เสียงเพลงดังกระหึ่มจากผับใจกลางกรุงเทพฯ แทรกซึมเข้ามาในโสตประสาทของน้ำหวาน แสงสีนีออนหลากสีสาดส่องไปทั่วบริเวณ ย้อมให้ผู้คนดูเลือนรางและล่องหน ปลายฝัน เพื่อนสนิทของน้ำหวานนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ทั้งสองอยู่กันที่โต๊ะมุมหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว แก้วค็อกเทลสีสวยวางอยู่ตรงหน้า น้ำแข็งกระทบกันเบาๆ สร้างเสียงคลอไปกับจังหวะดนตรี
น้ำหวานยกแก้วขึ้นจิบช้าๆ รสชาติหวานปนขมของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไหลลงสู่ลำคอ สร้างความร้อนผ่าวไปทั่วร่าง เธอไม่ได้มาเที่ยวกลางคืนบ่อยนัก แต่ในคืนนี้ เธอต้องการมัน เธอต้องการสถานที่ที่เสียงเพลงจะกลบความคิดในหัวของเธอ ต้องการแสงสีที่ทำให้เธอหลงลืมความจริงที่เจ็บปวดไปชั่วขณะ และต้องการใครสักคนที่จะรับฟังเธอได้ โดยไม่ต้องตัดสิน
ปลายฝันสังเกตเห็นความผิดปกติของน้ำหวานมาสักพักแล้ว เพื่อนสนิทของเธอคนนี้มักจะเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง ไม่ค่อยแสดงออก แต่วันนี้...แววตาของน้ำหวานดูหม่นหมองกว่าปกติ และการที่เธอชวนปลายฝันออกมาเที่ยวในคืนวันธรรมดาแบบนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องปกติเลย
"เป็นอะไรไปน้ำหวาน" ปลายฝันถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "แกดูไม่ค่อยดีเลยนะ"
น้ำหวานส่ายหน้า เธอจิบเครื่องดื่มอีกครั้ง พยายามรวบรวมคำพูดในหัว "ไม่มีอะไรหรอก" เธอโกหก แต่เสียงของเธอกลับสั่นเล็กน้อย
ปลายฝันถอนหายใจ เธอรู้ว่าน้ำหวานกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง "อย่าโกหกฉันเลยน่า" ปลายฝันพูดพลางยื่นมือไปจับมือของน้ำหวานเบาๆ "เราเป็นเพื่อนกันนะ แกมีอะไรก็เล่าให้ฉันฟังได้เสมอ"
น้ำหวานเงียบไปพักหนึ่ง เธอจ้องมองไปที่แก้วค็อกเทลในมือ ลังเลว่าจะเล่าเรื่องที่อยู่ในใจให้ปลายฝันฟังดีหรือไม่ ความรู้สึกที่เธอมีต่อธามมันซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบาย และการที่เธอไปรู้สึกแบบนั้นกับคนรู้จัก ที่สำคัญคือเป็นคนที่กำลังดูเหมือนจะมีใจให้ทิชา ซึ่งเป็นคนที่เคยสำคัญกับภาคินัย เพื่อนสนิทของปลายฝันอีกคน มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยากจะพูดออกไป
แต่ในที่สุด ความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ในใจก็บีบคั้นให้น้ำหวานต้องเปิดเผยมันออกมา
น้ำหวานเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ปลายฝันฟังอย่างช้าๆ ตั้งแต่ความรู้สึกดีๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นกับธาม การได้เห็นภาพคู่ของธามกับทิชาในโซเชียลมีเดีย ความรู้สึกหึงหวงที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว จนกระทั่งการบังเอิญไปเห็นธามกับทิชาที่ดูสนิทสนมกันมากเพียงใด น้ำหวานเล่าทุกอย่างด้วยน้ำเสียงที่เจือปนด้วยความเจ็บปวดและความสับสน
"ฉันไม่เข้าใจเลยปลายฝัน" น้ำหวานพูด เสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ "ฉันพยายามบอกตัวเองว่าฉันไม่ได้ชอบธาม แต่ทุกครั้งที่เห็นเขากับทิชา หัวใจของฉันมันก็เจ็บไปหมด"
ปลายฝันฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เธอไม่คิดว่าน้ำหวานจะมีความรู้สึกแบบนี้กับธาม และเธอก็สังเกตเห็นถึงความใกล้ชิดของธามกับทิชามาสักพักแล้วเช่นกัน เธอเคยคิดว่ามันเป็นแค่การดูแลตามหน้าที่ แต่ตอนนี้...เมื่อได้ยินจากปากน้ำหวาน เธอก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
"แกชอบธามเหรอ?" ปลายฝันถามเสียงอ่อนโยน
น้ำหวานหลับตาลง น้ำตาเม็ดเล็กๆ ไหลซึมออกมาจากหางตา "ฉันไม่รู้สิ...ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" เธอสารภาพ "มันเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนมากเลยปลายฝัน ฉันรู้สึกดีกับเขาจริงๆ แต่ฉันก็รู้ว่าธามเขากำลังมีความหวังกับทิชา และทิชาก็..."
น้ำหวานหยุดพูด เธอเปิดตาขึ้น มองไปที่ปลายฝันด้วยแววตาที่เจ็บปวด "ฉันไม่ชอบเลยที่ทิชาทำแบบนี้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้น "ฉันรู้ว่าทิชากำลังหลอกใช้ธาม ฉันเห็นแววตาของทิชา มันไม่ได้จริงใจเลยแม้แต่น้อย"
ปลายฝันถอนหายใจยาวๆ เธอเองก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวทิชาในช่วงที่ผ่านมา ทิชาดูเหมือนจะมีความสุขขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่เหมือนเดิม เธอเคยสงสัยว่าทิชากำลังเล่นเกมอะไรบางอย่าง แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าทิชาคงแค่ต้องการกำลังใจจากธามเท่านั้น
"แกเห็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ?" ปลายฝันถามอย่างจริงจัง
น้ำหวานพยักหน้า "ฉันเห็นทุกอย่างเลยปลายฝัน ธามดูมีความสุขมากจริงๆ แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าเขากำลังถูกหลอกใช้" เสียงของน้ำหวานเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเป็นห่วง "ฉันอยากจะบอกความจริงให้ธามรู้ แต่ฉันจะพูดได้อย่างไรในเมื่อฉันไม่มีสิทธิ์อะไรเลย"
ปลายฝันจับมือของน้ำหวานแน่น "ใจเย็นๆ ก่อนนะน้ำหวาน" เธอปลอบ "เราต้องคิดให้ดีๆ ว่าจะทำยังไงต่อไป"
น้ำหวานเริ่มดื่มค็อกเทลแก้วแล้วแก้วเล่า เธอต้องการให้แอลกอฮอล์ช่วยให้เธอลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ ปลายฝันมองดูเพื่อนสนิทของเธอด้วยความกังวล เธอไม่เคยเห็นน้ำหวานเป็นแบบนี้มาก่อน
ยิ่งดื่ม น้ำหวานก็ยิ่งพูดมาก เธอระบายความรู้สึกทั้งหมดที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง เธอพูดถึงความรู้สึกที่เคยมีต่อภาคินัยในช่วงที่เธอแอบชอบเขา เธอพูดถึงความเจ็บปวดที่ต้องเห็นเขามีความสุขกับปลายฝัน และตอนนี้เธอก็กำลังเจ็บปวดกับการที่ธามกำลังหลงกลทิชา
"ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะปลายฝัน" น้ำหวานพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มเลือนลาง "ทำไมฉันต้องไปชอบคนที่เขากำลังจะไปมีความสุขกับคนอื่นเสมอเลย"
ปลายฝันกอดน้ำหวานแน่น "ไม่เป็นไรนะน้ำหวาน" เธอปลอบ "ฉันอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ว่าแกจะเจออะไร ฉันจะอยู่ข้างแกเสมอ"
น้ำหวานซบหน้าลงกับไหล่ของปลายฝัน น้ำตาที่กลั้นไว้มานานก็ไหลทะลักออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอร้องไห้อย่างหนัก ปล่อยให้ความเจ็บปวดและความสับสนทั้งหมดไหลออกมาพร้อมกับหยดน้ำตา
ปลายฝันลูบหลังน้ำหวานเบาๆ เธอรู้สึกสงสารเพื่อนจับใจ เธอเข้าใจความรู้สึกของน้ำหวานเป็นอย่างดี เพราะเธอเองก็เคยผ่านความรู้สึกแบบนี้มาก่อน แม้จะไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่ความเจ็บปวดที่เกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเผชิญ
"แกจะร้องไห้ออกมาให้หมดเลยก็ได้นะน้ำหวาน" ปลายฝันกระซิบ "บางทีมันอาจจะช่วยให้แกสบายใจขึ้นบ้าง"
น้ำหวานร้องไห้อยู่นาน จนกระทั่งเสียงของเธอเริ่มแผ่วลง และร่างของเธอก็เริ่มอ่อนแรงลง เธอดื่มมากเกินไปแล้ว
"ฉัน...ฉันอยากจะให้ธามรู้ความจริง" น้ำหวานพึมพำ "แต่ฉันจะทำยังไงดีปลายฝัน"
ปลายฝันถอนหายใจ เธอรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนมาก "เราจะช่วยกันนะน้ำหวาน" ปลายฝันบอก "แต่ตอนนี้ แกควรจะพักผ่อนก่อนนะ"
เมื่อน้ำหวานเริ่มมึนเมาจนไม่สามารถประคองตัวเองได้ ปลายฝันก็เรียกพนักงานให้มาช่วยพยุงน้ำหวานไปที่รถ เธอประคองน้ำหวานกลับบ้านอย่างทุลักทุเล ตลอดทาง น้ำหวานยังคงพึมพำถึงธามและทิชาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยและเจ็บปวด
เมื่อถึงบ้าน ปลายฝันช่วยน้ำหวานขึ้นไปที่ห้องนอน จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ และเช็ดตัวให้เบาๆ น้ำหวานหลับตาพริ้มไปแล้วในอ้อมกอดของปลายฝัน ใบหน้าของเธอดูซีดเซียว แต่ก็ยังคงมีร่องรอยของหยาดน้ำตาที่ยังไม่แห้ง
ปลายฝันนั่งอยู่ข้างเตียงของน้ำหวาน มองดูเพื่อนสนิทของเธอที่หลับใหลอย่างอ่อนล้า หัวใจของปลายฝันเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ เธอรู้ว่าน้ำหวานกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดที่แท้จริง และมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะก้าวผ่านมันไปได้
แต่ในขณะเดียวกัน ปลายฝันก็เริ่มคิดทบทวนถึงเรื่องราวของธามและทิชาที่น้ำหวานเล่าให้ฟัง เธอเองก็เคยรู้สึกแปลกๆ กับความสัมพันธ์ของทั้งสองคน แต่ไม่เคยคิดไปไกลขนาดที่ว่าทิชากำลังหลอกใช้ธาม หากเป็นจริงอย่างที่น้ำหวานบอก ธามก็กำลังตกอยู่ในอันตราย เขาผู้ซื่อสัตย์และจริงใจ ไม่ควรถูกใครมาหลอกใช้แบบนี้
ปลายฝันรู้ดีว่าการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อาจทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงมากขึ้น แต่เธอไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไปแล้ว เธอจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องธาม และเพื่อช่วยน้ำหวานให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้
ในคืนนั้น ปลายฝันนั่งคิดแผนการต่างๆ มากมาย เธอจะต้องหาวิธีเปิดเผยความจริงให้ธามรู้ โดยไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายมากที่สุด และจะต้องทำอย่างไรให้น้ำหวานสามารถก้าวผ่านความรู้สึกนี้ไปได้
แสงจันทร์ส่องสว่างเข้ามาในห้องนอน ส่องให้เห็นใบหน้าที่หลับใหลของน้ำหวาน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตั้งใจของปลายฝัน คืนแห่งการปลดปล่อยของน้ำหวานได้จบลงแล้ว แต่คืนแห่งการเริ่มต้นของแผนการปกป้องเพื่อนของปลายฝันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ