หากเป็นเมื่อสามปีก่อน เซินลี่ฮวาคงมิได้มีความกล้าเท่านี้ เพียงแค่อีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่...หยาดน้ำตาใสก็พลันไหลรินอาบแก้มทันที
เซินลี่ฮวาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างไร้ความเกรงกลัว นางก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังที่แห่งหนึ่ง พร้อมกับในอกที่รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ ทว่าหาใช่เพราะความหวาดกลัว...แต่เป็นความรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาดต่างหาก หลังจากที่โม่เหยียนซวี่ไล่นางออกจากจวนไปแล้ว เขาจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับสตรีผู้นั้นอย่างมีความสุข...โดยไม่รู้สึกผิดใดเลยเชียวหรือ!? หึ...นางอยากเห็นนักว่าเขาจะทำหน้าเช่นไร เมื่อภรรยาที่เคยขับไล่ราวกับสิ่งไร้ค่ากลับมายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง! พอนึกแล้ว…เซินลี่ฮวาหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ “รีบไปกันเถอะผิงอัน…ข้าคิดถึงสามียิ่งนัก” เดิมทีบรรยากาศยามนี้ก็มืดครึ้มด้วยหมอกเมฆตั้งเค้าราวกับพายุใหญ่กำลังจะกระหน่ำลงมา ทว่าดูเหมือนว่า...จวนสกุลโม่คงเผชิญเข้ากับพายุลูกใหญ่เข้าให้จริงๆ แล้ว เหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณหน้าจวน ต่างจับจ้องแผ่นหลังของฮูหยินใหญ่ที่กำลังย่างเท้าเข้าไปด้านใน…บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากด้วยความตึงเครียด แล้วรีบแซงหน้าอีกฝ่ายไปอย่างร้อนรน อย่างไรแล้วเรื่องนี้ต้องรีบไปแจ้งนายท่าน...ว่าฮูหยินกลับมาแล้ว! ในขณะที่ข่าวลือแว่วไปทั่วทั้งจวน โม่เหยียนซวี่กลับกำลังเอนกายนอนนิ่งอยู่บนเตียง ภายในอ้อมแขนเขาคือร่างบอบบางของไป๋หรูอี๋ที่ยังอิดโรยและอ่อนแรงจากการแท้งบุตรเมื่อสองสามวันก่อนหน้านั้น แขนแกร่งตวัดโอบกอดนางไว้หลวมๆ อย่างอ่อนโยนราวกับต้องการปลอบประโลมหัวใจที่แตกสลายของอีกฝ่ายให้สงบลง แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี ไป๋หรูอี๋ซุกใบหน้าไว้ที่แผ่นอกแกร่งของเขา นัยน์ตาเมล็ดซิ่ง แดงก่ำจากการร้องไห้มากอย่างหนัก นางปรายสายตามองบุรุษข้างกายอย่างเลื่อนลอย ริมฝีปากซีดเซียวขยับเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “เป็นเพราะข้า…นี่เป็นความผิดของข้าที่ไม่ดูแลให้ดีจึงต้องสูญเสียเขาไป…” โม่เหยียนซวี่กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เขาเงียบอยู่นานครู่หนึ่งราวกับกำลังกลืนความเจ็บปวดลงลึกไปในใจ “มิใช่ความผิดของเจ้า…หรูอี๋” น้ำเสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบา พลางลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยน ไป๋หรูอี๋เม้มปากแน่น ข่มกลั้นเสียงสะอื้นอย่างน่าสงสาร “อย่าโทษตัวเองอีกเลย” โม่เหยียนซวี่กล่าว เรื่องนี้เขาเองก็เสียใจไม่น้อย…ทว่าจะโทษผู้ใดผู้หนึ่งเพียงลำพังได้อย่างไรกัน หากมีวาสนาต่อกัน วันหนึ่งก็อาจได้กลับมาเป็นบุตรของเขาอีกครั้ง…ทว่าอย่างไรเสีย โม่เหยียนซวี่...ก็สนใจความรู้สึกของนางมากกว่าสิ่งใด ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำของเขาซ้ำๆ ไป๋หรูอี๋นอนนิ่งหายใจหอบถี่ด้วยแรงรั้งจากความเจ็บปวดอยู่ในอ้อมแขนเขา ใบหน้าคนงามซีดเผือดไร้สีเลือดฝาด หยาดเหงื่อเย็นเยียบผุดพรายเต็มหน้าผากและขมับ ทั้งริมฝีปากยังแห้งเหือดหรืออาภรณ์ที่เปียกโชกไปด้วยเลือดสีแดงคล้ำไปทั่วทั้งร่าง เขาไม่มีทางลืมเหตุการณ์ในวันนั้นไปได้จริงๆ โม่เหยียนซวี่พลางโน้มจุมพิตบนหน้าผากนางอย่างแผ่วเบา แววตาแข็งกร้าวของแม่ทัพใหญ่กลับฉายแววอ่อนแรงเพียงชั่วขณะ “อย่าคิดอะไร...ยามนี้เจ้าสำคัญที่สุดรู้หรือไม่ไป๋หรูอี๋” ยิ่งเห็นนางเสียใจเช่นนี้ หน้าอกข้างซ้ายของเขาก็พลันบีบรัดแน่นปวดหนึบคล้ายหายใจไม่ออก ในขณะเดียวกันนั้น…จู่ๆ กลับมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบบนระเบียงหน้าห้องดังขึ้น ก่อนที่บานประตูไม้จะถูกผลักเปิดออกอย่างร้อนรนโดยไร้มารยาท สาวใช้ผู้นั้นหอบหายใจถี่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยทั้งใบหน้ายังซีดเผือดราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน โม่เหยียนซวี่หันขวับไปมองตาขวางทันที น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาดังลั่น “ไร้มารยาท!...มีผู้ใดตายกันงั้นหรือ” “ท่านแม่ทัพเจ้าคะ!” นางรู้ว่ายามนี้ผู้เป็นนายโมโหไม่น้อย ทว่า…นางก็ไร้หนทางเช่นกัน “ฮูหยิน…ฮูหยินกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!” !!! และเพียงชั่วพริบตาเดียว...พอสิ้นสุดถ้อยคำนั้นบรรยากาศ บรรยากาศภายในห้องพลันถูกความเงียบงันแผ่ปกคลุมไปทั้งห้องอย่างรวดเร็วทันที ทั้งยังเย็นยะเยือกแทบหายใจไม่ออก ร่างของโม่เหยียนซวี่แข็งทื่อไปทันที ดวงตาคมกริบค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความแข็งกร้าวขึ้นมา “นางกลับมาหรือ…” น้ำเสียงทุ้มพึมพำพูดแผ่วเบา ไป๋หรูอี๋ได้ยินแล้วหัวคิ้วเรียวพลางขมวดมุ่นขึ้นมาอย่างทันที จู่ๆ หางขวาของนางกระตุกระริกราวกับเป็นลางบอกเหตุ น้ำเสียงหวานกล่าว “หมายความว่าอย่างไรกัน…พี่หญิงกลับจวนมาแล้วงั้นหรือ?” สาวใช้พยักหน้าหงึกๆ “เจ้าค่ะ!...ฮูหยินใหญ่กลับมาแล้ว” เรือนหลังนี้…เคยเป็นของนางมาก่อน เกรงว่า นางก้าวเท้าออกไปยังไม่ทันพ้นขอบประตูจวนก็คงมีผู้ดีใจระริกระจนต้องรี้รีบย้ายเข้ามาอยู่อย่างรวดเร็วกระมัง เซินลี่ฮวายืนนิ่งอยู่หน้าประตูเรือน นัยน์ตาเมล็ดซิ่งมองเบื้องหน้านิ่งๆ ราวกับย้อนหวนไปยังวันวานที่ยังคงวนอยู่ในความทรงจำก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล ทุกอย่างในยามนี้มาไกลเกินกว่าจะแก้ไขได้แล้ว… ทันใดนั้น กลิ่นของยาสมุนไพรตลบอบอวลจนต้องย่นคิ้ว นางเบือนหน้าหันหนี แววตาฉายแววความรังเกียจแวบหนึ่ง ยามนี้ภายในห้องเงียบงัน…เงียบเสียจนได้เสียงลมหายใจ ดวงตาเรียวคมกริบของโม่เหยียนซวี่หรี่ลงแทบจะในทันทีที่เห็นสตรีผู้นั้นปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง เขาพลางลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวอย่างไม่พอใจ “…” “หึ! เหตุใดถึงทำหน้าเหมือนกับเห็นผีกันเล่า” เซินลี่ฮวายิ้มกว้าง นางพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อยราวกับเป็นเรื่องตลกขบขัน โม่เหยียนซวี่หยุดยืนตรงหน้านาง ดวงตาคมกริบกวาดมองตั้งแต่บนลงล่าง ราวกับต้องการจะตอกย้ำว่า เขาไม่ได้ตาฝาดไปเอง “กลับไปที่ของเจ้าซะ” เขากดเสียงต่ำแฝงออกคำสั่ง เขาไม่รู้เพราะเพราะเหตุใดจู่ๆ สตรีผู้นี้ถึงกลับมา…!? ดวงตาคมกริบถลึงมองอีกฝ่ายราวกับกำลังข่มขู่ ทว่าเซินลี่ฮวาได้ฟังแล้วถึงกลับหลุดหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลกขบขัน นางละสายตาจากบุรุษตรงหน้าก่อนจะกวาดไปอีกทาง จากนั้นจึงหยุดนิ่งที่ร่างบอบบางที่กำลังนอนเอนกายอยู่บนเตียงอย่างอิดโรย “ข้าได้ยินว่าไป๋หรูอี๋แท้งบุตรจึงแวะมาร่วมแสดงความยินดีด้วยเพียงเท่านั้น” “เซินลี่ฮวา!” โม่เหยียนซวี่กัดฟันกรอด มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูดพอง สายตาเพ่งมองนางราวกับจะฉีกนางเป็นชิ้น ๆ ไป๋หรูอี๋ที่นอนอยู่บนเตียงถึงกับเบิกตากว้างด้วยความคับแค้นในอก เมื่อสามปีก่อน นางยังจำความสุขของวันที่สตรีตรงหน้าถูกขับไล่ออกจากจวนได้ไม่ลืม แต่ไฉนวันนี้…อีกฝ่ายกลับมายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มเช่นนี้! นางฝืนยกตัวขึ้นเล็กน้อย แม้เสียงหวานจะแผ่วเบาแต่ก็ไม่อาจปิดบังความโกรธเคืองได้ “พี่หญิง…ขอได้โปรดระวังคำพูดด้วยเจ้าค่ะ ข้าเพิ่งสูญเสียบุตรไปจะให้กล่าวว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีได้อย่างไรกัน” เซินลี่ฮวายิ้มอ่อน “งั้นหรอกหรือ…” นางหันไปหาผิงอันสาวใช้คนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกาย ก่อนจะเลิกคิ้วเอ่ยถามเสียงเรียบท่าทางงุนงง “ผิงอัน…เจ้าว่าข้าพูดผิดตรงไหนหรือไม่” ผิงอันพลางยอบกายลงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอย่างรู้งาน “สูญเสียบุตรไปทั้งคน…ย่อมต้องแสดงความเสียใจเจ้าค่ะฮูหยิน” เซินลี่ฮวาได้ยินแล้วพยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ ก่อนจะร้องอุทานออกมาอย่างกระจ่างแจ้งทันที “อืม…เช่นนี้เอง” ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มจางๆ ทว่าดวงตาคู่งามกลับเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “ช่างน่าเสียดายจริงๆ” เซินลี่ฮวาเอ่ยด้วยเสียงเบาราวกระซิบแต่กลับก้องไปทั่วทั้งห้อง “บุตรชายที่แม่ทัพโม่เฝ้าใฝ่ฝันนักหนา…ว่ากันว่าแม้แต่เทพเซียนก็ยังต้องสั่นสะเทือนเมื่อจัดส่งวิญญาณลงมาเกิดให้แต่สุดท้ายกลับเลือกครรภ์ผิดเสียแล้วกระมัง” คำพูดของสตรีตรงหน้าเปรียบเสมือนมีดคมเฉือนใจ ไป๋หรูอี๋กัดริมฝีปากแน่น ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น มือทั้งสองข้างกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว “…” โม่เหยียนซวี่ได้เลยจะทนฟังได้อีก ขมับของเขาเต้นตุบๆ จนปวดหัวไม่น้อย เขาสูดลมหายใจคล้ายกำลังตั้งสติอดกลั้นโทสะที่คับอกไม่ให้ปะทุออกมา น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมา “กลับไปที่ของเจ้าซะ..เซินลี่ฮวา” นางระบายยิ้มกว้าง ดวงตาคู่งามเจือไปด้วยความเย้ยหยัน หาได้รู้สึกหวาดหวั่นแม้แต่น้อย “เข้าใจแล้ว…ข้าเพียงแค่มาทวงของคืนเท่านั้น แม่ทัพโม่ใจเย็นก่อนเถิดอย่าเพิ่งร้อนรนไปนัก”ยามเฉิน (เวลา 07.00 – 09.00 น.)บรรยากาศภายในจวนเริ่มตึงเครียดจนสัมผัสได้ เหล่าบ่าวรับใช้พากันหวาดหวั่นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงคนผู้หนึ่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ใจร้อนดั่งเปลวเพลิง เย็นชาเหมือนสายน้ำเอาแน่เอานอนไม่ได้และแปรปรวนยิ่งกว่าสภาพอากาศช่วงเปลี่ยนฤดู…ส่วนอีกคนก็หาได้ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย ดูแข็งกร้าวราว เกรงว่าต่อให้มีคมดาบจ่อคอก็ไม่คิดจะถอยกระมังพวกบ่าวได้แต่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากอย่างหวาดหวั่น คาดว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ อาจลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ต่างจึงรีบพากันตรงดิ่งไปยังเรือนหลัก หวังว่าภรรยาอีกคนของนายท่านจะช่วยห้ามทัพได้บ้าง!ทว่าตอนเช้าเช่นนี้ ไหนเลยไป๋หรูอี๋จะลืมตาตื่นได้หากยังไม่มีแสงอาทิตย์สาดลงกลางหัวเสียก่อน…นางกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงแต่กลับต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ ไม่หยุด ราวกับว่าหากไม่ตื่นขึ้นมาเปิด…เสียงเคาะนั่นก็คงไม่เลิกราไปง่ายๆไป๋หรูอี๋ลืมตาขึ้นอย่างหงุดหงิดแท้จริงแล้วไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นนักหนา แต่ในความคิดของนาง…หากไม่มีใครตายก็คงไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่จะปลุกนางให้ตื่นในเวลาเช้าตรู่เช่นนี้ได้แน่!ไป๋หรูอี๋สะบัดผ้าห่มลุกขึ้นด้วย
แม้ว่า เซินลี่ฮวาจะได้รับพระราชทานสมรสจากฝ่าบาทให้แต่งกับโม่เหยียนซวี่…ทว่าก็มิใช่ว่านางจะต่ำต้อยหรือไร้ศักดิ์ศรีแต่อย่างใด ว่ากันตามตรงแล้ว เซินลี่ฮวานับเป็นบุตรสาวของขุนนางผู้มีฐานะสูงส่งอีกทั้งยังเพียบพร้อมในทุกด้านนางหาใช่สตรีสามัญธรรมดาไม่…แต่กลับเป็นคุณหนูแห่งตระกูลสูงศักดิ์โดยแท้มิหนำซ้ำด้วยสถานะของเซินลี่ฮวา ไม่เพียงแค่เป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่ในราชสำนัก..นางยังเป็นหลานสาวของพระสนมในวังหลวงอีกด้วยยังจะมีผู้ใดกล้าหมิ่นเกียรติได้ง่ายๆเพียงเพราะโม่เหยียนซวี่หาได้มีใจรักใคร่ต่อนางอย่างลึกล้ำ เขาจึงหันไปคว้าสตรีต่ำต้อยจากหอนางโลมข้ามหน้าข้ามตานางไป ไม่สนใจไยดีและไม่แม้แต่จะเห็นความไม่ยุติธรรมที่นางได้รับหึ! ยามนี้มารดากลับมาสะสางความแค้นแล้วหากเขาคิดจะผลักไสนางเช่นนี้…ก็อย่าได้หวังว่านางจะยอมหลีกทางให้อีกต่อไป!“คิดจะทิ้งนางเพื่อไปยกย่องสตรีใดก็เชิญเถิด...แต่อย่าได้หวังว่าจะได้ครอบครองความสงบสุขไปตลอด”ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มอย่างเยือกเย็นแฝงความเจ้าเล่ห์ฉายออกมาอย่างปิดไม่มิด แม้แต่เถ้าแก่โรงไม้มองเห็นแล้วยังต้องสะดุ้งและกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบากเหตุใดเพียงแค่มองแวบเดียว
วันนี้เพียงแค่ฮูหยินใหญ่กลับมาถึงจวนได้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ทว่าทุกสิ่งภายในจวนสกุลโม่กลับแปรเปลี่ยนไปราวกับผ่านไปนานนับสิบปีโม่เหยียนซวี่ค่อยๆ ประคองร่างของไป๋หรูอี๋วางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา เขาก้มตัวถอดรองเท้าให้นางด้วยมือของตนเองก่อนจะจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย จากนั้นจึงยกผ้าห่มขึ้นคลุมกายให้อีกฝ่ายด้วยท่าทีทะนุถนอมราวกับกลัวว่านางเจ็บระบมไป๋หรูอี๋ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปคว้าแขนเขาไว้ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่หม่นแสงเงยขึ้นสบสายตาบุรุษตรงหน้าอย่างสงสาร“เป็นความผิดของข้าเอง…” น้ำเสียงเอ่ยแผ่วเบา ราวกับว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นอยู่ภายในใจ“หึ! นี่หาใช่ความผิดของเจ้า” เขากัดฟันกรอดตอบออกมายามนี้ภายในใจของโม่เหยียนซวี่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่ปะทุขึ้นรุนแรงราวจะเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้ สตรีผู้นั้น…นางกล้าดียิ่งนักไม่เพียงแต่ย่างเท้ากลับมาจวนหน้าตาเฉย ยังบังอาจอวดดีแสดงอำนาจเหนือผู้ใดในฐานะภรรยาพระราชทานนางคิดหรือว่าเขาจะทำอะไรไม่ได้งั้นรึ!?สายตาคมกริบแข็งกร้าวฉายแววกราดเกรี้ยวออกมาอย่างชัดเจน เสมือนกับพร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งในพริบตาเดียว“…”ไป๋หรูอี๋มองสามีตาปริบๆ พอเห็นท่าที
บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของลมหายใจ…ความอึดอัดแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วบริเวณเซินลี่ฮวาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างหยิ่งทะนง ดวงตาคู่งามหลุบมองสตรีผู้นั้นเพียงครู่ก่อนจะหันกลับมาสบตากับบุรุษตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมาไม่คิดหลบเลี่ยงนางเอ่ยเสียงหวาน “วันนี้ข้าเดินทางไกลนัก…ยามนี้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยรีบจัดเตรียมเรือนนอนให้มารดาพักผ่อนเสีย”โม่เหยียนซวี่แค่นเสียงในลำคออย่างดูแคลน ดวงตาคมกริบเพ่งมองนางตรงหน้าอย่างแข็งกร้าว “หึ! รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน…เซินลี่ฮวา”ไฉนเลยเข้าจะรู้…ว่าสตรีผู้นี้กลับมาเพราะเหตุใด แล้วยังมีหน้ามาก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้อีก!“กลับไป…ข้าควรกลับไปที่ใดหรือสามี” นางเลิกคิ้วถามเสียงเรียบ ใบหน้าคนงามเรียบเฉยไร้ความเกรงกลัวใดๆ“เซินลี่ฮวา! เจ้ามิสิทธิ์กลับมาเหยียบที่นี่อีก ตั้งแต่วันนั้น…เมื่อสามปีก่อน!” น้ำเสียงทุ้มตะคอกก้องดังลั่นไปทั่วด้วยความไม่พอใจที่พลุ่งพล่านอยู่คะบอกจนยากเกินจะควบคุมเซินลี่ฮวาได้ยินแล้วพลางหัวเราะเบา ๆเหอะ!...บุรุษผู้นี้โง่เขลาถึงเพียงนี้เชียวหรือ“ข้าเป็นภรรยาที่ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสให้…มิอาจหย่าขาดได้ตามใจ” นางกล่
หากเป็นเมื่อสามปีก่อน เซินลี่ฮวาคงมิได้มีความกล้าเท่านี้ เพียงแค่อีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่...หยาดน้ำตาใสก็พลันไหลรินอาบแก้มทันทีเซินลี่ฮวาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างไร้ความเกรงกลัว นางก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังที่แห่งหนึ่ง พร้อมกับในอกที่รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ ทว่าหาใช่เพราะความหวาดกลัว...แต่เป็นความรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาดต่างหากหลังจากที่โม่เหยียนซวี่ไล่นางออกจากจวนไปแล้ว เขาจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับสตรีผู้นั้นอย่างมีความสุข...โดยไม่รู้สึกผิดใดเลยเชียวหรือ!?หึ...นางอยากเห็นนักว่าเขาจะทำหน้าเช่นไร เมื่อภรรยาที่เคยขับไล่ราวกับสิ่งไร้ค่ากลับมายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง!พอนึกแล้ว…เซินลี่ฮวาหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์“รีบไปกันเถอะผิงอัน…ข้าคิดถึงสามียิ่งนัก”เดิมทีบรรยากาศยามนี้ก็มืดครึ้มด้วยหมอกเมฆตั้งเค้าราวกับพายุใหญ่กำลังจะกระหน่ำลงมา ทว่าดูเหมือนว่า...จวนสกุลโม่คงเผชิญเข้ากับพายุลูกใหญ่เข้าให้จริงๆ แล้วเหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณหน้าจวน ต่างจับจ้องแผ่นหลังของฮูหยินใหญ่ที่กำลังย่างเท้าเข้าไปด้านใน…บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากด้วยความตึงเครียด แล้วรีบแซงหน้าอีกฝ่ายไปอย่างร้อนรนอย่
วันนี้ตลอดทั้งวันท้องฟ้าแจ่มใสมีแสงแดดสาดส่องไปทั่วบริเวณจนร้อนอบอ้าวแต่เพียงชั่วพริบตาเมื่อยามพลบค่ำ เมฆฝนเริ่มตั้งเค้า ท้องฟ้ามืดมิดสนิทราวกับพายุกำลังจะพัดพาฝนห่าใหญ่มาสาดกระหน่ำสายลมแรงพัดกระหน่ำจนทุกสิ่งจนปลิวว่อน เสียงลากล้อรถม้าค่อยๆ ลากตามพื้นมาดัง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ อย่างน่าหวาดกลัวจนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตูจวนสกุลโม่สาวใช้พลางเร่งรีบลงจากลงม้าก่อนจะยื่นมือออกไปประคองผู้เป็นนายหญิงอย่างรวดเร็วเซินลี่ฮวาในชุดผ้าไหมสีครามเข้มประดับด้วยลวดลายดอกเหมย นางก้าวลงจากเกี้ยวอย่างเชื่องช้าและระมัดระวังโดยมีสาวใช้คอยประคองเอาไว้สตรีที่ถูกสามีทอดทิ้ง ไฉนคิดว่าจะได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกใบหน้าของนางเรียบเฉยไร้อารมณ์ฉายออกมาแต่ดวงตาคู่งามกลับสื่อความรู้สึกลึกซึ้งถึงอดีตที่ปวดร้าวและความโกรธที่รอวันสะสางเอาคืนหึ! สามีที่ดีไหนเลยจะทอดทิ้งภรรยาแล้วยกย่องสตรีอื่นทันทีที่ได้เห็น คนงานชายเฝ้าหน้าประตูพลางเบิกตาโพลงกว้างทันที ท่าทางประหนึ่งว่ากำลังเห็นผีก็ไม่ปาน“นั่นคือฮูหยิน...ภรรยาของแม่ทัพโม่ใช่หรือไม่”เมื่อสาวใช้ของเซินลี่ฮวาได้ฟังแล้ว ผิงอันพลางหันขวับไปมองอีกฝ่ายตาขวางทันที นางส่งเสียงฮึดฮ