อาหารขึ้นชื่อสามสี่อย่างถูกยกเข้ามาวางบนโต๊ะ ส่งกลิ่นหอมเป็นอย่างมากแถมการจัดจานก็สวยงาม ตามด้วยน้ำชาและขนมขึ้นชื่อ ของเหลาอาหาร ' เทียนฝู ' เป็นเหลาอารที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นเหลียงเลยก็ว่าได้
จ้าวฟางลู่ กวาดตามองอาหารตรงหน้าด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม จึงเรียก เจียวซิน และอาเต๋อ ให้มานั้ง กินด้วยกัน " ซินเอ๋อ อาเต๋อ มานั่งสิ " " เอ่อ " เจียวซิน " แต่ว่า " อาเต๋อ " ถ้าพวกเจ้าไม่กิน ข้าก็จะไม่กิน งั้นก็ไปกันเถอะ " พูดจบนางทำท่าทางเหมือจะลุกขึ้นยืน " นั่งแล้วเจ้าค่ะ/ขอรับ " พวกเขาตอบรับแล้วรีบนั่งลงเกือบจะทันที นางจึงยิ้มน้อย ๆ อย่างพอใจ ' ก็ถ้าจะข้ากินคนเดียวข้าคงกินไม่ลงหรอก ' พวกนางนั่งทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยเเละพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ได้สนใจคนรอบข้างว่าจะมองพวกนางเช่นไร คนส่วนใหญ่ล้วนชื่นชมนาง มองภายนอกนางนั้นรูปโฉมงดงามกิริยามารยาท เหมือนฮูหยินน้อยของจวนสกุลใหญ่ซักจวน แต่นางกับเอ่ยปากชักชวนสาวใช้แล้วผู้ติดตามให้ร่วมโต๊ะอาหารด้วย น้อยคนนักที่งามทั้งกายทั้งใจแบบนี้ เมื่อออกจากเหลาอาหารแล้วพวกนางก็ตรงไปร้านขายผ้า ' ฝ่านอิ่น ' เป็นร้านที่มีผ้าเนื้อดีมากมายราคาก็ไม่ได้แพงมาก คนทั่วไปสามารถจับต้องได้ นางกับเจียวซินช่วยกันเลือกผ้า ไม่นานก็ได้ผ้าที่ต้องการ ส่วนมากผ้าที่นางเลือกจะเป็นโทนสีเข้ม สีดำ แดง น้ำเงิน ฟ้า ม่วงและจบด้วยสีขาว เนื้อผ้าที่เลือกจะเป็นผ้าแบบที่ทนนานต่อการใช้งาน เมื่อออกแบบชุดและวัดตัวเสร็จ นางกับเจียวซิน ก็เดินออกมาหา อาเต๋อ ที่ยืนรออยู่นอกร้าน จากนั้นก็เป็นการเดินสำรวจตลาด เข้าร้านหนังสือ ร้านขายเครื่องประดับ ร้านขายของหายาก นางดินจูงมือ เจียวซิน เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนทั่วและแวะนั่งร้านน้ำชา โดยมีอาเต๋อทำหน้ามุ้ยเดินถือของเต็มสองมือตามมา พวกนางสองคนสบตากันและหัวเราะเบา ๆ เสียงเอะ อะโวยวาย ดังมาแต่ไกล นางจึงหันไปมอง เห็นผู้ขายวัยกลางคนน่าตามอมแมมกำลังวิ่งถือบางอย่าง และวิ่งมาทางที่นางนั่งอยู่ มีพ่อค้าและชาวบ้านวิ่งตามมา พร้อมตะโกน " ขโมย " " จับเขาไว้ " พ่อค้าที่วิ่งตามมาร้องตะโกนขอให้ช่วยจับหัวขโมย เมื่อเจ้าหัวขโมยกำลังจะวิ่งผ่าน ตรงที่นางนั่งอยู่ ซึ่งนางนั่งโต๊ะติดทางเดินตรงข้ามกับ อาเต๋อ นางจึงยื่นเท้าออกไปเล็กน้อย " อุ๊ย .." ...พลัก ..ตุบบ... เจ้าหัวขโมยล้มลงกับพื้นกองอยู่ตรงน่านาง นางแสร้งทำท่าที่ตกอก ตก ใจเป็นอย่างมาก " ท่านน้าท่านเป็นอย่าไรบ้าง เจ็บหรือไม่ อาเต๋อ เจ้าช่วยพยุงท่านน้าขึ้นที " นางส่งสายตาให้ อาเต๋อเป็นเชิงให้ขับเขาไว้ ซึ่ง อาเต๋อ เองก็เข้าใจและปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว " ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร " ชายคนนั้นพยายามปฏิเสธความช่วยเหลือจากพวกนาง ด้วยเหตุนี้ทำให้พ่อค้าและชาวบ้านตามมาทันและนำตัวเขาส่งให้ทางการตงเฟยหลง กุมมือเรียวของภรรยาตัวน้อยแล้วพาเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ เขารินสุราใสจอกให้นางและเขาก่อนที่จะคล้องแขนกันดื่มสุราจนหมดจอก นางยิ้มหวานให้เขา แล้วเดินเข้ามานั่งบนตักแกร่ง มือเรียวยกขึ้นมากอดรอบคอของคนตัวโตไว้ เขาจึงกอดรอบเอวบางไว้หลวม ๆ " ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่ .... ว่า..ท่านพี่ ลงทุนมากมายขนาดนี้จะขออะไรหรือเจ้าคะ " นางมองสบตาคมแล้วเอ่ยถามออกมาตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อม เขาก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของนาง " พี่ขอ เจ้าตัวเล็กเพิ่มอีกซักสองคนได้ไหม " " แค่นี้ยังไม่พออีกหรือเจ้าคะ " " ยัง..... มีเยอะ ๆ สิถึงจะดี " " แต่ว่า " " เจ้าสัญญากับพี่แล้วนะ " เขาไม่รอให้นางเอ่ยจบ แล้วช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มไว้พาเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว จ้าวฟางลู่ นางรู้ว่าหากคุณสามีของนางเขาตั้งใจที่จะทำอะไรแล้วต้องสำเร็จทุกประการ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่ นางจึงทำได้แค่ยอมตามใจเขาเท่านั้น ตงเฟยหลง มองเด็กน้อยวัยสี
จ้าวฟางลู่มองหน้าอาเต๋อ ที่ยืนทำหน้าตาไม่สู้ดีนัก แล้วจึงเดินกลับเข้าเรือนของตนเองไปเตรียมตัวไปงานแต่งของพี่รอง นางเดินวนไปวนมาอย่างคุ้นคิด ว่าสามีของนางจะไปไหนได้ งานแต่งพี่รองก็ใกล้จะเริ่มแล้วนะ " เจียวซิน ท่านแม่ทัพกลับมาหรือยัง " " ยังเลยเจ้าค่ะ ฮูหยิน " " แล้วเสี่ยวเป่ากับอิ่งเอ๋อหล่ะ แต่งตัวเสร็จหรือยัง " " เสร็จแล้วเจ้าค่ะ " " ข้าจะร่วงหน้าไปก่อน เจ้าไปบอกห้าวชวนหากท่านแม่ทัพกลับมาแล้วให้เขารีบตามไปด้วยนะ " " เจ้าค่ะ " จ้าวฟางลู่ นางส่องกระจกอีกครั้งเพื่อดูความเรียบร้อยของชุดที่ใส่ ชุดสีน้ำเงินเข้มที่ช่วยขับผิวของนางให้ขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นางแต่งหน้าบาง ๆ แต่ยังเลือกเครื่องประดับไม่ได้เลย มือหนากอดรอบเอวบางจากทางด้านหลัง เขาเกิยคางบนไหล่มนแล้วคลอเคลียอยู่กับซอกคอขาวผ่องของภรรยาตัวน้อย บอกตามตรงเขาไม่ชอบให้นางออกงานสังคมเท่าไหร่นัก เพราะไม่ชอบเวลาที่มีบุรุษอื่นม
บุรุษทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างจนใจ เมื่อเจอคำถามของนาง " ลู่เอ๋อ แต่ไม่ไม่เหมือนกันนะ " ท่านแม่ทัพยังคงพยายามที่จะอธิบายต่อ แต่นางก็ไม่ได้สนใจฟังเขาสักเท่าไหร่นัก " แต่ที่นางส่งคนมารอบทำร้ายข้าจะไม่เกินไปหน่อยหรอเจ้าคะ....ข้าว่าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ๆ " " เราจะไปลงโทษนางเอง...และจะให้นางมาขอโทษเจ้าด้วยดีไหม " ฮ่องเต้ ยังคงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางยิ้มรับแล้วหันไปมองเจียวซิน ที่เดินเข้ามานางสบตากับสาวใช้คนสนิทอย่างรู้กัน แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ " คงไม่ต้องแล้วหละเจ้าค่ะ......องค์หญิงคงได้รับบทเรียนมากพอแล้ว " ทุกคนหันมามองหน้านางด้วยความสงสัย แต่ก็ยังไม่ทันมีใครได้ถามอะไร กงกงคนสนิทของฝ่าบาทก็เข้ามาเสียก่อน " ทูลฝ่าบาท ที่ตำหนักขององค์หญิงเหยาจีเกิดเรื่องแล้วพะยะค่ะ " เมื่อกงกงเอ่ยจบ บุรุษทั้งสามคนก็หันมามองหน้านางทันที จ้าวฟางลู่จึงยิ้มบาง ๆ ให้พวกเขาแทนคำตอบ
จ้าวฟางลู่ กอดอกยืนมองชายชุดดำสี่คนที่ถูกจับได้ นางควงมีดในมือเล่น แล้วเดินวนรอบ ๆ ตัวพวกมัน " ใครส่งพวกเจ้ามาหรือ " นางเอ่ยถามคนเหล่านี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไร " หึ...ที่นี่เป็นถึงจวนแม่ทัพผู้เก่งกาจ เหตุใดจึงให้สตรีออกหน้าได้ น่าขายหน้าเสียจริง ไอ้แม่ทัพนั่น มัวไปมุดหัว อยู่ที่ไหนล่ะ" หนึ่งในพวกมันเอ่ยขึ้นทำให้ จ้าวฟางลู่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคนผู้นั้น " สตรีแล้วอย่างไร.....หรือเจ้าว่าข้าไม่น่ากลัวหรือ...." นางมองคนผู้นั้นด้วยความเฉยเมย แล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ แถมยังมาพูดเหยียดหยามสามีของนางอีก แบบนี้คงอยากจะลองดี " ได้....หากถามดี ๆ เจ้าไม่ชอบ เดี๋ยวข้าจัดให้......เด็ก ๆ " พอสิ้นเสียงของนาง คนของนางสองคนก็เดินเข้ามาพร้อมกับหีบใบหนึ่ง พวกเขาหยิบมีขนาดเล็กไล่เรียงตามลำดับไปถึงใหญ่มาก ออกจากหีบมาวางเรียงรายตรงหน้านาง ชายชุดดำทั้งสี่คนมองมีดขนาดต่าง ๆ อย่างตื่นตระหนก จ้าวฟางลู่นางหยิบมีดออกมาควงเล่นตรงหน้าพวกเขา
จ้าวฟางลู่ ยืนมองเงาสะท้อนในกระจก อย่างพอใจนางแต่งตัวเรียบง่ายแต่ดูสง่างาม ' แค่นี้ก็พอมั้ง ' " งามมากเลยเจ้าค่ะฮูหยิน " เจียวซิน เอ่ยชมและมองนายหญิงของนางด้วยรอยยิ้ม หากจะบอกว่าฮูหยินยังเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนก็คงไม่มีใครสงสัยอะไรเป็นแน่ " ซินเอ๋อ ..... เจ้าก็พูดเกินไป เราออกไปกันเถอะท่านพี่คงรอนานแล้ว " " เจ้าค่ะ " เจียวซินเดินตามหลังฮูหยินออกมาจากห้อง ก็เห็นท่านแม่ทัพกับอาเต๋อรออยู่ก่อนแล้ว ตงเฟยหลง มองสตรีตรงหน้าด้วยความตกตะลึงวันนี้นางอยู่ในชุดสีม่วงอ่อน เรียบง่ายแปลกตา ใบหน้าหวานใสแต่งหน้าบาง ๆ เรียวปากสีชมพูระรื่นน่าลิ้มลอง เขาเริ่มจะไม่อยากพานางไปงานแล้วซิ ' สงสัยข้าคงคิดผิดแน่ ๆ ' " ท่านพี่.....ท่านพี่เจ้าคะ ท่านไม่สบายหรือเปล่าข้าเรียกตั้งนาน ทำไมท่านไม่ตอบ " นางเดินเข้ามาใกล้ ใช้หลังมือยกขึ้นมาอิงกับหน้าผากของผู้เป็นสามีด้วยความห่วงใย " ใช่พี่ไม่สบาย...เราไม่ไปแล้วได้ไหม
หยางหลี่เวย มองดูบ่าวรับใช้ขนของขึ้นรถม้า เตรียมเดินทางเข้าเมืองหลวง ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้วว่าจะย้ายไปจัดงานแต่งที่เมืองหลวงแทน " เวยเวย " ร่างบางหันไปมองตามเสียงเรียก แล้วส่งยิ้มหวานให้บุรุษหน้าหวานที่กำลังเดินมาหานาง หลายวันมานี้เขาอาการดีขึ้นเร็วมากจนน่าแปลกใจ แต่หนทางยาวไกลนางเป็นห่วงว่าร่างกายเขาจะรับไม่ไหว " ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่าจะเดินทางไหว " นางมองหน้าเขาอย่างห่วงใยและกังวลใจในคราวเดียวกัน เขามองหน้านางก่อนจะยิ้มบาง ๆ " ตำแหน่งกุนซือของพี่ไม่ได้ ได้มาเพราะหน้าตาหรอกนะเด็กโง่ ไปกันเถอะ " " ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าเชื่อท่าน " หยางหลี่เวย นางเอ่ยเสียงหวานแล้วส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะประคองคนตัวสูงขึ้นรถม้าแล้วออกเดินไปยังเมืองหลวง จวนท่านแม่ทัพ ตงเฟยหลง กลับมาจากกองทัพก็ตรงไปยังเรือน ของฮูหยินทันที่ แต่เดินมาได้ครึ่งทางเขาก็หยุดเดินอย่างกระทันหัน จนห้าวชวนที่เดินตามหลังเกือบหยุดไม่ทัน