หลังจากที่ภาคินัยและปลายฝันได้เริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยความสุขเต็มเปี่ยม และธามกับน้ำหวานก็กำลังสานสัมพันธ์ไปในทิศทางที่ดี ทิชาซึ่งเคยเป็นตัวร้ายในเรื่องราวความรักของภาคินัย ก็กำลังเผชิญกับความสับสนครั้งใหญ่ในใจของเธอ เธอเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองถึงความรู้สึกที่มีต่อภาคินัย และความรู้สึกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นกับธาม แม้ว่าเธอจะบอกกับธามไปแล้วว่ารู้สึกดี แต่ความรู้สึกที่แท้จริงในใจของเธอกลับยังคงวกวนและไม่ชัดเจน
ทิชานั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างห้องทำงานของเธอ ภาพของภาคินัยกับปลายฝันในชุดแต่งงานที่ดูมีความสุขเหลือเกินยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เธอเคยคิดว่านั่นคือความสุขที่เธอต้องการ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่างเปล่าอย่างประหลาด ความแค้นที่เคยสุมอกเริ่มจางหายไปทีละน้อย ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกสับสนและผิดหวังในตัวเอง
“นี่ฉันต้องการอะไรกันแน่” ทิชาพึมพำกับตัวเอง
เธอเริ่มทบทวนความสัมพันธ์ของเธอกับภาคินัยอีกครั้ง มันเป็นความรักจริงๆ หรือแค่ความหลงใหลในภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบที่เธอสร้างขึ้นมา? ความพยายามที่จะครอบครองเขาเป็นเพียงความต้องการที่จะเอาชนะเท่านั้นใช่ไหม? คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของเธอไม่หยุดหย่อน
ในขณะเดียวกัน ภาพของธามก็ผุดขึ้นมาในความคิด ธาม ผู้ชายที่อยู่เคียงข้างเธอเสมอมา ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เขามักจะพูดความจริงกับเธอเสมอ แม้ว่าบางครั้งมันจะทำให้เธอเจ็บปวดก็ตาม ความรู้สึกที่เธอมีต่อธามมันแตกต่างจากภาคินัยอย่างสิ้นเชิง มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่น ปลอดภัย และเข้าใจ เธอเคยบอกธามว่าเธอรู้สึกดีกับเขา และเขาก็พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับสับสนว่าความรู้สึกนั้นมันคือความรักจริงๆ หรือเป็นแค่ความรู้สึกขอบคุณและความสบายใจที่ได้อยู่ใกล้เขา
คุณหญิงรัญจวนผู้เป็นมารดา สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของลูกสาว เธอเข้ามาหาทิชาในห้องทำงานด้วยความเป็นห่วง
“ทิชาลูก มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” คุณหญิงรัญจวนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ทิชาเงยหน้าขึ้นมองมารดา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน “แม่คะ ทิชาไม่รู้ว่าทิชารู้สึกยังไงกันแน่ค่ะ”
คุณหญิงรัญจวนนั่งลงข้างๆ ลูกสาวและลูบผมของเธอเบาๆ “เรื่องอะไรลูก เรื่องคุณภีมกับธามใช่ไหม”
ทิชาพยักหน้าช้าๆ “ทิชาเคยคิดว่าทิชารักคุณภีมมากที่สุด แต่ตอนนี้ทิชากลับไม่แน่ใจแล้วค่ะ” เธอเงียบไปครู่หนึ่ง “แล้วทิชาก็ไม่แน่ใจกับความรู้สึกที่มีต่อคุณธามด้วยค่ะ”
คุณหญิงรัญจวนถอนหายใจเล็กน้อย “แม่รู้ว่าลูกสับสนนะทิชา แต่ลูกต้องถามใจตัวเองให้ดีๆ นะ ว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกต้องการจริงๆ”
“ทิชาไม่รู้ค่ะแม่” ทิชาตอบด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง “ทิชากลัวว่าทิชาจะตัดสินใจผิดอีก”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก” คุณหญิงรัญจวนปลอบใจ “บางทีการได้อยู่คนเดียวและทบทวนความรู้สึกของตัวเอง อาจจะช่วยให้ลูกเจอคำตอบก็ได้นะ”
คำพูดของคุณหญิงรัญจวนทำให้ทิชารู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย เธอรู้ว่าแม่ของเธอยังคงอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ไม่ว่าเธอจะทำผิดพลาดแค่ไหนก็ตาม
หลังจากได้พูดคุยกับคุณหญิงรัญจวน ทิชาตัดสินใจที่จะเว้นระยะห่างจากทั้งภาคินัยและธามชั่วคราว เธอต้องการเวลาที่จะอยู่กับตัวเอง เพื่อทบทวนความรู้สึกและค้นหาคำตอบที่แท้จริงในใจของเธอ
ทิชาโทรศัพท์หาธามเพื่อบอกความต้องการของเธอ
“คุณธามคะ ดิฉันอยากจะขอเวลาสักพักนะคะ” ทิชาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ลังเล “ดิฉันอยากจะทบทวนความรู้สึกของตัวเองค่ะ”
ธามเงียบไปเล็กน้อย แต่เขาก็เข้าใจความต้องการของทิชาดี
“ผมเข้าใจครับคุณทิชา” ธามตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ผมจะรอคุณนะครับ ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจยังไง ผมก็เคารพการตัดสินใจของคุณเสมอ”
คำพูดของธามทำให้ทิชารู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้เขาต้องรอ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกซาบซึ้งใจในความเข้าใจและความใจดีของเขา
จากนั้น ทิชาก็ตัดสินใจที่จะเดินทางไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดคนเดียว เธอต้องการที่จะหลีกหนีจากความวุ่นวายและผู้คน เพื่อที่จะได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง
ทิชาเดินทางมาถึงรีสอร์ตเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เงียบสงบและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เธอใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการเดินเล่นในสวน การนั่งอ่านหนังสือริมระเบียง และการทำสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบและปลอดโปร่ง
ในระหว่างที่เธออยู่คนเดียว ทิชาได้ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตของเธออย่างละเอียด เธอพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของเธอกับภาคินัยอย่างลึกซึ้ง และในที่สุดเธอก็ยอมรับความจริงว่าสิ่งที่เธอมีให้เขาไม่ใช่ความรักที่แท้จริง แต่เป็นเพียงความปรารถนาที่จะครอบครองและเอาชนะเท่านั้น ความรู้สึกที่เธอมีให้เขาเป็นเพียงความหลงใหลในภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบที่เธอมโนขึ้นมา ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา
เมื่อได้ยอมรับความจริงข้อนี้ ทิชาก็รู้สึกเหมือนก้อนหินที่ถ่วงอยู่ในใจของเธอกำลังถูกยกออกไป มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวด แต่ก็เป็นความเจ็บปวดที่นำไปสู่การเยียวยา
จากนั้น ทิชาก็หันมาพิจารณาถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อธาม เธอจำได้ถึงทุกครั้งที่ธามอยู่เคียงข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะทำผิดพลาดแค่ไหน เขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่ใจดีและเข้าใจเธอเสมอ เขายอมรับในตัวตนที่แท้จริงของเธอ ทั้งด้านดีและด้านร้าย และไม่เคยตัดสินเธอเลย
ความรู้สึกที่เธอมีต่อธามมันแตกต่างจากภาคินัยอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่ความหลงใหล ไม่ใช่ความตื่นเต้น แต่เป็นความรู้สึกที่อบอุ่น ปลอดภัย และมั่นคง มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง
ในที่สุด ทิชาก็ได้คำตอบในใจของเธอแล้ว เธอไม่ได้รักภาคินัย และความรู้สึกที่เธอมีให้ธามต่างหากคือความรักที่แท้จริง มันไม่ใช่ความรักที่หวือหวา แต่เป็นความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ จากความเข้าใจและความผูกพันที่ลึกซึ้ง
หลังจากที่ได้ค้นพบคำตอบในใจของตัวเองแล้ว ทิชาก็ตัดสินใจที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับความจริง และเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต
เธอโทรศัพท์หาธามอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่ได้ลังเลหรือสับสนอีกต่อไปแล้ว
“คุณธามคะ ดิฉันกลับมาแล้วค่ะ” ทิชาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สดใส
“คุณสบายดีไหมครับคุณทิชา” ธามถามด้วยความเป็นห่วง
“สบายดีค่ะ” ทิชาตอบ “และดิฉันก็ได้คำตอบแล้วค่ะ”
ธามเงียบไปเล็กน้อย เขาเฝ้ารอฟังคำตอบของทิชาด้วยใจที่เต้นรัว
“ดิฉันรู้แล้วค่ะว่าดิฉันไม่ได้รักคุณภีม” ทิชาพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “และดิฉันก็รู้แล้วว่าคนที่ดิฉันรักจริงๆ คือคุณธามค่ะ”
คำพูดของทิชาทำให้ธามถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เขาไม่คิดว่าเขาจะได้ยินคำพูดเหล่านี้จากทิชา
“ผมดีใจมากเลยครับคุณทิชา” ธามเอ่ยขึ้น “ผมรักคุณนะ”
“ดิฉันก็รักคุณค่ะคุณธาม” ทิชาตอบ
จากนั้น ธามก็เดินทางไปรับทิชาที่รีสอร์ต ทั้งคู่ขับรถกลับกรุงเทพฯ ด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุขและความเข้าใจ
เรื่องราวของทิชากำลังจะเริ่มต้นบทใหม่ เธอได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต และพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้ากับธาม ผู้ชายที่อยู่เคียงข้างเธอเสมอ และเป็นคนที่ทำให้เธอได้ค้นพบความหมายที่แท้จริงของความรัก
แม้ว่าเส้นทางความรักของทิชาจะไม่ได้ราบรื่นเหมือนภาคินัยและปลายฝัน แต่การที่เธอได้เผชิญหน้ากับความสับสนในใจ และค้นพบความรักที่แท้จริง ก็ถือเป็นบทสรุปที่งดงามสำหรับเธอ
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ