คนถูกปรามาสนิ่งแล้วคิดหนัก การเขย่าของเขามันทำให้เธอหงุดหงิด ผู้ชายคนนี้เหมือนต้องการกลั่นแกล้งกัน แต่ช่างเถอะ อย่างไรเธอก็ได้เงินจากเขามาไม่น้อยในตอนนี้
“สูง!” ตอบอย่างรวดเร็ว และรออย่างใจจดใจจ่อ
เขาเปิดออกมา แต้มออกเป็นต่ำ สีหน้าคนทายนิ่งไป เหลือบมองผู้ชนะแววตาหวาดหวั่น เห็นรอยยิ้มฉาบในใบหน้านั้น เหมือนอีกฝ่ายกำลังคุมเกม และอยู่เหนือกว่าทุกทาง
“เดรสของคุณ ผมขอได้ไหม” ภีมพลพูดจบยื่นมือไปด้านหน้า เพื่อรอรับเดรสที่กำลังจะถูกปลด
มือบางเริ่มสั่นเทา แต่เธอต้องยอมทำ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาขึ้น เธอรูดซิบด้านหลังแล้วรูดชุดเดรสออกทางปลายเท้า วางชุดนั้นไว้บนมือฝ่ายชนะ และนั้นมันทำให้ทรวดทรงเธอเผยออกมาต่อสายตาชายแปลกหน้า บราเซียเกาะอก รวมถึงซับในลูกไม้สีเดียวกับชุด ชวนให้หลงใหล อยากยกมือปกปิดทว่านาราภัทรเลือกทำตรงกันข้าม เธอหย่อนกายลงนั่งตามเดิม เชิดหน้าประดุจนางพญา หากเราไม่เกรงกลัว ชายคนนี้คงไม่กล้าทำอะไร
ทรวดทรงปรากฏต่อสายตา ภีมพลลอบกลืนน้ำลายลงคอ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแต่ไม่เคยพบใครคนไหน หุ่นและหน้าตาช่างบาดหัวใจแบบนี้ ไม่อยากคิดหากได้มานอนกกกอด จะมีความสุขสักแค่ไหนกัน ถ้าต่อรองให้เธอมาขึ้นเตียงได้ คงดีไม่น้อยเลย เสียกี่ล้านเขาก็ยอม แต่มันติดตรงที่แววตาเจ้าตัวบ่งบอกอย่างดี คนอย่างเธอไม่มีวันขายตัวเพื่อเงินแน่นอน
“อยากเล่นต่อหรือเปล่าครับ เพราะถ้าคุณแพ้อีกครั้งต่อไปคุณอาจจะลำบากใจ ที่จะถอดชิ้นส่วนติดตัวสองชิ้นนั้น” เขาส่งสายตาไปทางทรวงอกซึ่งโผล่พ้นบราเซียออกมากับซับในตัวจิ๋วที่ปกปิดดอกไม้งามแทบไม่มิด
เธอไม่อยากยอมแพ้ ผู้ชายคนนี้น่าหมั่นไส้นัก เห็นก็เอาไปไม่ได้ เป็นไงเป็นกันชนะสักตาเธอก็ได้เงินเพิ่มมาอีกแสนแล้ว เท่านี้ก็มีเงินใช้หนี้ให้ชัยวุฒิมากพอ
“ยัง!”
ชายหนุ่มลอบยิ้ม แล้วเขย่าลูกเต๋าต่อ คราวนี้เสียงกระทบแก้วดังสามครั้ง แล้ววางลงตรงหน้า รอให้อีกฝ่ายทาย
“ต่ำ!” เธอมั่นใจมาก
เขาเปิดออก แต้มออกมาต่ำอย่างที่คนสวยคาดหวังไว้ เธอยกยิ้มกว้าง จนเผลอยกมือขึ้นกำ ทรวงอกคู่งามกระเพื่อมไหว ทำเอาคนมองนิ่งไปชั่วขณะ เมื่อเห็นสายตาอีกคน หญิงสาวรีบหยุดอาการแล้วนั่งตัวตรง
“ผมเขย่าต่อเลยนะครับ” เขาบอก แล้วเขย่าอีกรอบ
สี่ครั้ง เขาเขย่าแล้ววางลง หญิงสาวกระตุกยิ้มมุมปาก
“สูงค่ะ” พูดจบ หยิบน้ำกระดกดื่มรอดูผลว่ามันออกมาเช่นไร
แก้วเปิดออกเผยให้เห็นลูกเต๋า
“รอบนี้ออกต่ำนะครับ” ผู้ชนะตอกย้ำแล้วเหลือบมอง
นาราภัทรกลืนน้ำลายลงคอ รอฟังว่าชายผู้นี้ต้องการให้เธอถอดชิ้นไหนกันแน่
“บราเซียสีสวยๆ นั้นผมขอก็แล้วกัน” เสียงเขาแผ่วเบาแต่ทรงพลัง ร่างกายเธอสั่นสะท้าน หากเปิดเผยเขาจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน แล้วมันอันตรายไหม กับการอยู่ในห้องสองต่อสองกับชายแปลกหน้า
“คือ..” หญิงสาวอึกอักไม่กล้า
ชายหนุ่มระบายยิ้มเยือกเย็น
“ไม่ถอดก็ได้นะครับ แต่ผมเป็นคนเคารพกติกาเสมอ ถ้าคุณไม่ถอด ที่ชนะไปทั้งหมดผมไม่จ่าย แบบนี้สมน้ำสมเนื้อกันไหม”
ฉึบ!
บราเซียถูกปลดอย่างรวดเร็ว ทรวงอกคู่งามซึ่งถูกห่อหุ้มก่อนหน้าเผยต่อสายตา ยอดบัวสีชมพูระเรื่อชวนให้หมู่ภมรลิ้มลองกำลังชูชันท้าทายสายตายามต้องอากาศหนาว ภีมพลชะงักขบกรามแน่น ตัวตนมันกำลังแข็งขืนดุนดันจนแทบปริแตก ร่างกายเขาอึดอัดแทบบ้า ทรวดทรงของผู้หญิงตรงหน้าเล่นงานจนจวนคลั่ง เขาต้องสงบใจไม่เผลอกระชากร่างเกือบเปลือยนั้นมาบำรุงบำเรอตน
เธอยกมือปกปิดน้ำตาเริ่มคลอ เขาจ้องมองไม่ละสายตา ผิวแก้มจนถึงผิวกายเริ่มแดงก่ำ เห็นทีเขาไม่ควรสาวเกมให้ยืดเยื้อเพราะอีกไม่นานตนคงทนไม่ไหว ต้องจบเกมนี้เสียตอนนี้ ก่อนสติจะกระเจิง
“จบเกมแค่นี้ก็แล้วกัน ผมจะให้คนโอนเงินเข้าบัญชีคุณตอนนี้” ชายหนุ่มตัดบทแล้วลุกยืน “คุณรอเช็คเงินเข้าบัญชีได้เลย” พูดจบเขาเดินออกจากห้องไป
นาราภัทรรีบลุกหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ แล้วรีบปกปิดไว้ด้วยหน้ากาก แต่งตัวเรียบร้อยออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เธอไม่ต้องเสียอะไรไป แถมได้เงินมาใช้หนี้อีกก้อนหนึ่ง
ก๊อก ก๊อก
ประตูห้องทำงานเปิดออก เจ้าของห้องหน้าตาคมสัน รูปร่างสูงปานกลาง ผิวสีน้ำผึ้ง คิ้วเข้มหนา ดวงตาคมกริบ กำลังจ้องมองร่างบางที่ก้าวเข้ามาแล้วปิดประตูลง นาราภัทรเดินมาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานของเขา ระวังท่าทีอีกฝ่าย เธอไม่อยากถูกล่วงเกินอีกแล้ว
“เมื่อคืน” เขาเว้นคำพูด “ได้ข่าวว่าไปที่ห้องของคุณภีมพลมาเหรอ” คิ้วขมวด ดวงตาคมกล้ามองมา สีหน้าไม่พอใจ
“ค่ะ” เธอตอบตรง แล้วเงียบ
คนถามขมวดคิ้ว “มีแค่นี้เหรอ” เสียงเริ่มดุดันมากขึ้น
“ใช่ค่ะ จะให้ฉันตอบอะไรล่ะคะ ฉันก็ตอบตามตรงเมื่อคุณถาม”
เขาลุกยืนแววตาวาวโรจน์ “ไหนบอกไม่ขายตัวไง ที่กับฉันทำเล่นตัว แต่พอเห็นผู้ชายหล่อรวยอย่างภีมพลเข้าหน่อยระริกระรี้กระดิกหางไปเอากับมันถึงที่!” เสียงด่าทอดังลั่น คนถูกตำหนิกัดฟันกำมือแน่น
หญิงสาวจงใจเหยียดยิ้มท้าท้ายอีกฝ่าย
“ก็เพราะเขาโสดแต่คุณมันมีเมียแล้วไงที่มันต่างกัน อีกอย่างคุณภีมพลเขากระเป๋าหนักแถมหล่ออีกต่างหาก ไม่เหมือนคุณ ที่มีปัญญาให้ได้แค่สองหมื่นแถมหน้าตาก็ไม่ได้หล่อเหมือนเขาเลยสักนิด!”
ชัยวุฒิกัดฟันกรอด เดินตรงเข้ามาหา แต่หญิงสาวยกนิ้วชี้
“ถ้าคิดทำอะไรฉัน จำไว้ว่าคุณต้องแลกด้วยเรือลำนี้ ภรรยาคุณไม่เอาคุณไว้แน่!” เธอข่มขู่ซึ่งมันได้ผล ชัยวุฒิหยุดการกระทำของตนเอง
ภีมพลล้วงกระเป๋าสูท หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมา นาราภัทรชะงักดวงตาเบิกกว้างน้ำตาเริ่มไหลริน มือบางยกปิดปากเก็บอาการดีใจเอาไว้ เขาคุกเข่าต่อหน้านักข่าว“นารา... แต่งงานกับผมนะครับ”หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ “ค่ะคุณภีม”แหวนถูกบรรจงสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเธอไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้ครอบครองมันขวัญจิรากรีดร้อง น้ำตานองหน้า เมื่อเห็นข่าวในโลกโซเชียล ทำไมพวกมันถึงมีความสุข แล้วเหตุใดเป็นเธอที่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ ทุกวันนี้ข้าวจะกินแทบไม่มี ต้องอดอยาก ถูกคนอื่นตรงหน้าว่าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ“เท่าไหร่น้อง!” เสียงลูกค้าเอ่ยถามขวัญจิรารีบเก็บอาการ “พันนึงค่ะพี่ ค้างคืนถึงเช้าเลยจ้ะ”ลูกค้าสองคนมองหน้ากัน “สองคนพันนึงไหวไหม”แม่ค้าชักสีหน้าแต่รีบเก็บอาการ วันนี้ยังไม่ได้ลูกค้า ถ้าปฏิเสธคงลำบากแน่“เพิ่มอีกสักห้าร้อยได้ไหมคะ”“สองร้อย ถ้าไม่ได้ไม่เอา”“ได้จ้ะๆ พันสองนะคะ”ประตูรถเปิดออก ร่างบางแทรกกายนั่ง ยังไม่ทันถึงห้อง เธอต้องบำรุงบำเรอลูกค้ากลัดมันขณะรถขับเคลื่อนอยู่ อีกคนจบ อีกคนก็สลับมาแทน ถึงบ้านพักไม่ทันได้อาบน้ำก็ถูกกระชากลากขึ้นเตียง จากนั้นพากับอัพยาคนละเม็ด ร่างกายเธอแทบลุกไม่ไหวเม
รุ่งรันต์มองหน้าเด็กแล้วถอนหายใจ ชีวิตเด็กคนนี้น่าสงสาร แต่ยังมีวาสนาอยู่บ้าง คงไม่มีใครเหมือนนาราอีกแล้ว ที่พ่อของลูกย้อนกลับมาสร้างความสัมพันธ์กันตั้งแต่ศูนย์รถจอดเสียงดังจนคนในบ้านชะงัก นาราภัทรและเจ๊มะนาวมองหน้ากันแล้วเดินออกมา เห็นร่างสูงใหญ่กำลังเปิดประตูลงมา เขาเร่งฝีเท้ามาหยุดยืนหน้าคนรักแล้วดึงมือบางมากุมไว้“นารา ผมขอโทษ เกิดเรื่องกับคุณอีกแล้ว!” สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงความห่วงใย รุ่งรันต์เม้มริมฝีปากแล้วระบายลมหายใจ“เรื่องนี้คุณจะทำยังไงคะ คุณภีมพล ในเมื่อคุณมีส่วนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” มะนาวถามหาความรับผิดชอบ และคิดว่ามีเพียงเขาที่แก้ปัญหานี้ได้“ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเอง ผมไม่มีทางทำให้นาราต้องเจ็บปวดหรือร้องไห้อีก” เขายืนยันเสียงหนักแน่นนาราภัทรยิ้มบางๆ ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับเรื่องข่าวสักเท่าไหร่ ในวงการบันเทิงสามารถกอบโกยเงินได้มากก็จริง ทว่ามันไม่ได้สร้างความสุขให้เลย มีแต่คนริษยาแก่งแย่งชิงดีกัน เธอเองคงยืนในสถานะดาราดังได้ไม่นานสามคนพากันเดินเข้าห้องรับรองในบ้าน แล้วนั่งปรึกษากัน“พรุ่งนี้ผมนัดนักข่าวเพื่อแถลงข่าวแล้ว”“แล้วจะแถลงข่าวยังไงให้นาราไม่กลายเป็นประเด็
ขวัญจิรากัดฟันเมื่อเห็นข่าวตามหน้าหนังสือ และสื่อในโลกออนไลน์ มือยกนิตยสารฉีกจนขาดวิ่น แล้วเหวี่ยงลงพื้น กระทืบซ้ำด้วยความเกลียดชัง และขออาฆาตแค้นคนในรูปไปตลอดเธอหยิบมือถือติดต่อหาเพื่อนสนิท ไม่มีวันให้มันได้มีความสุข รวมถึงเขาด้วย บังอาจทอดทิ้งเธอไม่ไยดี“ว่าไงขวัญ” เสียงวิชาญรับสาย“เจอกันหน่อยได้ไหม”“มีอะไรอีกล่ะ ช่วงนี้ฉันยุ่งนะ”“ออกมาเถอะน่า รอบนี้ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย สองแสนพอไหม”ปลายสายชะงักแล้วยิ้มกว้าง“ตกลง เดี๋ยวไปหานะ”วิชาญเดินทางถึงคอนโด เมื่อประตูเปิดออก เขารีบแทรกกายเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วทิ้งกายลงบนโซฟาตัวยาว ขวัญจิรารีบนั่งลงตรงข้าม“มีอะไรจะใช้งานอีกล่ะ!” วิชาญถามแล้วระบายลมหายใจ“ฉันอยากให้ช่วยจัดการนังนาราภัทรหน่อย”วิชายตวัดสายตามองสีหน้าตกใจ“จะทำอะไรอีกล่ะขวัญ แค่ที่ทำไปมันยังไม่พอหรือไง ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงประกันตัว หาเรื่องใส่ตัวเดี๋ยวก็โดนหนักขึ้นอีกหรอก!” คนเป็นเพื่อนเตือน“ช่างมัน! คนอย่างฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ตอนนี้ทำอะไรได้บ้างนอกจากนอนอยู่ในห้องไปวันๆ งานที่ไหนก็ไม่จ้าง เงินเก็บก็ร่อยหรอลงไปทุกที!”“ถ้ารู้ว่าลำบาก ก็อย่าเลยดีกว่าไหม” ไม่คิดว่าขวัญจ
สองอาทิตย์ต่อมาร่างคนเจ็บยังคงอยู่บนเตียง ศีรษะและขามีผ้าพันไว้ เขาต้องเข้าเฝือกเนื่องจากกระดูกหัก และเย็บแผลตรงขาเนื่องจากมีแผลฉีกขาดเป็นทางยาว เขาตื่นมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ร้าวระบมไปทั่วร่าง นึกว่าตนเองคงตายไปแล้ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น โชคดีที่ยังรอด ได้กลับมาแก้ตัวกับคนที่รักอีก“ภีมเป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ครั้งนี้เพิ่งเข้าใจว่าลูกมีความสำคัญกับชีวิตเขามากแค่ไหน“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยครับ” เขาบอก แล้วกวาดตามองรอบๆ เพื่อหาใครบางคน แต่วันนี้กลับไม่มีวี่แววอรรถเดชรู้สึกได้ “มองหานาราอยู่เหรอ”เขายิ้มบางๆ “เธอคงไม่มา”คนที่มาเยี่ยม พบนาราบ่อยครั้ง มีเพียงเขาที่ตื่นมาไม่เคยพบเธอเลย นาราทำเหมือนต้องการหลบหน้า เขาอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ตอนที่ยังไม่รู้อะไรเลย ยังดีเสียกว่ารู้ความจริงแล้วต้องเจ็บปวดแอด..เสียงประตูดัง ร่างบางก้าวเข้ามาในอ้อมแขนมีเด็กหญิงอายุราวๆ สองขวบ เด็กน้อยกวาดตามองรอบๆ แล้วยิ้มด้วยความดีใจ ภีมพลชะงักจ้องมองด้วยความดีใจ ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็น เขาขยับเตียงให้หลังตรงเพื่อมองหน้าเด็กคนนั้นให้ชัดเจนนาราภัทรอุ้มน้ำฟ้ามายืนข้างเตียง เด็กน้อยมองดูค
เธอเดินผ่านหน้า เขาคว้าข้อมือจับไว้แล้วบีบเบาๆ“หากวันใดคุณแต่งงานกับผม ผมก็ต้องรู้ คุณจะปิดผมไปตลอดชีวิตเลยหรือไง!”คนถูกจับหันกลับมามองทั้งน้ำตา“ฉันไม่คิดปิดบัง แต่ฉันยังไม่อาจทำใจได้ ถึงน้ำฟ้าจะไม่ได้เกิดมาจากความรักของพ่อแม่ แต่ฉันก็รักเขามาก คุณคงไม่เข้าใจเพราะตลอดเวลาที่ฉันเลี้ยงน้ำฟ้ามา คุณไม่เคยอยู่เคียงข้าง คุณอาจหลงลืมคนที่คุณทำร้ายไปแล้วด้วยซ้ำในเวลานั้น”ชายหนุ่มหลับตาเพื่อกลั้นน้ำตา“เพราะคุณไม่เคยบอก รู้ไหม... ว่าผมตามหาคุณตลอด ผมต้องการรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป แต่ผมหาคุณไม่พบ”หญิงสาวบิดข้อมือให้พ้นการเกาะกุม ช้อนสายตามองคนรักทั้งน้ำตา ใช่เธอยังรักเขา แต่ในหัวมันสับสน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี“ฉันขอเวลานะคะภีม ขอเวลาให้ฉันได้คิด ใคร่ครวญทุกอย่าง”“แล้วผมละนารา ระหว่างที่คุณขอเวลา ผมควรทำยังไง” เป็นครั้งแรกที่อยากร้องไห้ออกมาจริงๆ เจ็บแบบนี้เพิ่งเคยเผชิญ มันทรมานเหลือเกิน ต้องจากกันทั้งที่ยังรัก แล้วเมื่อไหร่จะกลับมาเหมือนเดิมอีก"ฉันขอร้อง ตอนนี้ฉันยังให้คำตอบอะไรคุณไม่ได้ ขอเวลาคิดหน่อยนะคะ”คนตัวเล็กไม่ให้อีกคนตอบ เดินออกมาจากบ้านแล้วใส่กระเป๋าไว้ท้าย ขับเคลื่อนออก ภีมพ
ประตูห้องนอนเปิดออก ร่างบางก้าวออกมาดวงตาแดงก่ำ เดินลงมาถึงชั้นล่างเห็นเขายืนพูดคุยกับสาวใช้ เมื่อสบตากันรอยยิ้มอ่อนโยนส่งมา นาราภัทรเม้มริมฝีปาก ภีมพลขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าแววตาคนรักผิดปกติ เขาเดินมาหารั้งมือบางมากุมไว้“เป็นอะไรครับ” เสียงทุ้มถามด้วยความเป็นห่วงคนตัวเล็กดึงมือออก มองเขาแววตาเย็นชา น้ำตาเริ่มคลอ“นารา...”ริมฝีปากบางสั่นระริก เจ็บตรงหัวใจเหลือเกิน เธออยากมีความสุข แต่กลับไม่หลุดพ้นห้วงความทุกข์ในอดีตเสียที“คุณภีม... คุณจำฉันได้บ้างหรือเปล่า” เสียงแผ่วเบาถาม น้ำตาเริ่มไหลรินภีมพลชะงักดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองใบหน้าคนรัก สีหน้าเริ่มเผือดลง“หมายความว่ายังไงครับ” พยายามทำใจดีสู้เสือ แต่แววตาเธอบ่งบอกมาหมดแล้วสะบัดมือออกจากการเกาะกุม ความเจ็บช้ำในอดีตตามหลอกหลอนเธอไม่เคยเจือจาง เธอเจ็บจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ ถ้าหากไม่ได้เจ๊มะนาวช่วยเหลือ คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา“คุณไม่เคยจำเรื่องที่ทำไว้ในอดีตเลยเหรอคะ ไม่เคยจำว่าทำร้ายใครไว้ ไม่สนว่าคนคนนั้นจะเจ็บปวดแค่ไหนด้วยใช่ไหม!” เธอตะโกนออกมาทั้งน้ำตา มือจับหน้าอกข้างซ้ายรวดร้าวทรมานคนถูกตำหนิเข้าโอบประคอง แต่เธอกลับเบี่ยงก