“ฮือ... ไม่นะ อย่า...”
หลิวซืออินเบือนหน้าหนี พยายามดิ้นรนสู้ แต่ถูกเขาใช้มือข้างหนึ่งกดตรึงข้อมือทั้งสองไว้เหนือศีรษะ ใช้เข่ากดต้นขานางไว้จนดิ้นหนีไม่ได้ ใบหน้างามส่ายไปมา น้ำตาไหลจนเปื้อนผ้าที่ปิดไว้มองเห็นคราบชื้น เขาใจอ่อนลงวูบหนึ่งคล้ายจะยุติสิ่งที่ทำอยู่
ทว่า... ภาพของนางหลี่เจียน กำลังร้องไห้เหมือนคนจะขาดใจ ร่ำร้องให้เขาทวงความยุติธรรมให้กับจางเฉียนวาบเข้ามาในหัว
“เสี่ยวเหวิน เจ้าต้องล้างแค้นให้เสี่ยวเฉียน ป้าขอร้องเจ้า”
สภาพร่างไร้วิญญาณของจางเฉียน ทำให้คนเห็นแทบสติแตก เจ็บปวดรวดร้าว หัวใจเจียนแหลกสลาย จางเฉียนคือสตรีที่เขารักสุดหัวใจ
“ท่านป้าบอกข้าว่า โตขึ้นจะให้ข้าแต่งงานกับพี่ตง ข้าต้องรักพี่ตงให้มากๆ ”
จางเฉียนเป็นเด็กกำพร้า นางหลี่เจียนรับมาเลี้ยงไว้ สั่งสอนให้รักและเชื่อว่าต้องโตขึ้นมาเพื่อเป็นเจ้าสาวของหลินตงลูกชายของนาง จางเฉียนและเขาโตมาด้วยกัน ความผูกพันก่อเกิดเป็นความรักขึ้น หลินตงรับรู้ว่าเขารักจางเฉียน จึงชะลอการแต่งงานไว้ พยายามพูดให้มารดาเปลี่ยนใจ แต่นางหลี่เจียนยังยืนกรานให้จางเฉียนแต่งงานกับลูกชายของนาง
“หลินตงเป็นลูกชายคนเดียว ต้องมีทายาทสืบสกุล เสี่ยวเจียนคือคนที่ข้ากับท่านลุงของเจ้า เลี้ยงไว้ให้แต่งงานกับเขา เสี่ยวเหวินเจ้าอย่าคิดอกตัญญู แย่งชิงสตรีของพี่ชาย”
เขาถูกผู้เป็นป้าสะใภ้ขัดขวาง ไม่ให้แย่งชิงจางเฉียนมาจากหลินตง เขาจำยอมตัดใจพาตัวเองไปทำงานกับสำนักคุ้มภัย ออกเดินทางไปยังที่ต่างๆ เมื่อรู้ว่าหลินตงกับจางเฉียนกำลังจะแต่งงาน เขาจึงกลับมาร่วมอวยพรวันวิวาห์ ให้พี่ชายและสตรีที่เขารัก แต่นั่นกลับเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นทั้งคู่
หัวใจที่อ่อนลง พลันแข็งกร้าวขึ้นมาด้วยไฟแค้น หยวนจงเหลียงฉุดจางเฉียนไป ข่มเหงนางจนนางคิดสั้นกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย หลินตงเองก็ถูกทำร้ายจนขาหัก ร่างกายบอบช้ำ ท่านลุงเองก็เสียใจจนล้มป่วยติดเตียง ครอบครัวผู้มีพระคุณถูกรังแก สตรีที่เขารักต้องตายจาก
"หยวนจงเหลียนมันทำร้ายหลินตง และยังขืนใจเสี่ยวเฉียนจนนางคิดสั้นฆ่าตัวตาย
ดวงตาลุกวาบด้วยความแค้น ความเห็นใจถูกปัดทิ้ง สุราที่ดื่มทำให้เขายิ่งขาดสติ ร่างกายร้อนวูยวาบ ภายในกายเกิดความกำหนัดขึ้นมาจนมิอาจยั้งใจตัวเองไหว เยี่ยเหวินจ้าวเพิ่งรู้ตัวว่าสุราที่เขาดื่ม ผสมยากระตุ้นกำหนัดไว้ สติของเขาดับวูบเหลือเพียงความต้องการของร่างกายที่มิอาจควบคุม หญิงงามใต้ร่างจึงกลายเป็นที่ระบายความปรารถนา
“อย่านะ ปล่อยข้า ได้โปรด...”
หลิวซืออินพยายามดิ้นรนปกป้องตัวเองสุดชีวิต ทว่านางไม่อาจจะต้านทานความป่าเถื่อนของเขาได้ น้ำตาไหลรินอาบแก้ม พร้อมกับเสียงร้องอ้อนวอน
“ปล่อยข้าเถอะ ฮือ อย่าทำข้าเลย ฮือ...”
เรือนร่างอันงดงาม ทรวงคู่งามอวบใหญ่พอดีตัว ปลายยอดสีชมพูกะจิดริดคล้ายไข่มุก เอวคอด หน้าท้องแบนเรียบ ผิวขาวผ่องไร้รอยไฝฝ้านุ่มเนียนละมุนไปทั้งตัว
สายตาของเยี่ยเหวินจ้าว กวาดมองไปบนร่างงดงามอย่างตะลึงลาน สตรีนางนี้เรียกว่างามล่มเมือง ไม่แปลกใจเลยที่หยวนจงเหลียงแต่งนางเข้าเรือน ไอ้สารเลวนั่นหมดโอกาสได้มีคืนวิวาห์กับเจ้าสาว ตอนนี้เขาเท่านั้นที่ได้ครอบครองนาง
“กรี๊ดดด อย่านะ...”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น ร่างงดงามบริสุทธิ์ของเจ้าสาวในคืนวิวาห์ ถูกชายที่เจ้าตัวไม่เคยรู้จักสัมผัสไปทั้งตัว
“ฮือ ปล่อยข้า ฮือ ปล่อยข้าเถอะ...”
คำอ้อนวอนนั้นไร้ผล คนฟังไม่สนใจ อีกทั้งยังปิดปากของนางไว้ ด้วยริมฝีปากของเขา จูบจนนางไร้เสียงร้อง ทรวงอวบถูกมือของเขาเคล้นคลึงลูบไล้ ไม่มีพื้นที่ใดหลุดรอดรอยมือไปได้ ริมฝีปากถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบวมเจ่อ
ริมฝีปากร้อนผ่าว เคลื่อนไปบนลำคอขาวผ่อง ขบเม้มจนเกิดรอยจ้ำแดงเป็นจุด ดั่งต้องการประทับตราเป็นเจ้าของเรือนกายนี้
หลิวซืออินน้ำตาไหลริน ยิ่งดิ้นรนมากเพียงใด เขายิ่งแกล้งรังแกนางรุนแรงขึ้น เขาครอบครองทรวงอวบ ใช้ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดยอดทรวง ดูดเม้มจนเกิดเสียงดัง น่าอับอาย
ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปทั่วทรวงทั้งสองข้าง สลับไปมาไม่ยอมหยุด ลูบไล้ โลมเล้า คลึงเคล้า ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย หลิวซืออินบิดกายหนีแต่ไม่อาจหลุดพ้น ร่างกายของนางไม่อาจต้านทานเขาไหว ความหวาดกลัวครอบคลุมหัวใจ แรงต่อต้านลดน้อยลง เรี่ยวแรงหมดลงไปทุกที
“กรี๊ดดด”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น เมื่อบางสิ่งรุกล้ำแทรกผ่านเข้ามาทำลายพรหมจรรย์ สร้างรอยราคีที่มิอาจลบล้างได้ เขากำลังขยับกายบดขยี้ตีตราบาปบนร่างกายของนาง
เวลาราวกับผ่านไปอย่างเชื่องช้า สภาพของสตรีบนเตียง มิต่างจากบุปผาที่ถูกบดขยี้จนชอกช้ำ
หลิวซืออินนอนนิ่ง น้ำตาไหลรินเจ็บร้าวทั้งกายใจ นางไม่เคยก่อกรรมทำเข็ญ เหตุใดต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ อยากจะกลั้นใจตายให้หลุดพ้นไปจากความอดสูนี้ แต่ภาพของท่านย่าวาบเข้ามาในหัว
หากนางตายไป คงไม่ได้กลับไปพบท่านย่าอีก หลิวซืออินข่มความเจ็บช้ำไว้ในอก ปลอบประโลมตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น นางถูกข่มเหงไม่อาจเรียกคืนความสาว แต่ชีวิตและลมหายใจของนางยังมีอยู่ นางยังมีความหวังจะรอดกลับไป
"ข้าทำผิดอันใด เหตุใดเจ้าถึงทำกับข้าเช่นนี้"
หลิวซืออินเอ่ยถาม ด้วยน้ำเสียงขมขื่น นางไม่เคยรู้จักเขา ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า เหตุใดเขาจึงทำร้ายนางอย่างไร้ความปรานี
"ผิดสิ ผิดที่เจ้าเป็นเจ้าสาวของหยวนจงเหลียง ถ้าเจ้าไม่แต่งกับมัน ข้าคงไม่เอาตัวเจ้ามา"
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากับหยวนจงเหลียง มีความแค้นอันใดกัน เจ้าได้ฆ่าเขาตายไปแล้ว เหตุใดถึงฉุดข้ามา”
นางเอ่ยเสียงเจือสะอื้นน่าเวทนา ชุดเจ้าสาวสีแดงขาดวิ่น ถูกใช้ปิดบังความเปลือยเปล่าที่ถูกเขาสร้างรอยราคีจนเป็นรอยช้ำไปทั้งกาย
เยี่ยเหวินเจ้าละสายตาจากภาพนั้น ในใจรู้สึกผิดขึ้นมา สตรีนางนี้มิได้มีความผิดอันใด เขาบุกเข้าไปในขบวนแต่งงาน เพียงเพื่อต้องการสังหารหยวนจงเหลียง โดยมีสหายจากสำนักคุ้มภัยคอยช่วยเหลือ คนในขบวนถูกฆ่าปิดปากจนหมด เหลือนางเพียงคนเดียวที่เขาขอชีวิตไว้
"สหายทุกท่าน สตรีนางนี้ข้าจะนำตัวไปเป็นภรรยาของข้า"
เหล่าสหายจึงปล่อยให้เขาพาตัวนางขึ้นเรือมาด้วย หากปล่อยนางไว้อาจถูกสหายของเขาข่มเหง นางงดงามเพียงนี้คงไม่อาจรอดพ้นจากชายกลัดมันกลุ่มนั้นได้ ก่อนแยกย้ายเหล่าสหายมอบสุรามงคลให้เขาไว้ดื่ม เยี่ยเหวินจ้าวไม่ทันคิดว่าสหายคิดส่งเสริม ใส่ยาปลุกกำหนัดในสุราให้เขา เมื่อนำมาดื่มฤทธิ์ยาทำให้ขาดสติ พลั้งเผลอข่มเหงนาง
เขาคงปล่อยนางไปไม่ได้แล้ว !
///บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู