Mag-log inลูกพีชชำเลืองมองใบหน้าหวานสวยของอีกฝ่าย ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะฝืนสร้างรอยยิ้มตอบกลับเพื่อนไป หวังให้พวกเขาคลายความกังวล
“ไม่มีอะไร ก็แค่งานหนักเฉย ๆ น่ะ”
“แค่งานเหรอ”
“อืม ช่วงนี้มีหน้าใหม่มาเยอะ เลยให้ลูกน้องเช็กเข้มหน่อยกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า”
อาชิหันไปหาแซ็ค ประสานตาราวกับกำลังพูดคุยกันผ่านสะท้อนนัยน์ตาที่จ้องมองกัน ก่อนที่อาชิจะเป็นฝ่ายเริ่มถามเปิดประเด็นที่ตัวเขาต้องการจะแน่ใจเหี่ยวกับอาการแปลก ๆ ของเพื่อนรักอีกครั้ง
“จะว่าไปช่วงนี้ไอ้หมาบ้านั่นไม่มาแกล้งมึงเลยนี่ยัยพีช หรือหมอนั่นมีเป้าหมายใหม่แล้ว” คำถามของเธอทำเอาลูกพีชชะงักมือที่เขี่ยเล่นบน้ำแข็งในแก้วหยุดเพียงครู่ ก่อนจะตอบกลับคำถามน้ำเสียงแน่นิ่ง
“ไม่รู้สิ”
“มึงไม่มีอะไรปิดบังพวกกูใช่มั้ยลูกพีช”
“ไม่มี พวกมึงลืมไปแล้วหรือยังไงว่าที่มันเข้าหากูก็เพราะแค่…ต้องการเล่นแก้เบื่อเท่านั้น พอสมใจอยากแล้วก็คงคิดอยากจะทิ้งกูไปตามธรรมชาติของพวกผู้ชายแบบนั้นมันนั่นแหละ”
นิ้วเรียวดันแว่นกรอบหนาให้เข้าที่ ถอนหายใจเพื่อหวังจะให้สิ่งที่ยุ่งเหยิงในหัวหายไป แต่ยังไม่ทันจะหายใจได้โล่งคอ สายตาเธอก็เหลือบเห็นกลุ่มนักศึกษาชายเสื้อช็อปสีแดงเดินเรียงเกาะกลุ่มพูดคุยเสียงดัง
“ไอ้วิน! ที่บอกยายเฉิ่มนั่นถูกมึงเอาแล้วทิ้งมันเรื่องจริงป่ะว่ะ แม่ง! กูว่าจะหลอกฟันมันสักหน่อย เพื่อนกูดันได้ก่อนแล้วว่ะ” หนึ่งในกลุ่มชุดช็อป พูดบอกส่งเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ โดยไม่ทันสังเกตว่าโต๊ะด้านในร่มมีพวกคนที่เขากำลังเอ่ยถึงนั่งกันอยู่
“ยังไม่ได้ แล้วมึงอย่าเสือกยุ่งกับยัยนั่น”
วินเนอร์ตอบเสียงเย็นก่อนจะสายตาคมหันมองคนพูดอย่างไม่พอใจบางอย่าง ขมวดคิ้วหนาทำเสียงจิ๊ปากก่อนจะดันแขนเพื่อนออกจากต้นคอของตัวเอง ร่างสูงเบือนหน้าหันไปทางโต๊ะตัวที่อยู่ฝั่งลานกว้าง ก่อนจะพบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังเผลอมองมาทางเขาอย่างไม่ตั้งใจ
ลูกพีชมองไปตามทางเสียงที่ได้ยิน เธอจำได้ว่าน้ำเสียงแบบนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากคนที่เพิ่งตัดชาดกับเธอไปเพราะคำพูดของตัวเอง
อดีตเดือนคณะเดินมานั่งโต๊ะที่ไม่ห่างจากกลุ่มพวกเธอมากนัก ใบหน้าหล่อเข้มดูไม่สบอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ทั้งรอบดวงตายังดูคล้ำหมองกว่าปกติที่เธอเคยเห็น เสียงคุยของโต๊ะชายเสื้อช็อปสีแดงดังแล่นผ่านหูลูกพีชเป็นระยะ
หญิงสาวยังคงชำเลืองมองไปดังโตณะดังกล่าวเป็นครั้งคราว พลั้นมีคำถามในใจว่าคนที่เคยเขามาหยอก มาแกล้งเธอตลอดหายไปไหนร่วมหลายวัน ทว่าไม่ทันที่ความคิดเหล่านั้นจะได้รับคำตอบ นัยน์ตาคู่สวยสีน้ำตาลอ่อนก็เห็นร่างของใครบางคนเดินผ่านเธอมาจากอีกฝั่งทาง
ใครบางคนที่กำลังมีอิทธิพลต่อหัวใจดวงน้อย ๆ ทำเธอสับสนว้าวุ่นไม่หายตลอดสามวันที่ผ่านมา สายตาที่เหลือบไปเห็นว่าข้างกายของคนที่เธอเฝ้าคอยให้มาหากลับมีหญิงสาวร่างบางยืนอิงไหล่เกาะแขนส่งเสียงคุยกันหวานตั้งใจประกาศให้คนรู้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ต่อกันประกาศให้คนรู้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ต่อกัน
ภาพตรงหน้าทำลูกพีชจุกแน่นภายใจอก ดวงตาสวยร้อนผ่าวภายใต้กรอบแว่น ความรู้สึกบางอย่างวิ่งแล่นผ่านร่างกายจนทำให้รู้สึกชาไปทั้งตัว
รวมถึงเสียงซุบซิบของเหล่ากลุ่มเพื่อนโต๊ะข้าง ๆ ต่างพูดถึงคู่รัก คู่ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในรั้วมหา'ลัย และเจ้าของเรื่องเล่าดังกล่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ ‘วินเนอร์’ เจ้าของฉายาหลุ่มหล่อเข้มแห่งเดือนวิศวะ และ ‘แพม’ เด็กนักศึกษาสาวปีสอง ที่มีใบหน้าสวยหวานรอยยิ้มพิมพ์ใจจนได้รับตำแหน่งดาวคณะนิเทศศาสตร์
พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมาก จนคนที่เผลอมองอย่างลูกพีชเองด็ปฏิเสธคำพวกนั้นไม่ได้เลย
“พวกมึงแม้งโคตรเหมาะสมกันเลยว่ะ” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของวินเนอร์พูดขึ้น เมื่อเห็นถึงระดับความสูงที่แตกต่าง ด้วยความที่วินเนอร์เป็นคนที่ค่อนข้างสูง การที่มีผู้หญิงหน้าตาน่ารัก เอวบาง ส่วนสูงอยู่ระดับไม่พ้นไหล่ ถ้ามองจากมุมคนนอกไม่ว่าใครก็คงพากันอิจฉาเพราะความสมบูรณ์แบบของร่างกาย
ถึงแม้ว่าใบหล่อเข้มจะดูนิ่งกว่าปกติ แต่ก็ยังคงดึงดูดใครหลายคนให้เหลียวมอง
วินเนอร์พารุ่นน้องคนสนิทเดินมาจนถึงลานกว้างของคณะ ราวกับว่ากำลังต้องการเปิดตัวอย่างอ้อม ๆ ทุกสายตาต่างพากันจ้องมองไปที่คนทั้งคู่ ทั้งพูดแซวส่งเสียงดังทั่วบริเวณ
วินเนอร์กวาดสายตาไปทางเพื่อนที่ยังคงใช้คำหยอกพูดคุยกันอยู่โต๊ะตัวเดิมที่ไม่ห่างจากโต๊ะของลูกพีช ยกมือขึ้นคว้าเอวคนตัวเล็กด้านข้าง ยิ้มเยาะเหร่สายตาเปลี่ยนทิศทางมาฝั่งที่เธอนั่งอยู่
“นี่ใช่ เพื่อน ๆ ของพี่วินใช่ไหมคะ?”
“สาวใหม่เหรอวะ?”
“ไอ้เชี่ยวิน นี่น้องแพมดาวคณะนี่หว่า” เต้อ้าปากค้างมองสาวสวย จนเดย์ต้องฟาดท้ายทอยเรียกสติ
“แล้วมึงจะตกใจทำไม เพื่อนมึงมันก็เดือนคณะ คนสวยคนหล่อคบกันมันแปลกตรงไหน?”
“จริงด้วย ระดับไอ้หล่อก็ต้องน้องแพมนี่แหละ จะให้ไปคว้าไก่กาที่ไหนมาควงก็ไม่ใช่ปะ” เต้พยักหน้าหงึก ๆ ราวกับเห็นด้วย ก่อนพูดย้ำอย่างเป็นเรื่องตลก
โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดที่ไม่คิดอะไรนั้นกลับลอยไปเข้าหูหญิงสาวที่เป็น ‘ไก่กา’ ที่ว่าโดยไม่ตั้งใจ
“หึ อย่างกูถ้าคว้าใครมาไม่รู้ กูก็อาจจะขายขี้หน้าคนทั้งมหา’ ลัยก็ได้ ก็อย่างที่พวกมึงพูด” วินเนอร์พู
พลางหันมาสบตากับ ‘ใครไม่รู้’ ที่ตัวเองเอ่ยถึงอย่างตั้งใจ
ลูกพีชได้แต่ก้มหน้าเม้มปากแน่น รับรู้ได้ถึงสถานะของตัวเองที่คงจะไม่เหมาะสมกันเลยในสายตาของใครบางคน สถานะของเธอในสายตาใครบางคนมัน “ไม่คู่ควร” ขนาดไหน ไม่ต้องมีใครบอก เธอเองก็พอจะรับรู้ได้เพราะวายตาที่อีกฝ่ายใช้มองเธอ มันแยกสถานะไว้ให้อย่างชัดเจน
ลูกพีชเก็บกั้นความเจ็บปวดไว้ส่วนที่อยู่ลึกที่สุดในใจ พลางเหลือบมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาเศร้าปนโกรธเคือง พลางคิดว่าถ้าต้องการได้คนที่เหมาะสมกับตัวเองขนาดนั้น ก็ไม่น่าเข้ามาเล่นจนเธอเผลอคิดเข้าข้างตัวเอง คำพูดและการกระทำของเขาบางครั้งก็ทำให้ลูกพีชเข้าใจไปว่า วินเนอร์ ตั้งใจจะคบหาและเปิดตัวเธอโดยที่ไม่สนใจใครอื่น แต่ทุกอย่างกับไม่ใช่เลย
‘ได้เลยวินเนอร์ ได้เลย’
‘อยากได้คนที่เหมาะสมมากสินะ นรกเท่านั้นแหละที่จะเหมาะกับนาย และฉันจะเป็นนรกให้เอง’
ลูกพีชพูดกับตัวเองในใจก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรกับใครสักคำ จนเพื่อนอีกสองคนต้องรีบเก็บของแล้วเดินตามไป ทิ้งไว้เพียงสายตาของใครคนหนึ่งที่มองตามแผ่นหลังเล็กบางจนหายลับสายตา ริมฝีปากหนายกยิ้มช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยออกมา
“ทำเป็นบอกว่าไม่คิดอะไรกับกู แต่การกระทำแม่งสวนทางฉิบหายยัยโง่”
รถสปอร์ตคันหรูจอดลงใต้คอนโดเดิมของทั้งคู่ คนด้านในก้าวลงจากรถแล้วจูงมือไปที่ลิฟต์ด้วยกัน แต่ดูเหมือนจะมีใครบางคนที่ทนไม่ไหวเสียก่อน วินเนอร์คว้าเอวบางเข้ามาชิดแล้วก้มลงจูบเธอทันทีที่เข้าลิฟต์ รสสัมผัสของเขาร้อนแรงแต่ไม่ดุดัน ซ้ำยังเต็มไปด้วยความคิดถึงโหยหามากมายจนแทบล้นออกมา“อืม จุ๊บ วิน เดี๋ยวสิ รอให้ถึงห้องก่อนได้ไหม?”“วินรอแทบไม่ไหวแล้วพีช”“ใจเย็นสิ อ๊ะ ถึงแล้ว เอาคีย์การ์ดห้องเรามาหน่อย”“เอ่อ วินว่าไปห้องวินดีกว่า” วินเนอร์อึกอักเล็กน้อย“ทำไมอ่ะ”“ห้องวินแหละ ไปกันเถอะ”ลูกพีชหยุดนิ่งไม่ยอมเดินตามที่โดนลากดึง ดวงตากลมมองวินเนอร์อย่างกดดัน คนตัวโตขนลุกทันที เขาคิดมาตั้งนานแล้วว่าเวลาเธอจ้องนิ่งๆ แบบนี้มันน่ากลัวชะมัด“วิน มีอะไรปิดบังเรา?”“ไม่ใช่นะ คือ” วินเนอร์พูดอะไรไม่ออก ยกมือเกาหัวตัวเองเบาๆ“วิน”“ห้องเธอก็ได้”ลูกพีชรับคีย์การ์ดที่วินเนอร์ยื่นมาให้ก่อนจะก้าวไปปลดล็อกประตูด้วยตัวเอง ร่างเพรียวบางเดินนำเข้าไปก่อน ทั่วห้องปกติดีแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอจึงเดินไปยังทิศทางของห้องนอนแทน ทันทีที่ไฟถูกเปิดขึ้นจนสว่างไปทั่วทั้งห้อง ใบหน้าหวานก็ฉายแววสับสน“อะไรเนี่ยวิน?”“ไอ้
เสียงเชียร์ที่เคยดังลั่นบนอัฒจันทร์เงียบลง สายตาหลายร้อยคู่จับจ้องไปยังละครสดฉากหนึ่งที่เกิดขึ้นกลางสนามแข่ง ร่างเพรียวบางของลูกพีชหรือควีนดาร์กเดินไปทางทีมงานฝั่งคู่แข่งช้าๆ หมวกใบโตถูกถอดมากอดไว้ข้างเอว เผยใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักให้คนทั้งสนามเชยชมเป็นขวัญตาบางคนที่เป็นผู้ชมขาประจำของที่นี่ ยังพอจำบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตสองสามปีก่อนได้บ้าง โดยเฉพาะวันที่วินเนอร์เผารถตัวเองตอนแข่งแพ้“วินเนอร์ มึงโอเคไหม?” กัสถาม“ตัวสั่นจังวะ”“เออ เดินไปนั่งก่อนปะ กูพยุงเอง”“ไม่ ไม่ต้อง ไม่เป็นไร”วินเนอร์ปฏิเสธทุกการช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงที่ล้อมรอบ ดวงตาที่คลอไปด้วยของเหลวสีใสจ้องมองตรงไปที่เธอเท่านั้น เขาอดทนยืนมองเธอเดินไปคุยกับคนนู้นที คนนี้ทีจนทนไม่ไหวอีกต่อไป ตัดสินใจตะโกนเรียกเธอที่ยืนไม่ไกล“ลูกพีช!”“…”“เลือกวินได้ไหมพีช”“ทำไมเราต้องเลือกวินเหรอ?”“วินรอเธออย่างตั้งใจมาตลอดเลยนะ”“แล้วเราบังคับให้วินรอหรือไง?”“พีช อย่าพูดแบบนั้นสิ”วินเนอร์พูดเสียงแผ่ว ร่างสูงทรุดตัวคุกเข่าลงกลางสนาม เรือนกายที่เคยแข็งแกร่งสง่างามตอนนี้กลับดูเล็กลงเมื่อเจ้าตัวหมดสิ้นแรงใจ ลูกพีชอยู่ห่างจากเขาไปแค่ไม่
สนามแข่งรถ Dark Zone วันนี้ที่สนามมีจัดการแข่งขันรอบปลายเดือน ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่าห้าแสนบาท เหล่านักเชียร์และนักพนันทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าที่ชื่นชอบความเร็วแรงของการอัดรถที่บ้าคลั่ง ล้วนหลั่งไหลกันเข้ามาไม่ขาดสาย ยิ่งได้ยินข่าวว่าคืนนี้มีแมตช์ประชันระหว่างนักแข่งที่เพิ่งกลับมาลงสนามอย่างวินเนอร์ และนักแข่งที่บินตรงมาจากต่างประเทศ แม้จะยังไม่มีการประกาศชื่อผู้เข้าชิง แต่คนมากมายก็เชื่อใจในชื่อเสียงของสนามจนมาชมกันอย่างคับคั่ง“โอโห ท่านวินเนอร์ของเรา ใส่ชุดนี้แล้วคิดถึงเมื่อก่อนขึ้นมาเลยว่ะ” กัสเอ่ยปากทัก“จริง โคตรเท่ห์เลยไอ้วิน” ตามมาด้วยคำชมจากเต้“คว้าชัยชนะมาให้ได้นะ กูลงไว้เยอะ” และเดย์สิงห์พนัน เยอะของเขาอย่างไรก็ไม่เกินสามร้อย เพราะถือเอาค่าแรงขั้นต่ำมาเป็นมาตรฐาน กว่าจะได้สามร้อยบาทต้องทำงานตั้งแปดชั่วโมงเชียว จะให้เอาเงินมาละลายกับการพนันโดยไม่มีลิมิตได้อย่างไร“ยังไม่รู้เลยว่าฝั่งตรงข้ามเป็นใคร”วินเนอร์พูดอย่างกังวลเล็กน้อย เขาเช็กรถเป็นรอบที่สามแล้วเพราะไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด เหล่าทีมงานก็เตรียมทุกอย่างครบถ้วน เพื่อนในทีมให้กำลังใจเขากันอย่างดี แต่เพราะเป็นการหวนคืนสนาม
เครื่องบินลำใหญ่จอดนิ่งลงในสนามบินเมืองน้ำหอมอย่างประเทศฝรั่งเศส ลูกพีชเดินลงมาสัมผัสอากาศของสถานที่ที่เธอตั้งใจจะอยู่ไปอีกหลายเดือน หรืออาจจะเป็นปี จะอาศัยอยู่จนกว่าทุกความรู้สึกจะเข้าที่เข้าทาง เธอเงยหน้ามองลอดกระจกของทางเดินไปยังท้องฟ้ากว้าง เกียร์สองอันบนข้อมือกวัดแกว่งไปมา เธอก้มลงมองมันด้วยความรู้สึกปนเปลูกพีชเดินตรงไปยังหน้าสนามบินเพื่อขึ้นรถที่จอดรออยู่ เหนือสมุทรและพ่อแม่บุญธรรมไม่ยอมให้เธออยู่ที่ห่างไกลคนเดียว เลยส่งการ์ดมาดูแลสองคนและแม่บ้านอีกหนึ่ง จริงๆ แม่บอกให้ส่งมาสักห้าหรือสิบคน แต่เธอขอร้องไว้ก่อน เพราะอยากจะอยู่แบบสงบๆ ไม่อยากให้คนเยอะวุ่นวายเกินไป ไม่นานนักรถคันหรูก็จอดนิ่ง คนขับรถวิ่งลงมาเปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่“เชิญครับ”“คุณหนูคะ ยินดีต้อนรับค่ะ”“ป้าแก้ว สวัสดีค่ะ”“ผมถือกระเป๋าขึ้นไปวางไว้บนห้องให้นะครับ”ลูกพีชมองหญิงไทยวัยกลางคนแล้วเดินไปกอดอย่างสนิทสนม เธอยกมือไหว้ด้วยอย่างนอบน้อมและเคารพ ป้าแก้วเป็นเหมือนแม่นมของเธอ ช่วยดูแลเธอมาตั้งแต่เธอถูกรับเลี้ยงแรกๆ ครั้งนี้พ่อไม่อยากให้ลูกพีชรู้สึกคิดถึงบ้านมากเกินไปเลยส่งคนสนิทมาช่วยดูแล ป้าแก้วบินมาเตรียมที่พ
เวลาเกือบหกโมงเช้าของวันต่อมา ลูกพีชลืมตาตื่นก่อนเขา ในห้องกว้างยังคงมืดมิดเช่นเดิม ยกแขนของคนที่หลับสนิทให้ออกจากเอว ก่อนจะลงไปนั่งข้างเตียง มือบางควานหาโทรศัพท์เครื่องเก่าในลิ้นชักชั้นล่าง เธอปิดมันลงเบาๆ เมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ แอบมันไว้ข้างกายแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำโชคดีที่ยังพอจะมีแบตเตอรี่เหลืออยู่บ้าง เธอรีบล็อกอินเฟสบุ๊กแล้วส่งข้อความไปหาพี่ชาย ตอนแรกลูกพีชคิดว่าเหนือสมุทรอาจจะตอบเธออีกทีในตอนแปดเก้าโมง แต่เขากลับตอบทันทีที่ได้รับข้อความลูกพีช: พี่เหนือ ถ้าตื่นแล้วส่งคนมารับพีชที่คอนโดหน่อยนะ ขึ้นมารับถึงหน้าห้องเลย ขอสักสองคน เอาลูกน้องมือดีของพี่เลยนะเหนือ: เกิดอะไรขึ้นพีชลูกพีช: ทำไมตื่นไวจังเหนือ: พี่ยังไม่ได้นอน เพิ่งลงเครื่อง กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์ที่เรียนจบ ตอบคำถามพี่ก่อน เกิดอะไรขึ้นลูกพีช: วินเนอร์ไม่ให้พีชออกจากห้องค่ะ รายละเอียดค่อยคุยนะเหนือ: เตรียมตัวเลย พี่จะไปเดี๋ยวนี้ลูกพีช: ไม่ต้องเสียงดังนะพี่ เขาหลับอยู่ พีชอยากไปเงียบ ๆเหนือ: ได้ ขอครึ่งชั่วโมง ไม่สิ ยี่สิบนาที เตรียมตัวเลยลูกพีชถอนหายใจ ก่อนจะเก็บมือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นตัวโคร่งที่ใส่อยู่ เธอล้า
บรรยากาศในห้องที่เคยอบอุ่นและอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของคนทั้งสองที่อยู่ด้วยกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนนี้มีเพียงความเงียบสงบไร้ชีวิตชีวา มันเหงาจนใจร้าว เพราะถึงแม้จะมีทั้งสองคนเหมือนเก่า แต่ต่างคนก็ต่างอยู่นิ่งๆ แทบจะไม่พูดอะไรกันเลยสักคำวินเนอร์ชอบมาคลอเคลียกอดเธอไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะนั่งดูโทรทัศน์ เทอาหารที่ซื้อมาใส่จาน หรือนั่งอ่านหนังสือบนโซฟามุมห้องข้างหน้าต่าง เขาจะตามมาช้อนกอดจากด้านหลังและหอมเธอไม่หยุด แต่ก็ไม่ค่อยพูดอะไรนัก ลูกพีชขี้เกียจจะคุย เธอเองก็อยากรู้ว่าจะอดทนแบบนี้กันไปได้นานเท่าไหร่ เงียบใส่กันและพูดคุยแค่ในยามที่จำเป็น อย่างเช่นตอนนี้ที่ลูกพีชดุเขาที่เข้ามาช้อนกอด“อย่านะวิน กูเทแกงใส่ถ้วยก่อน มันร้อน”“กูทำเอง เดี๋ยวโดนลวก”“ไม่ต้อง ไปตักข้าวเถอะ”“ก็ได้”วินเนอร์ยอมผละออก แล้วไปตักข้าวสวยใส่จานไว้สองจาน ตอนนี้เกือบจะครบสองวันเต็มๆ ที่อยู่ด้วยกันแล้ว และวินเนอร์ก็ไม่ได้ทำอะไรเธอจริงๆ อย่างที่เขาพูดไว้ แม้แต่จูบสักครั้งก็ไม่มี สิ่งที่ทำมากที่สุด คือการที่เขาหอมแก้มเธอจนแทบช้ำในทุกเวลาที่มีโอกาส และกอดกันจนจมอกเท่านั้นลูกพีชอึดอัด แต่ก็เข้าใจ“มึงจะขังกูไว้อีกนานแค







