Share

๖ สงสารหรือสมเพช

last update Last Updated: 2025-08-12 22:00:53

หลี่เจิ้งเฉินอุ้มไป๋ซูเหยสกลับไปที่จวนอย่างเร่งรีบ ซ้ำตลอดทางยังตะโกนเรียกสาวใช้ให้ท่านหมอมาโดยเร็ว

ทุกครั้งยามนี้ที่เขาเหลือบสายตามองนางในอ้อมแขนนั้น ทันใดนั้น…หัวใจแกร่งก็พลันกระตุกวูบรุนแรงอย่างน่าประหลาดใจ เพียงคิดว่าหากสตรีผู้นี้เป็นอันใดไป

นี่ก็คงความผิดของเขากระมัง!?

ยามนี้ทั่วทั้งเรือนหลัก จุดโคมไฟจนสว่างไสวแต่ทว่ากลับไม่อาจขับไล่บรรยากาศอึมครึมขุ่นมัวภายในเรือนได้ หลี่เจิ้งเฉินนั่งเงียบงันอยู่ข้างเตียง ดวงตาคมกริบทอดมองร่างบอบบางที่ยังคงหลับใหลอยู่ตรงหน้า

ใบหน้าซีดเซียวไล่สีเลือดฝาดเมื่อครู่ๆ ค่อยๆ ขึ้นสีเล็กน้อย

เขาพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากของนางแผ่วเบา…ราวกับไม่ต้องการปลุกให้นางขึ้นมา

หลี่เจิ้งเฉินกำมือแน่น ยามนี้เขาถูกความรู้สึกผิดกัดกินอยู่

ไม่ใช่นาง...

ไม่ใช่นางเลยสักนิดที่ควรถูกลงโทษ...

“ข้าขอโทษ…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา

“นี่มิใช่ความผิดของเจ้า…ไป๋ซูเหยา”

ก่อนหน้านั้น หลี่เจิ้งเฉินย่อมรู้ดีว่าสตรีที่อยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวหาใช่ไป๋เหยียนหลันไม่เพราะมีคนจากสกุลไป๋เร่งร้อนมาแจ้งข่าวแต่เช้าตรู่เสียจนเขาตั้งตัวไม่ทัน

ในยามนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรรับมือเช่นไร

จู่ๆ สตรีในดวงใจกลับหายตัวไปไร้ร่องรอยในวันแต่งงานแต่ สิ่งที่เขาทำได้จึงมีเพียงรับไว้ก่อน…อย่างไรเสียนางก็ต้องกลับมา

ทว่าครั้นถึงตอนเข้าหอ สตรีที่สมควรสวมชุดเจ้าสาวสีชาดร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกับเขา ครองคู่ผูกปลายผมและกล่าวคำสาบานร่วมชีวิตหาใช่นางที่เขาเฝ้ารอคอยแต่กลับเป็นอีกคนแทน

หลี่เจิ้งเฉินโกรธ…โมโหจนไม่อาจระงับอารมณ์ได้

โทสะที่อัดแน่นอยู่ในอกมาตลอดทั้งวัน เพียงแค่เห็นหน้าสตรีที่ไม่ควรอยู่ตรงนั้น กลับทำให้ความอดทนทั้งหมดพังทลายลงไปในพริบตา

เขาโยนความผิดทุกอย่างให้นางโดยไม่แม้แต่จะถาม ไม่เคยคิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่เอาแต่อารมณ์เหนือเหตุผลประหนึ่งคนโง่งม

ทั้งที่สิ่งควรทำมากที่สุดคือออกตามหาไป๋เหยียนหลัน

ทว่าเขากลับเอาแต่ระบายโทสะใส่ไป๋ซูเหยาแทน ทั้งที่นางก็ไม่ต้องการเช่นนี้และถูกส่งมาแทนเพียงเพราะไม่อาจปฏิเสธได้

พอคิดย้อนกลับไป หลี่เจิ้งเฉินก็ได้แต่หัวเราะเยาะตนเอง

เขาช่างโง่งมเสียจริง

เช้าวันต่อมา…

เหล่าสาวใช้ที่เห็นพระชายาเป็นลมล้มพับต่อหน้าต่อตาย่อมพากันตกใจและเป็นกังวลยิ่งนัก บ้างก็น้ำตาคลอ บ้างก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวโทษผู้เป็นนายในใจ

‘หลี่อ๋องโหดร้ายเกินไปแล้ว...’

‘พระชายาทำสิ่งใดผิดกันถึงต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้’

อย่างไรเสียพระชายา..ก็เป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง หาใช่ผู้กระทำผิดร้ายแรงสิ่งใดไม่ ในเมื่อแต่งเข้ามาเป็นภรรยาแล้วก็ควรได้รับการถนอมดูแล หาใช่กักขังหรือทอดทิ้งดังเช่นสัตว์สิ่งของเช่นนี้

หลังจากพระชายาหมดสติไป พวกนางก็พลันตามท่านหมอมาดูอาการโดยเร็ว โชคยังดีที่ไม่ใช่ไข้หนักเป็นเพียงอาการอ่อนเพลียจากการอดอาหารและพักผ่อนไม่เพียงพอเท่านั้น ทว่า…

‘หลี่อ๋องกลับทำเกินไป’

แล้วไฉนถึงกล้าปล่อยให้อดข้าวอดน้ำทั้งวัน แต่พอยามนี้กลับเป็นห่วงเป็นใยมีคำสั่งให้พวกนางเฝ้านางไว้ไม่ห่าง ทั้งยังคอยสลับเวรยามตรวจเช็กไข้ทุกครึ่งชั่วยาม คอยเช็ดตัวไม่ให้ไข้ขึ้นซ้ำ

ดูจากการกระทำของท่านอ๋องในตอนนี้…ช่างขัดแย้งกับพฤติกรรมเมื่อวานนี้อย่างสิ้นเชิง!

เมื่อวานยังทำราวกับจะผลักไสพระชายาให้ตกเหว

แต่ยามนี้…กลับทำราวกับกลัวว่าพระชายาจะหนีหายออกจากจวนไป!

เหล่าสาวใช้พากันเงียบงัน ไม่มีใครกล้าเอ่ยอันใดออกมา ทั้งหวาดหวั่นและสับสนในใจ เพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหลี่อ๋องคิดสิ่งใดอยู่กันแน่

ไป๋ซูเหยารู้สึกปวดระบมไปทั่วร่าง ราวกระดูกทุกชิ้นส่วนในร่างกายถูกบิดหักแยกออกเป็นชิ้นๆ ความเจ็บปวดแล่นปลาบขึ้นมาทันทีที่นางรู้สึกตัว

นางค่อยๆ ลืมตาอย่างเชื่องช้า ทว่าเมื่อเห็นภาพตรงหน้ากลับต้องสะดุ้งเฮือกตกใจทันทีราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ

สาวใช้หลายคนกำลังยืนล้อมรอบเตียง สีหน้าของแต่ละคนแสดงความตกใจปนยินดีเมื่อเห็นว่านางฟื้นขึ้นมาแล้ว…

“พระชายา! พระชายาฟื้นแล้วเจ้าค่ะ!”

“รีบไปตามหมอกลับมาเร็วเข้า!”

เสียงพูดคุยโกลาหลดังขึ้นรอบตัวไป๋ซูเหยา นางกะพริบตาไล่ความพร่าเลือนก่อนจะยกมือกุมขมับแน่นด้วยความมึนงง กระทั่งสาวใช้ผู้หนึ่งโน้มตัวลงกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พระชายาเป็นลมไปเจ้าค่ะ หลี่อ๋องทรงกังวลมากถึงกับสั่งให้พวกหม่อมฉันเฝ้าอยู่ไม่ห่าง”

ถ้อยคำพูดนั้นคล้ายสายฟ้าฟาดลงมากลางใจนาง

หลี่เจิ้งเฉินน่ะหรือ…ห่วงใยนาง!?

ไป๋ซูเหยาหลุบตาลงต่ำ พลางแค่นหัวเราะเยียบเย็นในใจ จะเชื่อในความห่วงใยจากบุรุษผู้นั้นได้อย่างไรกัน

นางไม่เชื่อ!

ไม่เชื่อในน้ำใจที่มาหลังโทสะ

ไม่อยากได้ยินแม้กระทั่งชื่อ

ไม่ต้องการเห็นเงาและไม่อยากจะมองหน้าเขาอีก!

แม้แต่คำว่าขอโทษ…ก็มิอาจลบล้างสิ่งที่เขาทำกับนางได้

หากไป๋เหยียนหลันไม่กลับมาอีกสองปี นางคงไม่กลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วหรืออย่างไร!

เพียงชั่วพริบตา ภายในเรือนหลักก็พลันเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้น เหล่าสาวใช้พากันแตกตื่น วิ่งวุ่นราวกับเกิดเหตุใหญ่โต

หลี่เจิ้งเฉินซึ่งกำลังนั่งอ่านตำราอยู่ในห้องหนังสือไม่ไกลนัก พอได้ยินเสียงจอแจคล้ายคนทะเลาะกันดังลอดเข้ามาไม่ขาดสาย เขาพลันลุกขึ้นยืน หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัยก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินตรงมายังต้นเสียงทันที

เสียงฝีเท้าหนักแน่นหยุดลงตรงหน้าทางเข้า…

เขาก้าวเข้าไปไม่ถึงครึ่งก้าวกับต้องชะงักไปชั่วขณะ สายตาคมกริบเพ่งมองเบื้องหน้า ทว่าจู่ๆ หัวใจแกร่งกลับกระตุกวูบอย่างไร้สาเหตุอีกครั้ง

ไป๋ซูเหยาเพิ่งฟื้นจากอาการเป็นลม นางกำลังพยายามจะยันกายลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทางอ่อนแรง ใบหน้าคนงามซีดเผือด นัยน์ตาเมล็ดซิ่งแดงก่ำจากพิษไข้ เหล่าสาวใช้รอบข้างต่างช่วยกันประคองด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและเห็นใจ

“ระวังเจ้าค่ะ พระชายาอย่าฝืน...”

“มีคนไปตามท่านหมอแล้วใช่หรือไม่!” น้ำเสียงของสาวใช้ผู้หนึ่งร้องลั่นออกมาด้วยความเป็นห่วงและหวาดกลัว

ดูท่าแล้ว แม้หลี่อ๋องจะใจร้ายถึงขั้นขังพระชายาไว้ในเรือนนานหลายชั่วยาม หากแต่กลับแฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างลึกซึ้งอยู่ไม่น้อย เกรงว่าหากพระชายาเป็นอะไรไป…พวกนางคงหนีไม่พ้นโทษทัณฑ์แน่!

หลี่เจิ้งเฉินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาคมกริบแข็งกร้าววูบไหวอย่างควบคุมไม่ได้

มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดด้วยความโกรธ

นางเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขา…!?

“เหอะ!”

โจวตงหยางมองแผ่นหลังของสหายด้วยแววตาเหยียดหยัน เขาแค่นเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนจะก้าวเท้าเดินผ่านไปอย่างไม่ไยดี พร้อมเอ่ยน้ำเสียงทุ้มอย่างไม่ปิดบังความหงุดหงิด

“หากรู้สึกผิดนักก็เอ่ยปากขอโทษนางเสียเถอะ!”

ไหนเลยเขาจะคาดคิดว่าทั้งสองจะถึงขั้นมีเรื่องใหญ่โตกันถึงเพียงนี้!

แม้โจวตงหยางจะไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ทว่าอีกฝ่ายก็เป็นเพียงสตรีผู้หนึ่ง มิหนำซ้ำยังร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกับหลี่เจิ้งเฉินไปแล้วย่อมถือเป็นภรรยาอย่างสมบูรณ์!

ไฉนสหายผู้นี้จึงโง่งมทึ่มทื่อถึงเพียงนี้กัน!

ไป๋ซูเหยาได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นใกล้เข้ามา นางชะงักนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกตั้งสติ จากนั้นจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมอง ดวงตาคู่งามฉายแววว่างเปล่าและเย็นชาแตกต่างจากคราวหน้านี้ที่ยังเจือความเสียใจและผิดหวังเอาไว้

“พระชายา…สบายดีหรือไม่” น้ำเสียงทุ้มของบุรุษแปลกหน้าเอ่ยขึ้น พลางยกมือคารวะตามมารยาท

ไป๋ซูเหยาหันมองเขาเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ นางย่อมไม่เคยเห็นหน้าบุรุษผู้นี้มาก่อน จึงพยักหน้าเล็กน้อยรับไว้เท่านั้น มิได้กล่าวสิ่งใดตอบกลับไป

และในขณะเดียวกัน หางตาของนางพลันเห็นร่างคุ้นเคยเดินเข้ามาในเรือน

‘เหอะ…ตายยากเสียจริง’

ไป๋ซูเหยาคิดเยาะหยันในใจ มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างดูแคลน ก่อนจะเบือนใบหน้าหนี นางทอดสายตาออกไปมองยังนอกหน้าต่างอย่างเฉยชาราวกับไม่อยากจะมองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

“…”

“ฟื้นแล้วหรือ..” น้ำเสียงทุ้มต่ำของหลี่เจิ้งเฉินเอ่ยราบเรียบ หากแต่เจือความอ่อนเอาไว้เจ็ดส่วนอย่างไม่รู้ตัว สายตาคมกริบจับจ้องสตรีตรงหน้าอย่างนิ่งๆ ด้วยความรู้สึกผิด ทว่านางแสดงทีท่าออกมาราวกับไม่ต้องการแม้แต่เห็นหน้าเขา!?

เพียงชั่วพริบตา ภายในเรือนพลันเงียบสงัดลงในทันที…

บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึมครึมและกระอักกระอ่วนชวนให้อึดอัดไม่น้อย แม้แต่เหล่าสาวใช้ที่อยู่บริเวณนั้นก็ไม่กล้าขยับตัวหรือหายใจเสียงดังรบกวนเลยแม้แต่น้อย

แม่บ้านชราเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตู นางพลางเหลือบตามองนายหญิงก่อนหันไปมองหลี่อ๋อง แล้วจึงถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม

“พระชายามิได้มีไข้แล้วเจ้าค่ะ ทว่ายังคงต้องพักผ่อนมากๆ หม่อมฉันให้คนไปตามหมอมาตรวจอีกรอบเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” นางกล่าวพร้อมถือถาดอาหารเข้ามา พลางยอบกายลงเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านหลี่อ๋องและขุนนางโจว

โจวตงหยางยืนกอดอกมองเงียบๆ ดวงตาคมกริบดูลุ่มลึกราวกับกำลังจับสังเกตสถานการณ์อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ อย่างเข้าใจ

เขาเอ่ยเสียงเบาทว่าเจือแววประชด “ว่ากันว่า…หากสตรีได้โกรธแล้วก็ยากนักที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

หลี่เจิ้งเฉินขมวดคิ้วแน่นงุนงงทันที

ที่ผ่านมาตลอดทั้งชีวิตของหลี่เจิ้งเฉินไม่เคยต้องลดตัวลงไปง้องอนผู้ใดด้วยซ้ำ....แม้แต่กับไป๋เหยียนหลันก็ไม่เคยสักนิด

แล้วสตรีผู้นี้มีฐานะเป็นอันใดกัน!?

“โกรธข้าเรื่องอันใด” หลี่เจิ้งเฉินถามเสียงขุ่นอย่างไม่เข้าใจ

เขาขังนางไว้ก็จริง…ทว่าเป็นเพราะนางอวดดีทว่าท้ายที่สุดเขาก็ช่วยชีวิตนางไว้ได้ มิหนำซ้ำยังยอมเอ่ยคำขอโทษออกไปแล้ว

เช่นนั้น…ไฉนสตรีผู้นั้นถึงยังดื้อรั้น เอาแต่ใจไม่เลิกอีกเล่า?

!!!

เหล่าสาวใช้ที่ได้ยินถ้อยคำพูดนั้นแล้ว ต่างหันขวับมามองอย่างไม่พอใจแทนนายหญิงทันที…!

ไป๋ซูเหยาได้ฟังแล้ว จึงสูดลมหายใจลึก

เขาเป็นคนลงมือขังนางกับมือ! แถมยังตวาดดุด่าโดยไม่ไถ่ถามหาเหตุผลใด แล้วจะย้อนถามเช่นนี้อีกหรือ!

ทั้งโง่งมและทึ่มทื่อยิ่งนัก!

ทันใดนั้น น้ำเสียงแหบพร่าของไป๋ซูเหยาพลันเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาและหนักแน่น นางไม่แม้แต่จะหันไปสบตามองหลี่เจิ้งเซินเลยด้วยซ้ำ “หลี่อ๋องไม่จำเป็นต้องแสร้งเป็นห่วงเป็นใยข้า…ไม่จำเป็นต้องส่งสาวใช้มาดูแลและหากเข้ามาเพียงเพื่อต้องการจะเหยียดหยามข้าหรือสมเพชข้าก็ออกไปเถอะ วางใจได้…ข้าหาได้อ่อนแอถึงขั้นตายไปง่ายๆ จนกว่าจะเห็นไป๋เหยียนหลันกลับมาแน่!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๗ ปิดเอาไว้ไม่มิด

    ยามนี้บรรยากาศภายในเรือนเงียบงันลงอีกครั้ง เหล่าสาวใช้ต่างกระพริบตาปริบๆ มองกันไปมาด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจสิ่งที่พระชายากล่าวออกมาว่าหมายถึงสิ่งใดกันแน่ไป๋เหยียนหลิน...มิใช่พระชายาไป๋เหยียนหลันหรือ?และหากสตรีที่นั่งกำลังอยู่บนเตียงในตอนนี้ มิใช่พระชายาไป๋เหยียนหลันตัวจริง เช่นนั้นแล้ว...แม่นางผู้นี้เป็นใครกันแน่?ประโยคก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะฟังอย่างแล้วก็ไม่กระจ่างแจ้งพลันก่อความสับสนในใจของทุกคนขึ้นทันที ทว่ากลับไม่มีใครกล้าเอ่ยถามออกไป เหล่าสาวใช้ต่างก็พากันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจโจวตงหยางถึงกับหันขวับไปมองสหายทันที ดวงตาดำขลับเบิกโพลงกว้างอย่างตกตะลึงราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ ก็ไม่ปานเช่นนั้น…คำพูดที่หลี่เจิ้งเฉินหลุดปากเอ่ยเมื่อวันก่อนก็เป็นความจริงอย่างงั้นหรือ!ที่แท้คนผู้นี้ก็มิได้เมามายจนสติเลอะเลือนไป!เขาจ้องมองบุรุษข้างกายตาเขม็ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เป็นเรื่องจริงหรือ…หลี่เจิ้งเฉิน?”หลี่เจิ้งเฉินกล่าวเสียงแผ่วเบา “นางคือไป๋ซูเหยา…”เขาไม่เคยคิดจะปิดบัง…ทว่าก็หาได้อยากเปิดเผยออกไปให้เป็นเรื่องใหญ่โตชวนวุ่นวายหลี่เจิ้งเฉินขยับฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวก

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๖ สงสารหรือสมเพช

    หลี่เจิ้งเฉินอุ้มไป๋ซูเหยสกลับไปที่จวนอย่างเร่งรีบ ซ้ำตลอดทางยังตะโกนเรียกสาวใช้ให้ท่านหมอมาโดยเร็วทุกครั้งยามนี้ที่เขาเหลือบสายตามองนางในอ้อมแขนนั้น ทันใดนั้น…หัวใจแกร่งก็พลันกระตุกวูบรุนแรงอย่างน่าประหลาดใจ เพียงคิดว่าหากสตรีผู้นี้เป็นอันใดไปนี่ก็คงความผิดของเขากระมัง!?ยามนี้ทั่วทั้งเรือนหลัก จุดโคมไฟจนสว่างไสวแต่ทว่ากลับไม่อาจขับไล่บรรยากาศอึมครึมขุ่นมัวภายในเรือนได้ หลี่เจิ้งเฉินนั่งเงียบงันอยู่ข้างเตียง ดวงตาคมกริบทอดมองร่างบอบบางที่ยังคงหลับใหลอยู่ตรงหน้าใบหน้าซีดเซียวไล่สีเลือดฝาดเมื่อครู่ๆ ค่อยๆ ขึ้นสีเล็กน้อยเขาพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากของนางแผ่วเบา…ราวกับไม่ต้องการปลุกให้นางขึ้นมาหลี่เจิ้งเฉินกำมือแน่น ยามนี้เขาถูกความรู้สึกผิดกัดกินอยู่ไม่ใช่นาง...ไม่ใช่นางเลยสักนิดที่ควรถูกลงโทษ...“ข้าขอโทษ…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา“นี่มิใช่ความผิดของเจ้า…ไป๋ซูเหยา”ก่อนหน้านั้น หลี่เจิ้งเฉินย่อมรู้ดีว่าสตรีที่อยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวหาใช่ไป๋เหยียนหลันไม่เพราะมีคนจากสกุลไป๋เร่งร้อนมาแจ้งข่าวแต่เช้าตรู่เสียจนเขาตั้งตัวไม่ทันในยามนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรรับมือเช่นไรจู่ๆ สตรี

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๕ กลืนน้ำลาย

    ปัง!หลี่เจิ้งเฉินวางจอกสุรากระแทกลงโต๊ะอย่างแรงด้วยความขุ่นเคือง สายตาคมกริบเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ห้วงความคิดของเขาวนเวียนกลับไปกลับมาไม่พ้นจากดวงตาคู่งามที่แข็งกร้าวคล้ายกลับว่าไม่อาจลืมเลือนมุมปากหนาแค่นเสียงเยาะ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าจอกสุราอีกครั้งทว่า…ไหสุราในมือนั้นกลับถูกอีกฝ่ายช่วงชิงไปอย่างรวดเร็วฟึ่บ!“!!!” หลี่เจิ้งเฉินขมวดคิ้วทันควัน สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจโจวตงหยางเลิกคิ้วขึ้นอย่างเชื่องช้าราวกับตั้งใจ เขาถือไหสุราไว้ในมือแน่นไม่ยอมคืนให้ พร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ท่าทางวันนี่หลี่อ๋องคงมีเรื่องทำให้กลัดกลุ้มใจไม่น้อย…ทะเลาะกับพระชายามาหรืออย่างไรกัน”ก่อนหน้านี้เขากำลังเอนกายนอนชมการร่ายรำของเหล่าสตรีงามอย่างสบายอารมณ์ ทว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีพ่อบ้านเข้ามาแจ้งว่าหลี่อ๋องมาเยือนถึงที่จวน…!?เดิมทีเดียวโจวตงหยางคิดว่าคงมีราชการด่วนหรือเรื่องสำคัญใดๆ ทว่ามิใช่...หลี่เจิ้งเฉินกลับมานั่งดื่มสุราไหแล้วไหเล่าราวกับอารมณ์มาจากจวนเสียมากกว่าสายตาคมกริบของเขาเหลือบมองสหายตรงหน้าราวกับรอฟังคำตอบ“…” หลี่เจิ้งเฉินสูดลมหายใจแรงด้วยความหงุดหงิด แต่กลับไม่ยอมเอ่ยอันใดออกมาโจว

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๔ กลำกลืนฝืนทน

    ใครเล่าจะเชื่อเรื่องโชคชะตา…แม้แต่ไป๋เหยียนหลันเองก็ไม่เคยเชื่อมาก่อน หากแต่สวรรค์กลับเล่นตลกกับนางเสียจนหมดหนทางปฏิเสธ ด้ายแดงที่เคยถักทอมาเนิ่นนานแต่พอถูกละลายลงในสายน้ำก็ไม่หลงเหลือแม้เศษเส้นใยให้เหนี่ยวรั้งไว้นางไม่คิดเลยว่าเพียงแค่พบกับจางสือ บุรุษหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่งจากร้านขายถั่วเหลือง หัวใจที่เคยนิ่งสงบกลับเต้นกระหน่ำรัวราวกับกลับไปเป็นดรุณีน้อยที่เพิ่งรู้จักคำว่ารักอีกครั้ง…แน่นอน…ว่านางอยากมีชีวิตที่สงบและเรียบง่าย ไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับความวุ่นวายหรือแก่นแย่งชิงอำนาจกับผู้ใดทั้งสิ้นทว่าหลี่เจิ้งเฉินกลับมีฐานะสูงศักดิ์เป็นถึงหลี่อ๋อง…มีอำนาจในมือ วันข้างหน้าย่อมไม่อาจมีภรรยาเพียงหนึ่งเดียวได้แต่จางสือนั้น…กลับสามารถรักมั่นเพียงนาง ถึงแม้ฐานะเขาจะต่ำต้อยกว่าเพราะต้องเลี้ยงดูมารดา น้องสาว น้องชายและยังหาเช้ากินค่ำก็ช่างเถอะ…หากใจรักมั่น ไป๋เหยียนหลันเชื่อว่าสวรรค์ก็ต้องเมตตาให้ชีวิตคู่ของนางและเขาราบรื่นเป็นแน่“เหยียนหลันรีบกินขาหมูตุ๋นร้อนๆ นี่ก่อนเถิด” น้ำเสียงของจางฮูหยินเอ่ยดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มประจบประแจ้ง นางได้ยินข่าวมาว่าคุณหนูไป๋จากร้านน้ำเต้าหู้ตรงประตูเมืองผู้นี

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๓ พระชายาไร้ค่า

    บรรยากาศภายในจวนหลี่อ๋องยามนี้ขุ่นมัวและอึมครึมยิ่งกว่ายามฝนตั้งเค้าเสียอีก เหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างค่อยๆ ถอยห่างออกไปอย่างเงียบเชียบ บ้างก็ถึงกับกลั้นหายใจด้วยความหวาดหวั่นใบหน้าของหลี่อ๋องบัดนี้เขียวคล้ำด้วยโทสะ แววตาคมกริบฉายชัดถึงความขุ่นเคืองจนไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยคำใดแม้แต่ครึ่งคำแล้วไหนจะพระชายาผู้นั้น…สตรีผู้มีใบหน้างดงามแต่ตอนนี้กลับแข็งกร้าวฉายแววดื้อรั้นไม่ยอมโอนอ่อนแม้แต่น้อย!ทั้งที่รอคอยจะได้ครองคู่อยู่ด้วยกันมิใช่หรือ…?ทว่าเพียงคืนเข้าหอคืนเดียวเท่านั้น ไฉนเลยความสัมพันธ์กลับแปรเปลี่ยนราวกับคนแปลกหน้าเช่นนี้แท้จริงแล้วเกิดอันใดขึ้น…พวกนางอยากรู้เสียจริง!แม้ว่าพวกนางจะพยายามถอยหลีกห่างแล้ว ทว่าในความเงียบสงัดกลับได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตนเองหลี่เจิ้งเฉินกัดฟันกรอดคล้ายข่มโทสะ เขาก้าวเข้าไปหาสตรีตรงหน้า ก่อนจะคว้าเรียวแขนของอีกฝ่ายอย่างแรงแล้วออกแรงกระตุกดึง กึ่งลากนางให้เดินตามไปทันที“ปล่อยข้า!” ไป๋ซูเหยาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจนางยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างบางก็ถูกบังคับให้ก้าวตามเขาไปตามแรงดึง หากฝืนก็เกรงว่าจะล้มลงกับพื้นและหากเป็นเช่นนั้น…บุรุษผู้

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒ อวดดี

    หลี่เจิ้งเฉินไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะกล้าตอบโต้ด้วยท่าทีอวดดีเช่นนี้!เขากัดฟันกรอดก่อนจะสะบัดมืออย่างแรงจนร่างบอบบางลอยขึ้นเหนือพื้นเพียงชั่วพริบตา แล้วถูกเหวี่ยงกระแทกลงบนเตียงอย่างไม่ไยดีน้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยลอดไรฟัน “ม้าพยศย่อมต้องถูกเฆี่ยน!...สตรีอวดดีสมควรถูกสั่งสอน!”ตุบ!ร่างอรชรของไป๋ซูเหยาพลันกระแทกลงบนเตียงอย่างแรง แม้จะมีฟูกนุ่มรองรับ ทว่าแรงจากการสะบัดของบุรุษผู้นี้กลับรุนแรงราวกับหมายจะให้กระดูกทุกชิ้นในร่างนางแตกร้าวเสียให้ได้“อ๊ะ!” ไป๋ซูเหยานอนตัวงอด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจโดยไม่ทันคาดคิดว่าอันตรายจะคืบคลานเข้ามาเร็วเพียงนี้!!!หลี่เจิ้งเฉินก้าวเข้ามาใกล้ สายตาคมกริบเพ่งมองร่างสตรีตรงหน้าอย่างเยียบเย็น มุมปากหนายกยิ้มเยาะไร้ความอ่อนโยนหากนางมิใช่สตรีในดวงใจแล้ว…ไม่ว่าสตรีใดก็อย่าได้หวังว่าเขาจะอ่อนโยน ต่อให้นางกระอักเลือดเจียนตายอยู่ตรงหน้าก็อย่าคิดว่าเขาจะเหลือบแลเห็นใจแม้เพียงเสี้ยวสายตา!“แค่ก! แค่ก!” ไป๋ซูเหยาไอแห้งๆ ออกมาหลายครั้งลมหายใจของนางติดขัดราวกับปอดแทบจะยุบตัว ดวงตาคู่งามพร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำใส หากแต่ในใจกลับไม่คิดอ้อน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status