เรือนใหญ่
“นายท่านไปเปลี่ยนชุดก่อนดีหรือไม่” พ่อบ้านบอกกับเจ้านาย เมื่อเห็นรอยเลือดที่เปื้อนชุดของเขา
“ไม่ ข้าอยากรู้อาการของนางก่อน” เขาบอกปัดแล้วเดินไปที่หลังฉากกั้น มองหญิงสาวที่ยังนอนหมดสติอยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง “นางเป็นอย่างไรบ้างแม่นาง”
ลูกศิษย์ของหมอถานส่งยิ้มให้เขา “นายท่านสบายใจได้ นางไม่ได้บาดเจ็บอย่างที่ท่านคิด”
“ถ้าไม่บาดเจ็บแล้วเลือดมาจากไหนเล่า เจ้าได้ตรวจละเอียดดีหรือเปล่า”
“เป็น..เป็นเลือดจากระดูของสตรีเจ้าค่ะ”
“..นางเป็นระดูหรอกหรือ”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อได้รับคำยืนยัน เขาก็หายใจทั่วท้องขึ้นมาทันที ความกังวล ความกลัวที่อัดแน่นอยู่ในอกอันตรธานหายไปหลายส่วน
“ถ้าแค่ระดูทำไมนางถึงยังไม่รู้สึกตัวอีกเล่า”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจ นางอาจจะปวดท้องมากจนหมดสติก็ได้”
เขาพยักหน้าตอบรับคำพูดของหมอหญิง “แน่ใจนะว่านางไม่ได้ถูกทำร้าย”
“เจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ข้าอยากให้นาย
เติ้งอี้เทียนข่มความปรารถนาที่ลุกโชน ใจของเขาไปรออยู่ที่เตียงนอนหลังใหญ่แล้วในตอนนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันนี้เขาต้องยั่วยวนนางให้คล้อยตาม ทำข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกให้ได้“อาหวงรีบหน่อย” ส่งเสียงดังบอกคนขับรถม้า มือยังกอดร่างอุ่นบนตักไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระอาหวงเป็นคนฉลาดหัวไว รู้ว่าเจ้านายอยากรีบกลับบ้าน จากที่ขับรถม้าเหยาะ ๆ เพราะอยากสร้างบรรยากาศให้คู่รัก ก็กระตุกบังเหียนเร่งความเร็ว ไม่นานก็กลับถึงคฤหาสน์“ถึงบ้านเราแล้ว” แล้วพานางลงจากรถม้า ลมเย็นที่พัดผ่านทำให้เขารีบอุ้มนางไปนั่งรถเข็นด้วยกัน กอดกระชับในอ้อมกอดถ่ายทอดความอบอุ่น“รีบกลับเรือนใหญ่ อากาศตรงนี้เย็นเกินไป” บอกกับบ่าวที่ทำหน้าที่เข็นรถ“ขอรับ”เรือนใหญ่หญิงสาวที่ถูกวางลงบนเตียงนอนหลังใหญ่ มองใบหน้าอันงดงามของสามี สบสายตาลุ่มลึกยากจะเดาก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนแต่ก่อน แต่กลับรู้สึกสะท้านแปลก ๆ และอยากค้นหาความหมายในสายตาคู่นั้น.. จึงค่อย ๆ เอื้อมมือออกไปแนบแก้ม ใช้นิ้วโป้งทาบ
ไป๋ซินซินรีบเอาตัวบังสามีไว้ด้านหลังอย่างต้องการปกป้อง ความโกรธมีมากกว่าความกลัว“แต่เจ้าทำสามีข้าจนเลือดไหล เขาไม่เจ็บยิ่งกว่าเจ้าหรือ”หยางซิงเถียนย่างเท้าเข้าไปหาไป๋ซินซินอย่างหาเรื่องเฟิงเมี่ยนรีบก้าวตามหยางซิงเถียนหวังปกป้องเจ้านายเติ้งอี้เทียนส่งสัญญาณห้ามเฟิงเมี่ยน ปล่อยให้ซิงเถียนเดินเข้ามา มีเขาอยู่ตรงนี้ นางทำอะไรซินซินไม่ได้หรอกซิงเถียนตั้งใจจะเข้าไปเอาเรื่องกับหญิงสาว แต่เมื่อเห็นสายตาที่มองข้ามศีรษะนางมา ก็เกิดความครั่นคร้ามจนไม่กล้าลงมือ“อยากปกป้องเขาก็ควรคิดให้ดีก่อนว่าข้าเป็นใคร”“เป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ยอมให้มาทำร้ายสามีของข้าเด็ดขาด”“หึ!.. ท่านเป็นถึงคหบดีผู้มั่งคั่งที่สุดในเมืองเทียนสิน แต่ไม่มีสายตาในการเลือกภรรยาสักนิด สตรีต่ำทรามที่ไม่รู้จักแยกแยะดำขาวแบบนี้ จะพาให้ท่านตกต่ำไปด้วย ท่ะ”เพียะ!คนที่กำลังลอยหน้าลอยตาต่อว่าฉอด ๆ หน้าหันไปตามแรงตบทุกคนที่อยู่ในร้านต่างตกใจ ยืนนิ่งราวหุ่นปั้น พร้อมใจกันเงียบโดยไม่ต้องมีใครสั่ง“จะด่าจะดูถูกข้ายังไงก็ได้ แต่อย่ามาดูถูกสามีของข้า
เรือนเฟิงเหยา“เจ้าเห็นบุรุษที่นั่งรถเข็นนั่นหรือไม่ เขาคือใคร”“ไหน..ท่านเติ้งไงเล่า ผู้มั่งคั่งอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเทียนสินของเรา”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน “ไหนว่าท่านเติ้งเป็นผู้เฒ่ามักมากเจ้าอารมณ์ ชอบทำร้ายภรรยา ไม่พอใจก็เขียนใบหย่าไล่ออกจากคฤหาสน์ หรือผู้นั้นคือลูกชายของท่าน”“มีท่านเติ้งเดียวนี่แหละ เท่าที่เห็นท่านไม่ได้เป็นผู้เฒ่าตามข่าวลือ ส่วนเรื่องอื่นจริงหรือเท็จแค่ไหนข้าก็ไม่รู้”“จริงเท็จแค่ไหนข้าไม่สน เพราะข้าถูกใจรูปโฉมของเขาแล้ว ข้าต้องหาเรื่องเข้าไปทำความรู้จักกับท่านสักหน่อยแล้ว”“เจ้าอย่าหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวดีกว่าเถียนเถียน คำล่ำลือถ้าไม่มีมูลใครเขาจะเอามาพูด”“ข้าไม่กลัว” แล้วลุกจากที่นั่ง“นี่!”“ปล่อยนางไปเถิด คนเช่นนางห้ามไม่ได้หรอก”“ข้าไม่ชอบนิสัยจองหองของนางเลย”“นางคิดว่านางมีรูปโฉมงดงามกว่าใคร ใครเห็นใครก็ชื่นชม ชายใดเห็นเป็นต้องหลงใหล บิดาของนางเป็นถึงห
จูอินบีบมือลูกสาวแน่น ดึงสติให้นางหยุดพูดอะไรออกไปอีก“ตั้งแต่แต่งงาน เจ้าก็คิดอะไรเองไม่เป็นเลยสินะ ถึงต้องเดือดร้อนท่านเติ้งทุกเรื่อง”“อยู่บ้านเชื่อฟังบิดา ออกเรือนเชื่อฟังสามี นางผิดตรงไหนเล่า” ถามแม่ยายพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็น ชักรำคาญความน่ารำคาญของสองแม่ลูก “เชิญพวกท่านกินกันตามสบาย ข้ามีธุระต้องไปทำต่อ” แล้วเรียกเสี่ยวเอ้อร์มารับคำสั่ง“ท่านเติ้งต้องการอะไรเพิ่มขอรับ”“อยากกินอะไรก็สั่งเพิ่มได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ..” บอกกับคนในโต๊ะแล้วจึงหันไปหาเสี่ยวเอ้อร์ “ค่าอาหารโต๊ะนี้ตามไปเก็บที่ร้านข้านะ”“ท่านเติ้งจะให้ข้าไปเก็บที่ร้านอัญมณี ร้านเครื่องเคลือบ ร้านเครื่องหนัง หรือว่าร้า”“ไปเก็บกับอาเต้า เห็นเขาอยู่ร้านไหนก็เก็บที่ร้านนั้น” ตัดบทก่อนที่เสี่ยวเอ้อร์จะพูดจบ แล้วจูงมือภรรยาเดินจากไปหลังจากเติ้งอี้เทียนจูงมือภรรยาออกไปจากร้านแล้ว หมี่มี่จึงยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้เสี่ยวเอ้อร์“ท่านเติ้งมีกิจการอยู่ที่นี่ด้วยหรือ”
ซินซินอ้าปากรับเนื้อปูที่เขาป้อนให้ถึงปาก แม้ในใจจะกระอักกระอ่วนต่อสายตาที่ทิ่มแทงของมารดาและน้องสาว“เอาอีกไหม ข้าจะได้แกะให้”“ไม่เอาแล้ว ซินเอ๋อร์กินไปเยอะแล้ว ท่านกินบ้างเถิด”“อือ” แล้วเอาเนื้อปูที่นางกัดเหลือมาใส่ปาก“ปลิงทะเลผัดแปดเซียนจานนี้น่าอร่อย” หมี่มี่เอ่ยขึ้นเสี่ยวซื่อรีบหยิบตะเกียบ แล้วคีบเนื้อปลิงทะเลใส่ชามข้าวของคุณหนู“คีบให้คุณหนูจูสักคำสิ”“ไม่ต้อง” จูอ้ายเหม่ยตอบโดยไม่มองหน้า เพราะกำลังเพ่งมองเติ้งอี้เทียนที่สนใจแต่ภรรยา“ให้สาวใช้ของข้าแกะปูให้เอาไหม” หมี่มี่แสร้งถามอย่างมีน้ำใจ แต่ในใจนั้นอยากให้นางแสดงความริษยาออกมายิ่งกว่านี้“ข้ากินไม่ลงแล้วแม่นางหมี่”“ทำไมเล่า”“เห็นท่านเติ้งเอาใจพี่สาวข้าดีแบบนี้ ข้าก็ดีใจจนอิ่มเอม นางทำบุญด้วยอะไรนะ ถึงได้ผลตอบแทนดีขนาดนี้”“ลองกตัญญูต่อครอบครัวด้วยการนวดแป้ง แบกแป้ง ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางยันฟ้ามืดดูสิ ผลบุญอาจจะส่
“เมียข้าน่ารักเพียงนี้ ข้าจะมีใจให้สตรีอื่นได้อย่างไร”นางเขินอายต่อสายตาของเขาจนทำตัวไม่ถูก “ซินเอ๋อร์หิวแล้ว”เขาหัวเราะ “ข้าให้แม่ครัวทำโจ๊กรังนกกับน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมเอาไว้รอแล้ว”“ซินเอ๋อร์เดินเองได้” รีบบอกสามีที่ก้าวลงจากเตียงแล้วทำท่าจะอุ้ม“แต่ข้าอยากอุ้มเมียข้า”“ก็ได้” แล้วโอบแขนกับลำคอของเขา ยอมให้เขาอุ้มไปที่โต๊ะกินข้าว เมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้วก็ได้แต่มองเขาตักน้ำแกงที่อุ่นรอไว้ในเตา.. ค่อย ๆ บรรจงเป่าไล่ความร้อนให้.. และอ้าปากรับเมื่อเขาป้อน“อร่อยไหม”“อือ”เขาตักโจ๊กให้นาง “ระวังร้อนนะ”“ขอบคุณ” นางตักโจ๊กใส่ปากไปหลายคำด้วยความหิว “เหล่ากง”“หือ”“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เหล่ากงไม่มีอะไรจะถามซินเอ๋อร์บ้างหรือ”“ไม่มีอะไรจะถาม เพราะลุงโปบอกแล้วว่าเจ้าไปหาเมียอาหวง พอรู้เหล่ากงก็ตั้งใจไปรับเจ้ากลับบ้าน ก็บังเอิญไปเจอเจ้าเกิดเรื่