Share

๕ กลืนน้ำลาย

last update Last Updated: 2025-08-12 19:35:01

ปัง!

หลี่เจิ้งเฉินวางจอกสุรากระแทกลงโต๊ะอย่างแรงด้วยความขุ่นเคือง สายตาคมกริบเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ห้วงความคิดของเขาวนเวียนกลับไปกลับมาไม่พ้นจากดวงตาคู่งามที่แข็งกร้าวคล้ายกลับว่าไม่อาจลืมเลือน

มุมปากหนาแค่นเสียงเยาะ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าจอกสุราอีกครั้งทว่า…ไหสุราในมือนั้นกลับถูกอีกฝ่ายช่วงชิงไปอย่างรวดเร็ว

ฟึ่บ!

“!!!” หลี่เจิ้งเฉินขมวดคิ้วทันควัน สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

โจวตงหยางเลิกคิ้วขึ้นอย่างเชื่องช้าราวกับตั้งใจ เขาถือไหสุราไว้ในมือแน่นไม่ยอมคืนให้ พร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ท่าทางวันนี่หลี่อ๋องคงมีเรื่องทำให้กลัดกลุ้มใจไม่น้อย…ทะเลาะกับพระชายามาหรืออย่างไรกัน”

ก่อนหน้านี้เขากำลังเอนกายนอนชมการร่ายรำของเหล่าสตรีงามอย่างสบายอารมณ์ ทว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีพ่อบ้านเข้ามาแจ้งว่าหลี่อ๋องมาเยือนถึงที่จวน…!?

เดิมทีเดียวโจวตงหยางคิดว่าคงมีราชการด่วนหรือเรื่องสำคัญใดๆ ทว่ามิใช่...หลี่เจิ้งเฉินกลับมานั่งดื่มสุราไหแล้วไหเล่าราวกับอารมณ์มาจากจวนเสียมากกว่า

สายตาคมกริบของเขาเหลือบมองสหายตรงหน้าราวกับรอฟังคำตอบ

“…” หลี่เจิ้งเฉินสูดลมหายใจแรงด้วยความหงุดหงิด แต่กลับไม่ยอมเอ่ยอันใดออกมา

โจวตงหยางยักไหล่พลางค่อยๆ รินสุราลงจอกก่อนจะกล่าวออกมาตรงๆ ด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ “เมื่อวานเจ้าก็เพิ่งเข้าหอไม่ใช่หรือ…ไฉนวันนี้ถึงได้ทำหน้าเหมือนจะเข่นฆ่าผู้คนทั้งเมืองเสียแล้วเล่า”

แม้ว่าเขาไม่เคยพบแม่นางไป๋ แต่กลับได้ยินหลี่เจิ้งเฉินเอ่ยถึงนางอยู่บ่อยครั้งเสียจนเกือบจะฝันเห็นหน้านางไปแล้ว

บุรุษผู้นี้ปรารถนาแม่นางไป๋ถึงเพียงนั้น...แล้วเหตุใด เพียงวันเดียวหลังเข้าหอกลับต้องมาเมามายหงุดหงิดเช่นนี้กัน?

หลี่เจิ้งเฉินนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “มิใช่นาง…”

ถ้อยคำพูดสั้นๆ ห้วนๆ ที่กล่าวออกมาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?

โจวตงหยางกำลังยกจอกสุราขึ้นจิบชะงักไปทันที เขาเงยหน้าขึ้นพลางหรี่สายตาลงจ้องเขม็งราวกับเฝ้ารอคำตอบที่เป็นความจริง “หมายความว่าอย่างไร…ข้าไม่เข้าใจ”

หลี่เจิ้งเฉินหัวเราะในลำคอคล้ายเย้ยหยันตนเอง สายตาคมกริบแปรเปลี่ยนเป็นความแข็งกร้าวชั่วขณะ น้ำเสียงทุ้มกัดฟันกรอดกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “นางมิใช่ไป๋เหยียนหลัน”

!!!

โจวตงหยางขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที “เช่นนั้นสตรีผู้นั้นที่เจ้าร่วมหอลงโรงด้วยคือผู้ใดกันเล่า!”

เขาเกรงว่าบุรุษผู้นี่คงดื่มสุราไปหลายไหจนเมามายและสติเลอะเลือนไปแล้วกระมัง

เหอะ! นางมิใช่สตรีผู้นั้นแล้วจะเป็นใครกันได้

โจงตงหยางส่ายหัวไปอย่างเอือมระอา “เอาเถอะ! ลืมดื่มให้นี้ให้หมดแล้วกลับไปพิสูจน์เอาเองเถอะว่านางใช่ภรรยาที่แท้จริงของเจ้าหรือไม่”

ราวกับว่ามีสายฟ้าที่ฟาดลงกลางจวน เหล่าสาวใช้ที่อยู่บริเวณนั้นต่างสะดุ้งเฮือกตกใจกันทั้งสิ้น ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ค่อยๆ หันไปมองทางต้นเสียงด้วยใบหน้าซีดเผือด

“ห…หลี่อ๋อง”

ร่างสูงสง่าของหลี่เจิ้งเฉินปรากฏอยู่ตรงหน้าเรือนบรรพชล ภายใต้แสงโคมยามค่ำที่ส่องริบหรี่ ท่าทีของเขาแม้ดูโงนเงนเล็กน้อยจากฤทธิ์สุราแต่แววตากลับยังคมกริบ เยียบเย็นและกดดันจนเหล่าสาวใช้ไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตาเสียด้วยซ้ำ

หลี่เจิ้งเฉินเดินตรงเข้ามาทีละก้าว…ทีละก้าว กลิ่นสุราเจืออยู่ในอากาศคละคลุ้งกับโทสะที่เดือดดาลอยู่ในอก

“ผู้ใดสั่งหรือ…” น้ำเสียงเรียบของหลี่เจิ้งเฉินเอ่ยออกมาแต่เย็นยะเยือกจนสาวใช้หลายคนแทบทรุดเข่าลงไปกับพื้น

แม่บ้านผู้อาวุโสฝืนสูดลมหายใจเข้าแรงๆ ก่อนก้าวออกมายืนประจันหน้ากับผู้เป็นนาย แม้จะรู้สึกหวาดกลัวหากแต่ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความกังวลต่อพระชายาทั้งสิ้น

ยามนี้…นางย่อมรู้ดีว่าหลี่อ๋องจะเดือดดาลแค่ไหน

“หม่อมฉันเองเพคะ…ที่เป็นคนสั่ง” นางยืนเหยียดหลังตรง มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อแน่นด้วยความประหม่า หลุบสายตาต่ำลงด้วยความนอบน้อม

“หึ! บังอาจ” หลี่เจิ้งเฉินแค่นเสียง ร่างสูงของเขาเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าแม่บ้านเพียงหนึ่งช่วงแขนเท่านั้น น้ำเสียงทุ้มกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

“นางอยู่ในนั้นเพราะสมควรอยู่ หากนางไม่มีความผิดอันใดมีหรือ…ข้าจะจัดการอย่างไร้เหตุผล!”

“ทว่า…หม่อมฉัน เพียงแค่เป็นห่วงพระชายาเท่านั้นเพคะ”

แม่บ้านยังคงกล่าวออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทว่าดวงตากลับฉายแววกังวลอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของผู้เป็นนายในยามนี้ทั้งโมโห โกรธเกรี้ยว ขุ่นเคืองและยังเมามายอยู่ไม่น้อย เกรงว่าไม่ว่าจะเอ่ยสิ่งใดออกไปก็ยากที่คนเมาจะรับฟัง

“คิดว่า…ข้าอยากขังนางนักหรือ” หลี่เจิ้งเฉินเลิกคิ้วถาม

เขาพลางแค่นเสียงหัวเราะเยาะเล็กน้อยพลางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่คล้ายตั้งสติ จากนั้นจึงเดินตรงไปยังประตูเรือนบรรพชลก่อนจะมือไขกรอนอย่างไม่รีรอ

น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างไร้เยื่อใย “ข้าจะไปดูให้เห็นกับตาว่านางสิ้นใจตายไปแล้วหรือไม่!”

“หลี่เจิ้งเฉิน…” น้ำเสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาราวกับหมดแรง

ไป๋ซูเหยานั่งขดอยู่ข้างผนัง ใบหน้าคนงามซีดเซียวอิดโรยจากความเหนื่อยล้า ความหิวโหยและความหวาดหวั่นที่กัดกินหัวใจทีละน้อย

นางปรายสายตาไปมองก่อนจะสบเข้ากับดวงตาคมกริบ

ภายในเรือนทั้งมืดมิด ทั้งมีกลิ่นอับไร้แม้แต่ช่องทางให้แสงรอดผ่านหน้าต่าง มีเพียงแสงจากตะวันยามอัสดงที่ลอดผ่านรูเล็กๆ บนหลังคาเท่านั้น…

บรรยากาศทั้งเย็นเยียบและเงียบงัน

ไป๋ซูเหยาพยายามข่มตาให้นอนหลับไปครั้งแล้วครั้งเพื่อให้เวลาผ่านไปเร็วขึ้น หากแต่เสียงท้องร้องและกลิ่นธูปแผ่วๆ จากป้ายวิญญาณบนโต๊ะไม้ที่ท้ายห้องกลับทำให้รู้สึกวังเวงจนแทบจะขาดใจ

ทว่าในความเงียบสงัดนั้น กลับเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นจากหน้าประตู พร้อมกันเสียงพูดคุยโวยวายราวกับมีผู้ใดทะเลาะกันอยู่ด้านหน้าจนนางสะดุ้งนอนไม่หลับ

เสียงโลหะกระทบกันเบาๆ ราวกับมีผู้ใดพยายามจะงัดกลอนเหล็ก

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างด้วยความตกใจปนประหลาดใจทันที หัวใจของนางเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง ไปซูเหยาค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นพรวดเดินไปเบื้องหน้าทันที

หลี่เจิ้งเฉิน…เขากลับมาแล้ว

“…”

หลี่เจิ้งเฉินคล้ายจะอ้าปากกล่าวบางสิ่ง หากแต่ต้องกลืนถ้อยคำนั้นกลับลงไปทันควัน เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาคู่งามของนางที่เต็มไปด้วยความเหม่อลอย หม่นหมองและดูคล้ายหวาดกลัวอย่างไม่อาจปิดบัง

จู่ๆ หัวใจของเขากลับถูกบีบรัดแน่นคล้ายหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ…ความรู้สึกปั่นป่วนเช่นนี้ ยากจะอธิบายเป็นถ้อยคำพูดได้

เขาก้าวเท้าเข้าไปใกล้ทีละก้าว ทีละน้อย ช้าเสียจนน่าขัน ราวกับกลัวว่าสตรีเบื้องหน้าจะพังทลายหายไปกับอากาศ

ไป๋ซูเหยาเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าคนงามซีดเผือดสั่นไหวเล็กน้อย นางพยายามอดกลั้นอารมณ์ที่ตีวนอยู่ในอกแทบปะทุออกมาเสียให้ได้ แต่ในที่สุด น้ำเสียงแผ่วเบาก็เล็ดลอดจากริมฝีปากนุ่มนวลนั้น “คนใจร้าย”

ไม่รู้เพราะเหตุใด เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำกลับกระแทกลงกลางอกของหลี่เจิ้งเฉินอย่างรุนแรงจนจุก

เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปอย่างงั้นหรือ…!?

หลี่เจิ้งเฉินยังคงยืนมองสตรีตรงหน้า ด้วยสายตาลุ่มลึกและหาได้กล่าวอันใดออกมาแม้แต่สักครึ่งคำอีก

ไฉนเลยนางจะไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้มาก่อน…!?

นางเคย…และเคยมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

คราแรกเพียงแค่หนาวเหน็บราวกับถูกทอดทิ้งให้ตาย

ครั้งที่สองกลับรู้สึกเพียงไม่คุ้นเคย

ครั้งที่สามกลับกลายเป็นเรื่องชาชินไปเสียแล้ว

และในคราที่สี่…นางเพียงหวังว่าจะตายไปเสียให้พ้น

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งของไป๋ซูเหยาคล้ายคลื่นทะเลสาบที่ถูกกลั่นแสงจันทร์ หยาดน้ำตาคลออยู่เต็มขอบแต่ไม่ยินยอมให้ไหลออกมา

“เจ้าคิดว่าข้า…ใจร้ายถึงเพียงงั้นหรือ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของ หลี่เจิ้งเฉินแผ่วเบา หากแต่สั่นไหวเล็กน้อย

ไป๋ซูเหยายังคงจ้องสบตาบุรุษตรงหน้าอย่างแข็งกร้าวและไม่ลดละ นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นระริก “ใช่…ท่านมันใจร้ายทั้งเอาแต่ใจ ไม่ยอมฟังใคร…ข้าเกลียดท่านหลี่เจิ้งเฉิน”

นางหาได้กลัวอันใดอีกแล้ว…แม้แต่ความตาย

หากเขาโมโหโกรธเกรี้ยวนางถึงเพียงนั้น…เช่นนั้นก็เอาเถอะ ลงมือสังหารนางเสียที

“…” เมื่อได้ยินถ้อยคำนั้นออกจากปากของนาง หลี่เจิ้งเฉินพลันกำมือแน่นอย่างไม่ทันตัว

ทันทีที่กล่าวประโยคนั้นจบ ไป๋ซูเหยาเบือนหน้าหันหนีไปทันทีคล้ายไม่อยากเห็นแม้เงาของบุรุษตรงหน้าอีก ดวงตาคู่งามพร่ามัวด้วยม่านน้ำตาที่คลออยู่ขอบตาคล้ายจะพรั่งพรูแต่กลับถูกกลั้นเอาไว้เช่นเคย

ภายในอกของนางพลุ่งพล่านไปด้วยอารมณ์มากมาย ท่วมท้นราวคลื่นซัดสาดความกลัว ความเกลียด ความผิดหวังและความเจ็บที่ไม่อาจระบายออกมา

ไป๋ซูเหยียนกำมือแน่นจิกเล็บลงฝ่ามือ ลมหายใจเริ่มติดขัด

นางผิดอันใดหรือ…เพียงแค่ไป๋เหยียนหลันหายตัวไปกลับกลายเป็นความผิดของนางแล้วอย่างงั้นรึ

เหตุใดเขาถึงได้โกรธราวกับนางไปฆ่าผู้ใดตาย

หลี่เจิ้งเฉินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ร่างสูงสง่านิ่งงั้นราวกับรูปปั้นสลักในเงามืด สายตาคมกริบจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่อาจละไปได้แม้ชั่วขณะ

ทว่าจู่ๆ ร่างบอบบางของนางกลับสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะทรุดตัวลงช้าๆ ราวกับดอกไม้ที่ร่วงหล่นเมื่อสายลมพัดผ่าน

!!!

“ไป๋ซูเหยา!” หลี่เจิ้งเฉินพลันพุ่งเข้าประคองร่างของนางแทบไม่ทัน แขนแกร่งโอบรัดร่างบอบบางเอาไว้แน่นในอ้อมแขน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๗ ปิดเอาไว้ไม่มิด

    ยามนี้บรรยากาศภายในเรือนเงียบงันลงอีกครั้ง เหล่าสาวใช้ต่างกระพริบตาปริบๆ มองกันไปมาด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจสิ่งที่พระชายากล่าวออกมาว่าหมายถึงสิ่งใดกันแน่ไป๋เหยียนหลิน...มิใช่พระชายาไป๋เหยียนหลันหรือ?และหากสตรีที่นั่งกำลังอยู่บนเตียงในตอนนี้ มิใช่พระชายาไป๋เหยียนหลันตัวจริง เช่นนั้นแล้ว...แม่นางผู้นี้เป็นใครกันแน่?ประโยคก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะฟังอย่างแล้วก็ไม่กระจ่างแจ้งพลันก่อความสับสนในใจของทุกคนขึ้นทันที ทว่ากลับไม่มีใครกล้าเอ่ยถามออกไป เหล่าสาวใช้ต่างก็พากันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจโจวตงหยางถึงกับหันขวับไปมองสหายทันที ดวงตาดำขลับเบิกโพลงกว้างอย่างตกตะลึงราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ ก็ไม่ปานเช่นนั้น…คำพูดที่หลี่เจิ้งเฉินหลุดปากเอ่ยเมื่อวันก่อนก็เป็นความจริงอย่างงั้นหรือ!ที่แท้คนผู้นี้ก็มิได้เมามายจนสติเลอะเลือนไป!เขาจ้องมองบุรุษข้างกายตาเขม็ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เป็นเรื่องจริงหรือ…หลี่เจิ้งเฉิน?”หลี่เจิ้งเฉินกล่าวเสียงแผ่วเบา “นางคือไป๋ซูเหยา…”เขาไม่เคยคิดจะปิดบัง…ทว่าก็หาได้อยากเปิดเผยออกไปให้เป็นเรื่องใหญ่โตชวนวุ่นวายหลี่เจิ้งเฉินขยับฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวก

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๖ สงสารหรือสมเพช

    หลี่เจิ้งเฉินอุ้มไป๋ซูเหยสกลับไปที่จวนอย่างเร่งรีบ ซ้ำตลอดทางยังตะโกนเรียกสาวใช้ให้ท่านหมอมาโดยเร็วทุกครั้งยามนี้ที่เขาเหลือบสายตามองนางในอ้อมแขนนั้น ทันใดนั้น…หัวใจแกร่งก็พลันกระตุกวูบรุนแรงอย่างน่าประหลาดใจ เพียงคิดว่าหากสตรีผู้นี้เป็นอันใดไปนี่ก็คงความผิดของเขากระมัง!?ยามนี้ทั่วทั้งเรือนหลัก จุดโคมไฟจนสว่างไสวแต่ทว่ากลับไม่อาจขับไล่บรรยากาศอึมครึมขุ่นมัวภายในเรือนได้ หลี่เจิ้งเฉินนั่งเงียบงันอยู่ข้างเตียง ดวงตาคมกริบทอดมองร่างบอบบางที่ยังคงหลับใหลอยู่ตรงหน้าใบหน้าซีดเซียวไล่สีเลือดฝาดเมื่อครู่ๆ ค่อยๆ ขึ้นสีเล็กน้อยเขาพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากของนางแผ่วเบา…ราวกับไม่ต้องการปลุกให้นางขึ้นมาหลี่เจิ้งเฉินกำมือแน่น ยามนี้เขาถูกความรู้สึกผิดกัดกินอยู่ไม่ใช่นาง...ไม่ใช่นางเลยสักนิดที่ควรถูกลงโทษ...“ข้าขอโทษ…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา“นี่มิใช่ความผิดของเจ้า…ไป๋ซูเหยา”ก่อนหน้านั้น หลี่เจิ้งเฉินย่อมรู้ดีว่าสตรีที่อยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวหาใช่ไป๋เหยียนหลันไม่เพราะมีคนจากสกุลไป๋เร่งร้อนมาแจ้งข่าวแต่เช้าตรู่เสียจนเขาตั้งตัวไม่ทันในยามนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรรับมือเช่นไรจู่ๆ สตรี

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๕ กลืนน้ำลาย

    ปัง!หลี่เจิ้งเฉินวางจอกสุรากระแทกลงโต๊ะอย่างแรงด้วยความขุ่นเคือง สายตาคมกริบเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ห้วงความคิดของเขาวนเวียนกลับไปกลับมาไม่พ้นจากดวงตาคู่งามที่แข็งกร้าวคล้ายกลับว่าไม่อาจลืมเลือนมุมปากหนาแค่นเสียงเยาะ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าจอกสุราอีกครั้งทว่า…ไหสุราในมือนั้นกลับถูกอีกฝ่ายช่วงชิงไปอย่างรวดเร็วฟึ่บ!“!!!” หลี่เจิ้งเฉินขมวดคิ้วทันควัน สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจโจวตงหยางเลิกคิ้วขึ้นอย่างเชื่องช้าราวกับตั้งใจ เขาถือไหสุราไว้ในมือแน่นไม่ยอมคืนให้ พร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ท่าทางวันนี่หลี่อ๋องคงมีเรื่องทำให้กลัดกลุ้มใจไม่น้อย…ทะเลาะกับพระชายามาหรืออย่างไรกัน”ก่อนหน้านี้เขากำลังเอนกายนอนชมการร่ายรำของเหล่าสตรีงามอย่างสบายอารมณ์ ทว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีพ่อบ้านเข้ามาแจ้งว่าหลี่อ๋องมาเยือนถึงที่จวน…!?เดิมทีเดียวโจวตงหยางคิดว่าคงมีราชการด่วนหรือเรื่องสำคัญใดๆ ทว่ามิใช่...หลี่เจิ้งเฉินกลับมานั่งดื่มสุราไหแล้วไหเล่าราวกับอารมณ์มาจากจวนเสียมากกว่าสายตาคมกริบของเขาเหลือบมองสหายตรงหน้าราวกับรอฟังคำตอบ“…” หลี่เจิ้งเฉินสูดลมหายใจแรงด้วยความหงุดหงิด แต่กลับไม่ยอมเอ่ยอันใดออกมาโจว

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๔ กลำกลืนฝืนทน

    ใครเล่าจะเชื่อเรื่องโชคชะตา…แม้แต่ไป๋เหยียนหลันเองก็ไม่เคยเชื่อมาก่อน หากแต่สวรรค์กลับเล่นตลกกับนางเสียจนหมดหนทางปฏิเสธ ด้ายแดงที่เคยถักทอมาเนิ่นนานแต่พอถูกละลายลงในสายน้ำก็ไม่หลงเหลือแม้เศษเส้นใยให้เหนี่ยวรั้งไว้นางไม่คิดเลยว่าเพียงแค่พบกับจางสือ บุรุษหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่งจากร้านขายถั่วเหลือง หัวใจที่เคยนิ่งสงบกลับเต้นกระหน่ำรัวราวกับกลับไปเป็นดรุณีน้อยที่เพิ่งรู้จักคำว่ารักอีกครั้ง…แน่นอน…ว่านางอยากมีชีวิตที่สงบและเรียบง่าย ไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับความวุ่นวายหรือแก่นแย่งชิงอำนาจกับผู้ใดทั้งสิ้นทว่าหลี่เจิ้งเฉินกลับมีฐานะสูงศักดิ์เป็นถึงหลี่อ๋อง…มีอำนาจในมือ วันข้างหน้าย่อมไม่อาจมีภรรยาเพียงหนึ่งเดียวได้แต่จางสือนั้น…กลับสามารถรักมั่นเพียงนาง ถึงแม้ฐานะเขาจะต่ำต้อยกว่าเพราะต้องเลี้ยงดูมารดา น้องสาว น้องชายและยังหาเช้ากินค่ำก็ช่างเถอะ…หากใจรักมั่น ไป๋เหยียนหลันเชื่อว่าสวรรค์ก็ต้องเมตตาให้ชีวิตคู่ของนางและเขาราบรื่นเป็นแน่“เหยียนหลันรีบกินขาหมูตุ๋นร้อนๆ นี่ก่อนเถิด” น้ำเสียงของจางฮูหยินเอ่ยดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มประจบประแจ้ง นางได้ยินข่าวมาว่าคุณหนูไป๋จากร้านน้ำเต้าหู้ตรงประตูเมืองผู้นี

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๓ พระชายาไร้ค่า

    บรรยากาศภายในจวนหลี่อ๋องยามนี้ขุ่นมัวและอึมครึมยิ่งกว่ายามฝนตั้งเค้าเสียอีก เหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างค่อยๆ ถอยห่างออกไปอย่างเงียบเชียบ บ้างก็ถึงกับกลั้นหายใจด้วยความหวาดหวั่นใบหน้าของหลี่อ๋องบัดนี้เขียวคล้ำด้วยโทสะ แววตาคมกริบฉายชัดถึงความขุ่นเคืองจนไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยคำใดแม้แต่ครึ่งคำแล้วไหนจะพระชายาผู้นั้น…สตรีผู้มีใบหน้างดงามแต่ตอนนี้กลับแข็งกร้าวฉายแววดื้อรั้นไม่ยอมโอนอ่อนแม้แต่น้อย!ทั้งที่รอคอยจะได้ครองคู่อยู่ด้วยกันมิใช่หรือ…?ทว่าเพียงคืนเข้าหอคืนเดียวเท่านั้น ไฉนเลยความสัมพันธ์กลับแปรเปลี่ยนราวกับคนแปลกหน้าเช่นนี้แท้จริงแล้วเกิดอันใดขึ้น…พวกนางอยากรู้เสียจริง!แม้ว่าพวกนางจะพยายามถอยหลีกห่างแล้ว ทว่าในความเงียบสงัดกลับได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตนเองหลี่เจิ้งเฉินกัดฟันกรอดคล้ายข่มโทสะ เขาก้าวเข้าไปหาสตรีตรงหน้า ก่อนจะคว้าเรียวแขนของอีกฝ่ายอย่างแรงแล้วออกแรงกระตุกดึง กึ่งลากนางให้เดินตามไปทันที“ปล่อยข้า!” ไป๋ซูเหยาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจนางยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างบางก็ถูกบังคับให้ก้าวตามเขาไปตามแรงดึง หากฝืนก็เกรงว่าจะล้มลงกับพื้นและหากเป็นเช่นนั้น…บุรุษผู้

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒ อวดดี

    หลี่เจิ้งเฉินไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะกล้าตอบโต้ด้วยท่าทีอวดดีเช่นนี้!เขากัดฟันกรอดก่อนจะสะบัดมืออย่างแรงจนร่างบอบบางลอยขึ้นเหนือพื้นเพียงชั่วพริบตา แล้วถูกเหวี่ยงกระแทกลงบนเตียงอย่างไม่ไยดีน้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยลอดไรฟัน “ม้าพยศย่อมต้องถูกเฆี่ยน!...สตรีอวดดีสมควรถูกสั่งสอน!”ตุบ!ร่างอรชรของไป๋ซูเหยาพลันกระแทกลงบนเตียงอย่างแรง แม้จะมีฟูกนุ่มรองรับ ทว่าแรงจากการสะบัดของบุรุษผู้นี้กลับรุนแรงราวกับหมายจะให้กระดูกทุกชิ้นในร่างนางแตกร้าวเสียให้ได้“อ๊ะ!” ไป๋ซูเหยานอนตัวงอด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจโดยไม่ทันคาดคิดว่าอันตรายจะคืบคลานเข้ามาเร็วเพียงนี้!!!หลี่เจิ้งเฉินก้าวเข้ามาใกล้ สายตาคมกริบเพ่งมองร่างสตรีตรงหน้าอย่างเยียบเย็น มุมปากหนายกยิ้มเยาะไร้ความอ่อนโยนหากนางมิใช่สตรีในดวงใจแล้ว…ไม่ว่าสตรีใดก็อย่าได้หวังว่าเขาจะอ่อนโยน ต่อให้นางกระอักเลือดเจียนตายอยู่ตรงหน้าก็อย่าคิดว่าเขาจะเหลือบแลเห็นใจแม้เพียงเสี้ยวสายตา!“แค่ก! แค่ก!” ไป๋ซูเหยาไอแห้งๆ ออกมาหลายครั้งลมหายใจของนางติดขัดราวกับปอดแทบจะยุบตัว ดวงตาคู่งามพร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำใส หากแต่ในใจกลับไม่คิดอ้อน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status