หลังจากเสียงร้องแรกของทารกน้อยดังก้องไปทั่วโรงพยาบาล ชีวิตของทั้งสองคู่ ภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล จากคู่สามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง พวกเขาก้าวเข้าสู่บทบาทใหม่ที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความสุข นั่นคือการเป็นพ่อแม่ และลูกน้อยทั้งสองคนก็ได้กลายเป็นดวงใจของทั้งสองบ้านในทันที
เมื่อปลายฝันฟื้นตัวจากการคลอดอย่างสมบูรณ์ เธอก็ได้อุ้มลูกชายตัวน้อยไว้ในอ้อมอกอย่างเต็มที่ ภาคินัยไม่เคยห่างกายไปไหน เขานั่งอยู่ข้างเตียงคอยดูแลภรรยาและลูกน้อยอย่างไม่กระพริบตา
"คุณภีมคะ ลูกเราน่ารักที่สุดเลยค่ะ" ปลายฝันกระซิบใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขที่เอ่อล้น
ภาคินัยก้มลงจูบหน้าผากปลายฝันเบาๆ แล้วมองลูกชายตัวน้อยที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ในผ้าห่อตัวอย่างอ่อนโยน "เหมือนปายเลยนะครับ น่ารักน่าชังที่สุด"
พวกเขาตั้งชื่อลูกชายว่าน้องเมฆ ซึ่งเป็นชื่อที่ภาคินัยเป็นคนเลือกเพราะเขาชอบท้องฟ้าและก้อนเมฆที่สื่อถึงความอิสระและบริสุทธิ์
ทันทีที่น้องเมฆกลับถึงบ้านคุณพ่อคุณแม่ของปลายฝันก็เดินทางมาหาหลานชายคนแรกทันที คุณยายของน้องเมฆรีบเข้ามาอุ้มหลานชายตัวน้อยด้วยความรักใคร่
"โอ๊ย หลานยาย น่ารักน่าชังจริงๆ เลย" คุณยายของน้องเมฆพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
คุณตาของน้องเมฆก็เดินเข้ามาดูหลานชายใกล้ๆ "ตาหนูคนนี้หน้าเหมือนพ่อภีมเลยนะเนี่ย"
ห้องของน้องเมฆถูกจัดเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์แบบ เตียงนอนสีขาวสะอาดตา ของเล่นโมบายรูปสัตว์น่ารักๆ และเสื้อผ้าเด็กอ่อนที่ปลายฝันกับภาคินัยบรรจงเลือกซื้อมาด้วยตัวเอง ทุกอย่างบ่งบอกถึงความใส่ใจและความรักที่พ่อแม่มีให้กับลูกชาย
ภาคินัยรับหน้าที่เป็นคุณพ่อมือใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม เขาเรียนรู้การเปลี่ยนผ้าอ้อม การชงนม และการอุ้มลูกน้อยอย่างถูกวิธี แม้บางครั้งจะทุลักทุเลไปบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยท้อถอย เขามักจะใช้เวลาหลังเลิกงานมาเล่นกับน้องเมฆ และร้องเพลงกล่อมลูกนอนเสมอ
"ป๊าขอหอมหน่อยครับ น้องเมฆ" ภาคินัยกระซิบเบาๆ พลางหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่
ปลายฝันเองก็ปรับตัวเข้ากับบทบาทคุณแม่ได้อย่างรวดเร็ว เธอให้นมลูก ดูแลความสะอาด และคอยเฝ้ามองพัฒนาการของน้องเมฆในทุกๆ วัน เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา และมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆ ลูกชาย
ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขากลายเป็นศูนย์กลางของบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม การมีน้องเมฆเข้ามาเติมเต็ม ทำให้ครอบครัวของพวกเขาสมบูรณ์แบบอย่างที่เคยฝันไว้
ในอีกบ้านหนึ่งน้ำหวานก็กำลังมีความสุขกับการได้อยู่กับลูกสาวตัวน้อยของเธอ ธามไม่ต่างจากภาคินัย เขาคอยดูแลน้ำหวานและลูกสาวอย่างไม่ห่าง เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งคู่สบายดี
"คุณธามคะ ลูกเราสวยที่สุดเลยค่ะ" น้ำหวานกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะลูบแก้มลูกสาวเบาๆ
ธามยิ้มอย่างมีความสุข เขาก้มลงจูบหน้าผากน้ำหวานแล้วมองลูกสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก "เหมือนน้ำหวานเลยนะครับ สวยเหมือนคุณแม่"
พวกเขาตั้งชื่อลูกสาวว่าน้องเมษาซึ่งเป็นชื่อที่น้ำหวานเป็นคนเลือกเพราะเป็นช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่นและสดใสเหมือนกับความสุขที่ลูกนำมาให้
เมื่อน้องเมษากลับถึงบ้านคุณพ่อคุณแม่ของน้ำหวานก็รีบมาเยี่ยมหลานสาวคนแรกเช่นกัน คุณยายของน้องเมษารีบเข้ามาอุ้มหลานสาวด้วยความเอ็นดู
"โอ๊ย หนูเมษาของยาย น่ารักน่าชังจริงๆ เลยจ้ะ" คุณยายของน้องเมษาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก
คุณปู่ของน้องเมษาก็เดินเข้ามาดูหลานสาวใกล้ๆ "หนูคนนี้หน้าเหมือนแม่หวานเปี๊ยบเลยนะเนี่ย"
ห้องของน้องเมษาถูกตกแต่งด้วยสีชมพูอ่อนๆ มีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง และของเล่นเสริมพัฒนาการต่างๆ ที่ธามกับน้ำหวานบรรจงเลือกสรรมาด้วยความรัก
ธามรับหน้าที่คุณพ่อมือใหม่ได้อย่างคล่องแคล่ว เขาเรียนรู้การเลี้ยงลูกจากน้ำหวานและจากประสบการณ์ของตัวเอง เขาพยายามใช้เวลาทุกนาทีที่มีอยู่กับน้องเมษา เขาชอบอุ้มลูกสาวตัวน้อยเดินไปรอบๆ บ้าน และพูดคุยกับเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"ป๊าขอจุ๊บหน่อยครับ น้องเมษา" ธามกระซิบพลางจูบลงบนแก้มยุ้ยๆ ของลูกสาว
น้ำหวานเองก็ปรับตัวเข้ากับบทบาทคุณแม่ได้อย่างรวดเร็ว เธอให้นมลูก ดูแลความสะอาด และคอยเฝ้ามองพัฒนาการของน้องเมษาอย่างใกล้ชิด เธอรู้สึกว่าชีวิตของเธอมีความหมายมากขึ้นนับตั้งแต่มีลูกสาวเข้ามาเติมเต็ม
ชีวิตของธามและน้ำหวานเต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ การมีน้องเมษาเข้ามาเติมเต็ม ทำให้ครอบครัวของพวกเขาสมบูรณ์แบบอย่างที่เคยฝันไว้
น้องเมฆและน้องเมษากลายเป็นดวงใจของทั้งสองบ้านในทันที คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายต่างก็เห่อหลานกันยกใหญ่ พวกเขามักจะโทรศัพท์มาถามไถ่อาการของหลานและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลี้ยงดูอยู่เสมอ
ภาคินัยและธามต่างก็ภูมิใจในลูกของพวกเขาเป็นอย่างมาก พวกเขาแบ่งปันภาพถ่ายและวิดีโอของลูกน้อยให้กันและกันดูอยู่เสมอ และมักจะนัดเจอกันเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นพ่อแม่มือใหม่
"เมฆนี่นอนเก่งมากเลยนะธาม กินแล้วก็นอนอย่างเดียวเลย" ภาคินัยเล่าพลางหัวเราะในขณะที่คุยโทรศัพท์กับธาม
"เมษาก็เหมือนกันภีม แต่เขาก็จะตื่นมาเล่นแป๊บหนึ่งแล้วก็หลับต่อ" ธามตอบ
ปลายฝันและน้ำหวานเองก็ยังคงเป็นเพื่อนรักกัน พวกเธอมักจะโทรศัพท์คุยกันทุกวัน เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องลูก การดูแลตัวเองหลังคลอด และการปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่
"ปายรู้สึกเหนื่อยมากเลยนะหวาน บางทีก็ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน" ปลายฝันระบายให้น้ำหวานฟังทางโทรศัพท์
"หวานก็เหมือนกันปาย แต่พอเห็นหน้าลูกก็หายเหนื่อยเลยเนอะ" น้ำหวานตอบ
ความผูกพันของทั้งสองครอบครัวยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก การมีลูกในเวลาไล่เลี่ยกันทำให้พวกเขามีเรื่องราวมากมายที่จะแบ่งปันและมีประสบการณ์ที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกัน
ชีวิตของทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ แม้จะต้องเจอกับความเหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูก แต่ความสุขที่ได้รับจากการได้เห็นลูกน้อยเติบโตและพัฒนาการในทุกๆ วันนั้นยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด
ภาคินัยและธามกลายเป็นคุณพ่อที่ทุ่มเทและใส่ใจ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็เป็นคุณแม่ที่อ่อนโยนและเข้มแข็ง พวกเขาทุกคนต่างเรียนรู้ที่จะเติบโตไปพร้อมกับลูกน้อยของพวกเขา
ในยามค่ำคืน เมื่อเสียงลูกน้อยเงียบลง และทุกคนหลับใหล ภาคินัยและปลายฝันมักจะมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข พวกเขากุมมือกันแน่น แล้วหันไปมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่นอนหลับอย่างสงบในเปลข้างเตียง
เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน พวกเขาก็จะนอนกอดกันแน่น พลางมองหน้าลูกสาวที่นอนหลับอยู่ข้างๆ ความรู้สึกอบอุ่นและความสุขที่เอ่อล้นในหัวใจทำให้พวกเขารู้สึกขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
น้องเมฆและน้องเมษาคือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดที่พระเจ้ามอบให้กับทั้งสองครอบครัว การมาถึงของพวกเขานำพาความสุข ความรัก และความหมายใหม่ๆ มาสู่ชีวิตของทุกคน
จากนี้ไปชีวิตของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวานจะไม่ได้มีแค่กันและกันอีกต่อไป แต่ยังมีดวงใจน้อยๆ อีกสองดวงที่เข้ามาเติมเต็มให้ครอบครัวของพวกเขาสมบูรณ์แบบและอบอุ่นยิ่งขึ้นไปตลอดกาล
อนาคตกำลังรอคอยพวกเขาอยู่ข้างหน้า และพวกเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวเดินไปพร้อมกับลูกน้อยทั้งสองคน สร้างความทรงจำที่ดีงาม และเติมเต็มชีวิตด้วยความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ