พี่เฉิง.. กง" เผยอิงปรือตาขึ้นมองอีกครั้งก็ไร้ร่างของบุรุษที่นางเคยเชื่อใจ ในป่าลึกเช่นนี้ความหวังที่จะมีคนผ่านมาแทบจะริบหรี่ มือบางลูบคลำข้อเท้าเล็ก ๆ ของตนที่บูดบวม สภาพนางในตอนนี้ไม่คงไม่อาจบีนผานั่นขึ้นไปเองได้ และกู้เฉิงกงก็คงไม่บีนลงมาช่วยนางหรอก หากลงมาก็คงไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตของตนลงมาทิ้ง เผยอิงไม่ได้ขุ่นเคืองใจแม้แต่น้อยที่เขาละทิ้งนางเอาไว้เช่นนี้ ชีวิตของเขาที่ท่องไปทั่วแคว้นพบปะผู้คนมากมายแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าที่นำไปใส่รถม้าไป นางเคยนึกอิจฉาชีวิตอิสระของกู้เฉิงกง รอคอยวันที่เขาจะมาเยือนสกุลเผย เพื่อจะได้ฟังว่าครานี้เขาไปที่ใดมาบ้าง เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่ผิดที่เขาจะเลือก ทิ้งภาระอย่างนางเสยในทันใดนั้นเองสายตาของเผยอิงก็เริ่มเลือนราง ร่างกายร้อนผ่าวราวกับกำลังจับไข้ ตอนนี้เสียงหวีดหวิวภายในหูเงียบไปแล้ว นางไม่ได้ยินเสียงใด ๆ นอกจากเสียงลมที่พัดขึ้นมาจากหุบเหวด้านล่างชีวิตคนก็เป็นเช่นนี้ในขณะที่กำลังจมดิ่ง เจ้าอาจต้องชนหลายสิ่งกว่าจะถึงก้นเหวใครว่าถ้ากระโดดลงหุบเหวแล้วจะสิ้น
บทที่16/2"เดินไว ๆ หน่อย" กู้เฉิงกงฉุดกระชากแขนบางจนเป็นรอยแดง"ข้าเดินไม่ไหวแล้ว เรากำลังจะไปไหนกัน" เผยอิงถามอย่างกลัดกลุ้ม นางเดินมาทั้งคืนแล้ว"เข้าไปในป่าลึกอีกนิด ไม่ต้องห่วงอิงอิง เดินไปอีกไม่ไกล พ้นป่านี้ไปก็ถึงหมู่บ้านแล้ว" เขาตอบอย่างเอาใจเผยอิงพยักหน้ารับ ช่วงกลางดึกนางได้ยินเสียงคนต่อสู้กัน เมื่อตะโกนถามลู่หลันก็ไร้เสียงตอบกลับ นางกำลังจะลุกขึ้นไปดู กลับต้องตกใจจนหวีดร้องออกมาเมื่อถูกตะครุบจับตัวจากด้านหลัง กลุ่มชายในชุดดำจับตัวนางและพาตัวออกมาจากกระโจม นางพยายามต่อสู้ขัดขืนสุดกำลัง แต่สุดท้ายก็ถูกจับมัดมือมัดเท้า โชคดีที่กู้เฉิงกงมาช่วยนางเอาไว้และพานางวิ่งหนีเข้าป่ามานางและกู้เฉิงกงเดินเท้ามาทั้งคืน แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลุดพ้นจากป่า ถึงกระนั้นก็ไม่อาจหยุดฝีเท้าลงได้เพราะเกรงว่าชายชุดดำกลุ่มนั้นจะตามมาทัน"พี่เฉิงกง ไม่ใช่ว่าเราเข้ามาลึกเกินไปหรือเจ้าคะ""ข้าว่า ข้าหลงทาง" กู้เฉิงกงตอบเสียงห้วนก็สารภาพตามจริง ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มอารมณ์ดีอยู่ตลอดบึ้งตึง เขารู้จากบิดาว่าคืนนี้อ๋องอวั๋นซีจะก่อกบฏบิดาของเขาก็เข้าร่วมด้วยสนับสนุนเงินทุนเล็กน้อย หากสำเร็จสกุลกู้จะได้ร้านค้
บทที่16/1"นางจะหายไปได้อย่างไร" เฉินเฟยอวี่ตวาดลั่นทั้งตัวของเขาโชกไปด้วยเลือด หลังจากเก็บซากศพกบฏและรายงานฮ่องเต้เรียบร้อย เขาก็รีบกลับมาหาภรรยาที่กระโจม แต่เมื่อกลับมาเมื่อเดินเข้ามาใกล้ที่พัก ป้าจงและสาวใช้รีบวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา ดวงใจเขาหายไปลู่หลันน้ำตานองอาบสองแก้ม นางเฝ้าฮูหยินไม่ห่าง ไม่ให้คลาดสายตาสักนิด อีกทั้งตอนที่นายท่านไม่อยู่ เมื่อคืนนางก็นอนเฝ้าหน้ากระโจมไม่ได้กลับไปนอนที่พักของตน แต่จนสายก็ยังไม่เห็นฮูหยินเรียกใช้ นางจึงตะโกนเรียกก็ไร้เสียงตอบกลับ ป้าจงที่เดินมาพอดี นางและป้าจงจึงขอเข้าไปด้านใน แต่เมื่อเข้าไปกลับไม่พบผู้ใดอยู่ข้างใน ด้านข้างกระโจมถูกกรีดเป็นแนวยาว ทหารที่เฝ้าอยู่รอบ ๆ ตายจนหมด ลู่หลันเล่าทั้งน้ำตา นางเล่าเสริมอีกว่าหลังจากทานอาหารเย็นก็ผล็อยหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้สึกตัวอีกทีตื่นมาก็เช้าแล้ว"ใคร! ใครมันบังอาจทำเยี่ยงนี้" เฉินเฟยอวี่ขบกล้ามแน่น "หาให้เจอ""พี่อวี่ใจเย็นก่อน ทำแผลก่อน คนที่พาตัวพี่สะใภ้ไปน่าจะยังไปไม่ไกล""พี่เฟยอวี่ หรือว่าท่านพี่อิงอิงจะหนีไปกับพี่ชายของข้า ข้าตื่นมาก็ไม่พบเขาเช่นกัน" นางรีบวิ่งมาเมื่อเห็นเฉินเฟยอวี่และคนของเขากลับ