ณ วังหลวง
ในท้องพระโรง ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เป็นดั่งลูกรักของพระเจ้ารูปงามราวเทพบุตร ยามออกสึกสงครามก็ทรงทรงองค์อาจ นาม 'หลี่หมิงหลง ' พระองค์ทรงตัดสินปัญหาต่าง ๆ อย่างมีเหตุมีผล ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่ราษฎร ถึง พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานก็ทรงเป็นที่รักของราษฎร และเป็นที่เคารพ ของขุนนางน้อยใหญ่ในราชสำนัก พวกขุนนางผู้มิภัคดีถูกกำจัดไปทีละคน จนเกือบจะหมดแล้ว ซึ่งปัญหาใหญ่ในตอนนี้คือพวกขุนนางน้อยใหญ่ต่างอยากให้เขาทรงแต่งตั้งฮองเฮา เสียที ซึ่งเขาเองก็ผลัดวันประกันพรุ่งมาหลายคราแล้ว เมื่อการถกปัญหาต่าง ๆ จบลงขุนนางน้อยใหญ่ก็ทยอยเดินออกไปจากท้องพระโรงจนเกือบหมด " แม่ทัพตง เชิญเจ้าอยู่คุยเป็นเพื่อนเจิ่นก่อนซักหน่อย " ห้องเต้ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบ " พะย่ะค่ะผ่าบาท " ตงเฟยหลง ยืนรอขุนนางออกไปหมดก่อนเดินเข้าไปยืนตรงหน้าผ่าบาท " เรื่องโจรภูเขา เป็นอย่างไรบ้าง " " กระหม่อมให้รองแม่ทัพ มู่เฉิน ไปสืบแล้วพะย่ะค่ะ " ฮ่องเต้ทรงได้ฟังคำพูดอันห่างเหินของสหายรัก ก็ทำหน้าขัดใจเล็กน้อย ' นี่เจ้าแม่ทัพหน้าตาย เจ้าจะไม่เหลือ ความเป็นเพื่อนให้ข้าเลยหรืออย่างไรกัน ' " พูดจากธรรมดาเถอะ " " ได้ข้าก็เบื่อที่ต้องเสแสร้งแล้ว " ว่าแล้วแม่ทัพนั้นก็พูดจาตรงไปตรงมาโดยไม่เหลือความเคารพอีกเลย ' นี่สิถึงจะสมกับเป็นเสาหินของกองทับทมิฬ ' " แล้วข่าวที่เจ้ากับฮูหยินน้อยไปพรอดรักกันกลางตลาดนั่นจริงหรือเท็จล่ะ " ฮ้องเต้ทรงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น " ข่าวเร็วดีนี่ " ตรงเฟยหลงกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย ' เจ้ามังกรขาวตัวนี้ช่างหูตากว่างไกลซะจริง ' " เริ่มมีใจให้คุณหนูจ้าวแล้วสินะ " ตงเฟยหลงไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ' ข้าก็ไม่รู้จะบอกยังไง ก็แค่เริ่มรู้สึกแปลก ๆ ก็เท่านั้น ' " เจ้าเองละ เมื่อไหร่จะมีฮองเฮาซะที " " ข้ายังไม่พบคนที่ทำให้ใจเต้นแรงได้เหมือนกับตอนที่เจอคุณหนูจ้าวครั้งแรกนิ " หึ หึ ' ไอ้มังกรขาวเจ้าเล่ห์นี่ คิดจะยั่วโมโหข้าหรอ ไม่มีทางหรอก ' " ถ้าเจ้า ภูเขาน้ำแข็งนั้นรู้ว่าเจ้าคิดไม่ซื่อกับน้องสาวสุดที่รักของเขาล่ะก็ มีหวังได้แช่แข็งเจ้าทั้งเป็นแน่ " ฮ้องเต้ เองยังทำหน้า ตา ไม่สู้ดีนักหากต้องทำให้คนผู้นั้นโกรธ เพราะประจักษ์แก่ใจดีในความหวงน้องสาวเป็นอย่างยิ่ง เจ้าภูเขาน้ำแข็ง ก็คือ คุณชายใหญ่ สกุลจ้าว ' จ้าวเฟยเทียน ' เจ้าเสาหิน คือ แม่ทัพใหญ่ของ กองทัพทมิฬ ' ตงเฟยหลง ' เจ้ามังกรขาว คือ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ' หลี่หมิงหลง ' พวกเขาทั้งสามต่างมีราชครูคนเดียว กันและเป็นสหายกันมาแต่เยาว์วัย ครั้นถึงคราวออกสึกสงครามก็สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาจนต่างฝ่ายต่างได้รับตำแหน่งหน้าที่ทำสำคัญในราชสำนัก เส้นทางการขึ้นครองบัลลังก์นี้หากไม่มีพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะมาได้ไกลถึงเพียงนี้หรือไม่ " เฮ้อ..ช่างเถอะ ปล่อยให้เจ้าน้ำแข็งนั้นเล่นงานเจ้าคนเดียวก็พอแล้ว ข้าไม่เอาด้วยหรอก " ฮ่องเต้ กล่าวด้วยรอยยิ้ม " ถ้าเจ้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้ งั้นข้าไปล่ะ " " เดี๋ยว.....ข้าแค่อยากรู้ว่า ที่เจ้าแสดงว่ารัก ฮูหยินน้อยจนออกนอกหน้าขนาดนั้น ไม่กลัวศัตรูของเจ้า คิดปองร้ายนางหรือ " ในที่สุดฮ่องเต้ก็ทรงเอ่ยถามในสิ่งที่คับค้องใจ " เป็นความคิดของเจ้ากุนซือหน้าหยกนั่นต่างหากล่ะ ที่คิดจะล่อพวกมันออกมากำจัด แต่ที่น่าแปลกใจคือไอ้เจ้าน้ำแข็งนั่นกับเห็นด้วยนะซิ ถ้าข้าดูแลนางไม่ดี เจ้าสองตัวนั้นได้ถลกหนังข้าเป็นแน่ " เขาถอนหายใจ' อย่างปลงตก ' คนคิดแผนก็เป็นเจ้าสองตัวนั้น แต่คนที่จะซวยกับเป็นข้า ' " หึหึ น่าสนุกดีนะ " ฮ่องเต้ " สนุกบ้านเจ้านะซิ ข้าไปละ " ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ เขาก็หันหลังเดินจากไป ในทันที ฮ่องส่ายศีรษะเล็กน้อย พร้อมกล่าวตามหลัง " ข้าไม่ส่งนะ " ตงเฟยหลง โบกมือให้เป็นเชิงว่าไม่ต้องส่งโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมอง " อีกไม่นานคงมีเรื่องสนุกให้เราได้ชมแล้วล่ะ " ฮ่องเต้ทรงตรัสกับตัวเองเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มตงเฟยหลง กุมมือเรียวของภรรยาตัวน้อยแล้วพาเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ เขารินสุราใสจอกให้นางและเขาก่อนที่จะคล้องแขนกันดื่มสุราจนหมดจอก นางยิ้มหวานให้เขา แล้วเดินเข้ามานั่งบนตักแกร่ง มือเรียวยกขึ้นมากอดรอบคอของคนตัวโตไว้ เขาจึงกอดรอบเอวบางไว้หลวม ๆ " ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่ .... ว่า..ท่านพี่ ลงทุนมากมายขนาดนี้จะขออะไรหรือเจ้าคะ " นางมองสบตาคมแล้วเอ่ยถามออกมาตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อม เขาก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของนาง " พี่ขอ เจ้าตัวเล็กเพิ่มอีกซักสองคนได้ไหม " " แค่นี้ยังไม่พออีกหรือเจ้าคะ " " ยัง..... มีเยอะ ๆ สิถึงจะดี " " แต่ว่า " " เจ้าสัญญากับพี่แล้วนะ " เขาไม่รอให้นางเอ่ยจบ แล้วช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มไว้พาเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว จ้าวฟางลู่ นางรู้ว่าหากคุณสามีของนางเขาตั้งใจที่จะทำอะไรแล้วต้องสำเร็จทุกประการ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่ นางจึงทำได้แค่ยอมตามใจเขาเท่านั้น ตงเฟยหลง มองเด็กน้อยวัยสี
จ้าวฟางลู่มองหน้าอาเต๋อ ที่ยืนทำหน้าตาไม่สู้ดีนัก แล้วจึงเดินกลับเข้าเรือนของตนเองไปเตรียมตัวไปงานแต่งของพี่รอง นางเดินวนไปวนมาอย่างคุ้นคิด ว่าสามีของนางจะไปไหนได้ งานแต่งพี่รองก็ใกล้จะเริ่มแล้วนะ " เจียวซิน ท่านแม่ทัพกลับมาหรือยัง " " ยังเลยเจ้าค่ะ ฮูหยิน " " แล้วเสี่ยวเป่ากับอิ่งเอ๋อหล่ะ แต่งตัวเสร็จหรือยัง " " เสร็จแล้วเจ้าค่ะ " " ข้าจะร่วงหน้าไปก่อน เจ้าไปบอกห้าวชวนหากท่านแม่ทัพกลับมาแล้วให้เขารีบตามไปด้วยนะ " " เจ้าค่ะ " จ้าวฟางลู่ นางส่องกระจกอีกครั้งเพื่อดูความเรียบร้อยของชุดที่ใส่ ชุดสีน้ำเงินเข้มที่ช่วยขับผิวของนางให้ขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นางแต่งหน้าบาง ๆ แต่ยังเลือกเครื่องประดับไม่ได้เลย มือหนากอดรอบเอวบางจากทางด้านหลัง เขาเกิยคางบนไหล่มนแล้วคลอเคลียอยู่กับซอกคอขาวผ่องของภรรยาตัวน้อย บอกตามตรงเขาไม่ชอบให้นางออกงานสังคมเท่าไหร่นัก เพราะไม่ชอบเวลาที่มีบุรุษอื่นม
บุรุษทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างจนใจ เมื่อเจอคำถามของนาง " ลู่เอ๋อ แต่ไม่ไม่เหมือนกันนะ " ท่านแม่ทัพยังคงพยายามที่จะอธิบายต่อ แต่นางก็ไม่ได้สนใจฟังเขาสักเท่าไหร่นัก " แต่ที่นางส่งคนมารอบทำร้ายข้าจะไม่เกินไปหน่อยหรอเจ้าคะ....ข้าว่าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ๆ " " เราจะไปลงโทษนางเอง...และจะให้นางมาขอโทษเจ้าด้วยดีไหม " ฮ่องเต้ ยังคงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางยิ้มรับแล้วหันไปมองเจียวซิน ที่เดินเข้ามานางสบตากับสาวใช้คนสนิทอย่างรู้กัน แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ " คงไม่ต้องแล้วหละเจ้าค่ะ......องค์หญิงคงได้รับบทเรียนมากพอแล้ว " ทุกคนหันมามองหน้านางด้วยความสงสัย แต่ก็ยังไม่ทันมีใครได้ถามอะไร กงกงคนสนิทของฝ่าบาทก็เข้ามาเสียก่อน " ทูลฝ่าบาท ที่ตำหนักขององค์หญิงเหยาจีเกิดเรื่องแล้วพะยะค่ะ " เมื่อกงกงเอ่ยจบ บุรุษทั้งสามคนก็หันมามองหน้านางทันที จ้าวฟางลู่จึงยิ้มบาง ๆ ให้พวกเขาแทนคำตอบ
จ้าวฟางลู่ กอดอกยืนมองชายชุดดำสี่คนที่ถูกจับได้ นางควงมีดในมือเล่น แล้วเดินวนรอบ ๆ ตัวพวกมัน " ใครส่งพวกเจ้ามาหรือ " นางเอ่ยถามคนเหล่านี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไร " หึ...ที่นี่เป็นถึงจวนแม่ทัพผู้เก่งกาจ เหตุใดจึงให้สตรีออกหน้าได้ น่าขายหน้าเสียจริง ไอ้แม่ทัพนั่น มัวไปมุดหัว อยู่ที่ไหนล่ะ" หนึ่งในพวกมันเอ่ยขึ้นทำให้ จ้าวฟางลู่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคนผู้นั้น " สตรีแล้วอย่างไร.....หรือเจ้าว่าข้าไม่น่ากลัวหรือ...." นางมองคนผู้นั้นด้วยความเฉยเมย แล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ แถมยังมาพูดเหยียดหยามสามีของนางอีก แบบนี้คงอยากจะลองดี " ได้....หากถามดี ๆ เจ้าไม่ชอบ เดี๋ยวข้าจัดให้......เด็ก ๆ " พอสิ้นเสียงของนาง คนของนางสองคนก็เดินเข้ามาพร้อมกับหีบใบหนึ่ง พวกเขาหยิบมีขนาดเล็กไล่เรียงตามลำดับไปถึงใหญ่มาก ออกจากหีบมาวางเรียงรายตรงหน้านาง ชายชุดดำทั้งสี่คนมองมีดขนาดต่าง ๆ อย่างตื่นตระหนก จ้าวฟางลู่นางหยิบมีดออกมาควงเล่นตรงหน้าพวกเขา
จ้าวฟางลู่ ยืนมองเงาสะท้อนในกระจก อย่างพอใจนางแต่งตัวเรียบง่ายแต่ดูสง่างาม ' แค่นี้ก็พอมั้ง ' " งามมากเลยเจ้าค่ะฮูหยิน " เจียวซิน เอ่ยชมและมองนายหญิงของนางด้วยรอยยิ้ม หากจะบอกว่าฮูหยินยังเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนก็คงไม่มีใครสงสัยอะไรเป็นแน่ " ซินเอ๋อ ..... เจ้าก็พูดเกินไป เราออกไปกันเถอะท่านพี่คงรอนานแล้ว " " เจ้าค่ะ " เจียวซินเดินตามหลังฮูหยินออกมาจากห้อง ก็เห็นท่านแม่ทัพกับอาเต๋อรออยู่ก่อนแล้ว ตงเฟยหลง มองสตรีตรงหน้าด้วยความตกตะลึงวันนี้นางอยู่ในชุดสีม่วงอ่อน เรียบง่ายแปลกตา ใบหน้าหวานใสแต่งหน้าบาง ๆ เรียวปากสีชมพูระรื่นน่าลิ้มลอง เขาเริ่มจะไม่อยากพานางไปงานแล้วซิ ' สงสัยข้าคงคิดผิดแน่ ๆ ' " ท่านพี่.....ท่านพี่เจ้าคะ ท่านไม่สบายหรือเปล่าข้าเรียกตั้งนาน ทำไมท่านไม่ตอบ " นางเดินเข้ามาใกล้ ใช้หลังมือยกขึ้นมาอิงกับหน้าผากของผู้เป็นสามีด้วยความห่วงใย " ใช่พี่ไม่สบาย...เราไม่ไปแล้วได้ไหม
หยางหลี่เวย มองดูบ่าวรับใช้ขนของขึ้นรถม้า เตรียมเดินทางเข้าเมืองหลวง ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้วว่าจะย้ายไปจัดงานแต่งที่เมืองหลวงแทน " เวยเวย " ร่างบางหันไปมองตามเสียงเรียก แล้วส่งยิ้มหวานให้บุรุษหน้าหวานที่กำลังเดินมาหานาง หลายวันมานี้เขาอาการดีขึ้นเร็วมากจนน่าแปลกใจ แต่หนทางยาวไกลนางเป็นห่วงว่าร่างกายเขาจะรับไม่ไหว " ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่าจะเดินทางไหว " นางมองหน้าเขาอย่างห่วงใยและกังวลใจในคราวเดียวกัน เขามองหน้านางก่อนจะยิ้มบาง ๆ " ตำแหน่งกุนซือของพี่ไม่ได้ ได้มาเพราะหน้าตาหรอกนะเด็กโง่ ไปกันเถอะ " " ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าเชื่อท่าน " หยางหลี่เวย นางเอ่ยเสียงหวานแล้วส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะประคองคนตัวสูงขึ้นรถม้าแล้วออกเดินไปยังเมืองหลวง จวนท่านแม่ทัพ ตงเฟยหลง กลับมาจากกองทัพก็ตรงไปยังเรือน ของฮูหยินทันที่ แต่เดินมาได้ครึ่งทางเขาก็หยุดเดินอย่างกระทันหัน จนห้าวชวนที่เดินตามหลังเกือบหยุดไม่ทัน