Masukคำโปรย นางเอกไปขอพรกับเจ้าแม่ขอให้ได้พบเนื้อคู่ และตกหลุมรักเพียงแค่สบตา แต่ทว่า ขอยังไม่ทันขาดคำเจ้าแม่ก็เสริฟ์เนื้อคู่มาพร้อมกับส้นTEEN ฟิ้ว ตุบ โป๊ก โอ๊ย “ใครแม่งขว้างมาวะ” จันทร์ขบกรามแน่นหยิบรองเท้าข้างนั้นขึ้นมาพยุงตัวเตรียมจะลุกขึ้นไปด่า ไอ้คนที่มันกล้าเอาของสกปกมาขว้างเล่นแบบนี้ แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นดี ก็มีเสียงทุ่มหนึ่งดังขึ้น “นี่เธอ เป็นไรไหม” “ไม่เป็นก็เหี้.......” คำหยาบนั้นถูกกลืนลงคอหายออกไปทางทวารหนักทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าของเสียง และนั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หญิงสาวตามจีบอีกฝ่ายไม่หยุด “ชอบฉันหรืออยากโดยเ..dให้พูดอีกที” ไม่มีนอกกายนอกใจ100%
Lihat lebih banyak“มึงที่นี่ดีมาก กูบอกเลยขออะไรก็ได้หมด”
“ใช่ๆ คนแถวบ้านฉันมาขอเนื้อคู่ที่นี่ พอกลับไปไม่นานได้แต่งงานแล้ว”
“อุ้ย พูดแล้วคนขนลุก เราไปขอกันบ้างเถอะ”
เสียงเจื้อยแจ้วของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างเล่าลือกันไปทั่วถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ที่อยู่หน้าห้างแห่งหนึ่งกำลังเป็นที่โด่งดังมากมายในโลกโซเชียลไม่ว่าใครก็ต่างอยากมากราบไหว้ท่านทั้งนั้น
กัษษากร หรือ จันทร์เจ้า หญิงสาวร่างเล็กที่กำลังยืนรอรถเมล์กลับบ้าน เกิดได้ยินบทสนทนานี้เข้า ทำให้เธอรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที สองขาเรียวไม่รอช้าที่จะไปขอพรดูกับเขาสักครั้งเผื่อรอบนี้เธอจะได้มีแฟนกลับเขาเสียที
“ดอกไม้ขอพรไหมหนู กำละห้าสิบบาท” แม่ค้าที่ทำหน้าที่ขายของบูชาเอ่ยถามเด็กสาวที่เดินมาทางนี้
“กำเท่าไหร่นะคะ”
“ห้าสิบบาทจ้ะ”
“เอาหนึ่งกำค่ะ” เธอบอกกับแม่ค้าพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบเอาแบงก์สีฟ้าขึ้นมายืนไปให้แม่ค้า
“ขอบคุณนะแม่หนู”
จันทร์พยักยิ้มก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับดอกไม้หนึ่งกำที่แม่ค้าเป็นคนจัดเตรียม เธอมองดูคนมากมายที่ตอนนี้กำลังยืนขยับปากสวดคาถาที่มีโชว์อยู่หน้าแท่น ก่อนจะตรงไปหยิบธูปที่วางเตรียมไว้ขึ้นมาจุด มือเรียวสะบัดไล่ควันไปมาก่อนจะนำมันมารวมเข้ากับดอกไม้ที่ได้มา สองมือพนมรวบทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกันแล้วเอ่ยบอกในสิ่งที่ต้องการ
“เจ้าแม่ขา หากลูกคนนี้มีบุญวาสนาที่จะมีแฟน ขอให้ลูกได้พบเจอกับเขาคนนั้น และตกหลุมรักเขาเพียงแค่สบตาด้วยเถิด”
จันทร์ยกมือขึ้นท่วมหัวเสร็จแล้วนำธูปไปปักไว้ตรงกระถางและยกมือขึ้นไหว้อีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปด้วยรอยยิ้มเบิกบาน แต่แล้วก็ยิ้มได้ไม่นานเมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกวายดังมาแต่ไกลคล้ายคนกำลังมีเรื่องอะไรบางอย่าง
กรี๊ดดดดด
“หนีเร็ว มีคนตีกัน”
เสียงที่ร้องมาพร้อมผู้คนที่วิ่งกันกรูหาทางหลบหนี จากกลุ่มทะเลาะวิวาทนี้ จันทร์ที่กำลังงงกับสถานการณ์อยู่นั้นยังไม่ยอมขยับไปไหน เพราะคิดว่าอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กเลยไม่ใส่ใจอะไร แต่ทันใดนั้นเอง
ฟิ้ว
โป๊ก
ตุบ
“โอ๊ยยย” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บจากสิ่งปริศนาบางอย่างที่ลอยมาโดนหัวจนร่างของเธอล้มลงดวงตาคู่สวยค่อยๆ เบิกตาขึ้นมองถึงได้เห็นว่าเป็นรองเท้าข้างหนึ่งที่ลอยมา
“ใครแม่งขว้างมาวะ!”
จันทร์ขบกรามแน่นหยิบรองเท้าข้างนั้นขึ้นมาพยุงตัวเตรียมจะลุกขึ้นไปด่า ไอ้คนที่มันกล้าเอาของสกปกมาขว้างเล่นแบบนี้ แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นดี ก็มีเสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้น
“นี่เธอ เป็นไรไหม”
“ไม่เป็นก็เหี้.......” คำหยาบนั้นถูกกลืนลงคอหายออกไปทางทวารหนักทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าของเสียงนั้น หัวใจของเธอเต้นรั่วราวกับมันจะทะลุออกให้ได้ แววตาที่เคยกรุ่นโกรธมาบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นหยาดเยิ้มไปกับบุคคลตรงหน้า
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้ม คิ้วโก่งดังคันสรธนู จมูกโด่งรับกับริมฝีปากหนาที่เรียวสวย ทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าตอนนี้ราวกับว่าความฝันที่ล่องลอยในห้วงหนึ่งของสวรรค์เพราะบุคคลที่เธอเห็นเหมือนเทวาจุติลงมาไม่มีผิด
กรี๊ดดดด
คนอะไรหล่อขนาดนี้ หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริง หล่อแบบวัวยังไม่ทันได้ตายกูตายก่อนแล้ว อ๊ายยยย
“เห้ เธอได้ยินไหม” ชายหนุ่มยกนิ้วดีดไปตรงหน้าหญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอเหมือนมีอาการนิ่งไปคล้ายคนวิญญาณหลุดออกจากร่าง จนต้องเอ่ยเรียกย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม
“เห้ยยย ได้ยินไหมวะ ยัยเตี้ย!”
“ฮะ ดะ ได้ยิน” จันทร์ที่พึ่งได้สติจากเสียงตะคอกตรงหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะมัวแต่ละเมอเผลอฝันไปกับความหล่อของเขา นี่เธอช็อกไปเลยเหรอเนี่ย บ้าจริง
“ถ้าเรียกไม่ได้ยินอีก ฉันคงต้องหามเธอส่งโรงพยาบาลแน่”
“ขอโทษค่ะ พอดีกำลังมึนอยู่ไม่รู้ว่าใครที่ไหนเอารองเท้ามาขว้างโดนหัวฉัน” เธออธิบายให้เขาฟังพลางไล่สายตามองเขาไปด้วย คนอะไรหล่อฉิบหาย ที่บ้านให้กินอะไรเป็นอาหารเนี่ย หล่อไม่เผื่อแผ่ใครเลย แต่เอ๊ะทำไมเขามาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะหรือว่าเจ้าแม่เป็นคนส่งมา
“แล้วทำไมเจ้าแม่ต้องส่งเนื้อคู่มาพร้อมกับส้นตีนวะ”
“ว่าไงนะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเหมือนพูดอะไร
“เอ่อ เปล่าๆ แล้วนี่นายมาทำอะไรตรงนี้” ถามเขาที่มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอหลังจากที่มี ส้นตีน ลอยมา คิดแล้วก็เจ็บใจไม่หาย ใครกันมันขว้างมาได้ ไม่เห็นหรือไงว่าตรงนี้มีคนอยู่ อย่าให้รู้เชียวแม่จะด่าให้เสียหมาเลยคอยดู
“มาเอาไอ้นี่” ว่าพลางชี้นิ้วไปของที่อยู่บนมือของอีกฝ่าย
“อะไรคะ” เลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ที่เธอถืออยู่ไง”
“อ่อ มาเอารองเท้านี่เอง ฮะ” คำตอบของเขาทำเธอถึงกับร้องเสียงหลง “อย่าบอกนะว่านายคือ..”
“ใช่”
“...........” ไอ้ที่บอกว่าจะด่าเมื่อกี้ถือว่าเป็นโมฆะแล้วกัน ไอ้เราก็คิดว่าเขาเป็นห่วงที่เห็นเราเจ็บที่ไหนเป็นเจ้าของรองเท้านี่เอง เจ้าแม่นะเจ้าแม่ส่งมาดีๆก็ไม่ได้ ดอกเมื่อกี้ทำเธอเกือบภาพตัดเลยทีเดียว
“ขอรองเท้าคืน”ร่างสูงเอ่ยย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังนิ่ง
หญิงสาวส่งยิ้มแหย่ๆ ก่อนจะยื่นรองเท้าเจ้าปัญหาคืนให้เจ้าของที่ยื่นมือมารอรับอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มรับสิ่งที่อีกฝ่ายยื่นให้พร้อมกับสวมมันเข้าที่ทันที ไม่วายเอ่ยขอโทษที่เขาเป็นต้นเหตุให้เธอมีสภาพแบบนี้
“ขอโทษด้วยที่ทำเธอเจ็บตัว”
“ไม่เป็นไรค่ะ นิดหน่อยเอง”คนตัวเล็กบอกเขาด้วยรอยยิ้มสดใส ถึงแม้จะไม่นิดตามที่พูดแต่คนหล่อขอโทษมาขนาดนี้มีหรือที่เธอจะโกรธ
แรดมากกู
“ถ้าไม่ไม่มีอะไรแล้วฉันไปก่อน”
“อะ อ้าว เดี๋ยวสิ! ” จันทร์พยุงตัวลุกขึ้นส่งเสียงร้องเรียกตามคนที่พูดปุ๊บก็เดินออกไปทันทีด้วยความเสียดายเพราะยังไม่ทันทันได้ถามชื่อเขาเลยสักนิด “ยังไม่รู้เลยว่าชื่ออะไร”
ถึงแม้จะรู้สึกเสียดายที่ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกับเขาคนนั้น แต่ใบหน้าเรียวสวยกับเบิกบานแถมยังมีรอยยิ้มหวานชื่นอีกด้วย
“สาธุ ถ้าเจ้าแม่ศักดิ์สิทธิ์จริง ขอให้ลูกได้พบเจอเขาอีกครั้งด้วยเถิดสาธุ”
จันทร์เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใสตั้งแต่มาถึงคนตัวเล็กวิ่งตามหาเขาจนทั่วมารู้จากรุ่นพี่อีกทีว่าเขามาแล้วแต่เดินไปข้างหลังตึกเธอถึงตามมา“หนูหาพี่ตั้งนานมาอยู่นี่เอง” เธอไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาคนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนเครียดอะไรสักอย่าง แต่คงไม่ใช่เพราะเธอหรอก“หาฉันทำไม” คนตัวสูงรีบทิ้งม้วนบุหรี่เมื่อคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ ไม่วายหันไปมองไอ้อาทิตย์ก่อนจะเอ่ยบอกให้มันออกไปก่อน “มึงไปก่อนเลยเดี๋ยวกูตามไป”อาทิตย์พยักหน้าพร้อมกับเดินออกไปด้วยรอยยิ้มมุมปากที่คนทั้งคู่ไม่ทันได้สังเกตเห็น เข็มทิศที่เห็นว่าเพื่อนเดินออกไปแล้วก็จับมืออีกคนให้ไปคุยกันที่อื่นเพราะตรงนี้มันเป็นมุมอับหากใครมาเห็นมันจะดูไม่ดี“อ๊ะ จะพาหนูไปไหน” จันทร์เอ่ยถามเมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกดึงให้เดินมายังหลังตึกคณะที่มีต้นไม้ใหญ่กับโต๊ะพร้อมกับเก้าอี้วางอยู่เพียงตัวเดียวเข็มทิศเหวี่ยงหญิงสาวที่ถูกลากให้มายืนด้านหน้า คนตัวสูงมีสีหน้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย เพราะไม่ค่อยชอบที่ถูกอีกฝ่ายมาตามตื๊อแบบนี้หรือเมื่อวานเขาจะพูดไม่ชัดหรือไงเธอถึงได้ดึงดันมาแบบนี้“มีอะไร” ถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆ“มีรักมาฝากค่ะ” เอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใสชูถุงกระดาษที่บรรจุ
“ชอบฉันหรืออยากโดน เeด ให้พูดอีกที”“มะ หมายความว่าไงคะ”คงไม่ใช่แบบที่เธอคิดใช่ไหม อะไร เน็ดๆ นะ“ก็ผู้หญิงมากมายที่เข้ามาสภาพรักกับฉันส่วนมากก็หวังเรื่องแบบนี้ไม่ใช่หรือไง” ชายหนุ่มว่าด้วยท่าทีที่ไม่แยแส หลายๆ คนที่เคยมาสภาพรักกับเขาสุดท้ายก็แค่หวังจะได้หลับนอนกับเขาเพียงเท่านั้น และตัวเขาเองก็ให้มันเป็นแบบนี้เพราะไม่อยากผูกมัดกับใคร“นั้นมันคนอื่น แต่หนูชอบพี่หมายถึงอยากได้เป็นแฟน”“ฉันไม่ชอบเด็ก”“แต่หนูชอบคนแก่”“แก่บ้านเธอสิ”“ถ้าบ้านหนูมีคนแก่แบบนี้ คงดีแย่เลย คนอะไรหล่อมากๆ” ว่าจบขยิบตาส่งไปให้เขาหนึ่งที แต่คนตรงหน้ากลับถอนหายใจออกมาราวกับรำคาญกันอย่างไรอย่างนั้น“เหอะ ไม่มีใครเตือนเหรอว่าอย่าเล่นของสูง” น้ำเสียงเย้ยหยัน พลางเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกนิด จนเธอขยับถอยออกไปเล็กน้อย“สะ สูงแค่ไหนคะ ถ้าไม่เกินเอื้อมหนูไม่ท้อหรอกค่ะ”“หึ ฉันจะเตือนครั้งสุดท้าย คิดจะเล่นของสูงระวังจะตกมาตาย”“ถ้าไม่สูงกว่าเปรตไม่เห็นมีไรต้องกลัว”“หึ กลัวหน่อยก็ดี เพราะคนอย่างฉันไม่ทางชอบผู้หญิงอย่างเธอ”“แบบหนูแล้วมันทำไมคะ”“แรดไง!”@เวลาต่อคำพูดที่เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ทำเธอเจ็บจี๊ดกันเลยทีเดียว ถึงจ
หลังจากที่ถูกเขาน็อกด้วยประโยคกำกวมจันทร์เจ้าก็เดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็มานั่งรวมกับเพื่อนเพื่อทำกิจกรรมที่รุ่นพี่เป็นคนสั่ง ซึ่งวันแรกยังไม่มีอะไรมากส่วนใหญ่จะร้องเต้นกับแนะนำตัวประมาณนั้น และข่าวที่พึ่งได้รู้มาหมาดๆ จนเธอดีใจแทบเนื้อเต้นนั่นก็คือ เขาคนนั้น หรือ พี่เข็มทิศ เป็นรุ่นพี่ปีสามของคณะและสาขาเดียวกับเธอ ซึ่งจากที่ฟังรุ่นพี่บอกมาว่าพรุ่งนี้จะมีจัดกิจกรรมจับพี่บัดดี้ที่เปลี่ยนจากระบบพี่ว้ากที่เหี้ยมโหดมาเป็นอ่อนโยนแทน นั่นก็เท่ากับว่ามีโอกาสที่เธอกับเขาจะได้ใกล้ชิดกันแค่คิดก็มีความสุขแล้ว“โอ๊ยยย ปวดขาฉิบเป๋ง รุ่นพี่เขาคิดว่ากูเป็นแดนซ์เซอร์หรือไง ถึงได้เรียกไปเต้นอยู่นั่นแหละ”“เฮ้อ เอาน่ะรับน้องแค่ไม่กี่วันเอง” ตะวันเอ่ยปลอบไต้ฝุ่นที่งอแงไม่หยุดแล้วหันไปมองอีกคนที่เอาแต่นั่งยิ้มหน้าเบิกบาน ในขณะที่เพื่อนๆ เหนื่อยแทบตาย “แล้วนั่นมึงยิ้มอะไรไอ้จันทร์”“ฮะ กูเหรอ เปล่าๆ แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” จันทร์ที่พึ่งรู้ว่ามัวแต่เผลอคิดถึงเขาจนเพื่อนจับได้รีบปฏิเสธทันควัน“หิววะ ไปหาอะไรกินกันที่หน้า มอ ไหม ไหนๆ พี่เขาก็ปล่อยแล้ว” ไต้ฝุ่นเปรยขึ้นเพราะตอนนี้ท้องเธอร้องจ๊อกๆ แล
จันทร์!” เสียงเรียกของคนที่กำลังวิ่งหน้าตาตื่นมาด้วยเป็นห่วงทำให้คนทั้งคู่ผละร่างออกจากกัน คนตัวสูงก็เดินออกไปทันที จันทร์ที่เห็นว่าเป็นเพื่อนตัวเองมาก็ทำหน้ามุ่ยด้วยความเสียดายที่ไม่ได้ใกล้ชิดมากกว่านี้“ไอ้จันทร์ มึงเป็นไงบ้าง ไหนกูดูสิ”“นั่นดิ กูเห็นตอนที่รถขับเข้ามา คิดว่ามึงจะเป็นอะไร แล้วไอ้เจ้าของรถคันนั้นก็เหมือนกันขับแม่งไม่เห็นหรือไงว่ามีคนเดินอยู่”ไต้ฝุ่นกับตะวันรั่วคำถามพลางจับคนตัวเล็กหมุนไปหมุนมาอย่างเป็นห่วง แต่เหมือนเพื่อนของเธอจะไม่ได้สนใจพวกเธอเท่าไหร่ เพราะเอาแต่ทำหน้าเหมือนเหม็นเบื่ออะไรแบบนั้น“ทำหน้าอะไรของมึงพวกกูเป็นห่วงแทบตาย ทำเหมือนพวกกูมาขัดจังหวะอะไร”ก็เออน่ะ สิ อยากจะพูดใส่หน้ามันเหมือนกันแต่ทำได้แค่เก็บไว้ในใจ “เปล่าๆ กูแค่ยังช็อกอยู่ไง” แถไปก่อนอย่าให้พิรุธ“แน่ใจนะ”“เออ มึงมาจับผิดอะไรเนี่ย” เธอรีบโวยวายกลบเกลื่อนไม่อยากให้ ไต้ฝุ่น มันซักไซ้มากกว่านี้ ถ้าถามว่าบอกได้ไหม ก็ได้แหละ แต่ขอเก็บเป็นความลับก่อน“แล้วเมื่อกี้กูเห็นว่ามึงยืนอยู่กับใคร ผู้ชายตัวสูงเป็นใคร”รอดจากไต้ฝุ่นมาเจอตะวันอีก โอ๊ยจะบ้าตาย ทำไมเพื่อนเธอมันถึงช่างสังเกต ช่างสงสัยนัก“อ่




![Evil Engineerร้ายรักวิศวะเลว [ไนต์]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
