เข้าสู่ระบบวินเนอร์จ้องตาเธอนิ่ง คนแสนดื้อเงยหน้าบอกคนตัวสูงกว่าอย่างเอือมระอา ไม่เกรงกลัวที่จะจ้องกลับ “ไม่มีปากเหรอ หรือกินลิ้นตัวเองไปแล้ว?”
“……” เธอยังนิ่ง ความดื้อรั้นไร้ประโยชน์นั่นทำให้เขาเอ็นดูเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูช่วยหา”
“อื้ออออ”
พูดจบริมฝีปากหยักสวยก็ทาบทับลงมาช่วงชิงเอาความหวานจากปากนิ่ม ลิ้นร้อนบังคับสอดแทรกเข้าไป เขาทั้งดูดทั้งกัด ไล้ชิมไปทุกที่ ผละออกมาใช้ฟันดึงริมฝีปากล่างเบา ๆ แล้วจึงจูบเธออีกครั้ง
มือสากไล้ลากจากแผ่นหลังลงมาจนถึงสะโพกอิ่มใต้พลีทยาว เขาบีบเคล้นมันอย่างหยาบคายจนร่างบางสะท้านไปหมด
นี่วินเนอร์คงไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยเถิดกับเธอในห้องน้ำจริง ๆ ใช่ไหมนะ
“วิน พอแล้ว อื้อ”
“บอกมาว่าหลบหน้ากูทำไม ไม่งั้นกูจะจับมึงกระแทกตรงนี้แหละลูกพีช”
“อย่านะ อ๊ะ มือนายจับตรงไหนเนี่ย เดี๋ยวคนด้านนอกก็ได้ยินหรอก”
“ก็ถ้ามึงไม่ตอบ มึงได้ครางมากกว่านี้แน่”
ลูกพีชหน้าแดงจัด มองค้อนคนตัวสูงกว่าอย่างไม่พอใจ เธอจัดแว่นบนหน้าให้เข้าที่ ก่อนจะตัดสินใจพูดไปให้มันจบ ๆ ทั้งที่ไม่อยากจะฟังมันอีกครั้งเลยแท้ ๆ
“คืนนั้นก่อนนอน วินพูดว่า…ถ้าใครรู้เรื่องของเรา วินคงขายหน้าแย่ที่มากอดคนเชย ๆ แบบนี้”
“…กูไม่ได้ตั้งใจพูด” คล้ายจะจำขึ้นมาได้ว่าพูดไปจริง ๆ เสียงเข้มดุเลยอ่อนลงหลายส่วน กระนั้นดวงตากลมหวานก็ยังสบตาเขาด้วยความน้อยใจเต็มเปี่ยม
“แล้วยังไง?” เธอเอ่ยถาม
“อะไรยังไง?”
“ถ้าไม่ได้ตั้งใจพูด แปลว่าวินจะยอมจับมือเราเดินอวดคนอื่นในมหา’ ลัยเหรอ?”
“กู…” วินเนอร์เผลอชะงัก หันขวับมองเธอด้วยสีหน้าเหมือนถูกตบด้วยความจริง ความแข็งกร้าวในดวงตาเริ่มสั่นไหว ฟันถูกบดแน่นจนเห็นสันกรามขึ้นเป็นสัน “อย่ามางี่เง่า”
“งี่เง่าอะไร? เราน่ะยังไม่ได้เรียกร้องสักคำด้วยซ้ำ” ลูกพีชหันกลับมามอง ดวงตานิ่งสนิทก่อนริมฝีปากจะยกยิ้มน้อย ๆ เธอเลิกคิ้ว แสยะยิ้มขำ
“มีแต่ หมาบางตัว มากกว่าที่ดิ้น อยู่ฝ่ายเดียวตอนนี้”
“ลูกพีช!!” วินเนอร์สบถ เสียงสั่นทั้งโกรธทั้งเสียหน้า
“หื้ม… ว่าไงคะ สุดหล่อ”
“มึงทำตัวเหมือนไม่เสียใจอะไรเลยที่เสียตัวให้กู!”
“อุ๊ป ต้องเสียใจด้วยเหรอ?” เธอเอียงคอถาม นัยน์ตาสวยมองอย่างสงสัย ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“หมายความว่าไง กูได้ ครั้งแรก ของมึงนะพีช!”
“ครั้งแรกที่เหมือนหมาเลีย นั่นอะเหรอ?”เธอปรายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“คนที่ได้วันนั้นคือเรามากกว่าเถอะ ถึงลีลานายจะเหมือนเด็กขายเกรดซี… ก็เหอะ”
ไหล่บางยักขึ้นอย่างไม่แคร์ “พอแก้ขัดได้นิดหน่อย อย่ามั่นหน้าไปเลย วินเนอร์”
“เธอ!!” เขากัดฟัน กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ
เธอก้าวเข้าหาใกล้พอให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง
“ไปหัดมาใหม่นะ แล้วอย่าเผลอไปอวดใครว่าเจ๋งล่ะ” ปลายนิ้วแตะหน้าอกเขาเบาๆ “ผลงานนาย… มันไม่ตรงปก เท่าไหร่จริงๆ”
มือเรียวเอื้อมไปผลักประตูให้เปิดกว้างก่อนจะเดินออกไปทิ้งวินเนอร์ให้ยืนนิ่ง ไหล่กว้างเกร็งจนเห็นชัด วินเนอร์ยกมือเหมือนจะคว้าเธอไว้แต่ก็ไม่ทัน ตอนนี้คนที่กะจะมาเยาะเย้ยใครบางคนให้เจ็บใจเล่นได้แต่ยกขาเตะอากาศไปทั่ว
“แม่ง!!”
หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น วินเนอร์ก็ค่อย ๆ เลือนหายออกไปจากชีวิตของลูกพีชจริง ๆ ไม่เคยเข้ามาวุ่นวาย ไม่มาก่อกวน หรือคอยตามแกล้งตามตอแยเธอเหมือนเมื่อก่อน ทุกครั้งที่เดินสวนก็ทำเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จัก คำทักทายที่มักจะเอ่ยเรียกในยามที่เห็นหน้ากลับถูกเก็บไว้เป็นเพียงความทรงจำ เพราะตอนนี้แม้แต่ใบหน้าสวยของลูกพีช วินเนอร์ยังไม่แม้แต่จะชายตามอง
ลูกพีชยังคงใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง เธอตื่นไปเรียนตามคาบรายวิชา ตกเย็นก็ตรงไปที่ทำงาน พอมืดก็กลับคอนโดฯ ชีวิตประจำวันของเธอไม่ได้ถูกเปลี่ยน เพียงแค่กลับมาเป็นแบบที่เคยเป็นก่อนที่เธอจะรู้จักกับวินเนอร์คู่นอนคนแรกที่เคยเกือบพลาดตกหลุดรักเข้าอย่างจัง
ก็แค่กลับไปทำทุกอย่างคนเดียวเหมือนเดิมกับช่วงตอนต้นเทอมอีกครั้ง สำหรับเธอการถูกช่วงชิงครั้งแรกไปมันไม่ได้ทำให้รู้สึกเสียใจอะไรนักหรอก ต่อจะให้ไม่ใช่วินเนอร์คนที่พรากความบริสุทธิ์ แต่เป็นชายอื่นหรือใครก็ได้ทั้งนั้นเพราะคำว่าเซ็กซ์สำหรับลูกพีช ก็แค่การเล่นทางกายที่ไม่ควรใส่ความรู้สึกตัวเองในการครอบครอง
ถึงแม้บางครั้งสายตาเธอจะคอยสอดส่องมองหาเจ้าของชื่อดังกล่าวทุกครั้งที่อยู่มหา’ ลัย ถึงจะมีทีท่าทำเป็นไม่สนใจ แต่กลับใจลอยราวกับกำลังเฝ้ารอใครบางคนอย่างไม่รู้ตัว
พีช” เสียงเล็กหวานเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทที่เอาแต่นั่งเหม่อมองทางซ้ายทีขวาที เอื้อมมือเขย่าแขนเพื่อนรักเบา ๆ จนพีชเริ่มรู้สึกตัว
“อ๊ะ! ว่าไงอาชิ” เธอหันมองหน้าเพื่อนที่นั่งข้างกัน สายตาเลิ่กลัก
“ลูกพีชมันโอเคแน่นะ” แซ็คเพื่อนอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้นถาม พวกเขาหันมองหน้าสบสายตา ก่อนจะหันกลับไปมองเพื่อนสาวที่ดูจิตใจล่องลอยตลอดเวลา
“เฮ้อ เพื่อนกู นึกว่าศพเดินได้”
“กูว่าช่วงนี้ก็ไม่ได้เรียนเยอะนะ หรือเยอะวะ? ทำไมยัยพีชถึงโทรมขนาดนี้ แซ็คมึงว่าไง”
“ไม่เยอะ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้มันทำงานหนักก็ได้” พวกเขาพยายามสร้างเหตุผลไปต่าง ๆ นา ๆ เมื่อเห็นว่าลูกพีชดูไม่อยู่กับร่องกับลอยเท่าไหร่
ทั้งสองพูดคุยกันในระดับเสียงที่เบากว่าปกติ มันไม่ใช่การนินทาแต่เป็นกล่าวถึงตัวบุคคลที่สามที่ยังคงนั่งอยู่ไม่ห่างตัวและคิดไปเองว่าลูกพีชคงไม่ได้ยิน ทว่าเธอกลับได้ยินทุกคำของเพื่อนอย่างชัดเจน
“พูดมากน่ารำคาญ” เธอตอบกลับเสียงขุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย มือช้างหนึ่งกดทิ่มหลอดในแก้วตรงหน้าเสียงกระทบน้ำแข็งดังกรุบกรอบ
เธอเองก็ไม่คิกอยากจะปฏิเสธ ว่าช่วงนี้ตัวเองดูเหม่อจนหยิบจับทำอะไรเป็นต้องผิดพลาดตลอด ทั้งยังสับสนไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ จะว่าทำงานหนักเพราะต้องเรียนไปด้วย แต่ปกติเธอก็ใช้ชีวิตแบบนี้อยู่แล้ว มันเลยดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
บางครั้งเธอก็รู้สึกว่าวุ่นในใจและบางครั้งก็รู้สึกหวิว ๆ ราวกับสิ่งสำคัญได้ขาดหายไปจากวงจรชีวิตประจำวัน
“มึงโอเคมั้ยพีช มึงดูซึม ๆ ชอบกล ตั้งแต่มานั่งที่ลานมึงยังไม่พูดอะไรกับพวกกูสักคำ”
ในที่สุดเพื่อสนิทอย่างอาชิก็เท่าไม่ไหวเอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าที่เป็นห่วง แทนคำกระซิบเบา ๆ ที่แค่พูดถึงราวกับกำลังนินทา
รถสปอร์ตคันหรูจอดลงใต้คอนโดเดิมของทั้งคู่ คนด้านในก้าวลงจากรถแล้วจูงมือไปที่ลิฟต์ด้วยกัน แต่ดูเหมือนจะมีใครบางคนที่ทนไม่ไหวเสียก่อน วินเนอร์คว้าเอวบางเข้ามาชิดแล้วก้มลงจูบเธอทันทีที่เข้าลิฟต์ รสสัมผัสของเขาร้อนแรงแต่ไม่ดุดัน ซ้ำยังเต็มไปด้วยความคิดถึงโหยหามากมายจนแทบล้นออกมา“อืม จุ๊บ วิน เดี๋ยวสิ รอให้ถึงห้องก่อนได้ไหม?”“วินรอแทบไม่ไหวแล้วพีช”“ใจเย็นสิ อ๊ะ ถึงแล้ว เอาคีย์การ์ดห้องเรามาหน่อย”“เอ่อ วินว่าไปห้องวินดีกว่า” วินเนอร์อึกอักเล็กน้อย“ทำไมอ่ะ”“ห้องวินแหละ ไปกันเถอะ”ลูกพีชหยุดนิ่งไม่ยอมเดินตามที่โดนลากดึง ดวงตากลมมองวินเนอร์อย่างกดดัน คนตัวโตขนลุกทันที เขาคิดมาตั้งนานแล้วว่าเวลาเธอจ้องนิ่งๆ แบบนี้มันน่ากลัวชะมัด“วิน มีอะไรปิดบังเรา?”“ไม่ใช่นะ คือ” วินเนอร์พูดอะไรไม่ออก ยกมือเกาหัวตัวเองเบาๆ“วิน”“ห้องเธอก็ได้”ลูกพีชรับคีย์การ์ดที่วินเนอร์ยื่นมาให้ก่อนจะก้าวไปปลดล็อกประตูด้วยตัวเอง ร่างเพรียวบางเดินนำเข้าไปก่อน ทั่วห้องปกติดีแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอจึงเดินไปยังทิศทางของห้องนอนแทน ทันทีที่ไฟถูกเปิดขึ้นจนสว่างไปทั่วทั้งห้อง ใบหน้าหวานก็ฉายแววสับสน“อะไรเนี่ยวิน?”“ไอ้
เสียงเชียร์ที่เคยดังลั่นบนอัฒจันทร์เงียบลง สายตาหลายร้อยคู่จับจ้องไปยังละครสดฉากหนึ่งที่เกิดขึ้นกลางสนามแข่ง ร่างเพรียวบางของลูกพีชหรือควีนดาร์กเดินไปทางทีมงานฝั่งคู่แข่งช้าๆ หมวกใบโตถูกถอดมากอดไว้ข้างเอว เผยใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักให้คนทั้งสนามเชยชมเป็นขวัญตาบางคนที่เป็นผู้ชมขาประจำของที่นี่ ยังพอจำบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตสองสามปีก่อนได้บ้าง โดยเฉพาะวันที่วินเนอร์เผารถตัวเองตอนแข่งแพ้“วินเนอร์ มึงโอเคไหม?” กัสถาม“ตัวสั่นจังวะ”“เออ เดินไปนั่งก่อนปะ กูพยุงเอง”“ไม่ ไม่ต้อง ไม่เป็นไร”วินเนอร์ปฏิเสธทุกการช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงที่ล้อมรอบ ดวงตาที่คลอไปด้วยของเหลวสีใสจ้องมองตรงไปที่เธอเท่านั้น เขาอดทนยืนมองเธอเดินไปคุยกับคนนู้นที คนนี้ทีจนทนไม่ไหวอีกต่อไป ตัดสินใจตะโกนเรียกเธอที่ยืนไม่ไกล“ลูกพีช!”“…”“เลือกวินได้ไหมพีช”“ทำไมเราต้องเลือกวินเหรอ?”“วินรอเธออย่างตั้งใจมาตลอดเลยนะ”“แล้วเราบังคับให้วินรอหรือไง?”“พีช อย่าพูดแบบนั้นสิ”วินเนอร์พูดเสียงแผ่ว ร่างสูงทรุดตัวคุกเข่าลงกลางสนาม เรือนกายที่เคยแข็งแกร่งสง่างามตอนนี้กลับดูเล็กลงเมื่อเจ้าตัวหมดสิ้นแรงใจ ลูกพีชอยู่ห่างจากเขาไปแค่ไม่
สนามแข่งรถ Dark Zone วันนี้ที่สนามมีจัดการแข่งขันรอบปลายเดือน ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่าห้าแสนบาท เหล่านักเชียร์และนักพนันทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าที่ชื่นชอบความเร็วแรงของการอัดรถที่บ้าคลั่ง ล้วนหลั่งไหลกันเข้ามาไม่ขาดสาย ยิ่งได้ยินข่าวว่าคืนนี้มีแมตช์ประชันระหว่างนักแข่งที่เพิ่งกลับมาลงสนามอย่างวินเนอร์ และนักแข่งที่บินตรงมาจากต่างประเทศ แม้จะยังไม่มีการประกาศชื่อผู้เข้าชิง แต่คนมากมายก็เชื่อใจในชื่อเสียงของสนามจนมาชมกันอย่างคับคั่ง“โอโห ท่านวินเนอร์ของเรา ใส่ชุดนี้แล้วคิดถึงเมื่อก่อนขึ้นมาเลยว่ะ” กัสเอ่ยปากทัก“จริง โคตรเท่ห์เลยไอ้วิน” ตามมาด้วยคำชมจากเต้“คว้าชัยชนะมาให้ได้นะ กูลงไว้เยอะ” และเดย์สิงห์พนัน เยอะของเขาอย่างไรก็ไม่เกินสามร้อย เพราะถือเอาค่าแรงขั้นต่ำมาเป็นมาตรฐาน กว่าจะได้สามร้อยบาทต้องทำงานตั้งแปดชั่วโมงเชียว จะให้เอาเงินมาละลายกับการพนันโดยไม่มีลิมิตได้อย่างไร“ยังไม่รู้เลยว่าฝั่งตรงข้ามเป็นใคร”วินเนอร์พูดอย่างกังวลเล็กน้อย เขาเช็กรถเป็นรอบที่สามแล้วเพราะไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด เหล่าทีมงานก็เตรียมทุกอย่างครบถ้วน เพื่อนในทีมให้กำลังใจเขากันอย่างดี แต่เพราะเป็นการหวนคืนสนาม
เครื่องบินลำใหญ่จอดนิ่งลงในสนามบินเมืองน้ำหอมอย่างประเทศฝรั่งเศส ลูกพีชเดินลงมาสัมผัสอากาศของสถานที่ที่เธอตั้งใจจะอยู่ไปอีกหลายเดือน หรืออาจจะเป็นปี จะอาศัยอยู่จนกว่าทุกความรู้สึกจะเข้าที่เข้าทาง เธอเงยหน้ามองลอดกระจกของทางเดินไปยังท้องฟ้ากว้าง เกียร์สองอันบนข้อมือกวัดแกว่งไปมา เธอก้มลงมองมันด้วยความรู้สึกปนเปลูกพีชเดินตรงไปยังหน้าสนามบินเพื่อขึ้นรถที่จอดรออยู่ เหนือสมุทรและพ่อแม่บุญธรรมไม่ยอมให้เธออยู่ที่ห่างไกลคนเดียว เลยส่งการ์ดมาดูแลสองคนและแม่บ้านอีกหนึ่ง จริงๆ แม่บอกให้ส่งมาสักห้าหรือสิบคน แต่เธอขอร้องไว้ก่อน เพราะอยากจะอยู่แบบสงบๆ ไม่อยากให้คนเยอะวุ่นวายเกินไป ไม่นานนักรถคันหรูก็จอดนิ่ง คนขับรถวิ่งลงมาเปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่“เชิญครับ”“คุณหนูคะ ยินดีต้อนรับค่ะ”“ป้าแก้ว สวัสดีค่ะ”“ผมถือกระเป๋าขึ้นไปวางไว้บนห้องให้นะครับ”ลูกพีชมองหญิงไทยวัยกลางคนแล้วเดินไปกอดอย่างสนิทสนม เธอยกมือไหว้ด้วยอย่างนอบน้อมและเคารพ ป้าแก้วเป็นเหมือนแม่นมของเธอ ช่วยดูแลเธอมาตั้งแต่เธอถูกรับเลี้ยงแรกๆ ครั้งนี้พ่อไม่อยากให้ลูกพีชรู้สึกคิดถึงบ้านมากเกินไปเลยส่งคนสนิทมาช่วยดูแล ป้าแก้วบินมาเตรียมที่พ
เวลาเกือบหกโมงเช้าของวันต่อมา ลูกพีชลืมตาตื่นก่อนเขา ในห้องกว้างยังคงมืดมิดเช่นเดิม ยกแขนของคนที่หลับสนิทให้ออกจากเอว ก่อนจะลงไปนั่งข้างเตียง มือบางควานหาโทรศัพท์เครื่องเก่าในลิ้นชักชั้นล่าง เธอปิดมันลงเบาๆ เมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ แอบมันไว้ข้างกายแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำโชคดีที่ยังพอจะมีแบตเตอรี่เหลืออยู่บ้าง เธอรีบล็อกอินเฟสบุ๊กแล้วส่งข้อความไปหาพี่ชาย ตอนแรกลูกพีชคิดว่าเหนือสมุทรอาจจะตอบเธออีกทีในตอนแปดเก้าโมง แต่เขากลับตอบทันทีที่ได้รับข้อความลูกพีช: พี่เหนือ ถ้าตื่นแล้วส่งคนมารับพีชที่คอนโดหน่อยนะ ขึ้นมารับถึงหน้าห้องเลย ขอสักสองคน เอาลูกน้องมือดีของพี่เลยนะเหนือ: เกิดอะไรขึ้นพีชลูกพีช: ทำไมตื่นไวจังเหนือ: พี่ยังไม่ได้นอน เพิ่งลงเครื่อง กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์ที่เรียนจบ ตอบคำถามพี่ก่อน เกิดอะไรขึ้นลูกพีช: วินเนอร์ไม่ให้พีชออกจากห้องค่ะ รายละเอียดค่อยคุยนะเหนือ: เตรียมตัวเลย พี่จะไปเดี๋ยวนี้ลูกพีช: ไม่ต้องเสียงดังนะพี่ เขาหลับอยู่ พีชอยากไปเงียบ ๆเหนือ: ได้ ขอครึ่งชั่วโมง ไม่สิ ยี่สิบนาที เตรียมตัวเลยลูกพีชถอนหายใจ ก่อนจะเก็บมือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นตัวโคร่งที่ใส่อยู่ เธอล้า
บรรยากาศในห้องที่เคยอบอุ่นและอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของคนทั้งสองที่อยู่ด้วยกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนนี้มีเพียงความเงียบสงบไร้ชีวิตชีวา มันเหงาจนใจร้าว เพราะถึงแม้จะมีทั้งสองคนเหมือนเก่า แต่ต่างคนก็ต่างอยู่นิ่งๆ แทบจะไม่พูดอะไรกันเลยสักคำวินเนอร์ชอบมาคลอเคลียกอดเธอไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะนั่งดูโทรทัศน์ เทอาหารที่ซื้อมาใส่จาน หรือนั่งอ่านหนังสือบนโซฟามุมห้องข้างหน้าต่าง เขาจะตามมาช้อนกอดจากด้านหลังและหอมเธอไม่หยุด แต่ก็ไม่ค่อยพูดอะไรนัก ลูกพีชขี้เกียจจะคุย เธอเองก็อยากรู้ว่าจะอดทนแบบนี้กันไปได้นานเท่าไหร่ เงียบใส่กันและพูดคุยแค่ในยามที่จำเป็น อย่างเช่นตอนนี้ที่ลูกพีชดุเขาที่เข้ามาช้อนกอด“อย่านะวิน กูเทแกงใส่ถ้วยก่อน มันร้อน”“กูทำเอง เดี๋ยวโดนลวก”“ไม่ต้อง ไปตักข้าวเถอะ”“ก็ได้”วินเนอร์ยอมผละออก แล้วไปตักข้าวสวยใส่จานไว้สองจาน ตอนนี้เกือบจะครบสองวันเต็มๆ ที่อยู่ด้วยกันแล้ว และวินเนอร์ก็ไม่ได้ทำอะไรเธอจริงๆ อย่างที่เขาพูดไว้ แม้แต่จูบสักครั้งก็ไม่มี สิ่งที่ทำมากที่สุด คือการที่เขาหอมแก้มเธอจนแทบช้ำในทุกเวลาที่มีโอกาส และกอดกันจนจมอกเท่านั้นลูกพีชอึดอัด แต่ก็เข้าใจ“มึงจะขังกูไว้อีกนานแค



![Evil Engineerร้ายรักวิศวะเลว [ไนต์]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



