“เจ้าเจ็บมากหรือไม่”
เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยถาม แต่นางกลับนอนนิ่งไม่ยอมตอบ เขาจึงแก้เชือกมัดมือ รวมถึงผ้าคาดตานางออก
หลิวซืออินจึงได้เห็น ใบหน้าของโจรชั่วที่ข่มเหงนาง คนผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลา รูปลักษณ์ราวกับคุณชายผู้สง่างาม ต่างจากภาพโจรในความคิดของนาง ว่าจะต้องมีใบหน้าอัปลักษณ์ท่าทางโหดเหี้ยม
เขาหน้าตาดีแล้วอย่างไร คนหน้าตาดีใช่ว่าจะเป็นโจรไม่ได้
นางเมินหน้าหนีไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย ไม่อยากจดจำคนเลว ที่ข่มเหงสร้างรอยราคีให้นาง หากมีชีวิตรอดกลับไป จะขอลืมคืนวันเลวร้ายนี้ไปให้ได้
“มองหน้าข้า!”
เขาจับปลายคางบังคับให้มองหน้า หลิวซืออินหลับตาไม่ยอมมองหน้า นางเกลียดชังคนผู้นี้ ไม่อยากมองให้เสียสายตา
"ถึงเจ้าจะชิงชังรังเกียจข้า ตอนนี้เจ้าก็เป็นของข้าแล้ว มันไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีก"
"แล้วอย่างไร ข้าไม่ได้เต็มใจ เจ้ามันแค่โจรชั่วข่มเหงคนไร้ทางสู้" นางก่นด่าเขา
"สวมเสื้อผ้า เราจะกราบไหว้ฟ้าดินกัน"
เยี่ยเหวินจ้าวรู้ดีว่านางเกลียดชังเขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตนาง ด้วยการรับนางเป็นภรรยา
"ไม่ ข้าไม่ทำ ฝันไปเถอะ"
หลิวซืออินแม้ภายนอกจะดูเป็นคนอ่อนหวาน แต่ยามดื้อรั้นขึ้นมา นางก็ไม่ยอมถูกบังคับง่ายๆ
"สวมเสื้อผ้า แล้วกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า"
เขาเอ่ยย้ำ แต่หลิวซืออินไม่ยอมขยับตัว เยี่ยเหวินจ้าวมองสตรีจอมดื้อดึงคนนี้แล้ว รู้สึกอยากปราบพยศนางขึ้นมา ตกเป็นของเขาแล้วยังไม่ยอมกราบไหว้ฟ้าดินด้วย อยากจะรู้นักว่า จะดื้อรั้นได้ถึงไหน เขายื่นมือไปกระชากชุดเจ้าสาวที่คลุมร่างของนางออก
“ว้าย!”
หลิวซืออินกรีดร้องด้วยความตกใจ รีบคว้ามาปกปิดร่าง เนื้อตัวของนางเปลือยเปล่ามีเพียงชุดขาดวิ่นชุดนี้เท่านั้น แก้มนวลร้อนผ่าว เมื่อสบสายตาคมวาวของอีกฝ่าย อยากให้เขาเอาผ้ามาปิดตานางไว้เช่นเดิม ดีกว่าต้องทนเห็นสายตาที่เขามองเนื้อตัวนาง
“ข้าเห็นของเจ้า มาหมดทั้งตัวแล้ว ปกปิดไปก็ยังจำได้”
ดวงตาคู่คมนั้น จับจ้องเรือนกายงดงามไม่ละสายตา
“ข้าขอร้องเจ้า ปล่อยข้าไปเถอะนะ”
หลิวซืออินพยายามกลั้นสะอื้นไม่ร้องไห้ออกมา รู้สึกอดสูเหลือเกิน นางถูกเขาย่ำยีอย่างไร้ทางสู้ แล้วเขายังพูดจาให้ต้องอับอายอีก
“สตรีหากออกเรือนแล้ว ก็ต้องถูกบุรุษทำเช่นนี้ทุกคน”
คำพูดของเขาคล้ายต้องการจะบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องทั่วไปของชายหญิง มือที่จับปลายคางคลายออกมาทาบบนแก้ม ใบหน้าของเขาโน้มเข้ามาใกล้
“ข้าไม่ได้แต่งกับเจ้า”
หลิวซืออินเอ่ยค้าน หรุบตาลงไม่ยอมมองหน้าเขา กิริยานั้นทำให้เยี่ยเหวินจ้าวไม่ชอบใจ
“แม้เจ้าไม่ได้แต่งกับข้า แต่เจ้าก็เป็นของข้าแล้ว”
“ข้าเป็นแค่คนที่ถูกเจ้าข่มเหง”
“จะอย่างไร ข้าเป็นเจ้าของร่างกายของเจ้า สิ่งนี้คือสิ่งที่เจ้าต้องยอมรับ”
เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยย้ำ รู้สึกว่าสตรีนางนี้ช่างดื้อดึงยิ่งนัก
“ไม่ ข้าไม่ยอมรับ เจ้าโจรชั่ว ข้าเกลียดเจ้า!”
นางไม่ยอมรับว่าเขาเป็นสามีของนางเด็ดขาด ในสายตาของหลิวซืออิน คนผู้นี้คือโจรชั่ว สารเลว คนที่นางจะเกลียดชังไปชั่วชีวิต
“ดี เมื่อข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว เจ้าไม่ยอมรับ เช่นนั้นเจ้าก็อย่าหาว่า ข้าโหดร้ายก็แล้วกัน”
เยี่ยเหวินจ้าวก้มลงจูบนางบดขยี้ริมฝีปากคนดื้อดึงอย่างดุดัน กอดรัดร่างนุ่มนิ่มไว้ไม่ให้ดิ้นหนี อยากรู้นักนางจะดื้อได้นานแค่ไหน
ริมฝีปากนุ่มยังหวานล้ำ เขาดูดดึงกลีบปากทั้งบนและล่าง บดเคล้าอย่างหนักหน่วง ความหวานหอมของนาง ทำให้เขามึนเมา ยากระตุ้นกำหนัดในสุราที่ดื่มก่อนหน้า คล้ายยังไม่หมดฤทธิ์ ยิ่งจูบก็ยิ่งรู้สึกหวาน ยิ่งจูบก็ยิ่งอยากจะจูบไม่เลิกรา ยิ่งได้ครอบครองเรือนร่างงดงามก็ยิ่งหลงใหล มือป่ายปะลูบไล้ไปบนร่างนุ่มเนียนละมุน ขยำสะโพกหนั่นแน่นเต็มกำมือ
ขณะเสียดสีกายแกร่งกับบุปผางาม แนบชิดจนระอุร้อน จากที่คิดจะหยุดกระทำ แล้วพานางกราบไหว้ฟ้าดินให้ถูกต้อง ตอนนี้ความปรารถนาของเขา กลับทำให้ความคิดนั้นเลือนไป ร่างนุ่มหอมของนางเป็นของเขาแล้ว จึงไม่คิดจะปล่อยนางไปอีก
หลิวซืออินพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ก็สู้ไม่ได้ นางส่ายหน้าหนี แต่ก็ถูกริมฝีปากบดเคล้าอย่างหนักหน่วง จนแทบหายใจแทบไม่ทัน มือหนาลูบไล้ไปทั่วร่างนุ่มเนียน กระตุ้น โลมเล้า เสียดสีร่างไปมา ทำให้รู้สึกทั้งหวาดหวั่น และปั่นป่วนไปหมด กายสาวเหมือนก้อนแป้ง ถูกนวดคลึงให้เปลี่ยนรูปไปตามใจนึก หัวใจทำงานหนักทั้งตื่นกลัว ทั้งผวาสั่น ด้วยความรู้สึกแปลกป่วน ที่ตัวนางไม่รู้ว่ามันคืออะไร
เยี่ยเหวินจ้าวจุมพิตริมฝีปากนุ่ม มอบความวาบหวามอย่างอ่อนโยน ก่อนจะจุมพิตไปบนลำคอขาวผ่อง บรรจงใช้ริมฝีปากแตะบนผิวนุ่มเนียนราวกับผ้าไหม ปลอบประโลมไม่ให้หวาดผวา ด้วยการลูบไล้แผ่วเบา ทรวงอกอวบอิ่มถูกเคล้าคลึง ก่อนจะใช้ริมฝีปากผ่าวร้อน ครอบครองยอดทรวงสีหวาน ขบเม้ม ดูดดึง จนเจ้าของทรวงงามสั่นสะท้าน
“ยะ... อย่านะ...”
หลิวซืออินผวาเฮือก ร้องห้ามเสียงพร่า มือน้อยผลักไส แต่เขาไม่ยอมให้นางได้ต่อต้าน ดูดเม้มริมฝีปากแรงขึ้น มือกอบกุมคลึงเคล้า นวดเฟ้นความนุ่มหยุ่น ราวกับก้อนแป้งซาลาเปาไปมา แรงต้านทานของนางพลันอ่อนลง ไม่อาจฝืนความปรารถนาที่เขากำลังสร้างขึ้นได้ น้ำตาไหลรินออกมา แล้วหยดลงตามหางตา เม้มปาก ร่างงามบิดเกรียวสะท้านไหว แสนละอายนักที่เกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมา
“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บอีกแล้ว...”
เยี่ยเหวินเจ้าละริมฝีปากออก จากยอดทรวงแสนหวาน ยื่นหน้าไปกระซิบข้างหู ปลอบประโลมให้นางผ่อนคลายความหวาดหวั่น แล้วค่อยๆ รูดตัวลง จุมพิตตามลำคอ แล้วหยุดชื่นชมทรวงอวบงามอีกครั้งอย่างหลงใหล สตรีนางนี้งดงามราวกับเทพธิดา งามกว่าสตรีหลายคนที่เขาเคยพบ ความแค้นถูกสะสางไปแล้ว นางคือคนที่เขาต้องรับผิดชอบดูแลไปชั่วชีวิต
เยี่ยเหวินจ้าวตั้งหน้าตั้งตา เก็บเกี่ยวความสุขจากเรือนร่างงดงามนี้
"จำเอาไว้ ว่าข้าเป็นสามีเจ้า"
///บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู