บทที่ 4
เกมเปิดฉาก
เสียงเพลงคลาสสิคบรรเลงบทเพลงคลอเบาๆ ในห้องโถงหรูหราของงานเลี้ยง อลิเซียเดินผ่านพรมแดงเข้ามายังงานเปิดตัวคอลเลคชั่นของลอเรนตามคำเชิญ หญิงสาวเดินกรีดกรายบนพรมแดงอย่างคล่องแคล่วและไม่ลืมที่จะหันไปโพสท่าถ่ายรูปกับช่างภาพมากมาย ในจังหวะที่หันกลับมาโพสนั่นเองที่สายตาคู่สวยของเธอจับจ้องที่ภาพดานเต้และโมนิก้ากำลังเดินควงกันเข้ามาในงานเลี้ยง ท่ามกลางสายตานับร้อยของนักข่าวที่กำลังส่ายกล้องไปยังทั้งคู่
“ทำไมโมนิก้าถึงควงดานเต้มาล่ะ?”
“ข่าวใหญ่ละ เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน...ดานเต้ก็เอาโมนิก้าออกงานแทนเมียแต่ง”
“สรุปราชินีอลิเซียของเราไปแย่งดานเต้มาจากโมนิก้าเหหรอเนี่ย”
เสียงซุบซิบดังทั่วทั้งงาน อลิเซียรู้สึกเหมือนถูกหักหน้าในขณธที่โมนิก้าเดินเข้ามาใกล้และส่งยิ้มท้าทายเธออย่างตั้งใจ หญิงสาวจ้องงมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่ค่อยๆ เดินผ่านเธอไปช้าๆ สมองของอลิเซียตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกนอกเสียจากเดินเข้าไปขวางทางเดินดานเต้ไว้
“ที่รัก...มาถึงช้าจังนะคะ” อลิเซ๊ยชิงจังหวะที่ดานเต้กำลังจะตอบ แทรกร่างบางเข้าไปยืนระหว่างดานเต้และโมนิก้า อลิเซียยิ้มและควงแขนดานเต้ทันทีพลางใช้สะโพกบางเบียดโมนิก้าจนเซไปด้านข้าง
“ว้าย!” โมนิก้าเซไปด้านข้างพรมแดง หญิงสาวปรายตามองด้วยสายตาสะใจและยกยิ้มก่อนจะควงแขนดานเต้แน่นขึ้น
“ระดับอลิเซีย...ต้องแทรกกลางมาควงแขนฉันเลยเหรอ” ดานเต้ยิ้มเยาะสายตาจับจ้องวงแขนขาวที่กำลังควงเขาแน่ อลิเซียยิ้มหวานหันมองกล้องนักข่าวและโพสท่าถ่ายภาพต่อ
“ฉันแค่รู้ว่า ตัวเองควรอยู่ตรงไหน และ...ฐานะของฉันคืออะไร” อลิเซียคว้ามือหนาคล้องเอวบางของตน ก่อนที่เธอจะใช้วงแขนของเธอโอบคอเขาไว้และไม่ลืมที่จะหันไปมองกล้องให้ภาพออกมาเป็นกระแสมากที่สุด
“นี่เธอเป็นบ้าเหรอ...” ดานเต้กระซิบแผ่วแต่ใบหน้ายังคงยิ้มเมื่อแสงแฟลชยังสาดมาไม่หยุด
“แค่...ทำเล่นตามเกม” สายตาของหญิงสาวส่อแววนางร้ายได้สุดแสนจะชัดเจน ดานเต้จ้องมองใบหน้าร้ายกาจนั้นพลางยกยิ้มอย่างสนใจ ราชินีนางร้ายออกโรงเพื่อป้องกันศักดิ์ศรีอันน้อยนิดที่มีอยู่ช่างดูน่าประทับใจสำหรับเขามากจริงๆ
“วันนี้ขอเชิญพี่ๆ นักข่าวที่หน้าเวทีด้วยนะครับ จะเป็นครั้งแรกที่อลิเซีย คราสโต เดินแบบคอลเลคชั่นใหม่ให้ลอเรนในชุดฟินนาเร่” ดานเต้เอ่ยด้วยรอยยิ้มหวานแต่เคลือบแฝงด้วยความสะใจ เขารู้ว่าเธอถนัดเล่นละครและถ่ายโฆษณามากกว่าการเดินแบบ อีกทั้งอลิเซียกลัวเวทีเพราะเคยตกเวทีตอนอายุ 19 ปีที่เธอเข้าร่วมการประกวดแฟชั่นฤดูหนาว ทำให้อลิเซียไม่เคยรับงานเดินแบบอีกเลย
“เดี๋ยว...ฉัน...ไม่...” อลิเซ๊ยหน้าซีดผาดทันทีที่ฟังคำพูดของดานเต้ เธอมองหน้าเขาสลับกับนักข่าวและช่างภาพ ทุกคนต่างฮือฮากับการผันตัวเข้าวงการเดินแบบของอลิเซียที่ไม่เคยมีมาก่อน
“จริงเหรอคะ พลาดไม่ได้แล้ว”
“ใช่ค่ะ อลิเซีย คราสโต เข้าวงการเดินแบบ ข่าวใหญ่มาก”
“รอชุดสวยๆ ของคุณอลิเซียเลยค่ะ” เสียงสัมภาษณ์ที่ลานพรมแดงดั่งสนั่น ทั้งนักข่าวทั้งช่างภาพผลัดกันสัมภาษณ์ราชินีนางร้ายที่เข้าสู่วงการเดินแบบเต็มตัว
อลิเซียอ้ำอึ้งทำได้เพียงอมยิ้มและโพสท่าถ่ายรูป ในขณะที่โมนิก้าเดินยิ้มเฉิดฉายเข้ามายืนขนาบข้างเธอกับดานเต้อีกครั้ง เธอดูสะใจกับคำประกาศของดานเต้เอามากๆ สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ทั้งสาม อลิเซียในชุดราตรีกำมะหยี่รัดรูปสีแดงไวน์ที่ขับผิวให้ดูสว่างราวกับหิมะ ในขณะที่โมนิก้าก็อวบโฉมด้วยชุดเดรสเกาะอกสีขาวน่ารักราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ และที่ขาดไม่ได้คือหนุ่มร่างสูงหล่อเข้มในชุดสูทสีดำสนิทแต่ไม่อาจอำพรางกล้ามแขนเป็นมัดๆ ได้ ทั้งสามคนยืนเรียงกันโดยมีดานเต้ยืนตรงกลางราวกับศึกชิงชายหนุ่มมาเฟีย
“มาถึงกันแล้วเหรอ” ลอเรนยืนรออยู่ตรงหน้าเวที ทันทีที่ทั้งสามเดินถึงโซนวีไอพี โมนิก้าก็เข้าสวมกอดลอเรนราวกับสนิทกันมานาน
“คิดถึงพี่จังค่ะ วันนี้ต้องปิดดีลใหญ่ได้แน่ๆ”
“ขอบใจจ๊ะ โมเน้...ชุดเตรียมไว้หลังเวทีแล้ว” โมนิก้ายิ้มหวานพลางหันไปยักคิ้วให้อลิเซียอย่างผู้ชนะ เธอเดินตรงเข้าไปยังหลังเวทีเพื่อเตรียมตัวขึ้นแฟชั่นโชว์ในวันนี้
“พี่ได้ยินว่าแกจะให้อลิเซียเดินฟินนาเร่เหรอ?” พี่สาวหันไปทำหน้าตาเขม่นใส่น้องชายตัวแสบ ดานเต้ยิ้มมุมปากพลางหันมองหญิงสาวที่หน้าซีดผาด ไม่พูดไม่จามาสักครู่ใหญ่แล้ว
ลอเรนจ้องมองหญิงสาวที่บัดนี้ยืนนิ่งงัน ใบหน้าขาวเนียนใสซีดผาดด้วยความกลัว ลอเรนเลือกจะคว้ามือหญิงสาวมากุมไว้ มือบางนั้นเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง อลิเซียค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองลอเรนช้าๆ มีคำพูดมากมายจุกอกหญิงสาวจนพูดไม่ออก แต่ลอเรนกลับยิ้มเหมือนเข้าใจทุกๆ อย่างดี
“ถ้าเธอไม่ไหว...ก็อย่าฝืนเลย นั่งรอดูโชว์เถอะ” ลอเรนพูดเสียงนุ่ม น้ำเสียงอ่อนโยนจนหญิงสาวใจชื้น
“แต่...ฉัน...”
“เธอจะยอมเสียหน้าจริงสิอลิเซีย...ราชินีอย่างเธอจะยอมแพ้เหรอ” เสียงของดานเต้ค่อนแคะหญิงสาวชัดเจน เขานั่งลงตรงเก้าอี้วีไอพีและตบเบาะที่นั่งเป็นเชิงล้อเลียนว่าไม่ไหวก็นั่งลง ทำให้ไฟอยากเอาชนะในกายของเธอเริ่มจุดติด
“ลอเรน...ฉันไม่แน่ใจว่าจะทำได้ดีมั้ย แต่ก็อยากทำเพื่อคอลเลคชั่นใหม่ของคุณค่ะ” คำพูดของหญิงสาวทำเอาลอเรนและดานเต้ที่รู้ว่า เธอกลัวเวทีแค่ไหนถึงกับแปลกใจ ใบหน้าซีดด้วยความกลัวกลับมามีไฟอีกครั้ง อลิเซียหันไปสบตาดานเต้ราวกับต้องการขอท้าชิง ก่อนจะเดินนำลอเรนเข้าไปยังห้องแต่งตัวด้านหลังเวที
ด้านหลังถูกจัดไว้เป็นสัดส่วน ห้องแต่งตัวของอลิเซียถูกจัดแยกออกไปอีกห้องด้วยเธอต้องเดินฟินนาเร่ จึงต้องมีการมาคจุดเดินแบบกับทีมงานให้ชัดเจน เบนาดิก เจ้าแม่วงการเดินแบบถูกดึงตัวมาช่วยดูจุดเปิดตัวของชุดฟินนาเร่ เมื่อเธอเห็นหน้าอลิเซียก็หรี่ตาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
“อลิเซีย วาเลนไทน์...แปลกใจจริงๆ ที่คุณได้เดินชุดฟินนาเร่ของลอเรนแบบนี้” เบนาดิกเดินเข้ามายังโต๊ะแต่งหน้าที่อลิเซียกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ อลิเซียหันไปยิ้มเขินๆ เพราะเธอเองก็แทบจะไม่เชื่อตัวเองที่ยอมทำอะไรบ้าๆ แบบนี้
“เบนาดิก...ฉัน...แน่นอนว่าวันนี้คงต้องเพิ่งคุณ”
“โถ่ว...ราชินีนางร้ายของวงการ ขอร้องฉันเหรอเนี่ย” เบนาดิกกลั้นหัวเราะในท่าทีที่ดูไร้หนทางของหญิงสาว
“ถ้าละครหรือโฆษณาฉันไม่กลัวเลย แต่นี่...เดินแบบนะเบนาดิก ฉันเคยเกือบตายเพราะมัน” หญิงสาวพูดเสียงสั่นนิดๆ
“ทูนหัวของฉัน ครั้งนี้คุณจะปลอดภัย...เดี๋ยวแต่งหน้าเสร็จฉันจะมาบรีฟเรื่องการเดินแบบ คุณจะต้องเจิดจรัสในงานนี้” เบนาดิกแตะบ่าอลิเซียเบาๆ เป็นเชิงปลอบ เธอเอื้อมมือกุมมือของเบนาดิกไว้แน่น
ลอเรนยืนกลางเวทีเมื่อถึงเวลาสำหรับการเปิดงาน แสงไฟส่องสว่างมาที่เธอ เหล่านักข่าวและผู้ชมต่างปรบมือเพื่อเป็นเกียรติให้กับเจ้าของผลงาน ลอเรนรับใหม่จากพิธีกรที่ดำเนินรายการและเริ่มกล่าวเปิดงานเสียงดังกังวานไปทั่วฮอล
“...และสำหรับคืนนี้ฉันมีเซอร์ไพรส์พิเศษจากแขกคนพิเศษ...ฉันได้รับเกียรติจากอลิเซีย มาร่วมเดินปิดงานแฟชั่นโชว์ในชุดฟินนาเร่ของฉันเอง...” เสียงฮือฮาดังกึกก้องทันที แขกหลายคนถึงกับหันมามองหน้ากันอย่างเหลือเชื่อ เพราะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ราชินีแห่งวงการจะยอมมาเดินแบบให้กับใคร แต่ทำไมลอเรนถึงได้รับเกียรตินั้น
เสียงดนตรีดังกังวานจากวงออร์เคสตราในจังหวะระทึกใจที่ช้าและหนักแน่น ตรึงทุกสายตาในฮอลล์ให้จ้องมองไปยังรันเวย์ แสงไฟสาดลงบนพรมแดงที่เหยียดยาวแสงของคริสตัสระยิบระยับตาจนแขกผู้มีเกียรติตาลุกวาวด้วยความอลังการที่ได้พบเห็น เหล่านางแบบก้าวออกมาทีละคนในชุดหรูหราของคอลเลคชั่นพิเศษที่ลอเรนตั้งใจสร้าง แสงแฟลชจากกล้องสาดไปบนเวทีระรัวเป็นประกายยิบยับ แต่ละคนเย่อหยิ่ง รวมกับประกาศว่าเธอคือศิลปะของชีวิต
เสียงซุบซิบจากแถวหน้า front row ดังไม่ขาดสาย
“คอลเลคชั่นนี้ของลอเรน...ยิ่งใหญ่สมการรอคอยจริงๆ”
“ดูสิ ทุกชุดเหมือนสร้างมาเพื่อครอบครัวมาเฟียผู้ทรงอำนาจทั้งนั้น” เหล่าเซเลบริตี้ยกแก้วแชมเปญ เฝ้าจับตามองด้วยความตื่นเต้นว่าจะมีไพ่เด็ดอะไรในโชว์งานนี้
อลิเซียนั่งนิ่งเงียบในห้องแต่งตัวส่วนตัว เธอแต่งกายด้วยชุดพิเศษที่ใช้เดินฟินนาเร่ เครื่องประดับต่างๆ ถฏสวมใส่พร้อมให้เธอออกไปเดินอวดโฉมบนรันเวย์ แต่หญิงสาวกลับรู้ประหม่ากับสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่
“ถ้าไม่ไหว...ก็ถอยออกมามั้ย ใจเสาะแบบนี้จะทำงานของลอเรนเสียหายเอานะ” เสียงเล็กดังขึ้นจากทางด้านหลัง อลิเซียรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร โมนิก้าเดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังของเธอพลางใช้สายตาแกมดูดูดมองอลิเซียตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ออกไป!” อลิเซียกล่าวเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งพยายามข่มสติไว้ให้ได้มากที่สุด
“รู้มั้ยอลิเซีย...ความจริงแล้วเธอไม่คู่ควรกับอะไรสักอย่างแม้กระทั่งกับดานเต้”
“แล้วใครคู่ควรล่ะ? เธอเหรอโมนิก้า?” อลิเซียยกยิ้ม สายตาดูถูกส่งผ่านไปยังกระจกและมันสะท้อนถึงคนที่ยืนจังก้าอยู่
“หน้าด้าน! สันดานขี้แย้งของวาเรนไทน์ เป็นตั้งแต่แม่ยันลูก”
เคล้งงงง!
เสียงแก้วน้ำตกลงแตกกระจายที่พื้นด้วยแรงปัดจากมือเล็กของผู้ถูกก้าวล่วง อลิเซียลุกขึ้นยืนและเดินตรงมายังโมนิก้าทันที ใบหน้าที่คมสวยบัดนี้ฉาบเคลือบไปด้วยความโกรธแค้นที่รุนแรงมากที่สุด เธอผลักไหล่โมนิก้าทันทีก่อนที่ฝ่ามือจะง้างขึ้น
“เอาสิ! คนทั้งงานจะได้รู้...ว่าราชินีนางร้ายก็ร้ายกาจอย่างที่เขาคิด ใช้กำลังทำร้ายคนอื่นเมื่อถูกขัดใจ ฮ่าๆ” โมนิก้าหัวเราะอย่างได้ใจ เธอขยับตัวยื่หน้าเข้าไปใกล้ฝ่ามือของอลิเซ๊ยที่ง้างรออยู่พลางทำหน้าล้อเลียน
“หยุดแสดงท่าทีทุเรสกับฉันสักที...และอย่ามาล้ำเส้นครอบครัวฉัน” เสียงอลิเซียเรียบนิ่งแต่เย็นยะเยือก
“ละฉันไม่ทำล่ะ” อลิเซียใช้มือกระชากคอเสื้อร่างเล็กตรงหน้าเข้ามาใกล้พลางกระซิบตอบ
“ถ้าเธออยากเปิดเกม...ฉันจะสอนให้เธอรู้ว่า นรกหน้าตาเป็นยังไง” โมนิก้ายิ้มเยาะก่อนจะกระชากมืออลิเซียออก
“อย่าดีแต่ขู่...คนจริงเขาเล่นเลย” ทันทีที่พูดจบ โมนิก้าก็เดินตรงไปที่พาเลดเครื่องสำอางค์บนโต๊ะวางของก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างรั้งของพวกนั้นหล่อกระจายลงบนพื้นและเธอก็กรี๊ดขึ้นมาลั่นห้องแต่งตัว ร่างบางของหญิงสาวนั่งพับลงไปกลับพื้นก่อนที่เธอจะตบหน้าตัวเองจนปากห้อเลือด
อลิเซียที่ยืนมองภาพนั้นด้วยสายตาที่ดูถูก ภาพเหตุการณ์ที่เคยพบเจอในฉากละครได้ประจักชัดในสายตาของเธอตอนนี้ เธอเผลอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ จนทีมงานและลอเรนต่างวิ่งเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าตกใจที่ได้ยินเสียงกรี๊ดลั่นออกมาจากในห้อง เมื่อทุกคนเข้ามาถึงก็เห็นร่างของโมนิก้านั่งพับอยู่บนพื้น ใบหน้าแดงกร่ำ ริมฝีปากด้านขวาห้อเลือดและเธอกำลังร้องไห้
“ฮื่อ ทำไมต้องทำกับฉันขนาดนี้ด้วยอลิเซีย ฮื่อๆ” โมนิก้ายกมือเรียวจับที่แก้วขวาและร้องไห้ ทุกคนหันกลับมองอลิเซียที่ยืนหลุดขำอยู่คนเดียว
“อลิเซีย...เธอทำโมนิก้าเหรอขนาดนี้ได้ยังไง” โวม่า เพื่อนสนิทของโมนิก้ารีบวิ่งเข้าไปดูเพื่อนสาวของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามองอลิเซียด้วยสายตาไม่พอใจ
“ยุคนี้ยังมีคนทำอะไรแบบนี้อีกเหรอ? ตลกดี” อลิเซียยิ้มมุมปาก มองโมนิก้าด้วยสายตาสมเพศยิ่งทำให้โมนิก้าทำท่าทีสำออยมากยิ่งขึ้น
ทุกสายตาในห้องจับจ้องไปยังราชินีนางร้าย หญิงสาวจัดกระโปรงและชุดให้เข้าที่พลางเดินกลับไปนั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งราวกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนโวม่าทนไม่ไหวลุกขึ้นเดินมายังโต๊ะเครื่องแป้งและรั้งไหล่ร่างบางอย่างแรง
แคว๊ก...
ชุดฟินนาเร่ของลอเรนช่วงหัวไหล่ฉีกขาดออกตามแรงกระชากของโว่ม่า และนั่นทำให้ความอดทนของอลิเซียหมดลงเช่นกัน เธอลุกขึ้นและหันมาเผชิญหน้ากับทุกสายตาอีกครั้ง ลอเรนรีบเดินเข้ามาดูชุดตรงช่วงหัวไหล่ของอลิเซียก่อนจะพบว่ารอยขาดค่อนข้างยาวอยู่
“ต้องการจะหาเรื่องฉันให้ได้ใช่มั้ย?” อลิเซียสายตากร้าวแข็งจ้องมองทุกสายตากลับอย่างไม่เกรงกลัว
“อลิเซีย...คุณตบโมเน้แบบนี้ได้ยังไงคะ ป่าเถื่อนมากๆ” เสียงของช่างแต่งหน้าอีกครั้งเอ่ยดังขึ้น
“นี่ละครเวทีหรือรันเวย์เดินแบบ...เล่นละครปัญญาอ่อนแบบนี้ยังจะมีคนเชื่ออีก”
“เธอทำจริงๆ รึเปล่าอลิเซีย?” ลอเรนเอ่ยถามขึ้นเสียงเรียบ ทำให้อลิเซียกระตุกเล็กน้อยพลางถอนลมหายใจเบาๆ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เสียงดังไปยังข้างนอก” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นในห้องแต่งตัว ทุกสายตาหันไปจับจ้องร่างสูงที่เดินเข้ามาสมทบ อลิเซียหันมองตามเสียงก็พบชายหนุ่มในชุดสูทเดินเข้ามายังโมนิก้าที่ทรุดนั่งร้องไห้อยู่
“ดานเต้...เมียของคุณ ฮื่อๆ” โมนิก้าเริ่มเร่งเสียงสะอื้นจนดานเต้ต้องพยุงเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เขาจ้องมองอลิเซียสลับกับรอยมือบนแก้มของโมนิก้า พลางส่งสายตาเป็นเชิงถามซ้ำ แววตาของเขาทั้งโกรธและผิดหวังในตัวหญิงสาว
“ฉันไม่ได้ทำ...ขอร้องล่ะ! อย่าให้ฉันอยู่ในบทนิยายน้ำเน่าขนาดนี้เลย” อลิเซียถอนหายใจพลางส่ายหัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ปัญหาจบทุกสายตายังมองจ้องเธอราวกับจับผิด มันทำให้อลิเซียรู้ได้ทันทีว่า “เกมได้เปิดฉากขึ้นแล้ว”
บทที่ 9คู่สัญญาแสนดี แสงประกายสีทองอร่ามฉาบเคลือบบนผืนทะเลสาบเลื่องชื่อ ลมพัดผ่านผิวทะเลาสาบราวกับหยอเย้ากันเล่น เรือส่วนตัวลำสีดำสนิทกำลังแล่นอยู่กลางทะเลสาบ เสียงของเกลียวคลื่นเล็กๆ กระทบกับลำเรือเป็นระลอกๆ อลิเซียยืนเกาะราวตรงหัวเรือแน่น รู้สึกถึงแรงลมปะทะผิวในทุกช่วงที่เรือแล่นผ่าน เสียงดนตรีแจ๊สดังแว่วมาจากกลางลำเรือ ปาร์ตี้เล็กๆ กับแอลกอฮอร์หลายรูปแบบวางเรียงรายอยู่ในห้องรับรองกลางลำเรือ ราฟาเอลและเพื่อนนักธุรกิจของเขาอีก 3 คนกำลังนั่งดื่มแชมเปญกันอยู่ด้วยความสนุกสนาน อลิเซียนั่งลงตรงที่นั่งหน้าลำเรือ สายตาเหม่อลอยไปยังท้องน้ำกว้างที่สวยและดูสะอาดตาราวกับภาพวาดในจินตนาการ เงาของร่างสูงสะท้อนลงบนพื้นของลำเรือจนอลิเซียต้องรีบหันไปมอง ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตดำเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าของอลิเซีย พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น&nbs
บทที่ 8ทฤษฏีของเกมลวงรักพระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขากระทบกับผิวน้ำที่พริ้วไหวราวกับเต้นระบำอวดผู้มาเยือน คฤหาสถ์หลังใหญ่ริมทะเลสาปโคโมถูกเปิดไว้ต้อนรับดานเต้และอลิเซียอย่างหรูหรา ทันทีที่หญิงสาวเท้าแตะที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ หญิงสาวใส่ชุดเมทราวๆ สิบกว่าคนก็ต่อแถวยืนรอเธอขนาบสองข้างทางเดินที่มุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสถ์หลังใหญ่ เสียงเปียโนแว่วดังมาจากด้านในทำให้อลิเซียเผลอมองโดยไม่รู้ตัวร่างสูงเดินนำเข้าไปยังด้านในคฤหาสถ์ โถงทางเดินประดับด้วยหินก้อนใหญ่ที่เรียงต่อกันดูเก่าแก่แต่ก็หรูหรา กลิ่นอายของดอกกุหลาบลอยกรุ่นอยู่ทั่วบริเวณ อลิเซียเดินตามดานเต้เข้าไปก็พบกับร่างเล็กกำลังบรรเลงเปียโนอย่างไพเราะโดยไม่รู้สึกถึงสัมผัสของผู้มาเยือน หญิงสาวผิวขาวเนียนละเอียดในชุดเดรสสีขาวกระโปรงฟูฟ่องคล้ายเจ้าหญิงในนิทานกำลังขับกล่อมเปียโนด้วยเสียงที่แว่วหวานและไพเราะ“ไม่คิดจะทักทายพี่หน่อยเหรอ เทียน่า...” เสียงเรียบนิ่งของดานเต้ทำให้จังหวะเปียโนหยุดชะงักไป หญิงสาวนั่งตัวตรงด้วยท่าทีที่นิ่งเฉยวางมือบนเปียโ
บทที่ 7เจ้าหญิงน้อยแสงสีขาวสาดส่งมายังลานสนามเด็กเล่น เด็กหญิงกำลังนั่งกินไอติมอยู่บนม้าหมุน ในขณะที่เด็กชายอีกคนกำลังวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ร่างเล็กของเด็กหญฺงใส่ชุดกระโปรงบานสีขาวฟูฟ่อง บนผมของเธอสวมมงกุฏราวกับเจ้าหญิงน้อยๆ ในเทพนิยาย เธอหยิบไม่คฑาขึ้นมาแกว่งไปมา สักพักเด็กชายอีกคนที่สวมผ้าคลุมสีดำราวกับอัศวินก็รีบวิ่งเข้ามาหาเธอทันที“เจ้าหญิงน้อยมีอะไรจะให้ข้ารับใช้หรือขอรับ” เด็กชายคุกเข่าลงข้างหนึ่งและก้มหน้ารับคำสั่ง เจ้าหญิงน้อยรีบเดินลงมาจากม้าหมุนพลางทำทีคล้ายจะสั่งการ“เจ้าลองไปดูที่ตรงนั้นสิ ข้าเห็นพวกโจรกำลังเดินมากัน” เด็กหญิงชี้ไม้คฑาไปยังทางเข้าของสนามเด็กเล่น เพียงครู่ก็มีเด็กผู้หญิงอีก 2-3 คนเดินเข้ามาในลานสนามแห่งนี้ อัศวินรับคำสั่งรีบวิ่งเข้าไปจัดการเด็กหญิงพวกนั้นทันทีจนเด็กหญิงทั้งสาม ล้มลงไปกองกับพื้นเพราะแรงผลัก“หยุดเดี๋ยวนี้นะ พวกฉันเจ็บ...”“เข้ามาในเขตแดนของข้าทำไม” เด็กหญิงตวาดเสียงดังลั่น จนคนที่เดินผ่
บทที่ 6ข่าวดังสะท้านวงการเช้าวันถัดมา หลังค่ำคืนอันสะเทือนสังคมแฟชั่นและวงการมาเฟีย แผงหนังสือเต็มไปด้วยนิตยสารและหนังสือพิมพ์พาดหัวตัวโตๆ ถึงเหตุการณ์สุดร้อนแรงในงานเดินแฟชั่นคอลเลคชั่นใหม่ของลอเรน คราสโต“อลิเซีย – ภรรยาสุดร้อนแรงของมาฟียหนุ่ม ดานเต้! เปิดตัวในฐานะราชินีในชุดฟินนาเร่”“จากนางร้ายพลิบทสู่นางพญาแห่งวงการ : จุมพิตที่ทำให้โลกตะลึง”“นางเอกสุดใส อักษรย่อ ม. ถูกแย่งซีนกลางงานแฟชั่นโชว์จนล้มไม่เป็นท่า”เว็บไซต์ข่าวบันเทิงกดขึ้น Breaking news ตลอดทั้งวัน วิดีโอการจุมพิตถูกแชร์ซ้ำแล้วซ้ำอีกในโซเชียล เสียงวิจารณ์แตกออกเป็นสองฝั่งอย่างร้อนแรง- ฝั่งหนึ่งคลั่งไคล้และชื่นชมในหญิงสาว- อีกฝั่งตราหน้าว่า “นางร้ายสวมบัลลังก์ แย่งผู้ชาย”อลิเซียนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหรูในห้องรับแขก มือถือบนโต๊ะยังสั่นไม่หยุดตั้งแต่เช้า เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบาๆ แววตาเย็นสงบจ้องมองวิวสวยของบ้า
บทที่ 14ทำตามเสียงหัวใจ อลิเซียเดินลงจากรถเข้าสู่ปราสาทลาเซลเวอร่าอย่างรีบร้อน เมื่อเดินทางห้องจัดเลี้ยงก็กุลีกุจอเดินหยิบโน่นจัดนี่ตามแบบใน แพลนงานเลี้ยงที่ดานเต้ให้ข้อมูลไว้ ทุกโต๊ะถูกจัดวางด้วยกุหลาบสีแดงสดส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้อง ดอกไม้ทองคำที่ถูกสั่งทำพิเศษเฉพาะงานนี้ด้วยช่างฝีมือที่ประณีตที่สุดของอิตาลี ผ้าปูโต๊ะมันวาวสีงาช้างปักดิ้นทองจับแสงไฟในห้องจนดูหรูหราที่สุด ไวน์แดงระดับแรร์วินเทจถูกจัดเตรียมประดับประดาไว้ที่บาร์วีไอพีอย่างสวยงาม “อลิเซีย วาเลนไทน์!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางหน้าห้อง หญิงสาวหันกลับไปมองตามเสียงก็พบร่างบางในชุดเดรสสีทองสง่าเดินกรุยกรายเข้ามาจากทางหน้าห้อง “ลิลลี่...ดีใจที่เธอยอมรับงาน” 
บทที่ 5พลิกเกมนางร้ายกลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นผ้าไหมใหม่เอี่ยมและเครื่องสำอางค์ราคาแพงหรูหราส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วทั้งห้อง แสงไฟเจิดจรัสสะท้อนเงาหญิงสาวที่ยืนมองภาพสามีตัวเองกำลังโอบกอดร่างบางในอ้อมแขน ดานเต้เงยหน้ามองอลิเซียอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ไม่ต่างจากสายตาของทีมงานอีก 4-5 คน และลอเรนที่มองดูเธอนิ่ง อลิเซียพยายามเก็บอารมณ์ไว้ในสีหน้า แม้ว่าภายในใจตอนนี้ร้อนระอุจนอยากจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้“ฉันถามว่า นี่มันอะไรกัน?” เสียงเรียบแต่แฝงความเย็นเฉียบของดานเต้ทำให้ทุกคนในห้องสะดุ้ง อลิเซียเมินหน้าแทนคำตอบ ดวงตากลมสวยคู่นั้นอาบเคลือบด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่มอยู่มาก“คุณก็ถามแม่นางเอกคนสวยของคุณสิ...ฉันขี้เกียจจะตอบอะไร” อลิเซียพูดปัดรำคาญเพราะรู้ว่าพูดอะไรไปก็ไร้น้ำหนัก“ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง...ถ้าเธอบอกว่าเธอไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันจะเชื่อ” คำพูดนั้นอ่อนลงจนทำให้หัวใจของอลิเซียสั่น ดานเต้มองจ้องเธอราวกับคาดคั้นคำตอบอีกครั้งแต่อลิเซียเลือกที่จะยืนนิ่งไม่พูดอะไร