Share

บทที่ 44 หญิงหม้าย

Penulis: BigM00N
last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-25 19:48:45

โม่ชิงเยว่ยังไม่ทันจะได้กลับไปที่เรือนส่วนตัวของตนชุ่ยเหมยก็รีบมาตามนางด้วยสีหน้าร้อนรน พอเห็นหน้านางชุ่ยเหมยก็เม้มปากแน่นหันไปโบกมือไล่คนที่ติดตามนางมาและส่งสัญญาณให้ชุ่ยหลันช่วยกันคนที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไป แล้วนางจึงได้เอ่ยรายงานโม่ชิงเยว่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“เรือนคิมหันต์เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ พอฮูหยินผู้เฒ่าได้รู้ข่าวการตายของท่านโหวก็ได้รับความสะเทือนใจจนสิ้นสติข้าให้คนไปตามท่านหมอแล้ว ฮูหยินท่านจะทำเช่นไรดีเจ้าคะ” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็นิ่วหน้าแล้วเอ่ยกับชุ่ยเหมยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ท่านหมอเมิ่งที่ท่านโหวมักจะส่งมาคอยดูอาการของฮูหยินผู้เฒ่าเล่า”

“ยามนี้เขาอยู่ในเรือนคิมหันต์แล้วและกำลังพยายามช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าอยู่” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ได้แต่ทอดถอนใจออกมา

“เจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนลูกๆ ของข้าให้หน่อย ข่าวการตายของท่านพ่อของพวกเขาอาจจะทำให้พวกเขาตกใจ ข้าจะไปดูอาการของฮูหยินผู้เฒ่าที่เรือนคิมหันต์เสียหน่อย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอยเช่นนี้ก็พยักหน้าแล้วจึงได้เดินตรงไปที่เรือนพักของซ่งจื่อเหยาและซ่งจื่อเยว่

เรือนคิมหันต์เต็มไปด้วยความวุ่นวายยามที่นางเดินเข้าไปในเรือนก็เห็นว่าท่านหมอเมิ่งยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องแล้ว นางละสายตาจากเขาแล้วจึงได้ก้าวเท้าเข้าไปในห้องได้ยินเสียพูดพึมพำของฮูหยินผู้เฒ่าที่เอ่ยกับซ่งเหวินจิ้งนางจึงได้หยุดฝีเท้าลง

“ลูกจิ้ง ลูกมาหาแม่แล้วใช่ไหม ที่เขาว่ากันว่าลูกตายไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม”

“ท่านแม่ลูกยังไม่ตาย” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพึมพำออกมาพลางกอบกุมมือของมารดาเอาไว้

“หลายปีมานี้เจ้าเหินห่างจากแม่เหลือเกิน สายตาที่เจ้าใช้มองแม่ไม่ต่างจากสายตาที่ท่านพ่อของเจ้าใช้มองแม่เลย” เสียงต่อว่าของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า

“ท่านแม่ เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าอกตัญญูต่อท่านขอให้ท่านโปรดให้อภัยข้าด้วย” น้ำเสียงของเขาสั่นพร่าไปด้วยความรู้สึกผิด

“หรงซูชิงผู้นั้นนางไม่ใช่แม่เจ้า เจ้าจงจำเอาไว้ว่าแม่ของเจ้าคือข้าต่างหาก สตรีชั้นต่ำผู้นั้นจะคลอดเจ้าออกมาได้อย่างไร อย่าทำให้ตนเองแปดเปื้อนด้วยการไปหานางที่เรือนเหมันต์อีก ลูกจิ้ง! ลูกต้องเชื่อแม่ อย่าไปเกลือกกลั้วกับคนของเรือนเหมันต์ไม่เช่นนั้นแม่จะทำให้พวกมันต้องตายให้หมด" ถ้อยคำประโยคนี้ของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้โม่ชิงเยว่อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าซ่งเหวินจิ้งไม่ได้มีทีท่าอันใดที่แตกต่างออกไปจากนี้นางจึงได้รู้ว่าเขารู้ดีว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังเอ่ยถึงเรื่องใดอยู่ "เด็กสกุลโม่คนนั้นก็ด้วย พวกนางจะทำให้เจ้าแปดเปื้อน ลูกรักลูกต้องเชื่อแม่นะอย่าไปยุ่งกับพวกนาง แม่ต่างหากที่รักเจ้า เป็นแม่ต่างหากที่รักเจ้ามากที่สุด..” เสียงที่ขาดหายไปพร้อมด้วยลมหายใจที่ขาดห้วงทำให้โม่ชิงเยว่จ้องมองสตรีที่สิ้นใจด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ส่วนซ่งเหวินจิ้งในตอนนี้เขากำลังนั่งกุมมือของมารดาของเขาเอาไว้ โม่ชิงเยว่จึงได้เดินเข้าไปนั่งลงเคียงข้างเขา

“นางฆ่าท่านแม่ของท่าน” โม่ชิงเยว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงกล่าวหา นางเคยได้ยินเรื่องของหรงซูชิงสตรีที่เคยอยู่เรือนเหมันต์ก่อนหน้านาง ซูหรงชิงผู้นี้คือสตรีที่ท่านโหวคนก่อนรักใคร่และลุ่มหลงจนทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าแค้นเคืองจนถึงยามนี้ ผู้คนในจวนนิ่งอันโหวต่างก็ไม่กล้าเอ่ยถึงชื่อของนางให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยิน เมื่อก่อนโม่ชิงเยว่เคยไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดแม้กระทั่งตายไปแล้วฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังไม่ละทิ้งความเกลียดชัง แต่ยามนี้นางรู้แล้วว่าเพราะเหตุใด

“ข้ารู้ แต่นางก็เป็นท่านแม่ของข้าเช่นเดียวกัน หากไม่ใช่เพราะนางข้าก็คงจะไม่ได้มีชีวิตอยู่มาจนเติบใหญ่ อีกทั้งยังไม่อาจจะทวงคืนตำแหน่งโหวกลับมาให้สกุลซ่งดังเช่นที่เป็นอยู่ในยามนี้” เขาเอ่ยพลางจ้องมองมืออันซีดเซียวที่อยู่ในฝ่ามือของเขา

“นางเป็นคนร้ายกาจ แต่ความรักที่นางมอบให้ข้าคือเรื่องจริง ข้าผิดต่อนางตรงที่ไม่อาจจะรักนางได้อย่างเต็มหัวใจ” เขาเอ่ยพลางก้มหน้าลง หยดน้ำตาหนึ่งหยดที่ตกลงบนหลังมือของเขาทำให้โม่ชิงเยว่อดเอ่ยออกมาไม่ได้

“แท้จริงแล้วท่านรักนางมาก”

“แต่ข้าก็อดเกลียดนางไม่ได้ นางฆ่าแม่แท้ๆ ของข้า นางเคยคิดจะฆ่าเจ้า คิดฆ่าลูกของข้า นางทำให้ข้ากลายเป็นคนอกตัญญู ข้าเคยมีจิตที่คิดร้ายต่อนางจริงๆ” คำพูดของเขาทำโม่ชิงเยว่ส่ายหน้า

“หากท่านอกตัญญูจริงนางคงตายด้วยมือของท่านไปนานแล้ว” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็วางมือของฮูหยินผู้เฒ่าลงแล้วหันมาดึงร่างของนางไปโอบกอดเอาไว้ ครั้งนี้โม่ชิงเยว่ไม่ได้ขัดขืนเขาปล่อยให้เขาโอบกอดนางแต่โดยดี

เดิมทีนางเคยคิดว่าซ่งเหวินจิ้งคือบุรุษที่ไร้หัวใจมากที่สุด กับฮูหยินผู้เฒ่าและซ่งเหวินหนิงนั้นเขาอ่อนโยนและตามอกตามใจพวกนางมากก็จริง แต่เขากลับวางตัวเหินห่างจากพวกนางจนแม้กระทั่งโม่ชิงเยว่ยังสังเกตเห็น กับสุ่ยอี้โหรวที่นางเคยเชื่อว่าคือคนที่เขารัก เขาก็ยิ่งเย็นชาต่อสุ่ยอี้โหรวเข้าไปใหญ่ ส่วนกับนางนั้นนางเคยหลงคิดว่าที่เขาทำดีต่อนางเป็นเพราะนางคือภรรยาเอกของเขาเพียงเท่านั้น ยิ่งยามที่เขาทอดทิ้งให้นางต้องเผชิญกับความยากลำบากตามลำพังนางก็ยิ่งคิดว่าเขาคือบุรุษที่ไม่เคยมอบความรักให้แก่ผู้ใดเลย แต่ยามนี้นางเข้าใจแล้ว ทั้งฮูหยินผู้เฒ่าทั้งซ่งเหวินหนิง รวมไปถึงสุ่ยอี้โหรวพวกนางไม่ใช่สตรีที่สามารถทำให้คนหลงรักได้จริงๆ

“ท่านกลับไปรักษาตัวเถิด เรื่องงานศพข้าจะจัดการเอง” โม่ชิงเยว่เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ซ่งเหวินจิ้งจึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกแล้วหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่าด้วยดวงตาอันแดงก่ำ

“เจ้าจะละทิ้งความโกรธจัดงานให้นางได้จริงๆ หรือ” คำถามของเขาทำให้โม่ชิงเยว่หัวเราะออกมาเบาๆ

“นางไม่ได้ฆ่าท่านแม่ของข้านี่ อีกทั้งนางยังลงมือกำจัดข้าได้ไม่สำเร็จด้วย ดังนั้นข้าย่อมจะต้องจัดงานศพให้นางได้อยู่แล้ว ส่วนท่านก็หลบไปสักพักเถิด หากผู้คนในจวนเกิดพบเห็นท่านขึ้นมาก็จะหลงคิดว่าวิญญาณท่านโหวกลับจวนมาเพื่อต้องการจะหลอกหลอนผู้คน” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งได้แต่ทอดถอนใจออกมา ตอนที่นางขยับกายเพื่อลุกขึ้นเขาจึงได้เอ่ยออกมาโดยที่ไม่มองนาง

“ซื่อจื่อจวนไหวกั๋วกงเหยียนเซียวคือคนที่ข้าคิดจะกำจัด หากเป็นไปได้เจ้าจงถอยให้ห่างจากเขาเอาไว้ คนที่ทำให้จดหมายของเจ้าไปไม่ถึงมือของข้าก็คือเขา” เมื่อซ่งเหวินจิ้งเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยถามเขาตามตรง

“เขาทำเช่นนั้นเพื่ออะไร” คำถามของนางทำให้ซ่งเหวินจิ้งจ้องมองนางตามด้วยสายตาอันคมกล้า

“หากข้ากลับมาแล้วพบว่าเจ้ากับลูกตายไปแล้วจวนโหวแห่งนี้คงจะวุ่นวายน่าดู เจ้าคือบุตรสาวแม่ทัพโม่แต่กลับถูกทรมานจนตายในจวนของข้า เจ้าคิดว่าบรรดาแม่ทัพนายกองของท่านพ่อของเจ้าที่ยามนี้อยู่อาณัติของข้าจะพึงพอใจหรือ” คำถามของเขาทำให้ชิงเยว่เม้มปากแน่น

“เขาเข้าใจว่าข้าตายแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คือบรรดาแม่ทัพนายกองในมือของข้า แต่วันนี้การที่เขาเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวายในจวนเช่นนี้ไม่แน่ว่าเขากำลังคิดจะหลอกใช้เจ้า ชิงเยว่วันนี้เจ้าปฏิเสธเขาได้ก็จริงแต่วันหน้าเจ้าต้องระวังตัว” เมื่อซ่งเหวินจิ้งเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ส่ายหน้า

“วางใจเถิดหญิงม่ายสามีตายเช่นข้าจะไม่ปล่อยให้ผู้อื่นรังแกได้อีกต่อไปแล้ว” เมื่อเอ่ยจบโม่ชิงเยว่ก็เดินออกจากเรือนคิมหันต์ไปทิ้งให้ซ่งเหวินจิ้งนั่งตกตะลึงกับคำว่าหญิงม่ายสามีตายของนางอยู่...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status