หลังจากที่ทิชาประกาศเรื่องงานแต่งงานอย่างเป็นทางการต่อหน้าสาธารณชน ก็เหมือนมีพายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำเข้าสู่ชีวิตของภาคินัยและปลายฝัน ภาคินัยรู้สึกเหมือนติดกับดักที่ทิชาวางไว้ เขาพยายามคิดหาทางออก แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีหนทางไหนที่จะไม่สร้างความเสียหายให้กับใครเลย
ความรู้สึกผิดเริ่มกัดกินหัวใจของภาคินัย เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับปลายฝันกำลังทำร้ายทิชาอย่างแสนสาหัส ถึงแม้เขาจะไม่ได้รักทิชา แต่เธอก็เป็นคนที่ถูกหมั้นหมายกับเขามาตั้งแต่เด็ก การกระทำของเขาในตอนนี้อาจทำให้เธอต้องอับอายและเสียหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในขณะที่ความรู้สึกผิดกำลังรุมเร้า ภาคินัยก็ไม่สามารถหยุดความรู้สึกที่เขามีต่อปลายฝันได้เลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่นึกถึงรอยยิ้มของเธอ แววตาที่เต็มไปด้วยความสดใส และเสียงหัวเราะของเธอ เขาก็ยิ่งตระหนักว่าเขาไม่สามารถปล่อยเธอไปจากชีวิตเขาได้
เช้าวันหนึ่ง ภาคินัยนั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เอกสารกองโตบนโต๊ะทำงานดูเหมือนจะหนักอึ้งกว่าปกติ เขานึกถึงใบหน้าของปลายฝันที่เต็มไปด้วยความเสียใจเมื่อได้ยินข่าวเรื่องงานแต่งงาน เขาอยากจะบอกเธอว่าเขารักเธอมากแค่ไหน และจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้เด็ดขาด
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ธามเดินเข้ามาในห้องทำงานของภาคินัยด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ภีม แกเป็นไงบ้างวะ” ธามถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ภาคินัยถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันไม่รู้จะทำยังไงดีวะธาม”
“เรื่องทิชาใช่ไหม” ธามถาม
ภาคินัยพยักหน้าช้าๆ “ฉันรู้สึกผิดว่ะธาม ที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดขนาดนี้”
“ฉันเข้าใจแกนะภีม” ธามตอบ “แต่แกก็ต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกิดจากความผิดของแกคนเดียวนะ”
“แต่ฉันเป็นคนเลือกที่จะรักปลายฝัน” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “และฉันก็กำลังทำร้ายทิชา”
“แกเลือกที่จะรักคนที่แกรักภีม” ธามเอ่ยขึ้น “นั่นไม่ใช่ความผิด”
“แต่ฉันจะทำยังไงดีวะธาม” ภาคินัยถาม “ฉันไม่อยากให้ปลายฝันต้องมาเสียใจเพราะฉัน และฉันก็ไม่อยากทำร้ายทิชา”
ธามเงียบไปครู่หนึ่ง “ฉันว่าแกต้องคุยกับปลายฝันให้เข้าใจนะภีม”
“ฉันก็อยากคุยกับเธอ” ภาคินัยตอบ “แต่ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี”
ในขณะเดียวกัน ปลายฝันก็ยังคงจมอยู่กับความเสียใจและความสับสน เธอพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ของภาคินัย แต่หัวใจของเธอก็ยังคงเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงข่าวงานแต่งงาน
น้ำหวานยังคงอยู่เคียงข้างปลายฝัน คอยปลอบใจเธอไม่ห่าง
“แกไม่เป็นไรนะปลายฝัน” น้ำหวานปลอบใจ “ฉันเชื่อว่าคุณภีมเขารักแกนะ”
ปลายฝันพยักหน้าช้าๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม “ฉันก็เชื่ออย่างนั้นแหละแก แต่ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี”
“แกต้องให้โอกาสคุณภีมได้อธิบายนะปลายฝัน” น้ำหวานแนะนำ “บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างก็ได้”
คำพูดของน้ำหวานทำให้ปลายฝันครุ่นคิด เธอรู้ดีว่าเธอควรจะให้โอกาสภาคินัยได้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังอีกครั้ง
เย็นวันนั้น ภาคินัยตัดสินใจที่จะไปหาปลายฝันที่บ้าน เขาขับรถไปที่บ้านของเธอด้วยความรู้สึกประหม่าและกังวล
เมื่อมาถึงหน้าบ้านของปลายฝัน ภาคินัยก็ลงจากรถและเดินตรงไปยังประตูบ้าน เขาเคาะประตูเบาๆ
ปลายฝันเปิดประตูออกมา เธอเห็นภาคินัยยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาทันที
“คุณภีมคะ” ปลายฝันเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณนะปลายฝัน” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ปลายฝันพยักหน้าช้าๆ และเปิดประตูให้เขาเข้ามาในบ้าน
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น และนั่งลงบนโซฟาด้วยความเงียบงัน
“ผมขอโทษนะปลายฝัน” ภาคินัยเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ผมขอโทษจริงๆ ที่ทำให้คุณต้องเสียใจ”
ปลายฝันเงียบไป เธอรับฟังคำขอโทษของเขาอย่างตั้งใจ
“ผมรู้ว่าคุณคงโกรธผมมาก” ภาคินัยกล่าวต่อ “แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าผมไม่เคยคิดจะแต่งงานกับทิชาเลยนะ”
“แล้วทำไมเธอถึงประกาศเรื่องงานแต่งงานคะ” ปลายฝันถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ภาคินัยถอนหายใจเล็กน้อย “ทิชากำลังใช้ชื่อเสียงและหน้าตาของตระกูลมาเป็นเครื่องมือในการบีบบังคับผม”
“บีบบังคับคุณภีมงั้นเหรอคะ” ปลายฝันถามด้วยความสงสัย
ภาคินัยพยักหน้า “ใช่ครับ เธอรู้ว่าผมแคร์เรื่องชื่อเสียงของตระกูล และเธอคิดว่าผมจะไม่กล้าปฏิเสธเธอต่อหน้าสาธารณชน”
“แล้วคุณภีมจะทำยังไงคะ” ปลายฝันถามด้วยความกังวล
ภาคินัยมองไปที่ปลายฝันด้วยสายตาที่จริงจัง “ผมจะยกเลิกงานแต่งงานนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม”
คำพูดของภาคินัยทำให้ปลายฝันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เธอเชื่อใจเขามากขึ้นแล้วในตอนนี้
“แต่คุณภีมต้องระวังตัวด้วยนะคะ” ปลายฝันเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “คุณทิชาดูเป็นคนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เลย”
“ผมรู้ครับ” ภาคินัยตอบ “ผมจะดูแลตัวเอง และผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณได้เด็ดขาด”
ภาคินัยยื่นมือไปจับมือของปลายฝันเบาๆ มือของเขาสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อสัมผัสกับมือของเธอ
“ผมรักคุณนะปลายฝัน” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและจริงใจ “ได้โปรดเชื่อผมนะ”
ปลายฝันพยักหน้าช้าๆ น้ำตาคลอเบ้า “ปายเชื่อคุณค่ะคุณภีม”
ทั้งสองคนนั่งจับมือกันอยู่เงียบๆ ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันกำลังเติมเต็มหัวใจของพวกเขา
ในขณะเดียวกัน ทิชาที่ยังคงไม่รู้เรื่องการปรับความเข้าใจของภาคินัยและปลายฝัน ก็ยังคงดำเนินแผนการของเธอต่อไป เธอเริ่มส่งการ์ดเชิญงานแต่งงานให้กับแขกคนสำคัญต่างๆ เพื่อตอกย้ำสถานะของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
คุณหญิงรัญจวนเองก็รู้สึกพอใจกับแผนการของทิชาเป็นอย่างมาก
“ดีมากทิชา” คุณหญิงรัญจวนเอ่ยขึ้น “อีกไม่นานทุกอย่างก็จะเรียบร้อยแล้ว”
ทิชายิ้มด้วยความมั่นใจ “ทิชาไม่ยอมให้ใครมาแย่งสิ่งที่ทิชาควรจะได้ไปเด็ดขาดค่ะคุณแม่”
ในขณะที่ทิชากำลังวางแผนการร้าย ภาคินัยก็เริ่มดำเนินการตามแผนการของเขาเช่นกัน เขาโทรศัพท์หาคุณพ่อของเขา เพื่อพูดคุยเรื่องการยกเลิกงานแต่งงาน
“คุณพ่อครับ ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วยครับ” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
คุณพ่อของภาคินัยรับฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความเคร่งเครียด
“ภีม พ่อเข้าใจความรู้สึกของแกนะ” คุณพ่อของภาคินัยเอ่ยขึ้น “แต่แกก็ต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะ”
“ผมทราบครับคุณพ่อ” ภาคินัยตอบ “แต่ผมไม่สามารถแต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รักได้ครับ”
คุณพ่อของภาคินัยถอนหายใจเล็กน้อย “แล้วแกจะทำยังไงกับเรื่องหน้าตาของตระกูลเราล่ะ”
“ผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้เองครับคุณพ่อ” ภาคินัยเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น “ผมจะจัดการให้ทุกอย่างเรียบร้อยที่สุดครับ”
คุณพ่อของภาคินัยเงียบไปครู่หนึ่ง “ถ้าแกตัดสินใจแบบนั้น พ่อก็จะไม่ขัดขวางแกนะภีม แต่แกต้องทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุดนะ”
“ขอบคุณมากครับคุณพ่อ” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกขอบคุณ
หลังจากวางสาย ภาคินัยก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้ดีว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเขาและคนรอบข้างอย่างมาก แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันทุกรูปแบบเพื่อความรักของเขา
ในขณะเดียวกัน ธามก็ได้รับรู้ข่าวดีจากภาคินัยเกี่ยวกับเรื่องการยกเลิกงานแต่งงาน
“แกแน่ใจนะภีม” ธามถามด้วยความกังวล “ทิชาคงไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะ”
“ฉันรู้” ภาคินัยตอบ “แต่ฉันจะไม่ยอมให้เธอมาบงการชีวิตฉันได้อีกแล้ว”
“ฉันจะช่วยแกนะภีม” ธามเอ่ยขึ้น “เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน”
“ขอบใจมากนะธาม” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันจริงๆ”
ในอีกไม่กี่วันต่อมา ข่าวลือเรื่องการยกเลิกงานแต่งงานของภาคินัยและทิชาก็เริ่มแพร่สะพัดออกไป ทำให้เกิดความสับสนและข้อสงสัยในหมู่สื่อมวลชนและคนในสังคมเป็นอย่างมาก
ทิชาที่ได้รับรู้ข่าวนี้ก็รู้สึกโกรธจัด เธอไม่คิดว่าภาคินัยจะกล้าทำแบบนี้
“คุณแม่คะ ภีมเขาจะยกเลิกงานแต่งงานจริงๆ ค่ะ” ทิชาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ
คุณหญิงรัญจวนถอนหายใจ “แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าเรื่องนี้มันไม่ง่าย”
“แล้วเราจะทำยังไงดีคะแม่” ทิชาถาม “เราจะปล่อยให้เขาทำลายชื่อเสียงของเราไม่ได้นะคะ”
คุณหญิงรัญจวนยิ้มมุมปาก “ไม่ต้องห่วงหรอกลูก แม่มีแผนแล้ว”
คุณหญิงรัญจวนตัดสินใจที่จะจัดงานแถลงข่าวอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่างานแต่งงานของภาคินัยและทิชาจะยังคงจัดขึ้นตามกำหนดเดิม และจะมีการประกาศข่าวดีบางอย่างในงานแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย
ภาคินัยที่ได้รับรู้ข่าวการจัดงานแถลงข่าวครั้งที่สองของทิชา ก็รู้สึกตกใจและไม่เข้าใจว่าทิชากำลังจะทำอะไรกันแน่
“ธาม นายคิดว่าทิชากำลังจะทำอะไรวะ” ภาคินัยถามด้วยความกังวล
ธามถอนหายใจเล็กน้อย “ฉันก็ไม่แน่ใจนะภีม แต่ฉันว่าเธอคงจะพยายามบีบแกให้หนักขึ้นกว่าเดิมนะ”
ภาคินัยกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกต้อนจนมุม
ในขณะเดียวกัน ปลายฝันก็ได้รับรู้ข่าวการจัดงานแถลงข่าวครั้งที่สองของทิชาเช่นกัน เธอรู้สึกเป็นห่วงภาคินัยอย่างมาก และอยากจะอยู่เคียงข้างเขาในยามที่เขากำลังเผชิญหน้ากับปัญหา
น้ำหวานยังคงปลอบใจปลายฝัน “แกไม่ต้องกังวลนะปลายฝัน คุณภีมเขาจะจัดการเรื่องนี้ได้แน่นอน”
ปลายฝันพยักหน้าช้าๆ แต่ในใจของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยความกังวล
เรื่องราวความรักของภาคินัยและปลายฝันกำลังถูกทดสอบอย่างหนัก และดูเหมือนว่าบทสรุปของเรื่องราวนี้ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ