หลังจากที่ได้ใช้เวลาทบทวนตัวเองและคิดว่าได้ค้นพบคำตอบในใจแล้ว ทิชาตัดสินใจที่จะกลับมาเผชิญหน้ากับชีวิตจริง แต่ทว่า ความสับสนและความรู้สึกที่แท้จริงในใจของเธอกลับไม่ได้คลี่คลายอย่างที่เธอคิดไว้เลยแม้แต่น้อย ความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในศึกชิงหัวใจภาคินัย ทำให้ทิชายิ่งหมกมุ่นอยู่กับความต้องการเอาชนะมากขึ้นเรื่อยๆ ความคิดที่จะแยกภาคินัยออกจากปลายฝันยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจของเธอ และในครั้งนี้ เธอกลับมีแผนการที่ซับซ้อนและแนบเนียนยิ่งกว่าเดิม โดยที่ธาม ซึ่งเป็นคนที่เธอเคยบอกว่ารู้สึกดีด้วย กำลังจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในแผนการร้ายของเธอโดยไม่รู้ตัว
ทิชากลับมายังกรุงเทพฯ ด้วยท่าทีที่ดูสงบขึ้น แต่ภายใต้ความสงบนั้น ซ่อนเร้นด้วยความมุ่งมั่นและแผนการที่ถูกบ่มเพาะมาอย่างดิบดี เธอได้ยินข่าวการแต่งงานของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงความสัมพันธ์ที่งดงามระหว่างธามและน้ำหวาน สิ่งเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดและความรู้สึกถูกทอดทิ้งในใจของทิชา เธอไม่สามารถยอมรับได้ว่าทุกคนจะมีความสุขกันหมดในขณะที่เธอต้องจมปลักอยู่กับความพ่ายแพ้
เธอเริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์ แทนที่จะโจมตีตรงๆ เหมือนที่เคยทำ เธอจะใช้ความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะดีขึ้นกับธามเป็นช่องทางในการเข้าใกล้ภาคินัยและสร้างความสั่นคลอนให้กับปลายฝัน
ทิชาเริ่มติดต่อธามบ่อยขึ้น เธอแสดงท่าทีที่อ่อนโยนขึ้น มีเหตุผลมากขึ้น และดูเหมือนจะกลับใจจากการกระทำในอดีต ธามเองที่ยังคงรู้สึกดีกับทิชาและหวังว่าเธอจะกลับมาเป็นคนเดิม ก็ตอบรับการติดต่อของเธอด้วยความยินดี
วันหนึ่ง ทิชาชวนธามไปทานอาหารกลางวัน เธอเลือกที่จะพูดคุยเรื่องราวธุรกิจและปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่บริษัทของเธอกำลังเผชิญอยู่
“คุณธามคะ ดิฉันรู้สึกแย่มากเลยค่ะที่ช่วงที่ผ่านมาดิฉันเอาแต่สนใจเรื่องส่วนตัว จนทำให้ธุรกิจของครอบครัวต้องเสียหาย” ทิชาพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด “ดิฉันอยากจะแก้ไขทุกอย่าง แต่บางครั้งก็รู้สึกท้อแท้”
ธามมองทิชาด้วยแววตาเห็นใจ “ไม่เป็นไรครับคุณทิชา ใครๆ ก็เคยผิดพลาดได้ครับ สำคัญที่สุดคือการที่คุณคิดที่จะแก้ไขมัน”
“ดิฉันดีใจมากเลยค่ะที่คุณธามเข้าใจดิฉัน” ทิชาส่งยิ้มบางๆ ให้ธาม “คุณธามเป็นคนดีจริงๆ ค่ะ”
ตลอดการสนทนา ทิชาพยายามสร้างภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่กลับใจ หันมาสนใจธุรกิจ และต้องการคำแนะนำจากธาม เธอใช้คำพูดที่แสดงถึงความอ่อนแอและความต้องการการปกป้อง ซึ่งทำให้ธามรู้สึกอยากจะช่วยเหลือเธอมากขึ้น
ธามเริ่มแนะนำทิชาในเรื่องธุรกิจ ให้คำปรึกษา และบางครั้งก็ช่วยเธอประสานงานกับบุคคลภายนอกโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกใช้เป็นบันไดให้ทิชาปีนป่ายเข้าสู่โลกของภาคินัยอีกครั้ง
ขณะที่ธามกำลังทุ่มเทช่วยเหลือทิชา ทิชาก็เริ่มเดินหน้าแผนการของเธออย่างเงียบๆ เธอใช้ข้ออ้างในการขอคำปรึกษาเรื่องธุรกิจ เพื่อที่จะได้มีโอกาสพบปะกับภาคินัยในวงสังคม หรือแม้แต่ที่บริษัทของภาคินัยเอง โดยมีธามเป็นคนกลางที่เชื่อมโยงให้
ครั้งหนึ่ง ทิชาขอให้ธามช่วยจัดการประชุมธุรกิจสำคัญกับกลุ่มนักลงทุนบางราย ซึ่งบังเอิญเป็นกลุ่มนักลงทุนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบริษัทของภาคินัย ธามผู้ไม่ระแวงก็จัดการนัดหมายให้ โดยมีภาคินัยเข้าร่วมการประชุมด้วยในฐานะผู้มีอิทธิพลในวงการ
ในการประชุมครั้งนั้น ทิชาใช้โอกาสนี้แสดงความสามารถด้านธุรกิจของเธอ เธอพูดจาฉลาดหลักแหลม มีวิสัยทัศน์ และแสดงความเป็นมืออาชีพอย่างน่าประทับใจ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับภาคินัยไม่น้อย เขายอมรับว่าทิชาเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ
“คุณภีมคะ ดิฉันต้องขอบคุณคุณธามมากเลยค่ะที่ช่วยดิฉันประสานงานและให้คำแนะนำที่ดีมาตลอด” ทิชาเอ่ยขึ้นในวงสนทนา “ถ้าไม่มีคุณธาม ดิฉันคงไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้”
ภาคินัยพยักหน้าช้าๆ “ธามเป็นคนเก่งอยู่แล้วครับ”
ทิชาแอบเหลือบมองภาคินัย เธอเห็นประกายบางอย่างในดวงตาของเขา แววตาที่บ่งบอกถึงความประทับใจเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอต้องการ
แผนการของทิชาไม่ได้มีเพียงแค่การเข้าใกล้ภาคินัย แต่ยังรวมไปถึงการสร้างความเข้าใจผิดและความไม่สบายใจให้กับปลายฝันด้วย เธอจะใช้ธามเป็นเครื่องมือในการส่งข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง หรือทำให้เกิดสถานการณ์ที่ชวนให้ปลายฝันรู้สึกระแวง
ปลายฝันสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวทิชา และการที่ธามเข้ามาเกี่ยวข้องกับทิชามากขึ้น เธอไว้ใจธามและรู้ว่าธามเป็นคนดี แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้ เธอเคยเจอฤทธิ์ของทิชามาแล้วหลายครั้ง
วันหนึ่ง น้ำหวานเห็นปลายฝันดูไม่สบายใจ จึงเข้ามาสอบถาม
“แกเป็นอะไรหรือเปล่าปลายฝัน” น้ำหวานถามด้วยความเป็นห่วง
ปลายฝันถอนหายใจเล็กน้อย “ฉันไม่สบายใจเลยแก เรื่องทิชา”
“ทำไมเหรอ” น้ำหวานถาม
“ก็เธอดูเปลี่ยนไปมากเลยนะแก แถมยังเข้ามาเกี่ยวข้องกับคุณภีมผ่านคุณธามอีก” ปลายฝันพูดด้วยความกังวล “ฉันกลัวว่าเธอจะวางแผนอะไรอีก”
น้ำหวานพยายามปลอบใจเพื่อน “อย่าคิดมากเลยปลายฝัน คุณธามเป็นคนดีนะ เขาคงไม่ยอมให้ทิชาทำอะไรไม่ดีหรอก”
แม้จะได้รับคำปลอบใจจากน้ำหวาน แต่ความกังวลของปลายฝันก็ยังคงอยู่ เธอเลือกที่จะไม่บอกภาคินัยเรื่องความกังวลของเธอ เพราะไม่อยากให้เขากังวลไปด้วย และไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเธอไม่ไว้ใจธาม
ทิชาเริ่มแผนการขั้นต่อไป เธอเริ่มส่งของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไปให้ภาคินัย โดยใช้ชื่อของธามในการส่ง เพื่อให้ดูเหมือนว่าธามเป็นคนส่งให้ หรือบางครั้งก็ใช้โอกาสที่ธามมาปรึกษาเรื่องงานที่บริษัทภาคินัย แล้วแกล้งทำของส่วนตัวบางอย่างตกไว้ในห้องทำงานของภาคินัย ซึ่งเป็นของที่มีความหมายส่วนตัวระหว่างเธอกับภาคินัยในอดีต
ครั้งหนึ่ง ภาคินัยเจอผ้าเช็ดหน้าปักลายชื่อย่อของเขาและทิชาตกอยู่ในห้องทำงาน เขานึกสงสัยว่ามาได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพียงแต่เก็บไว้ในลิ้นชัก
แต่ปลายฝันที่บังเอิญเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเข้า ก็รู้สึกไม่สบายใจ เธอนึกถึงเรื่องราวในอดีต และภาพความทรงจำเก่าๆ ก็ย้อนกลับมาในหัว
“คุณภีมคะ นี่ผ้าเช็ดหน้าใครคะ” ปลายฝันถามภาคินัยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
ภาคินัยหันมามองปลายฝัน “อ๋อ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ เห็นตกอยู่ในห้องทำงาน”
ปลายฝันพยายามทำเป็นไม่คิดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เธอรู้ว่าผ้าเช็ดหน้านั้นเป็นของทิชา เพราะมันมีชื่อย่อของภาคินัยและลายปักที่เป็นเอกลักษณ์
ทิชาได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ เธอไม่ได้ต้องการให้ภาคินัยกลับมารักเธอ แต่เธอต้องการที่จะสร้างความร้าวฉานระหว่างภาคินัยและปลายฝัน เธอต้องการให้ปลายฝันรู้สึกไม่สบายใจ และทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขามีรอยร้าว
ธามผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ยังคงทำหน้าที่เป็นเพื่อนที่ดี และคอยช่วยเหลือทิชาในเรื่องธุรกิจ เขาไม่รู้เลยว่ากำลังเป็นเครื่องมือสำคัญในแผนการร้ายของทิชา ที่กำลังจะนำพาความวุ่นวายมาสู่ความสัมพันธ์ของเพื่อนรักของเขาอีกครั้ง
ทิชาเริ่มใช้โอกาสที่ได้ใกล้ชิดกับธาม เพื่อที่จะสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับธาม เธอจะทำทีเป็นสนิทสนมกับธามมากเกินปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะเมื่อมีปลายฝันอยู่ในบริเวณนั้น เพื่อให้ดูเหมือนว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าแค่เพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนสนิท
ครั้งหนึ่ง ในงานเลี้ยงธุรกิจ ภาคินัยและปลายฝันเข้าร่วมงานพร้อมกับธามและน้ำหวาน ทิชามาในงานด้วยเช่นกัน เธอเดินเข้ามาทักทายธามด้วยรอยยิ้มที่สดใส และพูดคุยกับเขาอย่างใกล้ชิดเกินควร โดยไม่สนใจว่าน้ำหวานจะยืนอยู่ข้างๆ
“คุณธามคะ ดิฉันดีใจมากเลยนะคะที่คุณมางานนี้” ทิชาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน “ดิฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณธามอีกเยอะเลยค่ะ”
ธามยิ้มตอบอย่างเป็นกันเอง “ได้สิครับคุณทิชา ถ้าผมช่วยอะไรได้ก็บอกนะครับ”
น้ำหวานที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นถึงท่าทีของทิชา เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้
ปลายฝันที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเช่นกัน เธอรู้สึกว่าทิชากำลังเล่นเกมอะไรบางอย่างอีกแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร
ทิชาแอบเหลือบมองปลายฝัน เธอเห็นแววตาที่ไม่สบายใจของปลายฝัน และยิ้มในใจ แผนการของเธอกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี เธอจะใช้ธามเป็นเครื่องมือในการแยกภาคินัยออกจากปลายฝันอย่างช้าๆ และแนบเนียน
ในขณะที่ทุกคนกำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ทิชาก็ขอธามเต้นรำด้วย ธามผู้ไม่คิดอะไรมาก ก็ตกลง ทั้งคู่เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ทิชาพยายามที่จะใกล้ชิดกับธามมากที่สุด และแอบเหลือบมองภาคินัยและปลายฝันเป็นระยะๆ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากำลังจับตามองอยู่
ภาคินัยเห็นธามเต้นรำกับทิชา เขามองด้วยสายตาที่ปกติ ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ปลายฝันกลับรู้สึกไม่สบายใจ เธอเห็นรอยยิ้มของทิชาที่ดูมีความหมายบางอย่าง และเริ่มกังวลว่าทิชากำลังจะทำอะไรบางอย่างอีกแล้ว
เรื่องราวความรักของภาคินัยและปลายฝันกำลังจะถูกทดสอบอีกครั้ง โดยมีแผนการร้ายของทิชาเป็นตัวขับเคลื่อน และธามผู้ไม่รู้ตัว กำลังจะกลายเป็นหมากตัวสำคัญในเกมที่ทิชากำลังเล่น
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ