หยดน้ำตาไม่มีค่าเมื่อคนที่เห็นไม่ใส่ใจ
“จะร้องให้ได้อะไรขึ้นมาห่ะ!!” เสียงสบถฉุนเฉียว กับร่างสูงๆ ลุกพรวดพลาดขึ้นจากที่นอนเล็กๆ เขาเดินกระแทกเท้าตึงตังออกไปจากห้องของแพรวา เสียงประตูห้องปิดดัง ปัง!! เพราะเขากระแทกประตูปิดทันที ที่เดินออกไปจนพ้น
แพรวาสะอื้นไห้จนตัวโยน เธอยกมือขึ้นปิดริมฝีปากกลั้นเสียงร้องไว้ไม่อยากให้ใครรับรู้ หลังจากความซาบซ่านผ่านเลยไป สำนึกผิดชอบชั่วดีก็ตีเข้าที่กลางแสกหน้า เธอกลายเป็นสาวเพียงแค่ชั่วข้ามคืนได้รู้จักรสสัมผัสระหว่างหญิงและชาย มันทำให้หลงลืมตัวได้ถึงเพียงไหน ร่างอวบอัดเปลือยเปล่าสั่นเหมือนลูกนกต้องน้ำฝนจนเปียกชุ่ม เธอเสียใจที่หลงตกเข้าไปในห้วงพิศวาส จนสูญเสียสิ่งมีค่าให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้คุณค่าของสิ่งที่ได้ไปเลยซักนิด
ครูสเดินย้อนกลับไปในห้องข้างๆ เขาคว้าเสื้อผ้าที่หล่นเกลื่อนพื้นขึ้นมาใส่ลวกๆ
“จะกลับแล้วเหรอ ไม่รอให้เช้าก่อนหรือคุณ” เสียงเกสรเอ่ยถามเมื่อเธอตื่นขึ้นมาจากนิทราอันแสนสุข หลังได้รับรสรักร้อนแรงจากอีกฝ่าย
“อืม...ไปล่ะ แล้วฉันจะมาใหม่” เขากระแทกเสียงฉุนๆ ตอบ ดวงตาคมดุตวัดมองพนังห้องใกล้ๆ กัน ก่อนจะล้วงมือควานหากระเป๋าสตางค์ ก่อนจะควักแบงค์ออกมาปึกหนึ่งโยนให้เกสรเพื่อความสบายใจของตัวเอง
“อุ้ย!!” เกสรรีบคว้าแบงค์ปึกนั้น เธอคะเนด้วยสายตาว่าไม่น่าจะน้อยกว่าสองหมื่น พระเจ้า!! อะไรจะโชคดีปานนี้ได้รับความรัญจวนเต็มเปี่ยมแถมได้เงินเป็นสิ่งตอบแทน จึงเปิดยิ้มกว้างส่งให้ชายหนุ่ม “คุณจะมาอีกเมื่อไรเกสรยินดีต้อนรับนะคะ”
“อืม...” ครูสพยักใบหน้าส่งๆ เขาไหวหัวไหล่ ก่อนจะเดินออกไปภายนอกห้องนอน สายตาคมดุเหลือบมองประตูห้องข้างๆ ที่ปิดสนิท ด้วยความหนักใจ เกิดอะไรขึ้น!! กับตัวเขากันแน่ เมื่อเขาไม่สามารถสลัดภาพน้ำตานองใบหน้าของเด็กสาวที่เขาพึ่งจะลิ้มรสความหวานฉ่ำของเธอมาหมาดๆ
ควันสีขาวขุ่นลอยอยู่เหนือใบหน้าของครูส เมื่อเขาสูดควันของบุหรี่เข้าปอดหนักๆ หลายครั้งก่อนจะพ่นออกมาเป็นกลุ่มควัน ครูสนอนหงายบนเตียงกว้างของโรงแรมขึ้นชื่อของจังหวัดแม่ฮ่องสอน สถานที่ที่เขามาหมกตัวอยู่เกือบเดือน อากาศเย็นเฉียบไม่ได้ทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเขาลดลงซักกะผีกเดียว มันทวีความร้อนระอุขึ้นทุกวินาทีที่เขาคิดถึงเด็กสาวคนนั้น!!
“ออกไป!! อย่ามากวนใจฉันซิ เธออย่ามาเล่นตัวเพื่อเพิ่มค่าตัวเลยน่าฉันรู้ทันมายาผู้หญิงดี ฉันไม่หลงกลเล่ห์เด็กอนุบาลหรอก ฝันไปเถอะ” เสียงเย็นเฉียบกระซิบเตือนใจตัวเอง ไม่ให้หลงเล่ห์เพทุบายของเด็กสาวนัยน์ตาใสซื่อ เขาตวาดไล่เงาของแพรวาออกไปจากหัวคิด สองสามวันมานี้เธอตามติดแม้กระทั่งในความฝัน จนเขากินไม่ได้นอนไม่หลับ มันกระสับกระส่ายแปลกๆ อยากจะย้อนกลับไปหาเธออีกครั้งและฝังสัดส่วนความเป็นตัวเขาในโพลงถ้ำแสนหวาน ที่รัดรึงโอบกระชับแนบแน่น กับกลิ่นสาปสาวหอมกรุ่น
เขาผุดลุกขึ้นยืนเมื่อผิวที่นอนนุ่มนิ่มแข็งกระด้างจนไม่สามารถฝืนทนนอนเกลือกกลิ้งอยู่ได้ ร่างสูงใหญ่ถอนลมหายใจพรวดๆ เขายกมือขึ้นเสยผมแรงๆ พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่คิดถึงเด็กผู้หญิงคนนั้น...
น้ำตาของแพรวาพรั่งพรูเหมือนทำนบเขื่อนแตก เธอนั่งเหม่อลอยอยู่ริมตลิ่งท่าน้ำแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านพักเท่าไร หลังจากสอบปลายภาคเสร็จ แต่ยังไม่อยากกลับไปที่บ้าน เมื่อความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมาในห้วงความคิด สิ่งที่เธอพยายามจะลืมและปัดมันออกไปจากใจ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไรภาพเหล่านั้นมักจะย้อนกลับมาในมโนของเธอเสมอ ฝ่ามือร้อนระอุคู่นั้นสร้างความปั่นป่วนและยังคงทิ้งความหวามไหวเอาไว้จนยากที่จะลบเลือน
“อื้อ!! คนใจร้ายออกไปจากชีวิตแพรนะ” เธอยกมือเล็กๆ ขึ้นกอดตัวเองแน่น เม้มเรียวปากบางๆ แน่นกลั้นเสียงสะอื้นเก็บเอาไว้ในใจ ใจของแพรวาสั่นหวิว เธออยากฝังร่างกายตัวเองในแม่น้ำสายใหญ่เมื่อความเลวร้ายที่ได้รับเธอสุดจะทานทน ความหวังทุกอย่างถูกทำลายสิ้น ความภาคภูมิใจที่เคยมีหายไปเพราะน้ำมือคนใจร้ายคนหนึ่ง อนาคตของเธอคงไม่กล้าสู้หน้าใครๆ เมื่อตัวเองหมดสิ้นความภาคภูมิ
สายน้ำตาไหลรินจนใบหน้าหวานเปียกปอน เธอรู้สึกเหมือนสิ้นหวังไม่มีกำลังแรงใจที่จะยืนอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย เมื่อพ่อและแม่ไม่อยู่ให้กำลังใจเธอ ท่านทั้งสองจากโลกนี้ไปทิ้งให้เธอกับพี่ชายเผชิญโลกอย่างเดียวดาย
“เอี๊ยด!!” เสียงห้ามล้อดังสนั่นบนถนน แพรวารีบเช็ดใบหน้าลวกๆ เธอมองหาต้นกำเนิดเสียง ก่อนจะตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อมองเห็นผู้ชายคนนั้น!! ผ่านม่านน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
“เธอมาทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้แพร!! คิดจะฆ่าตัวตายได้สังเวยความบริสุทธิ์ที่เสียไปหรือไงกันห่ะ!!” ครูสแผดเสียงก้อง เขาขับรถยนต์คู่ชีพเรียบริมแม่น้ำ เพื่อระบายความหนักหน่วงในอกไปกับสายลมเย็นๆ แต่!! สายตาเจ้ากรรมกลับมองเห็นคนที่อยากจะลืม รอบๆ ตัวเธอเศร้าสร้อยและหดหู่จนเขาหวั่นกลัวว่าเธอจะคิดสั้น จึงกระทืบเบรคจมมิด รีบกระโจนลงจากรถยนต์ไปห้ามเธอแบบไม่ต้องคิด เมื่อเขาเป็นต้นเหตุให้เธอแลดูหมองเศร้าเช่นนั้นเอง
“ไม่เกี่ยวกับคุณ!! จะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับแพร” แพรวาหุบปากฉับ เธอสะบัดใบหน้าหนีและเอ่ยตอบเสียงเคร่งเครียด ขับไล่เขาไปให้พ้นๆ ไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้ายที่โผล่เข้ามาในชีวิตเธอเหมือนปีศาจร้ายที่ผุดขึ้นมาจากนรกอเวจี
“แล้วเธอมาทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้ แพรวา!!” ครูสข่มอารมณ์ เขากัดฟันเอ่ยถาม ดวงตาคมดุเรืองรองไปด้วยไฟโทสะ
“มันก็เรื่องของแพร ไม่เกี่ยวกับคุณ!!” แพรวาแสยะยิ้ม เธอเค้นคำพูดออกมาช้าๆ แม้น้ำตาจะเหือดแห้งไปจากใบหน้า แต่คราบกระด่างกระดำยังคงค้างคาอยู่และครูสมองเห็นเต็มตา
เขาถอนลมหายใจออกมาหนักๆ คงไม่สามารถสลัดยัยจอมยุ่งออกไปจากใจได้ หากเขาไม่ได้สะสางปัญหานี้ให้คลี่คลาย “อย่ามาทำน้ำเสียงแบบนี้กับฉัน แพรวา หากเธอยังไม่อยากอายคนอื่น ขอร้องอย่าทำมันซ้ำอีกครั้ง” ครูสแสยะยิ้มเหี้ยมตอบกลับไปบ้าง คราวนี้เป็นแพรวาที่ต้องรีบเสก้มใบหน้าหลบ เธอหวาดกลัวแววตาของผู้ชายคนนี้ เมื่อมันปนเปไปด้วยความอำมหิตและน่าหวั่นกลัว
“แพรเปล่าแพรแค่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคุณเดี๋ยวพี่สรจะมาแหกอกแพร เพาะว่าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายของพี่สรเข้า” แพรวารีบแก้ตัวเขาไม่รู้หรอกว่าหลังจากที่เขากลับไปแล้ว เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง ห้องแคบๆ พนังไม้อัดบางๆ มีรึที่เกสรจะไม่รู้ว่าระหว่างที่เธอหลับ มีอะไรเกิดขึ้นในห้องข้างๆ บ้าง เมื่อชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดจะออมเสียงซักนิด เขาแหกปากกู่ร้องเสียงกระหึ่ม เมื่อไปถึงฝั่งฝันดินแดนสุขาวดี และเกสรก็ได้ยิน เธอเข้ามาเย้ยหยันแพรวา พร้อมทั้งขู่อาฆาตหากนำเรื่องนี้ไปบอกพันแสง เกสรก็จะประจานความสำส่อนของเธอเหมือนกัน
เสียใจเพราะเสียตัวยังไม่เจ็บช้ำเท่าคนใกล้ตัวซ้ำเติม รอยยิ้มเย้ยหยันเมื่อเธอควักเงินปึกใหญ่ออกมาโชว์ กับรอยดูถูกในดวงตาคู่นั้น ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายน่าจะละอายแก่ใจเพราะเธอมีสามีอยู่ทนโท่ แต่กลับถลกผ้าถุงให้ผู้ชายคนอื่นและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายผู้นั้นลับหลังสามีที่นอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ที่ชายแดนเพื่อปกป้องประเทศจากผู้รุกราน
“เกี่ยวอะไรกับผู้หญิงคนนั้น เรื่องของฉันกับแพร ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”
“ก็ๆ...” เธอกระอึกกระอัก ไม่รู้จะอธิบายยังไง
“ไม่มีแต่ ไม่มีก็... ไปกับฉันเดี๋ยวนี้!! เราสองคนต้องคุยกันให้รู้เรื่อง” ครูสเอื้อมจับเรียวแขนกลมกลึง เขาออกแรกลากเธอให้ตามมา จนร่างบอบบางเซหลุนๆ ตามเขามาติดๆ
“แพรไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกับคุณ แพรไม่ไป!!” เธอสะบัดมือจากการเกาะกุม และออกแรงดิ้นเต็มแรง ไม่อยากเข้าใกล้เขาให้เปลืองตัวซ้ำสอง ถึงจะยอมรับแบบไม่อายเลยว่าเธอก็ชื่นชอบสิ่งที่เขามอบให้
“มีสิ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน แต่จะให้เลียก่อนก็ยังได้นะ...ฉันยินดีสนองความอยากให้เธอ” ชายหนุ่มแสยะยิ้ม เขาก้มลงไปกระซิบแนบเรียวปากอิ่ม
“บ้า ลามก หื่นกาม ป่าเถื่อน” ริมฝีปากจิ้มลิ้มด่าทออีกฝ่ายไม่ยั้งเมื่อสิ่งที่เขาสำรอกออกมาล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดของคนไร้วัฒนธรรม
“อ้าว!! ไม่ชอบหรือทูนหัว เรื่องบนเตียงใครๆ เขาก็ชอบกันทั้งนั้น มีใครบ้างล่ะที่กล้าปฏิเสธและฉันก็ไม่อายที่จะยอมรับว่าฉันชื่นชมมันเลยด้วยซ้ำ” ครูสเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ เขาดึงมือเล็กๆ นั้นสุดกำลังและคิดว่าตกลงกันให้เข้าใจ เขาก็อยากชื่นชมผิวกายเนียนๆ แน่นๆ ของเธออีกซักครั้ง เป็นการย้ำเตือนตัวเองว่า แพรวาก็เหมือนกับผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเจอะเจอ เธอไม่ได้พิเศษเลอเลิศหรือแตกต่างกับคนอื่นๆ ก็แค่ผู้หญิงที่ยังสดใหม่ สะอาด และเขาพึงใจ...
“ปัง!!” ประตูรถยนต์สมรรถนะสูงปิดฉับเสียงดังสนั่น เมื่อเขายัดร่างบอบบางของเด็กสาวเข้าไปภายในได้สำเร็จ ชายหนุ่มยกมือขึ้นชี้ขู่ เมื่ออีกฝ่ายพยายามจะปลดล็อกประตูและพยายามจะหนีให้พ้นเขา
“อย่าได้คิดที่จะทำแพร อย่าได้ทำให้ฉันโกรธจะดีกว่า หากเธอยังอยากจะยืนอยู่บนโลกใบนี้” เขาชี้หน้าเธอ ขู่อาฆาตเสียงเคร่ง มุมปากกระตุกยิ้มเมื่ออีกฝ่ายซุกตัวแนบกับเบาะหนังนุ่ม
เสียงเครื่องยนต์ดังเบาๆ และตัวรถยนต์วิ่งฉิวฝ่าอากาศที่เริ่มเย็นขึ้นหลังพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แพรวาหัวใจระทึกเธอหวั่นกลัวชายหนุ่ม และเร่งหาวิธีเอาตัวรอด เพื่อที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อเขาซ้ำอีกครั้ง ครั้งที่แล้วเธอซาบซ่านและสะบักสะบอม ร่างกายปวดเคล็ดขัดหยอกเพราะฤทธิ์รักที่เขาเอาฝากไว้
“เกสรเป็นอะไรกับเธอ พี่สาวรึ?” ประโยคคำถามจากคนด้านข้าง แพรวารับฟังแต่ไม่คิดจะตอบ เธอหุบปากสนิทไม่อยากประจานความน่ารังเกียจของผู้หญิงคนนั้นให้ใครๆ รับรู้เพิ่มขึ้น เพราะพี่ชายของเธอ พันแสง ถูกเมียรักสวมเขาให้ทุกครั้งที่เขาไปประจำการอยู่ชายแดนไกลโพ้น นิสัยมักง่าย สำส่อนติดตัวผู้หญิงอย่างเกสรมาตั้งแต่แรกสาวและคงอยู่จนถึงปัจจุบันแม้จะรวมหอลงโลงกับพี่ชายของเธอแล้วก็ตาม เธอเหมือนน้ำท่วมปาก อยากบอกให้พี่ชายรับรู้ความโง่งมของเขา และไม่อยากบอกเมื่อพี่ชายรับรู้เขาจะต้องเสียใจ เพราะเขาถูกผูกไว้ด้วยฤทธิ์เสน่หาที่เกสรปรนเปรอจนลุ่มหลง
“คิดจะปิดปากเงียบไปถึงเมื่อไร!! เธอคิดว่าฉันไม่มีวิธีล้วงความลับให้เธอคายออกมาทั้งหมดหรือยังไง ฉันบอกเธอแล้วนะเด็กน้อย อย่าได้ทำให้ฉันโกรธ เพราะเธออาจจะต้องทนรับการลงทัณฑ์ของฉันทั้งคืน” ครูสเอ่ยเสียงนิ่งๆ เขาเหยียบคันเร่ง เพิ่มความเร็วของรถยนต์ และสังเกตเห็นว่าคนข้างตัวหลับตาปี๋ มือเล็กๆ กำเบาะหนังแน่น เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามตีนผมและใบหน้าหวานซีดเผือด
กลัว!! แพรวารู้สึกกลัวจนจับขั้วหัวใจ พลังอำนาจบางอย่างแผ่ออกมาจากเรือนกายคนข้างตัว และมันพุ่งเข้ากระทบหัวใจดวงเล็กๆ จนสั่นไหว เธอรีบเอ่ยบอกเสียงสั่นพร่า ดวงตากลมโตปิดแน่น เมื่อรู้สึกว่าตัวรถยนต์เบาหวิวมันพุ่งไปข้างหน้าดังลูกศรของธนูที่ถูกปล่อย “พี่สะใภ้ พี่สรเป็นเมียพี่ชายแพร”
“ห่ะ!! ตายโหง” ครูสอุทานเสียงลั่น ผู้หญิงคนนั้นน่ารังเกียจ จนเขาขยะแขยงเธอ ถึงเข้าจะเป็นหนุ่มนักรัก แต่ในชีวิตเขาก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับคนมีสามีมาก่อน ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรก เนื่องจากความไม่รู้จริงๆ
“ฉันขอโทษพี่ชายของเธอด้วยก็แล้วกัน ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเกสรมีสามีแล้ว” ชายหนุ่มผ่อนความเร็วให้ลดลง เขาถอนลมหายใจหนักๆ ใบหน้าคมคายหม่นหมอง “เธอกำลังจะไปไหน มานั่งทำอะไรที่ริมแม่น้ำ” เขาปรับอารมณ์ให้เย็นลง เอ่ยถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะแยะ มันไม่มีการข่มขู่แต่มันแฝงมาด้วยความห่วงใย
“กะ...กำลังจะกลับบ้าน”
“อย่าพึ่งกลับเลย ไปกินข้าวเป็นเพื่อนกันก่อน”
“ไม่!! ไม่ค่ะ แพรจะกลับบ้าน” เธอรีบเปลี่ยนคำพูด เมื่อชายหนุ่มหันมามองด้วยสายตาคาดคั้น
“เธอจะรีบกลับไปทำไม กลับไปก็ไม่มีอะไรทำ แถมอันตรายด้วย เธออยู่ร่วมกับเขาได้ยังไง ค่ำๆ มืดๆ พาผู้ชายแปลกหน้าเข้าบ้าน มันไม่ปลอดภัยกับตัวเธอซักนิด” ครูสถอนหายใจครั้งที่ร้อย เขาหนักใจและเป็นห่วงสวัสดิภาพผู้หญิงคนนี้เสียจริง อยู่ร่วมกับคนอันตราย ที่อาจพาความไม่ปลอดภัยมาสู่ตัวเธอเอง
“ไปทานข้าวกับฉันมื้อหนึ่งแล้วฉันจะปล่อยเธอกลับ แบบไม่บุบสลายด้วย (ใจป้ำไหม?) ฉันไม่เคยต้องบังคับหรือขืนใจใคร? ไม่ต้องมาทำท่าทางกลัวฉัน เหมือนฉันเป็นโจรบ้ากามแบบตอนนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะลองเป็นโจรให้เธอเห็นสักครั้ง เพราะว่าหมั่นไส้ท่าทางแบบนั้นของเธอนั่นเอง เพราะฉะนั้นอย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นเป็นเด็ดขาด” เขาเอ่ยเสียงเคร่งๆ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมองเขาด้วยสายตาเช่นนั้นมาก่อน ทุกๆ ครั้งพวกเธอจะยกย่องเขาเหมือนเป็นพระเจ้า เป็นเทพบุตร แต่แพรวา ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้มองเขาเหมือนเขาเป็นปีศาจร้ายโผล่มาจากขุมนรก
“เอ่อ...แพรมีเรียนพรุ่งนี้นะคะ” เสียงอ่อยๆ เอ่ยบอก เธอกระวนกระวายสับสน
“รู้แล้วน่ะ ใส่ชุดนักเรียนมาเต็มแบบนี้ ใครมองดูก็รู้ เอาเป็นว่าฉันจะส่งเธอถึงบันไดบ้าน แบบไม่ให้ช้ำเลยซักนิด” เขาเอ่ยตอบเสียงสะบัด แอบย่นปลายจมูกด้วยความขัดใจ เหลือบหางตามองชุดนักเรียนบนร่างอวบอัดที่เคยได้ลิ้มรสมาแล้วด้วยความไม่พอใจ
แพรวาสีหน้าดีขึ้น เธอถอนลมหายใจด้วยความโล่งอกมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ก็ไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไร เมื่อคนข้างตัวภาพลักษณ์จะดูเถื่อนๆ ร้ายกาจ
“เธออยู่ชั้นไหนแล้ว ใกล้จบยัง” ชายหนุ่มกลั้นใจถามและรอคอยคำตอบอย่างลุ้นระทึก ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก (พ้นคุกแล้ว) “จบปีนี้แล้วล่ะค่ะ สอบปลายภาคเสร็จแล้วค่ะ อีกสามวันก็ปิดเทอม แพรคิดว่าตัวเองน่าจะผ่าน แต่...”
“แต่!! แต่อะไร”
“เอ่อ...อย่ามาสนใจเลยค่ะ เรื่องของแพรไม่เกี่ยวกับคุณหรอก” แพรวาพ่นลมหายใจแรงๆ เธออยากเรียนต่อ แต่ก็คงได้แต่ฝัน เมื่อค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียนมันมากมายอักโข และพี่พันแสงคงไม่สามารถส่งเธอร่ำเรียนได้ ทุกวันนี้ก็ต้องใช้จ่ายแบบจำกัดจำเขี่ย หลังจากพี่ชายมีภรรยา เงินเดือนของเธอถูกลดลงเกือบครึ่ง จนแทบไม่พอใช้แต่เธอก็ไม่เคยปริปากบ่น
“อยากได้ความช่วยเหลือไหมล่ะ ฉันยินดีและเต็มใจ” ครูสรีบสวมรอย เขาแย้มยิ้มเมื่อมีช่องทางได้เชยชมแพรวาอีกครั้ง
“หึ!! แรกกับการที่จะให้แพรไปสนองอารมณ์คุณนะหรือ ไม่ล่ะค่ะ!! แพรไม่อยากถูกตาหน้าว่าขายบิการ” เธอเอ่ยเสียงเย้ยหยัน หยามหยันตัวเองหากทำอย่างนั้นเธอจะกลายเป็นแค่วัตถุระบายอารมณ์ทางเพศ มันน่าทุเรศ มากกว่าน่ายินดี ความฝันของเธอไม่ควรมาแปดเปื้อนอาจมสกปรก
“ใครจะรู้ล่ะ มีแค่ฉันกับเธอแค่สองคน”
“คนอื่นไม่รู้แต่แพรรู้นี่คะ แพรไม่อยากซ้ำเติมตัวเอง โดยการทำตัวแย่ๆ คุณปล่อยแพรไปเถอะค่ะ เราไม่ควรมาเจอกันอีก แพรกราบล่ะ ปล่อยแพรไปเถอะ แค่นี้แพรก็ไม่เหลืออะไรเลย”
“เธอต้องการใช้เงินนี่ แล้วเธอจะปฏิเสธฉันทำไม!! ฉันมีให้เธอใช้จ่ายไม่อั้น เธออยากได้อะไรก็ได้”
“แพรอยากมีเงินก็จริงค่ะ แต่แพรก็ไม่ขายศักดิ์ศรีกิน แพรอาย”
“เธอนี่น่ะ...” ครูสกระแทกเสียง เขาพ่นลมหายใจแรงๆ ปวดศีรษะตุ๊บๆ ไม่รู้จะกล่อมคนข้างตัวยังไงให้เธอยอมรับเงินของเขา เพื่อเขาจะได้ไม่รู้สึกผิด
บทที่7.สามีหนุ่มแต่เมียเด็กๆ“อาเสือ! อาเสือจะบอกแด๊ดดี้ยังไงคะ?”“ใจร้อนตามเคยนะราร่า อาเสือบอกแล้วไงว่าอาจะเป็นคุยกับพี่ปีเตอร์เอง ขออาเสือไปฝ่ายแสดงความรับผิดชอบราร่าเองได้ไหมครับ!”“นานอะ อาเสือชักช้า เดี๋ยวแด๊ดดี้ก็พาราร่ากลับอังกฤษ ราร่าไม่อยากกลับนี่คะ” เธอตวัดเสียงฉุนๆ ขัดใจที่ชายหนุ่มทำอะไรชักช้าไม่ทันใจ“อ้าว! อาเสือเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่ครับ อาเสือก็ต้องคิดก่อนที่จะทำ ไม่อย่างนั้นอาเสือจะเสียผู้ใหญ่” ปราณเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ เขามองใบหน้าหงิกงอของภรรยาทางพฤตินัยด้วยความเอ็นดู“จริงเหรอคะ แล้วๆ ...” กมลธาราใบหน้าร้อนซู่เมื่อเธอคิดถึงช่วงเวลาวาบหวามระหว่างกัน เธออยากรู้ว่าปราณทำไปเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือว่าเพราะอะไร?“คิดทะลึ่งอีกล่ะสิ...หน้าแดงแปร๊ดเลย”“เปล่านะคะ แค่...แค่...” เธอรีบแก้ตัวเสียงสั่น“แค่อะไร? อยากรู้ใช่ไหมล่ะ ว่าอารักราร่าจริงๆ หรือแค่เพราะความรับผิดชอบ”“ค่ะ&rdq
บทที่6.คุณพี่พ่อตา“จิ้บๆ ...” เสียงนกตัวเล็กๆ ร้องเรียกกันในเวลาเช้าตรู่ พวกมันเกาะกิ่งไม้ใช้เรียวปากแหลมๆ ไซ้ขนนุ่มๆ หลังจากหาอาหารมื้อเช้ากินจนอิ่มหนำสำราญแต่...สองร่างที่กอดก่ายกันบนเตียงนอนหนาๆ ยังไม่ตื่นขึ้นมารับแสงสีทองของยามเช้า เมื่อในค่ำคืนแสนหวานทั้งเขาและเธอใช้แรงงานหนัก กว่าจะได้หลับได้นอนก็เกือบๆ แสงพระอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้า“ป้า...พ่อเลี้ยงยังไม่ตื่นอีกรึ!”“ยัง...มึงจะทำไมอีแวว?”“แล้วยัยเด็กนั่นล่ะป้า!” แววตาเอ่ยถามเสียงตื่นตระหนก เมื่อเธอและป้าเอิบมาทำงานในเวลาเช้า พบเจอกับสภาพรถยนต์ที่จอดเกยๆ กระถางต้นไม้ จนกระถางแตกเศษดินเกลื่อนกระจายเต็มพื้นบริเวณหน้าบ้านพัก“ยังเหมือนกัน แล้วมึงยุ่งอะไรกับเขาด้วย กูบอกแล้วใช่ไหมอีแวว...ให้เรียกคุณหนูเขาดีๆ หน่อย ยังไงเขาก็เป็นหลานพ่อเลี้ยง” ป้าเอิบกระซิบเตือนหลานสาว เธอเริ่มลงมือทำงานในหน้าที่ไม่สนใจแววตาที่ยืนหน้าเคร่ง“ป้า! ป้าว่าเมื่อคืนคุณเสือเมาไหม? ดูจากวิธีการจอดรถ
บทที่5.เมาดิบบรั่นดีรสร้อนแรงหายวับไปในลำคอหนา เมื่อปราณกระดกแก้วขึ้นดื่มอักๆ เขาดื่มกินแก้วแล้วแก้วเล่าเหมือนกำลังใช้มันอาบร่างกายของเขา แทนการกลืนมันลงไปในท้องเช่นในขณะนี้ รสแผดร้อนบาดคอ แต่ไม่ได้ทำให้เขาหยุดมือที่ยกแก้วขึ้นจ่อปากลงเลยสักนิด ดวงตาคมดุหรี่ปรือ เมื่อฤทธิ์แอลกอฮอล์เขาไปแทนที่ในกระแสเลือด ลมหายใจของปราณมีแต่กลิ่นเหล้าระเหยออกมา ความหนักหน่วงในหัวอกหัวใจทำให้ชายหนุ่มกร่ำสุราเพื่อลดทอนความกลัดกลุ้มที่กำลังทำให้เขาใกล้คลุ้มคลั่ง เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่? คนที่ควรสนใจกลับไม่สนใจ แต่บุคคลต้องห้ามกลับเข้ามานั่งกลางใจเขาแทน และมันไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจนึก เมื่อมันมีตัวแปรหลายๆ อย่างสกัดกั้นเอาไว้ มันทำให้เขาต้องสะดุดกึก หยุดความคิดคำนึงทั้งหมดลง...เมื่อเธอเหมือนผลแอปเปิลต้องห้ามในสวนสวรรค์ ที่ดูได้แต่ห้ามเชยชม เป็นของหวงที่เจ้าของรัก เป็นอะไรหลายๆ อย่างแต่เขาไม่สามารถคว้ามาครองได้กมลธาราพลิกตัวกลับไปกลับมาบนเตียงนอนนุ่ม เธอข่มตาไม่หลับ เปลือกตาไม่ยอมปิดเพราะเป็นห่วงปราณที่
บทที่4.แมวสาวยั่วสวาทเสียงหัวเราะต่อกระซิกดังก้องสวนกว้าง คนงานในสวนชะเง้อชะแง้มองพ่อเลี้ยงเสือแห่งสวนบางรักตาพริบพราว เมื่อเจ้านายหนุ่มทั้งดุ และโหด เพราะต้องคอยดูแลคนงานที่มาจากต่างถิ่นฐาน คนละพื้นฐานครอบครัว พวกเขามีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นประจำ กรรมการห้ามมวยก็คือตัวเจ้าของ ปราณจะถลุงคนงานที่ไร้ระเบียบวินัย จัดการพวกมันจนอยู่หมัด จนไม่มีใครกล้าก่อเรื่อง เพราะกลัวมือตีนของพ่อเลี้ยงเสือที่ทั้งหนักและดุดัน แต่วันนี้นายหนุ่มกลับมาแปลกๆ พาสาวน้อยเอวบางแต่งตัวชวนน้ำลายหกมาด้วย เมื่อกางเกงที่เจ้าหล่อนใส่ขาสั้น... สั้นเต่อ มองเห็นเรียวขาเรียวยาวสีขาวจั๋ว ที่สำคัญคนที่ขับรถยนต์พาสาวน้อยคนนั้นชมสวนลำไย คือตัวพ่อเลี้ยงเอง!! มันจึงทำให้คนงานทั้งสวนจับตาดู เมื่อเรื่องเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับตั้งแต่พวกเขาทั้งหมดมาทำงานในสวนบางรัก“พ่อเลี้ยงพาละอ่อนที่ไหนมาแอ่วสวนกันว่ะ อินางงามขนาด”“ไม่รู้สิ เห็นอีแววมันบอกว่าเป็นหลานน่ะ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่พอใจอยู่นา”“เห้ย! พ่อเลี้ยง บ
บทที่3.วิมานรักกลางพงไพรแก้วกาแฟในมือของปราณเกือบจะพลัดหลุดมือ โอแม่เจ้า! หัวใจเขาทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมเกือบสิบเท่าตั้งแต่มีหลานสาวคนสวยมาอยู่ใกล้ๆกมลธาราอาบน้ำแต่งตัวตามคำสั่งของเขา แต่...แต่เธอทำเกินคำสั่งไปนิด เมื่อเจ้าของร่างอวบอัดอยู่ในชุดเสื้อผ้าคับติ้ว! เสื้อยืดสีสดบนลำตัวแนบกระชับไปทุกสัดส่วน อวดสัดส่วนสงวนให้เห็นเด่นชัด ของที่ควรมีไม่ว่าจะเป็นหน้าอกหน้าใจอันเกินตัว เอวคอดกิ่ว สะโพกผายตึงแน่น กางเกงยีนขาสั้นเต่อ สั้นมาก สั้นมากๆ เพราะมันเกือบจะปิดแก้มก้นเอาไว้ไม่มิด ผมยาวสลวยถูกมัดไว้เหนือต้นคอขาวๆ ปล่อยลูกผมรุ่ยร่ายละลำคอเรียวบางมองดูแล้วซ่านทรวง วัยแรกแย้มสดใสและมันกำลังทำให้ปราณคิดหนัก เอาไงดีว่ะ! จะอยู่ในสภาพนี้ต่อ หรือหาทางเอาตัวรอดจากสิ่งล่อตา ที่ยิ่งมองก็ยิ่งเพลิดเพลินกันแน่“แดดมันร้อนนะราร่า อาว่าหาเสื้อหนาๆ ใส่เพิ่มอีกตัวดีไหม?” กว่าชายหนุ่มจะควานหาคำพูดตัวเองเจอ เขาต้องทำใจอยู่นาน เป็นเพราะไม่อาจชักสายตาออกมาจากความอวบอิ่มตรงหน้าได้ ทั้งๆ ที่ในใจเขามีแต่เสียงคัดค
บทที่2.ยั่วยวนฉบับอนุบาลแต่คุณอาหนุ่มเกือบแข็งตายเช้าวันใหม่ภายในสวนบางรัก บ้านปีกไม้หลังขนาดย่อมๆ ตั้งอยู่ใจกลางสวนลำไยกว่าพันไร่ เป็นที่อยู่อาศัยปัจจุบันของกมลธาราสาวน้อยวัยรุ่นที่เหินฟ้า ผ่านน่านน้ำนานาประเทศมาจากแดนไกลเพราะความประพฤติของตัวเองเสียงคนงานส่งเสียงโวยวายกันตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อมันเป็นหน้าที่ปฏิบัติที่บังคับให้ทำ พวกเขาเหล่านั้นต้องแหกตาตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเองตามหน้าที่ กมลธารายืนอิงตัวกับระเบียงกว้าง เธอทอดสายตาไปไกลๆ จุดโฟกัสของสายตาอยู่ที่ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี กับร่างองอาจผึ่งผายบนหลังอาชาสีน้ำตาลเข้ม แม้จะเห็นเป็นแค่จุดเล็กๆ แต่เธอก็จำปราณได้ในทันทีที่มองเห็นเรียวขาเพรียวแนบอยู่ที่สีข้างของม้าหนุ่ม เขาพามันวิ่งเหยาะๆ ออกกำลังกายแต่เช้าตรู่รับแสงสีทองของพระอาทิตย์ยามเช้าที่เริ่มสาดแสงแรงกล้าลงมาบนพื้นโลกกมลธาราอยู่ในชุดนอนสีขาวสะอาด ตัวผ้าโปร่งบางพัดปลิวตามแรงของสายลมจนลู่ลีบแนบไปกับลำตัว และบนร่างกายของเธอไร้ชุดอื่นใด ยกเว้นแพนตี้ตัวน้อยที่เกาะเกี่ยวสะโพกผายตึงแน่นไว