บ่ายวันอังคารที่กรุงเทพฯ อากาศร้อนอบอ้าว น้ำหวานนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานที่บ้านของเธอ ไฟล์งานออกแบบยังคงเปิดค้างอยู่ แต่ดวงตาของเธอไม่ได้จับจ้องอยู่ที่เส้นสายหรือรูปทรงใดๆ ความคิดของน้ำหวานล่องลอยไปไกล...ไกลไปถึงบ้านพักตากอากาศบนเนินเขาที่ทิชากำลังพักอยู่ และไกลไปถึง ธาม
ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ น้ำหวานรู้สึกแปลกๆ ในใจ เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เธอพยายามหาคำจำกัดความให้มัน แต่ก็หาไม่เจอ มันเริ่มต้นจากความชื่นชมในความซื่อสัตย์และจิตใจที่ดีของธาม ผู้ชายที่เธอเคยเพียงแค่รู้จักในฐานะเพื่อนของภาคินัย แต่ตอนนี้...มันเริ่มมีอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น
น้ำหวานถอนหายใจยาวๆ เธอพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลง ภาพของธามผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ภาพของธามในชุดลำลองสบายๆ ที่กำลังยิ้มบางๆ ขณะเล่าเรื่องสนุกๆ ให้ทิชาฟัง ภาพของธามที่คอยดูแลทิชาอย่างใกล้ชิด ความเอาใจใส่ที่เขามีให้ทิชาอย่างไม่บกพร่อง สิ่งเหล่านี้เริ่มสร้างความรู้สึกบางอย่างในใจของน้ำหวาน...ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยและทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
น้ำหวานกับธามไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกัน พวกเขาเพียงแค่รู้จักกันผ่านภาคินัย ธามเป็นคนเงียบๆ สุขุม แต่ดูเป็นที่พึ่งพาได้เสมอ น้ำหวานเคยได้ยินเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับธามมาจากภาคินัยและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปลายฝัน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอเอง ปลายฝันมักจะเล่าถึงความดีของธาม การช่วยเหลือต่างๆ ที่เขามีให้ภาคินัย และความมีน้ำใจของเขา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ค่อยๆ สร้างความประทับใจให้แก่น้ำหวานอย่างช้าๆ
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้น้ำหวานเริ่มตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเอง คือช่วงที่ธามต้องไปดูแลทิชาที่บ้านพักตากอากาศ แรกๆ น้ำหวานก็ไม่ได้คิดอะไร เธอเข้าใจดีว่าธามไปทำหน้าที่ในฐานะเพื่อนของภาคินัย ที่ต้องคอยดูแลทิชาในช่วงที่เธอกำลังบอบช้ำ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ข่าวคราวเกี่ยวกับความใกล้ชิดของธามและทิชาก็เริ่มเข้าหูเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จากปลายฝัน ปลายฝันมักจะพูดถึงการดูแลเอาใจใส่ที่ธามมีให้ทิชา ซึ่งบางครั้งก็ดูเหมือนจะมากเกินกว่าแค่เพื่อนสนิท ปลายฝันเองก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ กับเรื่องนี้เช่นกัน แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปตรงๆ เพียงแต่เล่าเหตุการณ์ที่เห็นให้ฟัง
แล้วในบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่น้ำหวานกำลังเลื่อนดูฟีดข่าวในโซเชียลมีเดีย เธอก็เห็นภาพหนึ่งที่ทำให้หัวใจของเธอกระตุก ภาพนั้นเป็นภาพวิวทิวทัศน์สวยงามบนเนินเขา แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอมากที่สุดคือ ภาพคู่ของธามและทิชาที่ถ่ายด้วยกัน ในภาพนั้น ทิชายืนยิ้มหวานข้างธามที่ยิ้มบางๆ มองตรงมาที่กล้อง แววตาของธามดูอบอุ่นและมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญคือ...มือของธามที่อยู่ใกล้กับทิชา ราวกับพร้อมจะโอบไหล่เธอไว้
น้ำหวานรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างบีบรัดในอกทุกครั้งที่เห็นภาพเหล่านั้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็น เธอพยายามจะบอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกเป็นห่วงคนรู้จัก หรืออาจจะเป็นแค่ความรู้สึกแปลกๆ เพราะไม่คุ้นชิน แต่ลึกๆ แล้ว เธอรู้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น
เธอพยายามหาเหตุผลมาหักล้างความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ "ฉันไม่ได้ชอบธามหรอกน่า...เขาเป็นแค่คนรู้จัก"
"ฉันแค่เป็นห่วงธามเท่านั้นแหละ กลัวเขาจะโดนทิชาหลอกใช้" "ธามกับทิชาก็แค่เพื่อนกัน ไม่มีอะไรหรอก" เสียงเล็กๆ ในหัวของเธอดังขึ้นซ้ำๆ เพื่อพยายามกลบเกลื่อนความจริงที่กำลังก่อตัว
แต่ทุกครั้งที่เธอพยายามปฏิเสธ หัวใจของเธอกลับเต้นแรงขึ้น ความรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นภาพนั้นยังคงชัดเจน เธอเลื่อนผ่านภาพไปอย่างรวดเร็ว แต่ภาพนั้นกลับตามหลอกหลอนอยู่ในห้วงความคิด เธอรู้สึกเหมือนถูกบีบรัด หายใจไม่ทั่วท้อง เธออยากจะปิดคอมพิวเตอร์ อยากจะลืมภาพนั้นไปให้หมด แต่ก็ทำไม่ได้
น้ำหวานลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างของห้องทำงาน เธอมองออกไปข้างนอกด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ความรู้สึกที่เธอพยายามปฏิเสธมาตลอด เริ่มฉายชัดขึ้นเรื่อยๆ เธอรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ใช่แค่ห่วงธาม แต่เป็นความรู้สึกที่ไม่พอใจที่เห็นธามอยู่ใกล้ทิชามากขนาดนั้น...ความรู้สึกที่คล้ายกับ ความหึงหวง ที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
สองสามวันต่อมา น้ำหวานมีนัดคุยงานกับลูกค้าใกล้กับย่านชานเมือง ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับที่จะผ่านไปยังบ้านพักตากอากาศของทิชา เธอขับรถไปตามถนนที่ค่อนข้างเงียบสงบ จิตใจยังคงว้าวุ่นกับภาพในโซเชียลมีเดีย
ทันใดนั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งที่คุ้นตา จอดอยู่ริมถนนในบริเวณที่เงียบสงบ มีคนสองคนกำลังเดินอยู่ริมทางเท้า และเมื่อมองใกล้ๆ หัวใจของน้ำหวานก็หล่นวูบ...นั่นคือ ธามกับทิชา
ทั้งสองดูสนิทสนมกันมาก ทิชากำลังหัวเราะเสียงใส ขณะที่ธามก้มลงไปพูดอะไรบางอย่างกับเธอ ใบหน้าของธามเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด เป็นรอยยิ้มที่น้ำหวานไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก และเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ถูกเก็บซ่อนไว้เหมือนเวลาที่ธามอยู่กับคนอื่นๆ พวกเขากำลังเดินไปเรื่อยๆ โดยที่ธามคอยมองไปรอบๆ ราวกับจะคอยระวังภัย และบางครั้งก็เอื้อมมือไปแตะแขนของทิชาเบาๆ ราวกับจะคอยประคอง
ภาพตรงหน้าทำให้ความรู้สึกหึงหวงที่น้ำหวานพยายามปฏิเสธมาตลอด พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง เธอรู้สึกเหมือนถูกทุบด้วยค้อนอันหนักอึ้ง ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วอก เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกที่กำลังแอบมองชีวิตของคนอื่น เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงตรงหน้า
น้ำหวานชะลอรถลงเล็กน้อยเพื่อให้ได้เห็นภาพนั้นชัดๆ ธามดูมีความสุขมากจริงๆ ดวงตาของเขาเป็นประกาย และทิชาก็ดูอ่อนหวานและน่ารักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในสายตาของน้ำหวาน เธอเห็นธามยื่นมือไปปัดเศษใบไม้ที่ติดอยู่บนเรือนผมของทิชาอย่างอ่อนโยน ทิชาเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งและดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้น...แต่เป็นความลึกซึ้งที่น้ำหวานมองออกว่าเป็นเพียงการแสดงออกที่ทิชาจงใจสร้างขึ้นมา
น้ำหวานกำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาวโพลน เธอรู้ดีว่าทิชาไม่ได้คิดอะไรกับธามแม้แต่น้อย ทิชาเพียงใช้เขาเป็นเครื่องมือเท่านั้น! เธอเคยได้ยินจากปลายฝันว่าทิชายังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องของภาคินัย และการที่ทิชาพยายามเข้าใกล้ธามขนาดนี้ มันต้องมีอะไรแอบแฝงอย่างแน่นอน
ความสุขที่เห็นในแววตาของธามนั้นช่างน่าสงสารเหลือเกิน ธามผู้ซื่อสัตย์และจริงใจ ไม่รู้เลยว่าเขากำลังตกเป็นเหยื่อของแผนการที่ซับซ้อนของทิชา เขาไม่รู้เลยว่าทุกรอยยิ้ม ทุกคำพูดอ่อนหวานที่ทิชามีให้ เป็นเพียงการแสดงเพื่อดึงดูดความสนใจจากภาคินัยเท่านั้น ธามกำลังมีความหวังที่ริบหรี่ แต่เป็นความหวังที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการหลอกลวง
น้ำหวานอยากจะบีบแตร อยากจะลงไปตะโกนบอกธามให้รู้ความจริง อยากจะดึงธามออกมาจากตรงนั้น แต่เธอก็ทำไม่ได้ เธอไม่ใช่ใคร เธอเป็นเพียงคนรู้จักที่บังเอิญผ่านมาเห็นเหตุการณ์ เธอไม่มีสิทธิ์จะไปก้าวก่ายชีวิตของธาม
เธอได้แต่ขับรถผ่านไปอย่างช้าๆ ปล่อยให้ภาพนั้นค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตา แต่ภาพนั้นกลับยังคงติดตาและสร้างความเจ็บปวดในใจของเธอไม่จางหาย
ในค่ำคืนนั้น น้ำหวานกลับมาที่บ้านด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอไม่สามารถทำงานได้ เธอเอนตัวลงนอนบนเตียง แต่ภาพของธามกับทิชายังคงฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัว ความรู้สึกหึงหวง ความเป็นห่วงธาม และความโกรธทิชาผสมปนเปกันไปหมด
น้ำหวานยอมรับกับตัวเองอย่างเต็มหัวใจแล้วว่า เธอชอบธาม เธอไม่ได้แค่รู้สึกดีกับเขาอีกต่อไปแล้ว แต่เธอมีความรู้สึกพิเศษที่ลึกซึ้งกว่านั้น และการที่เธอเห็นธามมีความสุขกับทิชา แม้จะเป็นความสุขที่หลอกลวง มันก็ทำให้เธอเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
เธอจะทำอย่างไรต่อไป? เธอจะปล่อยให้ธามถูกทิชาหลอกใช้ต่อไป หรือเธอจะทำอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องเขา? แต่การทำอะไรบางอย่างในตอนนี้ดูจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากเหลือเกิน เพราะเธอไม่มีสถานะใดๆ ที่จะก้าวเข้าไปในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเลย
น้ำหวานหลับตาลงอย่างอ่อนล้า หัวใจของเธอกำลังจมดิ่งลงสู่ความสับสนและเจ็บปวด คลื่นใต้น้ำในใจของเธอกำลังก่อตัวอย่างรุนแรง และเธอก็ไม่รู้ว่ามันจะพัดพาเธอไปในทิศทางใด
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ