แชร์

บทที่ 45 ซ่งเหวินหนิง

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-25 19:49:25

โถงพิธีศพของจวนนิ่งอันโหวตั้งโลงศพสองโลงเคียงคู่กัน ผู้คนในจวนโหวต่างก็ตกอยู่ในอาการเศร้าสลด ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการลงมาอีกครั้งแต่งตั้งฮูหยินผู้เฒ่าให้เป็นฮูหยินขั้นหนึ่งอวยยศฮูหยินผู้เฒ่าจวนนิ่งอันโหวเป็นฮูหยินเก้ามิ่ง ตำแหน่งฮูหยินเก้ามิ่งนี้โม่ชิงเยว่รู้ดีว่าฮูหยินผู้เฒ่าต้องการเป็นอย่างมาก นางมักจะเอ่ยวาจาโอ้อวดกับโม่ชิงเยว่อยู่หลายครั้งว่าหากบุตรชายของนางสร้างความดีความชอบที่ชายแดนในครั้งนี้ได้ นางก็จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นฮูหยินเก้ามิ่งแล้ว ยามมีชีวิตอยู่ไม่ได้รับตำแหน่งนี้เสียที แต่พอตายไปแล้วกลับได้รับพระราชทานแต่งตั้งเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะสามารถรับรู้ได้หรือไม่

โม่ชิงเยว่จ้องมองโลงศพทั้งสองโลงด้วยสายตาอันว่างเปล่า ยามนี้นางกำลังสวมชุดไว้ทุกข์นั่งเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้แม่สามีและสามีที่ล่วงลับตามหน้าที่ ฮูหยินผู้เฒ่าจะได้รับหรือไม่นางไม่รู้แต่ที่รู้ๆ ซ่งเหวินจิ้งไม่ได้รับแน่ๆ

“ท่านแม่ พี่ใหญ่” ซ่งเหวินหนิงถลาเข้ามาในโถงทำพิธีจ้องมองโลงศพที่ตั้งอยู่กลางห้องด้วยใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา

“ทำไมเป็นเช่นนี้ ทำไมจึงได้เป็นเช่นนี้” นางเอ่ยพลางร่ำไห้ออกมา

“ข้าสาปแช่งพวกท่านให้พวกท่านประสบเคราะห์เพราะพวกท่านไม่ช่วยข้า แต่ใจจริงของข้าไม่ได้อยากจะให้พวกท่านต้องตายตามกันไปเช่นนี้” ซ่งเหวินหนิงเอ่ยพึมพำออกมาเสียงเบาแต่โม่ชิงเยว่ที่นั่งฟังอยู่กลับได้ยินเต็มสองหู นางจ้องมองซ่งเหวินหนิงด้วยสายตาอันเย็นชาแล้วจึงได้เอ่ยถามเหยียนเซียวที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของซ่งเหวินหนิงด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เหตุใดนางจึงได้มาที่นี่ได้” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยถามเช่นนี้เหยียนเซียวจึงได้เอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“นิ่งอันโหวทำความดีความชอบจนตัวตาย ฝ่าบาทจึงทรงมีพระเมตตาออกราชโองการปล่อยตัวคุณหนูซ่งเพื่อให้นางได้มาแสดงความกตัญญูต่อมารดาและพี่ชาย” เมื่อเหยียนเซียวเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็เอ่ยถามออกมาตามตรง

“หมายความว่านางพ้นโทษแล้วใช่หรือไม่”

“ใช่แล้วหลังจากวันนี้ไปนิ่งอันโหวฮูหยินก็จะได้มีคนมาช่วยแบกรับภาระในจวนแล้ว” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้โม่ชิงเยว่ได้แต่หัวเราะเยาะอยู่ในใจพลางจ้องมองซ่งเหวินหนิงด้วยสายตาเย้ยหยัน

‘คนอย่างซ่งเหวินหนิงหรือจะมาช่วยแบ่งเบาภาระ นางจะมาเป็นภาระให้ข้าเสียมากกว่า’ แล้วซ่งเหวินหนิงก็ไม่ได้ทำให้โม่ชิงเยว่ต้องผิดหวัง พอได้ยินคำว่านิ่งอันโหวฮูหยินซ่งเหวินหนิงก็ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจมาให้นางในทันที

“นังตัวซวย! เจ้ามันคนดวงกุดที่อยู่ที่ไหนก็มีแต่คนตาย พ่อแม่เจ้าตายยังไม่พอเจ้ายังมาทำให้พี่ใหญ่กับท่านแม่ของข้าตายอีก” คำพูดของซ่งเหวินหนิงทำให้โม่ชิงเยว่เลิกคิ้วขึ้น แล้วจึงได้เอ่ยถามเหยียนเซียวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ฝ่าบาททรงต้องการให้นางกลับมาแสดงความกตัญญูต่อแม่สามีและสามีของข้าเช่นนั้นหรือ” คำถามของซ่งเหวินหนิงทำให้เหยียนเชียวพยักหน้า

“ใช่แล้ว ในฐานะน้องสาวเพียงคนเดียวของท่านโหว นางไม่สมควรที่จะถูกคุมขังอยู่ในคุกของกรมอาญา” เมื่อเหยียนเซียวเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็จ้องมองซ่งเหวินหนิงด้วยสายตาอันแข็งกร้าว

“ชุ่ยเหมย ชุ่ยหลันช่วยกันจับตัวนางเอาไว้แล้วส่งนางไปที่หอลงทัณฑ์ โกนศีรษะของนางให้เกลี้ยงแล้วส่งนางไปบวชที่วัดเพื่อให้นางสั่งสมบุญให้แก่ท่านแม่และท่านโหว” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้เหยียนเซียวพลันชะงักไปส่วนซ่งเหวินหนิงหันมาเอ่ยกับโม่ชิงเยว่ด้วยน้ำเสียงข่มขู่ในทันที

“เจ้ากล้าหรือ”

“เหตุใดจะไม่กล้าเล่า ข้าในฐานะที่เป็นพี่สะใภ้ของเจ้าย่อมจะต้องดูแลเจ้าให้ดี ยามนี้พี่ชายของเจ้าสิ้นชีพไปแล้วมีเพียงข้าที่ต้องดูแลเจ้า ดังนั้นข้าสั่งให้เจ้าทำสิ่งใดเจ้าก็ต้องทำตาม” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางหันไปทางชุ่ยเหมยนางรีบเดินไปจับกุมซ่งเหวินหนิงในทันที

“โม่ชิงเยว่ ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการปล่อยตัวข้าเพื่อให้ข้ากลับมาแสดงความกตัญญูต่อท่านแม่และพี่ใหญ่ไม่ใช่หรือ เจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าเจ้าขัดราชโองการของฝ่าบาทหรือ”

“ข้าขัดราชโองการตรงไหน ข้าส่งเจ้าไปที่วัดก็เพื่อให้เจ้าได้แสดงความกตัญญูอย่างเต็มที่ เหวินหนิงเจ้าทำเรื่องที่แปดเปื้อนถึงขนาดนั้นคิดว่าท่านแม่จะมีความสุขหรือที่เห็นเจ้ายังลอยหน้าลอยตาอยู่ที่จวนโหวแห่งนี้ ส่วนพี่ชายของเจ้าเขาจะต้องดีใจแน่ที่รู้ว่าเจ้าหันหน้าเข้าวัดแล้วมุ่งสู่เส้นทางธรรม จิตใจของเจ้าจะได้สะอาดผุดผ่องดังเช่นผู้อื่นได้เสียที ให้ธรรมะช่วยชำระล้างจิตใจที่สุดแสนจะสกปรกโสมมของเจ้าเสีย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินหนิงก็ทำท่าว่าจะกรีดร้องและโต้ตอบด้วยวาจาแต่ชุ่ยเหมยที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วรีบใช้ผ้าสกปรกที่ใช้เช็ดถูกพื้นม้วนเป็นก้อนกลมๆ แล้วยัดเข้าไปในปากของซ่งเหวินหนิงในทันที นางถลึงตาใส่ชุ่ยเหมยพลางขยับกายจะดิ้นรนหนีแต่ก็ไม่สามารถจะสู้เรี่ยวแรงของชุ่ยเหมยได้ ใช้เวลาเพียงไม่นานร่างของซ่งเหวินหนิงก็ถูกลากออกจากโถงพิธีการไปแล้ว

“นิ่งอันโหวฮูหยินเรื่องนี้ท่านจะไม่ทำรุนแรงมากจนเกินไปหรือ” เหยียนเซียวเอ่ยถามออกมาตามตรงโม่ชิงเยว่จึงได้ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยโต้ตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเฉยชา

“เรื่องใหญ่ที่นางทำไว้ข้าไม่กล้าปล่อยให้นางทำให้จวนโหวแห่งนี้ต้องแปดเปื้อน วันหน้าลูกๆ ของข้าต้องเติบใหญ่และใช้ชีวิตอยู่ภายใต้จวนแห่งนี้ ข้าไม่ต้องการให้พวกเขาต้องเผชิญกับคนที่มีจิตใจสกปรกเช่นนาง” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางจ้องมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วจึงได้เอ่ยต่อเพื่อเป็นการย้ำเตือนให้เขารู้ถึงจุดยืนของนาง

“สำหรับข้าแล้วลูกๆ คือสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในชีวิต หากมีเรื่องใดหรือผู้ใดที่คิดจะทำร้ายหรือทำลายพวกเขา ข้าที่เป็นแม่ก็พร้อมจะออกหน้าปกป้องอย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้ใดข้าก็พร้อมจะต่อสู้เพื่อลูกๆ ของข้าด้วยความสามารถทั้งหมดที่ข้ามีแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตข้าก็ยินดี ขอแค่เพียงพวกเขาอยู่รอดปลอดภัยไปตลอดชีวิตก็พอ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้เหยียนเซียวที่กำลังสบสายตากับนางอยู่ก็พลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชาเช่นเดียวกัน

“ได้! ข้าจะจดจำถ้อยคำนี้ของท่านเอาไว้” เมื่อเหยียนเซียวเอ่ยจบเขาก็จากไปโดยไม่คิดจะคารวะศพของผู้ล่วงลับอย่างที่สมควรจะทำ ทำให้โม่ชิงเยว่จ้องมองแผ่นหลังของเขาด้วยสายตาอันร้อนแรง เหยียนเซียวผู้นี้หากเขากล้าปองร้ายชีวิตของลูกๆ ของนาง นางก็ยินดีที่จะทำให้เขารู้ว่านางไม่ใช่สตรีอ่อนแอที่จะยินยอมให้ผู้อื่นรังแกได้อีกแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status